ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
แก๊งปากหมาฯ พาหลง...แบกเป้ เดินงงในพม่า ตระเวน 3 เมือง ย่างกุ้ง>>มัณฑะเลย์>>พุกาม (ภาคเริ่มต้น) Yangon, Myanmar. เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า จ.Yangon Region
    • โพสต์-1
    Taya@ •  เมษายน 04 , 2560

    แก๊งปากหมาฯ ตะลุยเมืองย่างกุ้ง

    โปรแกรมตะลอนทัวร์เมืองพม่าเริ่มจากความอิจฉาที่พี่คนหนึ่งเอารูปครั้งไปมัณฑะเลย์มาอวด และบวกกับช่วงนี้อยากเป็นสายบุญไปเดินสายไหว้พระ เดอะแก๊งฯ จึงวางแผน จองตั๋วเครื่องบินข้ามปี ตั้งโปรแกรมกำหนดจุดเช็คอิน แรกเริ่มเดิมทีแค่ 2 เมืองคือ ย่างกุ้งเพราะเป็นเมืองหน้าด่านที่ต้องผ่านและมัณฑะเลย์คือเมืองจุดหมาย 

    โปรแกรมตั้งไว้เพื่อรอการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาถือเป็นเรื่องปกติของเดอะแก๊งฯ เพราะหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนี้แหละ คือ เรื่องผิดปกติ ^^ เดิมรวมตัวไปกัน  5 คนแต่เมื่อถึงวันที่กำหนด ผู้ที่ฝากเนื้อฝากตัวฝากท้องฝากไส้เป็นล่ามประจำแก๊งฯ งานเข้าไม่สามารถไปร่วมทริปได้ จึงเหลือกันอยู่ 4 สาว ความซวยตกลงมาที่มือวางอันดับ 2 ในการเป็นล่ามด้วยทักษะภาษาอังกฤษพอจะสื่อสารเอาตัวรอดได้บ้าง แต่ภาษาไทยคงต้องพิจารณาเพราะเริ่มพูดกับคนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง 5555

    แผนที่กำหนดก่อนหน้านั้นถือเป็นอันยกเลิก ความสนุกเริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่ได้ไป ความวุ่นวายเข้ามาเยือนเดอะแก๊งฯ ทั้งโรงแรมก็ยังไม่ได้จอง ตั๋วรถทัวร์ไปต่ออีกเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลง ประชุมสายด่วนทางไลน์ล่วงหน้า 1 วันก่อนเดินทาง เราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน สาวเท่ห์ขาโหดตัวหลักในการวางแผนหาแหล่งท่องเที่ยว สาวสวยเรื่องเยอะทำหน้าที่เป็นล่ามจำเป็น สาวคิกขุโกอินเตอร์ทำหน้าที่ประสานงานบัญชีและการเงิน สาวห้าวเมืองเหนือฝ่ายดูแลและเตือนสติเมื่ออาการเลอะเลือนและหลงทิศกำเริบ 5555

    สาวเท่ห์บอกโปรแกรมคร่าวๆ ทริปนี้ ไปกัน 3 คืน 4 วัน เราจะพักสบายๆ ที่โรงแรมเพียง 1 คืน ส่วนอีก 2 คืน นอนบนรถทัวร์ นั้นไง++++ เตรียมใจไว้เลยเมื่อสาวเท่ห์ขาโหดเป็นผู้คิดโปรแกรม แล้วเราจะตะลุยแบกเป้ไปทัวร์วัดพร้อมตะลอนทั่วเมืองย่างกุ้ง – มัณฑะเลย์ – พุกาม เตรียมเป้และเสื้อผ้าอย่างเบาที่สุด นึกภาพตาม>>>สภาพแต่ละคนจะเหลือสภาพดีกลับเมืองไทยกันไหมอ่ะ??? เหอะ เหอะ รื้อแล้วรื้ออีก คัดเสื้อผ้ากะรองเท้าที่ใส่สบายๆ พร้อมลุย 

    เดอะแก๊งฯ ออกเดินทางโดยเครื่องบินเพราะหากเดินไปคงใช้เวลาเป็นเดือน^^ เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมืองอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ตื่นเต้นกันกลัวเจอรถติดเพราะได้ข่าวแว่วๆ ว่าจะมีการสอบ ONET ของน้องๆ แถวบ้าน เลยออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมงเช้า  เครื่องบินออกเที่ยว 11.30 น. ไปถึงยังไม่ 8.00 น. ทำไรหละ นอกจากกินและนอนรอ 

    เที่ยวบินของเรา ไป-กลับ

    อาหารเช้าของเรา ซาลาเปาร่วมสาบาน 5555 

    พวกเรามีประสบการณ์ตอนไปเวียดนาม จำได้!!! นอกจากเช็คอินทางออนไลน์เรียบร้อยเราจะได้บอร์ดดิ่งพาร์ทสำหรับขึ้นเครื่องและต้องไปรับใบ ตม.10 ของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอีกใบเขียนในใบขาเข้าและขาออก แต่เดอะแก๊งฯ เดินเข้าไปถึงโซนจะเข้าเกรทขึ้นเครื่องแล้ว แต่....ไม่เคยจำและใส่ใจว่าต้องไปเอาใบ ตม.10 ที่ไหน วิ่งเข้า-ออก จนพนักงานตรวจพาสปอร์ตคงนึกในใจ “สาวๆ กลุ่มนี้หลุดมาจากประเทศไหนกัน”  พร้อมแอบถอนหายใจ เห้อ!!! ใบ ตท.10 ก็เอาตรงเคาท์เตอร์ที่เช็คอินของสายการบินนั่นแหละ แต่ด้วยความมึน เราผ่านจุดนั้นมาเฉย วันนั้นหากใครเจอสาว 4 คนยืนหมุนเป็นวงกลมหน้าตาเอ๋อๆ อยู่กลางดอนเมืองนั้นหละ คือ เดอะแก๊งฯ 5555

    วินาทีสนุกสนานเริ่มต้น ทริปนี้อาจมีคำไม่สุภาพบ้างแต่เพื่ออรรถรสขออนุญาตก่อนเลยนะค่ะ ^_^

