ครั้ง "สองเรา" สะพายกระเป๋า ขึ้นรถไฟ ไปฮันนีมูน @ หัวหิน

"หัวหินเป็นถิ่นสัญญา จากไป กลับมาผิดหวัง ฮืม...ความหลังยังเวียนวน" ขึ้นเพลงนี้มา ถ้าไม่ใช่รุ่นปู่รุ่นพ่อก็ไม่ค่อยรู้จักกันหรอก แต่ลองเปลี่ยนเป็น “หัวหินเป็นถิ่นมีหอย ฝรั่งนั่งคอยจนหอยติดหิน” เท่านั้นแหละร้องสนุกสนานเฮฮาแทบทุกคน ว่าแล้วเลยอยากลองแงะหอยฝรั่ง ไม่ใช่สิ... แงะหอยจากหินมาให้ฝรั่งดูสักหน่อย

ด้วยบังเอิญได้รับสารจากมิตรสหายถามไถ่ว่าสนใจเที่ยวหัวหินหรือเปล่า มีที่นอนอย่างหรูต้อนรับ อมารี หัวหิน (Amari Hua Hin) พร้อมฟูลแพ็คเกจเข้าพักครบครัน โอ้โฮ ยั่วกันขนาดนี้มีหรือจะงี่เง่าตอบปฏิเสธล่ะครับ อมารีเชียวนะไม่ใช่โรงแรมจิ้งหรีดริมทาง แถมงวดสุดท้ายที่ไปหัวหินก็ตั้งเกือบสามปี

มิตรคนเดิมบอกว่าอมารีที่นี่เน้นสไตล์วินเทจ ย้อนยุคนิดหน่อย อบอุ่น ใส่กลิ่นอายความโรแมนติคริมทะเลเข้าไปด้วย ผมเลยนึกดูว่าจะทำอย่างไรดีให้ทริปนี้โรแมนติ๊คโรแมนติคสุดๆ ประกอบกับเจอข้อมูลว่าที่ซิเคด้า มาร์เก็ต ตลาดนัดจักจั่น เขามีงาน Hua Hin Live Music Weekend ทุกสุดสัปดาห์พอดี จึงลงตัวกับคอนเซ็ปต์ทริปว่า นั่งรถไฟไปหัวหิน ฟังเพลงชิลๆ ที่ซิเคด้า พักสบายอุราที่อมารี เข้าท่าดีแฮะ วางแผนเสร็จสรรพ กระซิบบอกคุณนายข้างกายว่า “เราไปฮันนีมูนที่หัวหินกันดีกว่า”

ตีตั๋ว 5-7 กรกฎาคม ปกติสไตล์ผมเน้นเที่ยววันธรรมดา แต่ขอติดวันอาทิตย์วันแรกมาหนึ่งวันเพราะซิเคด้า มาร์เก็ต เปิดเฉพาะสุดสัปดาห์ ศุกร์ – อาทิตย์

ขึ้นรถไฟไปหัวหินเพลินดีแสนประหยัด มีรถไฟฟรีจากทั้งสถานีธนบุรี ถนนจรัญสนิทวงศ์ และหัวลำโพง ผมเลือกขึ้นที่ธนบุรีเพราะตามตารางออกเร็วกว่า คือ 7.30 น. แต่ไม่เคยตรงเวลาหรอกนะ ส่วนที่หัวลำโพงออก 9.20 น. ซึ่งเป็นตามปกติครับเพราะรอแล้วรอเล่ากว่าขบวนรถ ธนบุรี-หลังสวน จะเริ่มติดเครื่องปาเข้าไป 8.40 น. รักษามาตรฐานเยี่ยมยอดมาก ปรบมือให้สามที แปะ... แปะ... แปะ...

