ตอนที่โพสรูปสามพันโบกลงในเฟสบุ๊คเพื่อนๆ ของเราจะถามว่าที่นี่ที่ไหนอ่ะประเทศไทยจริงๆเหรอ

ก็ใช่นะซินี่แหละประเทศไทย(อยากจะบอกว่าดิฉันไม่มีปัญญาไปประเทศอื่นหรอกกกกก)

สำหรับนักเที่ยวทั้งหลายคงรู้จักสถานที่นี้กันดีอยู่แล้ว แต่ยังมีคนไทยอีกๆหลายๆคนที่ยังไม่รู้จักที่สวยๆแบบนี้

คืออยากจะถ่ายทอดผ่ารีวิวให้ทุกคนได้เห็นว่าประเทศไทยยังมีที่สวยๆอีกเยอะ

...

ทริปนี้เริ่มจากความอยากจะไปดูทุ่งดอกไม้ที่น้ำตกสร้อยสวรรค์ จังหวัดอุบลราชธานีค่ะ

หลังจากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลว่าอุบลมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างก็เลยได้สถานที่เที่ยวเพิ่มเตอมมาอีกนิดหน่อย ได้แก่

สามพันโบก หาดหงส์ ทุ่งดอกไม้น้ำตกสร้อยสวรรค์ผาชะนะได น้ำตกลงรู และซืนวานช๊อปปิ้งมอลล์แห่งใหม่ของอุบล

แต่เรามีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืนค่ะ ขับรถก็ 10 ชั่วโมงล่ะ แล้วจะเที่ยวทันมั้ยเนี่ย

ทริปนี้เราเดินทางกันสี่คนค่ะ ค่าใช้จ่ายตกคนละ 2,000 บาท เราว่าถูกม๊าก คุ้มค่ามากกับการเดินทางครั้งนี้

เราออกจากกรุงเทพ 9.00 โมงค่ะ ขับรถตรงดิ่งไปอุบล จากกรุงเทพถึงอุบลระยะทางค่อนข้างไกลค่ะ

ขับรถรวดเดียวเกือบ 700 กิโล ถือว่าเหนื่อยเลยสำหรับคนขับ

กว่าจะไปถึง "บ้านสวนณัชชนา" ที่พักของเราก็ประมาณ 20.00 ค่ะ

ตอนแรกกะว่าจะกางเต้นท์นอนริมแม่น้ำโขงแต่อาจารย์เรืองประทินเจ้าของบ้านสวนณัชชนาบอกว่า

สถานที่ยังไม่พร้อม....อดเลย

ก็เลยนอนห้องพักคืนละ 900 บาท นอนได้ 3 คน แต่เรายัดเข้าไปนอน 4 คนเลย แล้วก็เพิ่มค่าห้องไปค่ะ

แต่ก็นอนสบายๆ ไม่คับแคบอึดอัดที่จริงเราก็นอนไม่นานเพราะต้องตื่นแต่เช้ามาก

...

ตอนแรกไปถึงที่บ้านสวนณัชชนาก็เงียบๆค่ะ แต่พออาจารย์เรืองประทินกลับมา

แกก็พาแขกออกไปถ่ายดาว ถ่ายทางช้างเผือกสอนเทคนิคถ่ายรูปให้อีกสนุกสนานกันไป

อาจารย์ใจดีค่ะอัธยาศัยดีมาก ก่อนเข้านอนอาจารย์ก็นัดแนะเวลาค่ะบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้เช้า ตีห้าครึ่ง

แล้วจะต้องตื่นกี่โมงล่ะเนี่ย

ตอนแรกก็คิดว่าตั้งนาฬิกาปลุกไว้อย่างนั่นล่ะถ้าตื่นไม่ไหวก็ไม่ไปหรอก

ปรากฏว่าตอนเช้านาฬิกายังไม่ทันปลุกก็ตื่นซะแล้ว

เวลาเที่ยวนี่ขยันนักเวลาทำงานขยันแบบนี้บ้างมั้ยน๊าาาาา

อาจารย์บอกว่าวันนี้จะพาไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ผาวัดใจ" เคยได้เห็นภาพจากรีวิวของคนอื่นมาบ้างแล้ว

รู้สึกตื่นเต้นอยากไปวัดใจจริงๆเล๊ยยยย ขับรถออกมาจากบ้านสวนณัชชนาแป๊บเดียวแป๊บเดียวจริงๆค่ะคือใกล้มาก