    ระหว่างที่เดอะแก๊งฯ ยืนเขียนใบ ตม.10 กันอยู่ นั้นไง!!! ซอรี่….ฝรั่งน่าจะเป็นชาวฝรั่งเศสสะกิดสาวคิกขุที่พยายามหลบสายตาก็ยังแทรกตัวมาถาม แหม+++ สาวคิกขุอุตส่าห์โกอินเตอร์ไปเที่ยวไกลถึงอเมริกาเพื่อหวังจะไปเรียนภาษาเพิ่ม แต่พอเจอฝาหรั่งตัวเป็นๆ ต้องหนีก่อนหละ 5555 ล่ามจำเป็นมือวางอันดับ 2 จึงเริ่มทำงาน อ๋อ!!! อืมมมม...อ่ะ....OK OK. พูดไปเรื่อยๆ จนสองหนุ่มสาวฝรั่งเศสยิ้มแล้วบอกแท้งกิ้ว แท้งกิ้ว สักพักมาอีกแล้ว กลุ่มทัวร์ชาวจีนและเกาหลีเอาหน้ามาแนบชิดสาวห้าวจนมีอาการสะดุ้ง เอ็กคิวมี่......เอ้าเอาแล้ว OK OK, Yes Yes, No No สามคำนี้ยังใช้ได้ดีเสมออุตส่าห์ท่องมาทั้งคืน 5555 แท้งกิ้ว แท้งกิ้ว สาวเท่ห์บ่นอืม!!!! อะไรหนักหนาจะมา แซงคิว แซงคิว เราอยู่ได้ไม่มีมารยาท เขาบอกขอบคุณโว๊ยยย ไม่ได้แซงคิว เออ!!! นั้นแหละ 55555

    ใช้เวลาอยู่บนเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็ถึงจุดหมายคือ สนามบินย่างกุ้ง (Yangon) เวลาประเทศพม่าช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที เมื่อไปถึงสนามบินย่างกุ้ง การไปเที่ยวกลุ่มประเทศ AEC สมัยนี้สบายเพราะไม่ต้องมีวีซ่า และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่นั้นไม่ถามอะไรมาก อุตส่าห์เตรียมประโยคคำตอบง่ายๆ ไปเผื่อถามแล้วว่า “ไอ แอม ซิงเกิล” (ฉันเป็นคนโสด) เกี่ยวกันไหม??? ไม่รู้หละว่าถามอะไรมา แต่จะตอบยั้งงี้ 5555

    เสร็จภารกิจการตรวจเช็คคนเข้าเมือง ยืนหันซ้ายหันขวา รอ คุณแฮรรี่ เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที ที่เป็นคนพม่ามารับ โชคดีที่คุณแฮรรี่พูดภาษาไทยได้ ถึงจะไม่ชัด ถามว่าทำไมพูดไทยค่อนข้างดีทีเดียว เหตุผลเพราะเคยจีบสาวไทยเลยต้องหัดพูดภาษาไทย อ่ะ!!! งั้นถ้าต้องการจีบหนุ่มชาติใหนคงต้องหัดพูดภาษาชาตินั้น แต่คงเป็นชาติหน้าแน่ๆ 555 หรือภาษารักสำหรับสาวเท่ห์ขาโหดในช่วงนี้คงสอนกันได้ง่ายแน่ๆ วิ๊ดวิ๊ว!!!! ขอตัวไปอ้วกก่อน 5555

    เมื่อมาถึงสนามบินสิ่งแรกที่ต้องทำคือ “หาห้องน้ำ” ไม่รู้เป็นอะไรสิน่ากะเดอะแก๊งฯ สงสัยหูรูดคงเริ่มเสื่อม 5555 ห้องน้ำที่สนามบินค่อนข้างสะอาดจัดแจงทำธุระส่วนตัวเสร็จก่อนรีบไปหาคุณแฮรรี่ เพราะภารกิจที่ต้องทำคือ แลกเปลี่ยนเงินเป็นสกุลจ๊าด ณ ขณะนั้น 1 บาท = 37 จ๊าด ร่ำรวยกันไปเลย ถือตังค์ไปเที่ยวคนละเกือบ 2 แสน จ๊าดดดดดด ^^ 

    อีกภารกิจที่สำคัญมากคือซื้อซิมโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต เพราะใช้ซิมพม่าจะถูกกว่าการเปิดโรมมิ่งเบอร์โทรศัพท์ของเรา ราคาซิมอยู่ที่ 21,500 จ๊าด ประมาณ 580 บาท แต่ราคาถูกกว่านี้ก็มีให้เลือกหลายโปรโมชั่นอยู่ เราเลือกใช้ทั้งเน็ตและโทร 10GB โทรได้ 400 นาที เพราะเราซื้อเพื่อมาแชร์อีก 3 เครื่อง ใช้กันไปให้คุ้ม

    เสร็จภารกิจทุกอย่างที่สนามบิน ผู้คนพม่าจะมีความเป็นอัตลักษณ์อีกอย่างคือ การนุ่งผ้าถุง และผ้าโสร่งในการดำรงชีวิตปกติไม่ว่าจะไปเที่ยว เรียน หรือทำงาน พร้อมกับการหนีบรองเท้าแตะหรือรองเท้าช้างดาวไปตามสถานที่ต่างๆ

    คุณแฮรรี่รีบพาเดอะแก๊งฯ ไปกินข้าวเที่ยงเพราะทนต่อเสียงบ่นหิวไม่ไหว นี้มันปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว แนะนำร้านนี้เลย “ร้านไค ไค จอ” กว่าจะออกเสียงได้ทำเอาคุณแฮรรี่เวียนหัวกับสำเนียง เอาเป็นว่าจำง่ายๆ ภาษาไทย พื้นๆ ว่า “ร้านใครใครก็มาจ่อเจี๊ยะ” หละกัน เผื่อวันหลังจะแนะนำใครจะได้เรียกถูก 5555

    ร้านนี้มีทั้งอาหารท้องถิ่นและอาหารสากล ตื่นเต้นกับอาหารหลากหลาย คุณแฮรรี่บอกไปสั่งเลย อาหารตามชี้ 5555 คืออยากกินไร ชี้ไปเดี๋ยวก็ได้กิน เดอะแก๊งฯ จึงขอสำรวจรอบๆ ร้าน มีหลายอย่างน่ากิน  อาหารที่นี้จะมีผักและน้ำพริกเป็นเครื่องเคียงบนโต๊ะ ขอบอกคนที่ไม่กินเผ็ดต้องลองไม่งั้นคุณจะไม่สามารถรับรู้ถึงความกลมกล่อมเข้ากั๊นเข้ากันถึงจะมีรสเผ็ดเล็กๆ แต่อาหร่อยมากมาย ข้อนี้ขอยืนยันจากสาวสวยเรื่องเยอะที่กินเผ็ดไม่ได้เลย 5555 