รถไฟชั้นสามฉึกฉักตามเส้นทาง นครปฐม ผ่านราชบุรี เพชรบุรี จนถึงประจวบคีรีขันธ์ มาเที่ยวด้วยรถไฟขบวนนี้พลาดไม่ได้ต้องกินก๋วยเตี๋ยวหมูแดง เมื่อก่อนมีแม่ค้าถือถาดมาขายตรงสถานีปากท่อ ทว่าหลายครั้งหลังเห็นแต่เร่เดินขายบนรถไฟตั้งแต่แถวโพธาราม ห่อสิบบาทมีอยู่กระจุกนึงจะกินให้พออิ่มต้องซื้อสามสี่ห่อครับ รสชาติคุณนายเธอให้สอบผ่าน

ฉึกฉักผ่านชะอำมาแล้วเหลือแค่สองสถานีคือห้วยทรายเหนือ กับห้วยทรายใต้ บอกไว้จะได้เตรียมตัวลงถูก เสร็จสรรพมาถึงหัวหิน 13.40 น. พร้อมกับสายฝนบางๆ

อมารี หัวหิน อยู่ย่านเขาตะเกียบ ห่างจากสถานีรถไฟสัก 5 กิโลเมตร ไม่ต้องห่วงเรื่องการเดินทางเพราะหัวหินมีสองแถววิ่งกันพล่าน เดินมารอริมถนนเพชรเกษมแป๊บเดียวรถสองแถวเขียววิ่งไปเขาตะเกียบก็เลี้ยวมา ค่ารถคนละสิบบาท ไม่เกินสิบนาทีผมมายืนอยู่หน้าโรงแรมพร้อมความคิดในใจ “เราได้พักที่นี่จริงหรือ”

แบ็คแพ็กเกอร์แบกเป้เดินเข้าโรงแรมหรู อะไรมันดูตื่นตาตื่นใจ ล็อบบี้ที่อมารี หัวหิน โอ่โถงมาก ติดสไตล์ตามแบบพระราชนิเวศมฤคทายวันนิดๆ แต่เปลี่ยนมาใช้โทนสีน้ำเงินให้ความรู้สึกใกล้ชิดทะเล น่าสังเกตว่าใช้รูปม้าในการแตกแต่งเยอะทีเดียว สอบถามได้ความว่าเพราะม้าเป็นเหมือนสัตว์ประจำหัวหิน แถมเป็นสัตว์มีชาติตระกูล คล้องกับการที่หัวหินเป็นสถานที่ตากอากาศของเจ้าขุนมูลนายมาตั้งแต่สมัยก่อน รายละเอียดพวกนี้เราไม่ค่อยใส่ใจ แต่สถาปนิก มัณฑนศิลป์ ดีไซเนอร์ ให้ความสำคัญมากๆ เชียว

อีกสิ่งที่ใช้ตกแต่งโรงแรมคือรูปภาพหัวหินสมัยอดีต โดยใช้ภาพขาวดำทั้งหมด เพื่อให้กลิ่นอายความเป็นเมืองเก่ามากขึ้น

หนึ่งจุดที่เราต้องสัมผัสแน่ๆ คือ Coral lounge เพราะอยู่บริเวณล็อบบี้ เปิดให้แขกนั่งเล่นพักผ่อน รอเช็คอิน เช็คเอาต์ สวยดูดีมาก มีบริการเครื่องดื่มซอฟดริ๊งค์กับเบเกอรี่ แถมมีโต๊ะหมากรุกฝรั่งให้เล่นกัน ใครเล่นเป็นเชิญ ผมเล่นเป็นแค่หมากเก็บ (ฮา...)