ก่อนจะเดินไปผาวัดใจเราก็เจอแสงทไวไลท์....ไทยลูกทุ่งแบบนี้ก่อนคุ้มค่ากับการตื่นตีห้าค่ะ (-_-) zzz




ในแม่น้ำยามเช้าขณะที่เรายังเมาขี้ตาอยู่นั้น เรือของชาวบ้านออกหาปลาแต่เช้ากันแล้วและขณะที่เรากรี๊ดกร๊าดกับวิวสวยๆ

แบบนี้ชาวบ้านเค้าคงชินกับวิวนี้ต่างจากเราที่ต้องออกเดินทางไกลแสนไกลเพื่อแสวงหาความสวยงามแบบนี้

และได้มีความสุขกับการนั่งชมพระอาทิตย์ยามเช้าบางคนเห็นวิวแบบนี้ก็ไม่รู้สึกอะไรนะค่ะแต่สำหรับเรารู้สึกมีความสุขมาก




อาจารย์เรียกแขกกรุ๊ปของเราชวนให้มากระโดดกันหน่อย

เดี๋ยวอาจารย์ถ่ายรูปให้ก็เลยจัดให้กระโดดซะแผ่นหินแทบแตก 5555 (^0^)




นี่แหละจ้า "ผาวัดใจ" ไม่ค่อยสูงนะค่ะแต่ขาสั่น
นั่งไปฮัมเพลงวัดใจของซิลลี่ฟูลไปด้วย...เกี่ยวกันมั้ยถามจริง





นี่คือไกด์เด็กน้อยของเราในวันนี้เอาเรือมารับพวกเราแล้ว
บางคนไปผาวัดใจอาจจะกลับไปที่พักก่อนแล้วค่อยไปสามพันโบกตอนสาย
แต่เราอยากไปต่อเลยอาจารย์ก็เลยโทรเรียกเรือมารับที่ผาวัดใจเลยค่ะ





นั่งเรือมาสักพักก็ถึงแว้วววว ค๊า สามพันโบก
วันนี้คนค่อนข้างน้อยแต่ดีค่ะชอบ แต่แดดค่อนข้างแรงขนาดยังไม่เจ็ดโมงเช้าเลย



นี่คือสระมรกต สระมรกตไม่ได้มีแต่ที่กระบี่นะค่ะที่สามพันโบกก็มี
น้ำน่าเล่นมากเหมือนเป็นสระว่ายน้ำเลยแต่น้องๆไกด์ตัวน้อยเค้าบอกเห็นอย่างนี้มันลึกนะเพ่
โธ่ คิดว่าเราจะกลัวเหรอ......ก็กลัวนะซิคร๊าบใครลงก็บ้าแล้ว





รูปที่สามพันโบกค่อนข้างน้อยเพราะแดดมันร้อนมาก (เปล่าหรอกถ่ายมาแล้วแต่ทุเรศเกินกว่าจะเอามาลง 555)



นี่ไกด์ตัวน้อย (น้อยรึเปล่า) พาเที่ยวสามพันโบกของเราค่ะ



แวะมาเช็คอิน โบก "มิกกี้เม้าส์" สุดฮิตซะหน่อย แต่โบกมิกกี้ฟองเยอะไปหน่อยน่ะมีใครมาฉิ้งฉ่องไว้ป่ะเนี่ย











เสร็จกิจที่สามพันโบกก็นั่งเรือไปหาดหงส์ต่อเลย ตอนไปนี่ประมาณ 7 โมงกว่าๆ
แต่อยากจะบอกว่าร้อน! ร้อน! และร้อนมาก แนะนำว่าควรพกอุปกรณ์กันความร้อนไปด้วย
ตอนแรกกะว่าจะไม่ลงเพราะร้อนเหลือแต่พอเห็นหาดหงส์แล้วก็คิดว่าลงดีกว่า

ไปถ่ายรูปแอ๊บหลอกเพื่อนว่าไปทะเลซาฮ่าร่ามา
ข้อดีของแดดจัดๆก็คือถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยดีค่ะ *อย่าลืมใส่เสื้อผ้าสีสดๆไปนะค่ะจะได้ถ่ายรูปออกมาสวยๆ





เหมือนทะเลทรายเลยถ้ามีอูฐจะเวิร์คมาก...ถ้าไปคราวหน้าเช่าอูฐจากเขาดินวนาไปด้วยดีกว่า