    ขนมหวานหรือขนมกินเล่น ทางร้านจะยกมาให้เมื่อเราเรียกเก็บเงิน ถามคุณแฮรรี่ก่อนได้รับคำตอบว่านั่นคือก้อนน้ำตาลที่ทำมาจากตาลโตนดและถั่วรสชาติแปลกๆ แต่ก็อร่อยดี ^^

    ด้วยความเบลอหรือเล่นมุข สาวสวยเรื่องเยอะเรียกพนักงานเช็คอิน ตลอดจนสาวห้าวเมืองเหนือถาม พี่จะเช็คอินไปไหน เขาบอกเรียกเช็คบิลป่ะ น่านสิ!!! ว่าแล้วทำไมพนักงานทำหน้า งง งง ตลอด 5555 เกร็ดเล็กๆ เมื่อต้องการให้พนักงานมาเก็บเงิน ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า เช็คพรีส (Check, Please) หรือ บิลพรีส (Bill, Please) ง่ายๆ ก็เข้าใจได้

    เสร็จสิ้นไปกับการกินอาหารพม่าในมื้อแรกกับราคา 19,000 จ๊าด ประมาณ 514 บาท

    • โพสต์-2
    Taya@ •  เมษายน 05 , 2560

    ถึงเวลา.....ตะลุยเมืองย่างกุ้ง

    เดอะแก๊งฯ ไปกันต่อ แต่คุณแฮรรี่ต้องรีบไปเคลียร์งานเพราะต้องเดินทางมาประเทศไทยสวนทางกับสาวๆ งานเข้าละสิ การผจญภัยเริ่มต้น!!!! ลุย

    กำหนดการคร่าวๆ ออกจากไทยเวลา 11.30 น. ถึงย่างกุ้ง 12.30 น. ใช้เวลาครึ่งวันที่จะตะลุยในเมืองย่างกุ้ง ก่อนขึ้นรถทัวร์ไปมัณฑะเลย์ เวลา 4 ทุ่ม (ตามเวลาในเมืองไทย) นอนในรถ 1 คืน เที่ยวตะลอนในมัณฑะเลย์ 8 ชั่วโมง นั่งรถต่อไปพุกาม (บะกัน) 5 ชั่วโมง เข้าพักนอนโรงแรม 1 คืน ตะลอนเที่ยวพุกาม 1 วัน นั่งรถกลับย่างกุ้ง นอนในรถคนที่ 2 และตะลอนเที่ยวย่างกุ้งต่อก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ  

    สถานที่เช็คอินแรกของเราคือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง เชื่อว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ในการเข้าไปสักการะในวัดของพม่าจะต้องถอดรองเท้าและถุงเท้าออก จนสาวใหญ่ขาลุยที่ไม่ได้มาด้วยแซวมาทางออนไลน์บอกให้ถอดรองเท้าตั้งแต่สนามบินเลย เหอะเหอะ ไม่สงสารน้องๆ กันบ้างเลย แค่เดินรอบลานพระมหาธาตุเจดีย์ฯ ก็เริ่มเจ็บเท้าและต้องเดินแขย่งและกระโดดแบบจิงโจ้เพราะแดดร้อน อิอิ

    ค่าธรรมเนียมเข้าชมพระมหาเจดีย์ฯ คนละ 8,000 จ๊าด ประมาณ 216 บาท หากใครจะฝากรองเท้าจะมีเก็บค่าฝากด้วย แต่เดอะแก๊งฯ ขอประหยัดงบ เดินถือไปหละกัน แต่ไม่วายยังคิดค่าถุงใส่รองเท้าเฉยเลยรวม 4 ใบ 400 จ๊าด ประมาณ 10 บาท >>>

    ความศรัทธามีให้เห็นตลอดเส้นทาง

    ชาวบ้านร่วมชาวบ้านร่วมกันกวาดลานพระมหาเจดีย์ฯ เดอะแก๊งฯ จึงขอร่วมด้วย ได้ยินมาว่าใครได้ทำความสะอาดลานวัด ชาติหน้าจะมีรูปโฉมงดงาม ว่าแล้วขอชาตินี้เลยได้ไหมค่ะ ชาติหน้าคงรอไม่ไหว ^^