เช็คอินเข้าห้องกันดีกว่า Deluxe Pool View โรแมนติคจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ห้องไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่สวยมาก จากระเบียงมองเห็นสระว่ายน้ำ ทะเลหัวหินอยู่ไกลลิบๆ มารู้ตอนหลังว่าตึกที่เห็นหลายตึกเป็นโซนเรสซิเดนซ์หรือคอนโดมีเนียม โรงแรมมีแค่สองหลังเข้ามุมสี่เหลี่ยมรอบสระว่ายน้ำ แค่เท่านี้ก็มีห้องมากกว่า 200 ห้อง

สิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมตามมาตรฐานของอมารี ไดรฟ์เป่าผม ตู้เซฟ ชุดคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ ไฟฉาย ร่ม ชากาแฟ กาน้ำร้อน อุปกรณ์อาบน้ำ แท่นเสียบไอโฟน-ไอพอด ฯลฯ เอาเป็นว่าครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องในสิ่งที่ควรมี คุณนายเธอชอบมากเป็นพิเศษคือเจลอาบน้ำ กับแชมพู เป็นกลิ่นตะไคร้หอม หอมจริงครับ ผมยังชอบเลย

พักผ่อนสักนิดแล้วค่อยลงไปเดินเล่นชมส่วนอื่นๆ เริ่มต้นที่ห้องอาหารเช้า Mosaic สวยเลยนะ ผนังหลายส่วนตกแต่งด้วยงานแกะฉลุไม้ลวดลายไทย ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชนิเวศมฤคทายวันนั่นแหละ แค่เปลี่ยนมาใช้สีสันสดใส บนเพดานห้อยโคมไฟสุ่มจับปลาเก๋ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้คงรู้กันว่าอาหารเช้าเป็นอย่างไร

สำหรับห้องอาหารกลางวัน-เย็น ชื่อว่า Reef Deli ขนาดกะทัดรัดแต่หรูหราพอตัว นอกจากอาหารทั้งไทยเทศ ยังบริการไวน์นำเข้าหลายสิบยี่ห้อมาก รวมถึงเบเกอรี่ ซอฟต์ดริงค์ ไอศกรีมโฮมเมด ผมกับคุณนายมีคิวทานที่นี่เหมือนกันแต่ตอนนี้ร้องเพลงรอรอไปก่อน

ห้องฟิตเนสสักนิด มาใช้ได้ทั้งวัน ตรงนี้จะมีห้อง Kid Room ให้เด็กๆ ด้วย

ไฮไลท์ของอมารี หัวหิน คือสระว่ายน้ำ ยกนิ้วให้เรื่องไอเดียเพราะจำลองบรรยากาศชายหาดมาเต็มๆ พื้นสระไล่ระดับความลึก ตกแต่งรอบสระด้วยต้นมะพร้าว เห็นชัดว่านักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำพักผ่อนเยอะมากชนิดไม่ต้องง้อทะเลจริงๆ ขนาดฟ้าหม่นยังสวยซะ เดี๋ยวแดดดีๆ วันต่อไปค่อยหาโอกาสมาเก็บภาพใหม่

นั่งริมสระเพลินจนใกล้ค่ำได้เวลาไปซิเคด้า มาร์เก็ต สักที อยู่ห่างจากอมารี หัวหิน แค่ 300 เมตร เดินแป๊บเดียว มาถึงต้องหาของกินอันดับแรก รู้สึกว่ามีให้เลือกมากกว่าหลายปีก่อนเยอะเลย ผมพวกกินง่าย หมูสะเต๊ะ ไก่ทอด ลาบทอด ตบท้ายสักหน่อยด้วยเห็ดย่าง กับน้ำผลไม้ปั่น บอกเลยว่าอิ่มสุดๆ

เดินเล่นย่อยท้องสักพักค่อยเข้าไปในส่วนของงาน Hua Hin Live Music Weekend การแสดงดนตรีมีตั้งแต่ 19.15 – 23.30 น. ผมมาอยู่หน้างานตอนสองทุ่ม คอนเซ็ปต์ที่นี่คือการ “ถอดเกือกฟังเพลง” หมายถึงไม่ให้ใส่รองเท้า เราต้องใส่ถุงหิ้วเข้าไป เน้นฟีลปลดเปลื้องสบายๆ ว่างั้นเถอะ