ปิดท้ายสามพันโบกด้วยภาพนี้นะค่ะ



กลับจากสามพันโบกเราก็ทานอาหารเช้าที่บ้านสวนณัฐชนา
ทานเสร็จเราก็เก็บของเดินทางไปที่น้ำตกสร้อยสวรรค์ต่อกันเลยค่ะ จะได้ไปดูทุ่งดอกไม้ดังที่ตั้งใจไว้





พอถึงน้ำตกแล้วต้องเดินขึ้นไปด้านบนของน้ำตกแต่น้ำค่อนข้างจะแห้งแล้วค่ะ
ต้องปีนป่ายกันนิดนึง เพราะทางที่เค้ามีให้ดันไม่เดินแต่ไปเดินขึ้นมาจากทางน้ำตก
เดินสวนขึ้นไปก็เจอเด็กพวกนี้เล่นน้ำอยู่กระโดดลงมาจากหน้าผาเห็นแล้วเสี๊ยวเสียวค่ะเพราะมันสู๊งสูง
บ่อน้ำข้างล่างเล็กนิดเดียวเอง



จากที่เราปีนขึ้นมามันทะลุไปทุ่งดอกไม้ได้นะค่ะตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะได้แต่ถามน้องๆพวกนี้เค้าก็บอกว่าเดินไปได้ก็เลยลองไปดูขึ้นมาก็เจอทุ่งดอกไม้ทุ่ง 1 ค่ะ



สำหรับใครหวังว่าจะเจอทุ่งดอกไม้ดอกใหญ่ๆบานสะพรั่งความจริงมันไม่ใช่นะค่ะ
มันจะเป็นทุ่งดอกไม้ดอกเล็กๆที่อยู่รวมกันเป็นจำนวนมากเป็นทุ่งกว้างเลยค่ะ
แต่ไม่ได้ผิดหวังนะค่ะเพราะมันสวยค่ะเราชอบบวกกับฟ้าใสๆยิ่งสวยไปใหญ่
แต่อากาศที่นี่ร้อนมากค่ะเรามาถึงตอนบ่ายโมงแดดนี่แผดเผาสุดๆกรุณาเตรียมอุปกรณ์ป้องกันแดดมาด้วยนะค่ะ
ย้ำว่าร้อนจริงนะค่ะทำเอาหน้ามืดได้เลย ก็เลยถ่ายรูปได้ไม่มากเหมือนเดิม



ดอกสีสวยสีม่วงสดดอกนี้ชื่อว่า "ดอกดุสิตา"



ส่วนอันนี้สีม่วงอ่อน "ดอกหงอนนาค"



"หญ้าน้ำค้าง" สีแดงสวยเหมือนมีน้ำค้างเกาะตลอดเวลาคงเป็นที่มาของชื่อนี้



อันนี้ไม่รู้ค่ะใครรู้ก็ช่วยบอกทีนะค่ะ



ส่วนอันนี้น่าจะเป็นหญ้ารากหอม เมื่อถอนขึ้นมาแล้วดมๆ จะได้กลิ่นที่รากนะคะ
แต่ถ้าไปเที่ยวอย่าดึงขึ้นมาดมกันนะคะขอแช่งล่วงหน้าใครดึงขอให้จู้ดๆ



ประมาณบ่ายสามเราก็ออกจากน้ำตกสร้อยสวรรค์มุ่งหน้าไปผาชะนะได
ใครจะไปค้างคืนที่ผาชะนะไดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ให้พร้อมนะค่ะเพราะข้างบนไม่มีร้านขายอะไรเลย
ไม่มีเลยจริงๆถ้าไม่เตรียมไปอดแน่ค่ะ
ทางขึ้นผาชะนะไดค่อนข้างลำบากค่ะเหมือนขับรถบนลานหิน ภูมิประเทศแปลกดีค่ะ
ไปเที่ยวมาไม่เคยมีที่ไหนต้องขับรถบนลานหินแแบบนี้เลย
แนะนำให้ใช้รถ 4WD นะค่ะ และคนขับก็ควรมีประสบการณ์ด้วยค่ะ ทางไม้ยากแต่ลำบากนิดหน่อย