    กิจกรรมอีกอย่างคือการรดน้ำพระประจำวันเกิด จะมีทั้ง 4 ทิศรอบพระมหาธาตุเจดีย์ฯ เดินชมโน้นชมนี่ไปมาเพื่อฆ่าเวลาการรอไปขึ้นรถทัวร์  ขณะนี้หิวน้ำมากมายเดอะแก๊งฯ เดินเวียนวนพลันสายตากวาดไปเห็นคูเลอร์น้ำตั้งอยู่ พุ่งดิ่งไปหาทันที แต่ต้องชะงักเพราะเกรงใจบรรดานักท่องเที่ยวที่ยืนรออยู่ เลยรีบเดินหลบมาหวังเพื่อหาน้ำดื่มแบบเย็นๆ ลงมาจากพระมหาเจดีย์ ด้านล่างทางขวามือข้างๆ จะมีร้านขายมะพร้าวสดและเก้าอี้ให้นั่ง เดอะแก๊งฯ เดินยิ้มมาก่อนจะสั่งมะพร้าวสดมานั่งกิน ลูกใหญ่ น้ำเยอะแต่มีทั้งหวานและไม่หวาน แต่ด้วยความกระหายร่ายกายต้องการความเย็นสาวสวยเรื่องเยอะจึงหันไปบอกพ่อค้าที่ยืนเฉาะมะพร้าวอยู่ “คุณมีน้ำแข็งไหม” พ่อค้าตอบ “yes” เรารีบจัดส่งมะพร้าวทั้งลูกแล้วบอก “ฉันต้องการน้ำแข็งใส่น้ำมะพร้าว” (ไอซ์ หนะ ไอซ์) พยายามสื่อสารทั้งเป็นประโยคและเป็นคำ พ่อค้าพยักหน้ายิ้มและรับลูกมะพร้าวไป สบายใจแล้ว เหอะ เหอะ หันไปอีกที บ๊ะเจ้า!!!! พ่อเจ้าพระคุณเล่นผ่ากึ่งกลางมะพร้าวออก ยังไม่พอแถมยกเทน้ำออกทั้งลูก โอ มาย ก๊อดดดดดดด น้ำมะพร้าวของช้านนนน ทุกคนมองตามก่อนปล่อยเสียงขำแบบเกรงใจคนนั่งข้างๆ คิคิคิ คุคุคุ โฮ๊ะโฮ๊ะโฮ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า มาเป็นจังหวะแบบกลั้นไม่อยู่ ไอ้เราได้แต่นั่งซีดหน้าเจื๋อน เห้อ+++ ครู่ใหญ่นางเดินถือลูกมะพร้าวมาพร้อมช้อนสั้น เอาว่ะ อย่างน้อยก็เหลือเนื้อให้กินก็ยังดี คงคุยกันไม่รู้เรื่อง ทำใจนั่งกินแบบเจียมเนื้อเจียมตัว สักพักนางเดินเอาน้ำมะพร้าวใส่ถุงก๊อบแก๊บพร้อมหลอดมาให้ เย้++++น้ำมะพร้าวช้านกลับคืนมา อ๋อ ที่เห็นนางยกเทน้ำออกเพื่อใส่ถุงนี้เอง แต่ถุงใหญ่ไปไหมเพราะมองดูไกลๆ นึกว่ายกเทน้ำทิ้ง ก็ท่าทางคุณพี่บ่งชี้ขนาดนั้น ทำใจไปแล้วด้วย 5555 แต่ในถุงไม่ยักมีน้ำแข็งสักก้อน สาวเท่ห์รีบบอก เข้าใจไหมที่นี้เขาไม่นิยมกินเย็นกัน เพื่อสุขภาพน้า อย่าเรื่องมาก+++ หรา….สาวสวยเรื่องเยอะหงึดสนิท ฮ่าฮ่าฮ่า ความสวยงามของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองเดอะแก๊งฯ เดินวนชื่นชม 3 รอบก็ยังไม่หมด วันนั้นผู้คนเยอะ เอ๊ะ!!! หรือเยอะเป็นปกติ ได้เห็นขบวนแห่นาคตัวน้อย หรือนาคเด็ก และกิจกรรมการไหว้พระสวดมนต์รอบๆ ฐานพระมหาเจดีย์ เห็นความศรัทธาเปล่งมาจากพฤติกรรม คนวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวพม่ามาวัดกันเยอะน่าชื่นชม จึงขอเก็บภาพพลังความศรัทธาและความสวยงามมาให้ชื่นชมสักหน่อย

    ใกล้ถึงเวลา คุณจอ เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนอีกที ที่จัดแจงจองตั๋วรถทัวร์ไปมัณฑะเลย์ส่งเสียงมาทางไลน์ นัดแนะเจอกันตรงสถานีขนส่งรถทัวร์ รถแท็กซี่มีจอดรออยู่ในบริเวณพระมหาเจดีย์ ฯ มากมายจะมีคนเข้ามาถามเป็นภาษาอังกฤษและสื่อสารต่อให้กับคนขับแท็กซี่และกินค่าหัวคิวต่อ สำหรับราคารถแท็กซี่สามารถต่อรองได้ มาเจอสาวๆ เดอะแก๊งฯ เข้าไป จากที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ภาษาไทยงง งง แต่การพูดต่อราคานี้ชัดเจนเด็ดขาด หรือเขา งง งง มึนๆ จึงยอม 5555 จากราคา 15,000 จ๊าด ประมาณ 405 บาท ลดลงมาพอใจอยู่ที่ราคา 13,000 จ๊าด ประมาณ 350 บาท

    ที่พม่าเดินไปทางไหนจะมีคนเข้ามาถามว่าต้องการแท็กซี่ไหม คุณมาจากประเทศไหน เดอะแก๊งฯ จึงให้เขาทายเล่นๆ คนหนึ่งบอกมาจากจีน เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลี อุ๊ย!!! เป็นปลื้ม ทายผิดหมด 5555 เรามันพี่ไทยนี้แหละ พอเขารู้ว่ามาจากไหนเขาจะพูดทักทายภาษานั้น เหมือนเดอะแก๊งฯ มาจากไทย คนพม่าจะทักเลย สวัสดี สบายดี เอ๊ะ!!! ประโยคหลังนี้มันคำทักทายของประเทศลาวป่ะ 5555 เริ่มสับสนม้าง อ๋อ ไทย-ลาว คือเมืองพี่เมืองน้องกัน 

    เดินทางประมาณเกือบชั่วโมง สถานีขนส่งย่างกุ้งจะอยู่ชานเมืองนิดหน่อย แต่กว่าจะฝ่าด่านรถติดในเมืองย่างกุ้งออกมาได้ ใครว่ารถติดจะมีเฉพาะกรุงเทพมหานครของเรา ที่นี้ก็ไม่น้อยหน้าเลย 

    ด้วยความที่ไม่เคยเจอหน้าเจอตาคุณจอ ได้แต่เห็นรูปทางไลน์ เราจึงต้องพยายามมองหายิ่งแต่ละคนสายตาดีกันทั้งนั้น ไม่สั้นก็เอียงแถมมียาวมาแจมนิดๆ อีก เห้อ !!!! นั่นไง !! คุณจอเดินมาทางนี้ เอ๊ะ+++ ทำไมเขาเดินพุ่งดิ่งมาหาสาวสวยเรื่องเยอะ จนสาวคิกขุเฉลยก็นางเล่นส่งเฉพาะรูปที่ถ่ายคนเดียวไปให้คุณจอ ซะงั้น  เหอะ เหอะ จะแกล้งกันใช่ไหม หรือจะไฝว้ 5555

    เหลือเวลาอีกถมเถ เดอะแก๊งฯ จึงบอกคุณจอว่าหิว คุณจอก็รีบพาไปหาร้านอาหาร บอกว่าจะเป็นร้านไกลจากบัสสเตชั่นเล็กน้อย ถามไปถามมาจะพาไปนั่งร้านอาหาร จนต้องรีบบอกไม่ต้องคร้า เดอะแก๊งฯ ขอกินอะไรง่ายๆ อาหารมื้อที่ 2 เลยกลายเป็นอาหารพื้นเมืองพม่าอีกมื้อ จัดไป….