เรื่องบัตรขออธิบายสักหน่อยครับ ปกติเขาขายเป็นแพ็คเกจ 350 บาท ประกอบด้วยค่าเข้าชม 200 บาท กับค่าเบาะรองนั่งและถุงใส่รองเท้าอย่างดี 150 บาท ให้กลับบ้านไปเลยนะไม่ต้องคืน แต่ทีนี้สำหรับ 100 คนแรกของวัน มีกติกาว่าเมื่อกดไลค์หน้าเพจและแชร์กิจกรรม เขาจะให้บัตรเข้าชมราคา 200 บาท แบบฟรีๆ โดยที่หากเราต้องการเบาะรองนั่งกับถุงใส่รองเท้าอย่างดีต้องซื้อเพิ่มเอง 150 บาท ถ้าไม่ต้องการก็เข้างานได้เลย เขามีถุงเล็กๆ แจกให้ใส่รองเท้า

มายืนทางเข้าแล้ว แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ผมเอ่ยปากคือ “ครบร้อยคนหรือยังครับ” พอได้รับคำตอบว่ายังก็ยิ้มแฉ่งหน้าบาน

เข้ามาเลือกเกลือกกลิ้งใกล้ไกลเวทีตามชอบใจ อยากซื้ออาหารเบาๆ เครื่องดื่ม เบียร์ ค็อกเทล น้ำผลไม้ ตรงซุ้มทางเข้าก็ตามสบาย ราคาชาร์ตเพิ่มพอประมาณ แต่ห้ามนำอาหารเครื่องดื่มด้านนอกเข้ามาเด็ดขาด ห้องน้ำห้องท่ามีพร้อมไม่ต้องกังวล ด้านในยังมีให้เช่าลูกบอลรองนั่ง เบาะ หมอน อุปกรณ์เสริมทั้งหลายด้วยนะ ส่วนผมเป็นลูกค้าที่ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่เสียอะไรเพิ่มให้เขาเลย (ฮา...)

ฟังเพลงให้เพลิดเพลินดีกว่า ปกติมีสองวง วงแรกคือวงบราเธอร์ส ต่อมาคือปล้ำแรง สองวงสองแนวครับ บราเธอร์สเน้นสบายๆ ฟังเพลงโยกหัวตาม ส่วนปล้ำแรงจัดเป็นวงเอนเตอร์เทน ขนมุกตลก ขนความบ้ามาเรียกเสียงหัวเราะสลับกับเสียงเพลง ดนตรีใส่ลูกล่อลูกชนสไตล์ตัวเองเข้าไปเต็มที่ มีแฟนคลับประจำเยอะมาก ดังมาจากการเล่นที่ซิเคด้าตั้งแต่หลายปีก่อน

ที่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับคุณนายได้ฟังเพลง "คู่ชีวิต" ของวงค็อกเทล จากคัฟเวอร์โดยวงปล้ำแรง เพียงแค่ครั้งแรกนี่แหละก็ชอบมากมาย ชอบในความหมาย รวมทั้งชอบในเวลาที่เราได้ฟังมันพร้อมกัน... ช่างเป็นค่ำคืนที่ดีมากจริงๆ

วันที่สอง กว่าจะลุกจากเตียงได้ใช้เวลานานเชียว อารมณ์ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้นนอกจากเกลือกกลิ้งไปมา ต้องบังคับจิตใจตัวเองอย่างแรงกว่าจะเคลื่อนย้ายร่างกายสู่ห้องอาหาร Mosaic พอลงมาถึงต้องตกใจเพราะไลน์อาหารสุดอลังการ ตักกันแทบไม่ถูก สลัดผักผลไม้อยู่ด้านหน้า ติดกับครัวเป็นอาหารไทย ข้าวผัด ข้าวสวย กับข้าว ด้านข้างคือเคาน์เตอร์ขนมปัง เบเกอรี่ ซาลาเปา ซุปมิโสะ ยังมีไลน์ข้าวต้ม โจ๊ก กับข้าวเบาๆ สี่ห้าอย่าง กับอะไรอื่นๆ เกินสาธยาย ผมไม่หนักอาหารเช้าเสียด้วยสิ