เส้นทางขึ้นผาชะนะได เริ่มจากสุดถนนราดยางตรงปากทางเข้าวัดถ้ำปาฏิหารย์
เป็นระยะทางประมาณ 15 กิโล แต่ใช้เวลา เกือบ 2 ชั่วโมง
แต่ในที่สุดเราก็มาถึง กางเต้นท์เตรียมตัวนอนหนาวดูดาวคืนนี้
พอขึ้นไปตะลึงนิดหน่อยโอ้โหคนเยอะจัง เห็นทางขึ้นทุระกันดารไม่คิดว่าจะมีคนขึ้นมาเยอะขนาดนี้



พอท้องฟ้าเริ่มมืดดาวก็เต็มท้องฟ้าเลยค่ะแต่เสียดายอากาศไม่ค่อยหนาวเลย
ถุงนงถุงนอนเสื้อหนาวขนไปเต็มที่ไม่ได้ใช้เลย
ถ่ายภาพดาวมาได้แค่นี้นะค่ะถ่ายไม่เป็นค่ะ



คืนนี้เราพยายามจะรีบเข้านอนเพื่อจะได้ตื่นแต่เช้าไปดูแสงแรกของประเทศไทยกัน
"พรุ่งนี้เช้าพระอาทิตย์ที่ผาชะนะไดเวลาหกจุดสามศูนย์นอ" ใครเคยฟังวิทยุแล้วได้ยินประโยคนี้บ้างค่ะ
พรุ่งนี้เช้าเราาจะตามเสียงนั่นไปดูขอจริงกันค่ะ
โดยส่วนตัวเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดจะชอบรอดูตอนพระอาทิตย์ตกกับตอนพระอาทิตย์ขึ้นมากๆ
ขนาดปกติเป็นคนขี้เกียจตื่นมากแต่เพื่อจะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นนี่แทบไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยค่ะ
สงสารแต่เพื่อนร่วมทริปที่ต้องมาแหกขี้ตาดูกับเราด้วย แต่เชื่อเถอะน่ามันสวยจริงๆอยากให้เห็นของดีๆกัน

เช้านี้ก็เช่นกันตื่นมาก่อนตีห้าเพราะกลัวจะไม่ทันพระอาทิตย์ ตื่นมาฟ้ายังมืดค่ะคลำๆหาทางไปผาชะนะไดก็ดมกลิ่นตามๆเค้าไปค่ะ

ถ้าใครไปอย่าลืมพกไฟฉายไปนะค่ะเพราะมืดตืดตื๋อเดี๋ยวจะเดินตกเขาไปซะก่อน 55
เช้านี้พระอาทิตย์วันนี้มาช้าเล่นตัวนิดหน่อย นั่งงรอกันหาวแล้วหาวอีกแต่ไม่ถอดใจยังคงรอต่อไป
ระหว่างรอพระอาทิตย์เราก็ชมวิวจากผาชะนะไดไปพลางๆ คือเพลินมากเลยค่ะ
ชอบวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่นะค่ะเพราะมีวิวแม่น้ำให้ดูด้วยปรกติจะเป็นแต่ภูเขา ภูเขา แล้วก็ภูเขา









ว้าววววว พระอาทิตย์มาแล้ว  แต่ไม่เป็นไข่แดงแอบผิดหวังนิดหน่อย
การเดินทางเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ ธรรมชาติไม่มี schedule ว่าวันนี้ฉันต้องมาแบบนี้มาเท่านี้นะ
เพราะฉะนั้นความผิดหวังจึงอยู่คู่กับการเดินทางเสมอ แต่เชื่อเถอะในความผิดหวังนั้น
ยังมีประสบการณ์ดีๆมากมายที่มอบให้ตลอดการเดินทาง



ที่เห็นในรูปคือผากำปั่นอยู่ทางด้านซ้ายของผาชะนะไดแต่ว่ายังไม่มีทางสำหรับนักท่องเที่ยว
แต่มีนักเดินทางบางคนเริ่มไปบุกเบิกแล้วค่ะในอนาคตอาจเปิดให้ขึ้นได้



ชมวิวเสร็จก็กลับมาเก็บของ ครั้งนี้เก็บของเร็วค่ะ เพราะแดดร้อนมากใครที่คิดว่ามานอนชิวๆตื่นสายๆที่นี่
คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ไม่งั้นคุณต้องกลายเป็นไก่ย่างวิเชียรบุรีแน่นอน
ระหว่างทางบนผาชะนะไดจะมีหินแปลกๆเยอะแยะค่ะส่วนหินที่เค้ามีชื่อที่ฮิตๆกันเราก็ไม่ได้ถ่ายมาหรอกนะค่ะ ถ่ายแต่ที่ๆเราอยากถ่าย อันนี้ขอตั้งชื่อเองว่าหินสามเกลอแล้วกัน