    รถทัวร์จากย่างกุ้งไปมัณฑะเลย์เที่ยว 3 ทุ่มครึ่ง เวลาในประเทศไทยคือ 4 ทุ่ม เป็นรถ VIP ค่อนข้างสบาย เบาะกว้างมากทันสมัย บริการดี อุณหภูมิในรถก็ไม่หนาวมาก เพราะดึกๆ ไม่รู้มีการลดอุณหภูมิหรือเปล่า แต่อากาศสบาย ไม่หนาวทำให้นอนหลับสบาย แต่แหม+++ อุตส่าห์เตรียมถุงเท้า เสื้อขนเป็ดมาแล้วนะเนี้ยะ 5555 

    ค่ารถทัวร์ คนละ 20,500 จ๊าด ประมาณ 555 บาท

    เพราะความเพลียและเหนื่อย คืนนี้จึงหลับไปพร้อมกับเสียงเพลงที่เปิดฟังตลอดคืน เสียดายนอนไม่ค่อยหลับเพราะตัวต้องโยกไปพร้อมตัวรถที่คอยหลบหลุมบนถนนที่ไม่ค่อยเรียบ แต่เพราะเบาะนุ่มๆ อากาศสบายๆทำให้เคลิ้มได้ แต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะรถแวะให้กินข้าวและเข้าห้องน้ำ ร้านที่รถทัวร์แวะแสงสีอลังการมาก ตื่นตาตื่นใจเลย และที่สำคัญห้องน้ำค่อนข้างสะอาด เดอะแก๊งฯ จึงได้โอกาสแปรงฟันก่อนนอน อิอิ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ว่าเดอะแก๊งฯ จะต้องเผชิญกับอะไรอีก คร๊อกกกกกกฟี้

    • โพสต์-3
    Taya@ •  เมษายน 05 , 2560

    ตะลอนต่อที่มัณฑะเลย์>>>>

    ถึงเมืองมัณฑะเลย์ในเวลาเช้าพระอาทิตย์ยังไม่ทันสว่าง เดอะแก๊งฯ รีบจัดแจงล้างหน้าล้างตา แปรงฟันแต่ไม่อาบน้ำ 5555 ที่ห้องน้ำในบริษัทที่ขายตั๋ว ห้องน้ำที่นั้นจะมีจำกัดใช้รวมกันทั้งผู้หญิงผู้ชาย ในเวลาเช้าผู้คนที่เดินทาง พ่อค้าแม่ค้า และบรรดาแท็กซี่ต่างๆ เยอะแยะ

    นั่งๆ อยู่ จะมีสามเณร และพระสงฆ์มารอรับบิณฑบาตแบบประชิดตัว ขนมนมเนยน้ำอัดลมที่ทางรถทัวร์แจก เดอะแก๊งฯ จึงได้ทำบุญถวายไปแบบหมดเนื้อหมดตัว อิอิไปกันต่อ เช้านี้ภารกิจต้องไปจองตั๋วเพื่อไปพุกามหรือบะกัน (ตามที่พม่าเรียกชื่อเมืองนี้ หากไปบอกเขาว่าไปพุกาม จะไม่มีใครรู้จัก) เดอะแก๊งฯ เดินทางตามหาบริษัทมินิบัสที่จะไปพุกาม ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับบริษัทรถทัวร์ย่างกุ้ง อย่างที่บอกไม่ต้องห่วงจะมีคนเข้ามาถามตลอดว่าต้องการแท็กซี่ไหม ไปไหน คล้ายๆ กับตามสถานีขนส่งในเมืองไทยนี้แหละ เราก็แค่เดินสวยๆ เชิดๆ ไม่ทำหน้าโง่ๆ งงๆ ให้เขาเห็นก็พอ 5555กว่าจะคุยกันรู้เรื่องได้ว่าเราต้องการจองตั๋วไปพุกามในช่วงเวลาที่พอจะให้เดอะแก๊งฯ ตะลอนเที่ยวในมัณฑะเลย์ก่อนเล่นเอาล่ามจำเป็นมือวางอันดับสองเหนื่อย เพราะจะมีคนมารุมเสนอขายตั๋วให้ แต่เดอะแก๊งฯ ขอประชุมวางแผนกันนิดหนึ่งก่อนเพราะมาแล้วต้องเอาให้คุ้ม สรุปจบอยู่ที่จองตั๋วเที่ยว 4 โมงเย็น เพราะจะได้ไปถงพุกามไม่ดึกมาก ตารางเดินรถถ้าจำไม่ผิด พอดีกำลังแปลภาษาและสื่อสารกันเลยจำไม่ค่อยได้ จะมีตั้งแต่เวลา 7, 9, 12, 14, 16, 18 นาฬิกา  ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 9,000 จ๊าด ประมาณ 243 บาท  เมื่อได้ตั๋วเรียบร้อย ขั้นต่อไปคือต่อรองราคากับแท็กซี่ที่คอยมาป็นล่ามซื้อตั๋วรถทัวร์ เดอะแก๊งฯ ต่อรองกับนายหน้าว่าจะไปไหนบ้าง เรากางแผนที่ชี้นิ้วว่าอยากไปทุกสถานที่ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เขาจึงแนะนำว่าไปได้ประมาณ 5 แห่ง เพราะต้องรีบกลับมาเช็คอินก่อนขึ้นรถประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง แหม+++ ยังกะจะขึ้นเครื่อง กว่าจะคุยกันรู้เรื่องเล่นเอาเมื่อยมือ มาถึงจังหวะที่ต้องต่อราคา เดอะแก๊งค์ฯ ใช้กลยุทธ์ยืนล้อมเหมือนอย่างที่เหล่าแท็กซี่เคยรุมเร้า สาวสวยฯ กะสาวเท่ห์ฯ ทำหน้าที่ต่อรองราคา ด้วยการกดเครื่องคิดเลข ง่ายสุดเพราะหากพูดเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันคนละราคา ส่วนสาวคิกขุฯ กะสาวห้าวฯ ยืนประกบพร้อมเป็นลูกคู่ประสานเสียง พรีส พรีส พรีส (Please :  กรุณา) ทำเอานายหน้าระอา และคงรำคาญเพราะเดอะแก๊งฯ ไม่พูดอะไรยกเว้นคำเดียวคือ พรีสสสสสส เป็นอันสำเร็จ จากราคา 60,000 จ๊าด เป็น 50,000 จ๊าด ประมาณ 1,350 บาท นามบัตรพี่แท๊กซี่ ชื่อโจ พอดีจำชื่อไม่ได้ไม่แน่ใจว่าชื่อนี้หรือเปล่า อิอิ พี่เขาใจดี สามารถเรียกใช้บริการได้ค่ะ^^ 