อิ่มท้องแล้ว วันนี้อยากไปตามที่เที่ยวโรแมนติคอย่าง เดอะ เวเนเซีย หรือ เพลินวาน ว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ครับ แถวเขาตะเกียบมีร้านเยอะ บังเอิญสอบถามได้ว่าโรงแรมสามารถติดต่อเช่าให้เลย ร้านจะบวกราคาเช่าเพิ่มนิดหน่อย 50 บาท เป็นค่ามาส่ง-รับรถ แป๊บเดียวรถก็มาส่ง สะดวกดีสำหรับการเช่าระยะสั้นๆ พาหนะคือสกูปี้ไอ หาโลเกชั่นถ่ายรูปกับป้ายโรงแรมสักนิด

ถึงจะชื่อ เดอะ เวเนเซีย หัวหิน แต่จริงๆ ดันอยู่ในเขตอำเภอชะอำ เพชรบุรี แต่อีกนั่นแหละ เพราะถึงจะอยู่อำเภอชะอำ เดอะ เวเนเซีย กลับอยู่ใกล้ตัวอำเภอหัวหินมากกว่าตัวอำเภอชะอำเสียอีก

ระยะทางต้องแว้นจากอมารีย้อนตามถนนเพชรเกษมขึ้นไป 14 กิโลเมตร ถือว่าระดับอนุบาล แป๊บเดียวตัดฉับมาถึงเลยแล้วกัน ตกใจนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าสวยงามมาก ตกใจเพราะบัตรแพงมาก ขายกันเป็นแพ็คเกจ 180 280 และ 480 บาท (ลดเหลือ 380 บาท) มีกิจกรรม 11 อย่าง ไฮไลท์ผมว่าอยู่ที่ อาร์ตสามมิติ บ้านกลับหัว มินิยุโรป และล่องเรือกอนโดล่า ซึ่งในที่ว่าทั้งหมดมาหากซื้อแพ็คเกจแรกจะมีแค่อาร์ตสามมิติอย่างเดียว พอหารือกับคุณนายก็ตกลงว่าเอาแค่ 180 บาท ที่เหลือช่างมัน

ตกใจซ้ำสองคือเมื่อเดินเข้ามา... เงียบมากเข้าขั้นวังเวง ร้านค้าเปิดอยู่สิบเปอร์เซ็นต์ สถานที่โดยรวมผมว่าน่ารักน่าถ่ายรูปดีนะ แต่ด้วยความที่มันเงียบมากจึงรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าเที่ยว ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ภาพเรือกอนโดล่า (จำลอง) เสียแล้ว ยังโชคดีได้ติดกล้องมาบ้าง ต้องรอสักบ่ายๆ คนถึงเริ่มเยอะขึ้นหน่อย ทว่าเมื่อเทียบกับขนาดสถานที่ยังนับว่าโหรงเหรงอยู่ดี

พอใจจากด้านนอกค่อยเข้ามายังโซนภาพอาร์ตสามมิติ ตรงนี้ฮิตสุด ห้องแอร์เย็นฉ่ำ ใครๆ เลยมากระจุกอยู่ที่นี่ ผมกับคุณนายเองถ่ายรูปกันสนุกนานแทบลืมเวลา

ออกจากเวเนเซียสักบ่ายสองนิดๆ ขี่ย้อนลงมาทางหัวหิน  6 กิโลเมตร ก็ถึงเพลินวาน แม้จะเคยมาหลายครั้ง  แต่ก็มาเที่ยวได้อีกไม่เบื่อ เพราะข้อดีสำคัญที่สุดคือที่นี่เข้าฟรีไงล่ะ

ร้านค้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย มีเปิดเพิ่มขึ้น มีล้มหายปิดร้านไป แต่มาทีไรยังคงยิ้มถ่ายรูปกับมุมต่างๆ อยู่ร่ำไป มุมเดิมที่เคยถ่ายแล้วก็ถ่ายซ้ำบันทึกเป็นภาพทรงจำในห้วงเวลาแตกต่าง