เจดีย์สีทองนั่นคือวัดถ้ําปาฏิหาริย์ เราไม่ได้แวะเข้าไปนะค่ะเพราะเวลาน้อยและต้องรีบไปที่เป้าหมายต่อไป
เคยเห็นภาพมาข้างในสวยมากนะคะ เสียดายมากๆแต่ตอนนั้นเวลาเราน้อยจริงกับอุบล 3 วัน 2 คืนนี่ถือว่าน้อยมากๆ



ลงมากจากด้านบนแล้วเราแวะกินข้าวกลางวันที่น้ำตกแสงจันทร์สักหน่อย
น้ำตกที่เคยเป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์เลยนะคะ สวยงามสมกับตำแหน่งที่ได้รับ



ออกจากน้ำตกก็ประมาณเที่ยงๆ ขับรถตรงเข้าอำเภอวารินชำราบเพื่อจะไปเป้าหมายสุดท้ายของเราในทริปนี้
ที่นี่เป็นเหมือนช๊อปปิ้งมอลล์ค่ะมีร้านอาหารร้านกาแฟ แล้วก็มีร้านอะไรอีกไม่รู้
เพราะว่าตอนที่เราไปเค้ายังสร้างไม่เสร็จเลยค่ะเห็นเพื่อนในเฟสบุ๊คคนนึงเค้าไปถ่ายรูปแล้วมาโพสไว้เห็นว่าสวยดี
เพราะทำจากไม้เพราะเป็นคนชอบสิ่งก่อสร้างจากไม้ค่ะก็เลยคิดว่าถ้ามาอุบลต้องแวะมาที่นี่ไม่ว่าจะเสร็จหรือไม่ก็ตาม
ที่นี่มีชื่อว่า  "ซืนวาน" ค่ะ ตั้งอยู่ที่ถนนสถลมาร์ค วารินฯ-เดชอุดม หรือ ทางหลวงหมายเลข 24 อยู่ระหว่างแยกกกแต้
และธกส.วารินชำราบ เลยแยก กกแต้มาประมาณ 500 เมตร อยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนธกส.วารินชำราบอยู่เลยไปอีกประมาณ 300 เมตร ด้านขวามือ



ตอนแรกได้ยินชื่อแอบคิดว่าเป็นเจ้าของเดียวกับเพลินวานรึเปล่าว้า...
แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่รู้นะค่ะว่าใช่รึเปล่าตอนนี้เค้ายังไม่เปิดเป็นทางการนะค่ะแต่ว่าเข้าชมได้นะค่ะ
ถ้าคุณไปเยี่ยมชมที่นี่จะมีน้องๆที่ดูแลที่นั่นอยู่เค้าก็จะถ่ายรูปเราแล้วก็ไปโพสที่เพจของเค้านะค่ะ
http://www.facebook.com/zuenwan รู้สึกว่าเค้าจะถ่ายเกือบทุกคนเลยนะค่ะแต่ถ้าเปิดอย่างเป็นทางการแล้วคนถ่ายไม่ไหวแล้วล่ะ

















ที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะเลยค่ะคนที่ชอบถ่ายรูปน่าจะชอบที่นี่นะค่ะ
วันที่ไปก็เห็นมีนางแบบสาวสวยกับช่างภาพมาถ่ายรูปกับหลายคนค่ะ
ปิดท้ายที่นี่ด้วยดอกไม้จาก"ซืนวาน"นะค่ะ




จังหวัดอุบลราชธานีมีอะไรดียิ่งกว่าที่เราคิดไว้มากนะคะ ไม่ได้มีแค่สามพันโบกที่โด่งดัง
แต่สถานที่อื่นๆก็สวยมีเสน่ห์ต่างกันไปฝากจังหวัดในภาคอีสานจังหวัดนี้ไว้ให้เพื่อนพิจารณาไว้ในทริปต่อไปด้วยนะคะ

หน้าหนาวนี้นอกจากภาคเหนือลองเที่ยวอีสานดูค่ะรับรองหนาวไม่แพ้เหนือ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ เจอกันรีวิวหน้านะคะ ^_^