    เวลาขณะนั้น ประมาณ 8 โมงเช้า โชคดีที่คนขับแท็กซี่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ สาวสวยฯ จึงบอกความต้องการแบบม้วนเดียวจบว่า ตอนนี้หิวมากมายอยากหาอะไรกินก่อนไปตามจุดต่างๆ นิ้วชี้ตามแผนที่ ประมาณ 5 สถานที่ พี่แท็กซี่บอกฉันสามารถ งั้น+++ เราไปกันเลย go go go อะไรจะไปก่อนหลังแล้วแต่ลูกพี่จัดให้ อัพทูยู (Up to you : แล้วแต่คุณ) ไปเล้ย แต่ขอเอาให้ครบ พี่แท็กซี่ก็ตอบโอเคๆ สถานที่แรกในมัณฑะเลย์คือ “สะพานไม้อูเบ็ง” พี่แท็กซี่พาไปร้านอาหารที่อยู่หน้าวัด ??? (จำไม่ได้ 555) มื้อที่ 3 ก็อาหารพม่า จัดไป>>>>

    เมื่อท้องอิ่ม ไปเดินสวยๆ กันบนสะพานไม้อูเบ็ง เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก อากาศเย็นๆ สบาย ๆ ผู้ค้าแม่ขาย นักท่องเที่ยวเริ่มหนาตามากขึ้น ตั้งใจจะเดินไปให้สุดสะพาน แต่เพราะแวะเก็บภาพตลอดทาง ฟังลุงเล่นดนตรีและร้องพลงท้องถิ่นให้ฟัง มองดูเวลารีบไปต่อดีกว่าเพราะอีกหลายจุดที่ให้เก็บภาพ 

    เสียดายอย่างเดียวสะพานนี้ขึ้นชื่อในการนั่งดูพระอาทิตย์ตก แต่เดอะแก๊งฯ ไม่สามารถอยู่รอชมได้ เสียด๊าย เสียดาย    

    เป้าหมายต่อไปตามใจพี่แท็กซี่จะพาไปไหนก็ไป นั่งรถมาไม่เกิน 15 นาที จำเส้นทางไม่ได้หรอกนะ ขนาดถนนในเมืองไทยยังหลงแล้วหลงอีกเลย ^^ พี่แท็กซี่เล่าให้ฟังในรถว่าจุดหมายต่อไปคือ ไปเมืองอังวะ (Inwa or Ava) เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของมัณฑะเลย์ 

    ลงจากรถไปขึ้นเรือเพื่อต่อรถม้า ราคาค่าเรือคนละ 1,200 จ๊าด ประมาณ 32 บาท  

    รถม้าคิดราคา 2 ชั่วโมง 10,000 จ๊าดต่อคัน ประมาณ 270 บาท เดอะแก๊งฯ เพลิดเพลินไปกับความสวยงามของเมือง บรรยากาศคล้ายๆ บ้านเราเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว ว้าย!!!! รู้เลยว่าเดอะแก๊งฯ อายุเท่าไร อิอิ ไม่แคร์คร้า หน้าเด็กเข้าสู้ ^^ 

    ได้รับบรรยากาศสบายๆ คนขับรถม้าจะพาเราไปที่ไกลสุดก่อนนั่งผ่านซากกำแพงเมืองเก่า และสถานที่ต่างๆ 

    เราปักหมุดที่แรกคือ วัดบากะยา ตัวโบสถ์แกะสลักจากไม้สักทั้งหลัง สัมผัสได้ถึงความขลังจากเสาไม้สักที่มีอยู่ถึง 267 ต้น ฟังจากไกด์จำเป็นคือคนขับรถม้า หากผิดพลาดขออภัยเพราะกำลังเบลอและง่วงนอน 5555 

    หลังจากชมและถ่ายรูปกันจนเหนื่อย นึกขึ้นได้เราต้องไปต่อเพราะยังมีอีกหลายที่ รอบนี้ตามใจคนขับรถม้าจะพาไป โปรดอย่าถามว่าไปที่ไหน เพราะจำชื่อไม่ได้ เรียกไม่ถูก แต่ดีที่ถ่ายรูปไว้ จึงขอเรียกตามป้ายเลยนะค่ะ  เจดีย์ Yadana Hsemee ที่นี้บรรยากาศคล้ายอยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน แต่ลดสัดส่วนลงมา

    ที่นี้มีจิตรกรหลายคนกำลังนั่งวาดภาพสีน้ำมัน และขายภาพวาด สาวเท่ห์ฯ พุ่งตรงมานั่งข้างๆ สมาชิกคนอื่นเดินตามหาเพื่อนที่จู่ๆ ก็หายวับไป เล่นเอาใจหายนึกว่าเธอหายข้ามช่วงเวลาเหมือนทวิภพเสียแล้ว 555 

    สาวเท่ห์ฯ นั่งมองภาพวาด เลยเสนอให้วาดรูปเดอะแก๊งฯ ลงในภาพ

    สื่อสารกันทั้งภาษาอังกฤษและภาษาใบ้ ในที่สุดก็ได้ภาพวาดที่ถูกใจสาวเท่ห์ฯ แถมด้วยการสลักชื่อของทั้งสี่สาวลงในภาพ ราคาอยู่ที่แผ่นละราคา 2,000 จ๊าด ประมาณ 54 บาท