มาเดินหาอะไรกินกันด้วย สอยขนมถังเต็มร้านดังมาสามชิ้น ทาโกะยากิอีกนิดหน่อย ตบท้ายด้วยข้าวแห้ง โฆษณาว่าสูตรบ้านโป่ง เป็นอาหารโปรดของผม แต่ต้องผิดหวังเพราะรสชาติไม่ผ่านให้ได้เพียงความอิ่ม แอบเศร้าเล็กน้อยกับข้าวแห้งที่นี่

ถ่ายรูปเล่นย่อยท้องสักพัก คุณนายเธอรีเควสต์อยากกินกาแฟที่บ้านใกล้วัง ตรงถนนแนบเคหาสน์ คือเพื่อนเคยมากินบ่อยบอกว่ารสชาติดี บรรยากาศเยี่ยม เอ่ยขอมาขนาดนี้ผมหมดสิทธิ์ปฏิเสธ ต้องขี่รถมาทางตัวอำเภอหัวหิน เลี้ยวเข้าหัวหิน ซอย 51 ทะลุถึงถนนแนบเคหาสน์ เลี้ยวซ้ายอีกแป๊บเดียวก็ถึงที่หมาย ร้านหาไม่ยากครับอยู่ในพื้นที่บ้านสามสุข เป็นการแบ่งส่วนบ้านพักมาปรับเป็นร้านเบเกอรี่ และร้านอาหาร

บรรยากาศพาฟินจริงๆ เรือนไม้เก่าแก่ท่ามกลางสวนเขียวริมทะเล ลองสั่งเค้กมาสักชิ้น น้ำคนละแก้ว ราคาเครื่องดื่มและเค้กชิ้นเล็กๆ เริ่มต้น 80 บาท จ่ายรวมแล้วผมว่าแพงอยู่นะ แต่แลกกับความสุขของคุณนายเธอ ผมคงไม่มีอะไรต้องบ่น

เอาล่ะกำลังจะเย็นได้เวลากลับไป... เล่นน้ำสิครับ ตั้งแต่มานี่ยังไม่ได้โดนสระว่ายน้ำสวยสุดๆ ของอมารีเลย ต้องขอตัววางกล้องสักพัก

ขึ้นจากสระใกล้โพล้เพล้ คืนนี้มีคิวดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมทะเลที่ Shoreline Beach Club เป็นห้องอาหารติดชายหาดของอมารีนั่นเอง ชีวิตมันจะดีเลิศอะไรขนาดนั้น อาคารโรงแรมอมารีไม่ติดทะเล แต่สามารถเดินไปที่ Shoreline ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที หรือจะรอบริการรถไฟฟ้ารับ-ส่งของโรงแรมก็ตามสะดวก

ผมเกี่ยวก้อยกับคุณนายเดินแป๊บเดียว บอกตรงๆ ครับว่าเกือบหลุดปากร้อง “โอ้ มายก้อด” ร่วมชีวิตด้วยกันมาเกือบทศวรรษครึ่ง เพิ่งมีวันนี้ที่ได้ดินเนอร์แบบที่เรียกว่าดินเนอร์จริงๆ ครั้งแรก ทั้งบรรยากาศและมื้ออาหารซึ่งโรงแรมเตรียมให้สุดยอดเหลือเกิน

ต้อนรับด้วยเครื่องดื่มเบาๆ ซิกเนเจอร์ของที่นี่ “ฟังกี้ มาการิต้า” ปกติกระดกเบียร์ไทย เจอค็อกเทลเข้าไปช่างเป็นบุญลิ้น รสชาติจะหวานอมเปรี้ยวเผ็ดร้อนขนาดไหนขึ้นอยู่กับการใช้เครื่องปรุงแต้มปากแก้ว