    เดินชมภาพอยู่พักใหญ่มีไกด์ชาวบ้านเรียกพร้อมชี้นิ้วให้ไปชม ลิตเติ้ล มังค์ (little Monk) แนะนำบอกว่าให้ไปดูเพราะอยู่ส่วนด้านใน พอเจ้าตัวบอกเสร็จก็หายตัววับไม่อธิบายต่อที่สำคัญเราก็ไม่รู้ว่าองค์ไหนที่เรียกว่า ลิตเติ้ล มังค์ เห้อ!!!! งานเข้าเลย ไม่ได้ทำการบ้านมาด้วยสิ ไปกันต่อ รถม้าพาวนเข้าป่ากล้วย ผ่านหมู่บ้าน ผ่านหอคอยแห่งเมืองอังวะ สระน้ำกลางเมือง ต้องขอให้จอดรถเพื่อเก็บภาพเพราะดูขลัง และผ่านประตูเมืองเก่าที่คนขับรถม้าพาไปนั่งชมกันเพลินๆ เริ่มหิวน้ำ บริเวณเมืองอังวะเก่าจะมีร้านขายอาหาร ขายน้ำ และที่สำคัญ ขายไอติมอยู่ด้วย ไอติม(เสียงสูง) วิ่งถลาเข้าหาเลย ในการเข้าชมเมืองอังวะจะคิดค่าเข้าชมคนละ 10,000 จ๊าด ประมาณ 270 บาท 

    อืมมม มาแล้วก็เอาให้คุ้ม เลยเสนอว่าให้สาวเท่ห์ฯ เสียสละเข้าไปเก็บภาพคนเดียว ที่เหลือนั่งกินน้ำเย็นๆ รอหละกัน  พวกเรารักเพื่อนมาก 555 คนขับรถม้ามาบอกให้เวลาประมาณ 10 นาที แต่เวลาผ่านไป 15 นาทีก็แล้ว สาวเท่ห์ฯ หายเงียบไปคงเมามันส์ในการถ่ายรูปจนต้องรีบตาม แต่…แย่แล้ว+++โทรศัพท์ที่ใช้ได้มีเครื่องเดียวอยู่ที่สาวเท่ห์ฯ ทำไงหละ 

    ปล่อยให้มันเป็นไป จนเวลาล่วงเลย พักใหญ่สาวเท่ห์ฯ จึงเดินยิ้มออกมา แหม ร่าเริงนะ สมาชิกคนอื่นยืนลุ้นอยู่ ก็เค้าไม่มีนาฬิกาอ่ะ สาวเท่ห์พูดยิ้มเจื๋อนๆ งั้น ไปไปต่อ 

    คนขับรถม้ารีบบอก คุณเกินเวลาไปแล้วคิดเป็น 1 ชั่วโมง ต้องจ่ายเพิ่มอีกคันละ 5,000 จ๊าดต่อชั่วโมง ประมาณ 135 บาท อ้าว!!! ไม่รู้นี่หว่า ไม่มีใครบอก ก็นั่งและเดินเพลินไปหน่อย และที่สำคัญยังไปไม่ครบทุกสถานที่ ตัดสินใจกลับเลยก็ได้ ระหว่างทางงัดวิชาเจรจาต่อรองที่ได้เคยร่ำเรียนมา เอาออกมาใช้ แต่ครั้งนี้ยากตรงที่ต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ เหอะ เหอะ!!!! อ้างสารพัด ก็รอรูปที่เขาวาดให้อยู่บ้าง รอคิวคนถ่ายรูปบ้าง หามุมสวยเพื่อถ่ายรูปไปออกสื่อประชาสัมพันธ์หมู่บ้านให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะๆ บ้าง ก็ยังไม่ใจอ่อน จนต้องใช้กลยุทธ์จอมเหวี่ยงมาใช้ ในเมื่อคุณรู้ว่ามันเลยเวลาแล้วทำไมไม่บอกไม่เตือน อีกอย่างไม่รู้ด้วยว่าถ้าเลยเวลาจะมีคิดเพิ่มอีก คนละครึ่งเลย น่าน!!!! เจอเจ้าแม่จอมเหวี่ยงเข้าไปพูดไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง อังกฤษอีกก็ งูๆ ปลาๆ แต่พอนางจะเหวี่ยง ภาษาใบ้ก็เหวี่ยงได้ 5555 สรุปคนขับรถม้าจึงจำนนพบกันเกือบครึ่งทางที่ราคา 3,000 จ๊าดต่อคัน ประมาณ 81 บาท

    พอมาถึงฝั่งที่คนขับแท็กซี่รออยู่ เจอหน้าปุ๊บร้องทักทันที ยูเลท (You late : คุณสาย) อืมมมม!!! ตรูรู้แล้ว ไม่ต้องมาย้ำ ยังเคืองอยู่นะ สะเทือนใจเป็นที่สุด จึงรีบบอกให้ออกไปจากตรงนี้ให้ไว เพราะยังมีอีกหลายจุดให้เช็คอิน
    ตอนนั่งเรือข้ามฟากหันมาเห็นสะพานเหล็ก พอพี่แท็กซี่ขับผ่านและวิ่งบนสะพานก็สวยไปอีกแบบ แต่ขออภัยนะค่ะ ชื่อสะพานเป็นภาษาพม่าอ่านไม่ออก ถามพี่แท็กซี่แล้วจำไม่ได้เรียกไม่ถูก อิอิ งั้นขอจำความสวยงามแค่นี้หละกัน

    พี่แท็กซี่พาลัดเลาะเลยไปตามช่องเขา จำไม่ได้ว่าเขาเรียกว่าอะไร ได้เห็นมุมของชาวบ้านอีกมุม คนมายืนโบกรถข้างทาง ถามว่าเขามายืนโบกขายอะไร พี่แท็กซี่บอก เขาโบกเพื่อให้ทำบุญ โอ๊ะโอ๋!!!! กระตุ้นให้ทำบุญกันแบบประชิดตัวกันเลยทีเดียว สุดยอดดดดด

    ตามเส้นทางขึ้นเขามีจุดเสียวเล็กน้อยเพราะทางชันแต่ไม่น่ากลัวเท่าไร เอ๊ะ!! หรือเดอะแก๊งฯ คุ้นชินกับทางขึ้นเขาลงห้วยซะแร้ว 5555

    วัดแรกที่ไปถึงคือ Sagaing (เจดีย์ U Min Thonze) ต้องเดินขึ้นเขาเล็กน้อย มีร้านค้าขายของที่ระลึกตั้งเรียงราย แต่ที่นี้แม่ค้าไม่มีเรียกลูกค้า สังเกตจากที่ปล่อยให้เดอะแก๊งฯ เดินผ่านไปเฉยๆ หรืออาจเป็นเพราะสัญชาตญาณว่ากลุ่มนักท่องเที่ยว 4 สาวกลุ่มนี่ถึงเรียกไปก็เท่านั้น คงขายไม่ออกสักชิ้น ปล่อยๆ ไปเหอะ 5555 

    เดินขึ้นสักพักเริ่มมีอาการหอบให้เห็น แต่พอขึ้นไปถึงบนสุดหายเหนื่อยเลย วิวสวย พระสวย และมีที่นั่งพักสบายๆ ลมเย็นๆ พัดผ่านตลอดไม่ร้อนนั่งเพลินจนเกือบหลับ พอนึกขึ้นได้ เฮ๊ยๆๆๆ ไปต่อกัน รีบไปเก็บภาพมุมต่างๆ ดีกว่า ^^

    ถัดไปห่างกันสุดทางโค้ง (ประมาณเอง แต่ระยะทางไม่ไกล) จะเจออีกที่ ที่มีวิวสวย คือ Mandalay Hill ที่สามารถมองเห็นเจดีย์ตั้งเรียงรายตามไหล่เขา และเห็นแนวเมืองกับแนวแม่น้ำกั้นขนานกันไป ชอบดอกไม้สำหรับการบูชาสวยดี แดดร้อนหน่อยแต่เดอะแก๊งฯ ยังสามารถลัลลาได้ ไม่กลัวอยู่แล้วกับความดำ ยิ่งตอนนี้ผิวสีแทนกำลังอินเทรน 555 เวลาเริ่มกระชั้นเข้ามา เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงจะต้องไปเช็คอินขึ้นรถ แต่เดอะแก๊งฯ ยังไปไม่ครบเลยอีกอย่างเรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย จึงถามพี่แท็กซี่ว่าเราสามารถไปได้อีกสถานที่ไหม แล้วค่อยแวะกินข้าวก่อนขึ้นรถ พี่แท็กซี่บอกยังพอมีเวลา จึงขอไปที่วัดพระมหามัยมุนี (MAHA MYAT MUNI PAGODA) ลุ้นมาก เพราะเจารถติดระหว่างทาง และบริเวณทางเข้าวัดการจราจรหนาแน่นมากกกกก จึงหันไปมองหน้าพี่แท๊กซี่ถามทางสายตาว่าจะไปทันไหม แต่แหม!!! พี่แท็กซี่เหมือนจะรู้ทัน รีบหันมาบอก เด๋วจะส่งตรงทางเข้าก่อนนะให้เดินลงไปก่อนแล้วจะไปเวียนหาที่จอดรถ แต่เรานั่งรถคันเดียวกันแล้ว จึงบอกไม่เป็นไรไปที่จอดรถด้วยกันเลย หากหากันไม่เจอก็เสียเวลาอีก แต่โชคดีที่มีที่จอดรถว่างหนึ่งที่สำหรับรถเราพอดิบพอดี รีบวิ่งลงจากรถเลยสิค่ะ พอเดินเข้าไปเจ้าหน้าที่บอกทันที หากเราต้องการถ่ายรูปกับกล้องจะต้องจ่ายเงินก่อนนะ จำไม่ได้ว่าเท่าไร เพราะเราไม่ได้ใช้กล้องถ่ายรูป อิอิ กะมือถือนี้แหละง่ายสุด เรามีเวลาจำกัดกับการมาไหว้พระ เดอะแก๊งฯ จึงรีบพุ่งตรงมาที่หน้าพระมหามัยมุณี เสียดายที่ไม่ได้ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ล้างพระพักตร์ แต่ก็ถือว่าได้มาไหว้และเยี่ยมชม 1 ใน 5 ของมหาบูชาสถานในพม่าแล้ว เสียดายอีกรอบที่เราไม่สามารถไปชื่นชมได้ใกล้ๆ เพราะผู้ชายเท่านั้นที่สามารถเข้าไปใกล้องค์พระ ส่วนผู้หญิงสามารถไหว้เฉพาะบริเวณที่จัดไว้ให้ แต่เดอะแก๊งฯ มาแล้วขอนิดส์หนึ่งนะค่ะ ขอชื่นชมให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงเดินวนอยู่ 1 รอบ ได้ชื่นชมองค์พระ ช่างงดงามมาก ปลื้มใจเป็นที่สุด

    ออกจากวัดพระมหามัยมุนี มาถึงที่รถบัสตรงเวลาที่นัดหมายเป๊ะบ่ายสามโมงครึ่ง ยังคงมีเวลากินข้าว อาหารมื้อที่ 4 ก็ยังคงเป็นอาหารพม่า เริ่มเรียกร้องหาไข่เจียว ไข่ดาว เดอะแก๊งฯ รีบสื่อภาษา ไฟต์ เอ้กก์ (Fried egg = ไข่ดาว) แม่ค้ามองหน้า เดอะแก๊งฯ เริ่มไม่มั่นใจ เอ๊ะ!!! หรือมันต้องพูดว่า Egg Star ว้า 5555 จนต้องเชิญพี่แท็กซี่มาเป็นล่ามพูดภาษาพม่าให้ จนแล้วจนรอด สาวคิกขุฯ ยังไม่วาย เอ๋อๆ ไป ก่อนจะพูดขอแก้วน้ำอีกใบ แต่นางดันบอก ขอแก๊ส วันมอร์ ห๋า++++ อะไรนะ แก๊ส นะแก๊ส สมาชิกเริ่มมึน แก๊สไรว่ะ จนสาวคิกขุฯ ยกแก้วน้ำ ถึงกับหัวเราะก๊ากจนเจ้าของร้านมองหน้า เห้ย!! เขาเรียก กลาส (glass) ป่ะ 5555

    พี่แท็กซี่บอกถ้าไม่ทันรถทัวร์สามารถเหมาแท็กซี่ไปส่งได้นะ แต่แหม พอดีงบที่ตั้งไว้เป็นราคารถทัวร์ และอยากนอนสบายๆ  ใกล้เวลาบ่ายสี่โมงแล้วรีบวิ่งขึ้นรถก่อนที่เขาจะมาตาม กระหึดกระหอบกัน ไปเราไปต่อกันที่เมืองพุกาม โปรดติดตามตอนต่อไป เดอะแก๊งฯ จะเจออะไรอีก สนุกกว่าเดิมแน่นอน ^^