เมนูอาหารจัดเต็ม บาร์บีคิวเพลทเตอร์ มีกุ้งตัวโตสองตัว ปลาหมึกสองไม้ ปลาสองชิ้น ซี่โครงแกะอีกสอง จานรองมีการ์เด้นกรีนสลัด สไปซี่ซีฟู้ดสลัด หมูคำหวาน แค่นี้ก็สามารถนั่งละเมียดละไมจนมืดค่ำกว่าทั้งหมดจะมลายหายวับ เคล้าไปกับเสียงคลื่นทะเลและเสียงเพลงบรรเลงแผ่วเบา

ความจริงแล้ว อาหารก็คืออาหาร แต่ที่มากกว่านั้นคือบรรยากาศที่ได้รับครับ ยิ่งพิเศษเมื่อมื้ออาหารบรรยากาศแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมกับคุณนายไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่คิดแม้ว่าจะมีโอกาสใช้เวลาแบบนี้ร่วมกันด้วยซ้ำ พอเห็นเธอยิ้มยินดี ดีใจ ผมก็มีความสุข นั่นคงคือสิ่งสำคัญที่สุด ดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมชายหาดมันเป็นแบบนี้นี่เอง...

วันสุดท้ายที่ไม่อยากให้ท้ายสุด สะลืมสะลือเห็นแดดดีหลังจากฟ้าปิดมาตลอดสองวันจึงรีบปลุกคุณนายลุกจากเตียง จัดการอาหารเช้าให้เร็วไวเพื่อมาถ่ายรูปสระว่ายน้ำ เพราะนอกจากแดดดียังมีเฉพาะตอนเช้าก่อนสักเก้าโมงเท่านั้นที่จะโล่งปลอดคน หลังจากนั้นจะมีแขกเล่นน้ำทั้งวันจนมืดค่ำไม่ว่างเว้น มาพักที่นี่ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะขลุกอยู่ตรงสระว่ายน้ำมากกว่าทะเลจริงๆ เสียอีก

เก็บภาพหลายมุมมองมากฝากครับ ขออนุญาตผสมภาพจากตอนบ่ายซึ่งเป็นแสงอีกมุมด้วยเลย เป็นสระว่ายน้ำที่แจ๋วจริง

เดินถ่ายรูปเล่นในโรงแรมสักพักเห็นว่ามีเวลาเหลือก่อนจะถึงเวลาเขามาเอามอเตอร์ไซค์คืน เลยบิดไปเที่ยวเขาหินเหล็กไฟสักหน่อย เป็นจุดชมวิวเมืองหัวหินที่สวยที่สุดและผมชอบที่สุด ปกติมาช่วงบ่ายมุมแสงมุมฟ้าจะสวยกว่าตอนครึ่งวันเช้า ทว่าวันนี้เลือกไม่ได้แค่แวะมาดูว่าเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า บนนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 ด้วย

กลับถึงโรงแรมมีคิวกิจกรรมประเภทครั้งแรกในชีวิตอีกหนึ่งอย่างคือ ขัดผิวทำสปานวดน้ำมันที่ Breeze Spa ซึ่งอยู่ข้างห้องอาหาร Reef Deli โปรแกรมที่โรงแรมเตรียมให้คือ Hua Hin Tropicana ถือเป็นการนวดซิกเนเจอร์ของที่นี่ เป็นการนวด Mood Massage หรือนวดตามอารมณ์ของผู้ใช้บริการเพื่อให้ผ่อนคลายที่สุด มีการใช้เปลือกหอยเบี้ยประกอบการนวดให้ฟีลทะเลหัวหิน น้ำมันหอมระเหยผสมกลิ่นจากผลไม้ท้องถิ่น มะม่วง ส้ม สมุนไพรต่างๆ สครับขัดผิวใช้ข้าวหอมมะลิบดรวมกับผงไข่มุกแท้ แค่ฟังอธิบายยังไม่ทันจะเริ่มทำก็ฟินแล้ว

บรรยากาศของ Breeze Spa หากใครติดใจเจลอาบน้ำหรือแชมพูที่ใช้ในห้องพัก สามารถหาซื้อกันได้ที่นี่

ส่วนนี่เป็นภายในห้องนวด ส่วนตัวทุกห้อง ห้องน้ำส่วนตัวเช่นเดียวกัน

แว่วมาว่าการนวดน้ำมันเราต้องแก้ผ้าใช่ไหมเอ่ย ใส่แค่กางเกงในบางๆ ประหนึ่งเปลือยเปล่า นั่นแหละครับ ขอตัวจูงมือคุณนายไปปลดเปลื้องอาภรณ์ติดเซ็นเซอร์สักครู่

จะบอกยังไงดี ฟีลกู๊ดสุดๆ จะน้อยไปหรือเปล่านะ ทำสปาเสร็จสรรพเบาหวิวผ่อนคลายเหลือเกิน เนื้อตัวที่เคยกรำแดดกรำลมลื่นปรื๊ด ถามว่าตอนทำเขินไหม แค่แป๊บเดียวครับสักพักก็เริ่มหน้าด้าน (ฮา...) จริงๆ คือสปาระดับนี้เขามีการบังมุม ใช้ผ้าขนหนูกางปิด ไม่ปล่อยให้เราโชว์สัดส่วนโล่งโจ้งอย่างนั้นหรอก ใช้เวลาทำทั้งหมดร่วมสองชั่วโมง สครับผิวก่อน อาบน้ำล้างตัวเสร็จค่อยนวดน้ำมัน ปัญหามีอย่างเดียวครับคือติดใจแล้วทำอย่างไรดีล่ะ ครั้งหน้าต้องควักสตางค์เองนะ

อารมณ์ดีๆ ที่ว่ายังไม่หมดแค่นี้ เพราะก่อนเช็คเอาต์ทางโรงแรมยังเตรียมมื้อกลางวันที่ Reef Deli เป็นการส่งท้าย ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาบรรยาย มีน้ำแอปเปิ้ลลิ้นจี่เป็นของอร่อยขึ้นชื่อ พะแนงซี่โครงแกะ สาวน้อยปะแห้งหรือห่อหมกเห็ดซึ่งเป็นเมนูชนะเลิศเชฟกระทะเหล็กของที่นี่ ต้มไก่ระกำที่อร่อยกลมกล่อมมาก เป็ดย่างเสิร์ฟชิ้นพอดีคำ พออิ่มหนำอร่อยเรียบร้อยค่อยตบด้วยเบเกอรี่รวมมิตรหลากชนิด เปรมปรีดิ์คุณนายเธอล่ะ

เช็คเอาต์แบบปรี่ล้นด้วยอารมณ์โรแมนติค ขอไปเก็บภาพที่ชาดหาดสักนิด แดดกำลังดี ฟ้ากำลังงาม

จากนั้นค่อยเดินกลับมาถ่ายรูปโรงแรมด้านหน้า มีแทบทุกมุมของอมารี หัวหิน ยกเว้นด้านหน้ายังไม่ได้ภาพสวยๆ

ขากลับไม่ทันเวลารถไฟฟรีแล้ว เพราะตามตารางออกไปแล้วประมาณบ่ายสองโมง ต้องปรับแผนนิดหน่อยนั่งสองแถวเขียวไปตลาดต่อรถตู้กลับกรุงเทพ คืนสภาพกลับมาเป็นมนุษย์ห้องเช่าในเมืองหลวงเหมือนเดิม

ครั้งหนึ่งกับทริปสุดโรแมนติค เปรียบเสมือนการฮันนีมูนแสนหวาน ที่ผมกับคุณนายเธอไม่เคยได้ฮันนีมูนกันจริงๆ นับตั้งแต่ใช้ชีวิตร่วมกันมา มันจะอยู่ในความทรงจำดีๆ ของสองเราไปตลอดแน่นอนครับ...

----------------------------------------------------------------------------------

อยากคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องท่องเที่ยว สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) หรือชวนเที่ยว ยินดียิ่งนะครับ

www.facebook.com/alifeatraveller

หรือ

alifeatraveller.wordpress.com

----------------------------------------------------------------------------------