ตามล่าช้างบนยอดดอยหลวงเชียงดาว


ทริปนี้เริ่มจากมีอิบ้าคนหนึ่งอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่ไม่รู้จะไปไหนดี ถามเพื่อนร่วมทริปหญิงอีกสองคน นางก็บอกได้หมด  อีกคนก็ยังไงก็ได้ๆ ด้วยความอยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆ ตอนแรกคิดว่าจะไปกิ่วแม่ปาน อยากไปชมทะเลหมอก แต่พอมาเห็นกระทู้รีวิวเชียงดาวแล้วเปลี่ยนใจอัตโนมัติ ไหนๆพวกมันก็บอกไปไหนก็ได้แล้ว จัดพาขึ้นเขาซะเลย พอตกลงกันได้แล้ว ก็เริ่มโทรจอง โดยครั้งนี้เราไปรถไฟกันค่ะ เนื่องจากอยากไปแบบลุยๆและเป็นครั้งแรกของเราในการนั่งรถไฟไปเที่ยว รถไฟขาไปเป็นแบบปรับอากาศชั้นสอง ส่วนขากลับเป็นแบบนอน ไปกลับประมาน 1400 บาท

 

หลังจากที่มาถึงสถานีเชียงใหม่แล้วเราก็นั่ง grab car ค่ะ ตอนนี้มีโปรโมชั่นอยู่นั่งฟรี 60 บาท ใช้โค้ด CM2017 ใช้ได้สามครั้งต่อผู้ใช้หนึ่งคน พอเข้าที่พักแล้วอีกวันก็อยู่เที่ยวในเชียงใหม่ พอบ่ายๆเราก็มาขึ้นรถไปเชียงดาวที่ขนส่งช้างเผือกค่ะ รอบสุดท้ายจะออกประมาณ 17.30 แต่ถ้าวันไหนมีรอบพิเศษ คันสุดท้ายจะออกตอนทุ่มครึ่ง นั่งรถไปชั่วโมงครึ่งก็ถึงเชียงดาวค่ะ ค่ารถคนละ 40 บาท พอไปถึงก็เข้าที่พัก พวกเราพักกันที่ เชียงดาวโฮสเทล คนละ 250 บาท ที่พักโอเค เจ้าของที่พักก็น่ารักและใจดีมากค่ะ

เนื่องจากว่าเรามากันผู้หญิง 3 คน โชคดีมากๆที่คนที่มาพักที่โฮสเทลเค้าก็จะขึ้นดอยพรุ่งนี้เช้าเหมือนกัน มากันสิบกว่าคน เจ้าของที่พักเลยช่วยไปคุยให้ ให้เราติดรถไปกับพวกเค้าด้วย วันรุ่งขึ้นเลยติดรถพวกพี่เค้าไป เค้านัดเจอตั้งแต่หกโมงเช้า แวะไปตลาดแวะกินเข้าช้าวและซื้อของกินขึ้นไปบนดอย หลังจากนั้นก็ตรงไปอุทยานค่ะ

พอถึงอุทยาน เราก็แจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่ ถึงเวลาที่ต้องลุยกันเองสามคนแล้ว5555 เนื่องจากมากันสามคนเลยหารค่ารถและค่าลูกหาบค่อนข้างแพง

การขึ้นดอย มีสองทางค่ะ คือขึ้นทางปางวัว ลงทางปางวัว ค่ารถไปกลับ 1200บาท  และขึ้นทางเด่นหญ้าขัด ลงทางปางวัว1800บาท เราแนะนำให้ขึ้นทางเด่นหญ้าขัดค่ะ เพราะว่าเดินง่ายกว่้ามากแต่อาจจะใช้เวลาเดินนานกว่าหน่อย แต่ถ้าใครชอบทางชันๆ ไปปางวัวได้เลยค่ะ ยอมใจ

ส่วนค่าลุกหาบ เราจ้าง 1 คน แบกสามสิบโล สองวันรวมเป็น 1500 บาท ตกคนละห้าร้อยค่ะ สามสิบโลคือน้ำซะส่วนใหญ่แล้วก้เต็นท์ค่ะ ส่วนอาหาร เราพกมาม่าและขนมปังไปค่ะ

พอเราแจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่เสร็จก็ขึ้นรถออกเดินทาง ลูกหาบเราชื่อพี่เป้ง นางตัวเล็กแต่เดินไวมากกกและนิสัยดีมากๆๆๆ ระหว่างทางก็จะประมานนี้ค่ะ สามสาวผู้ไม่ค่อยสันทัดกับการเดินเขา แต่ว่าอยากมา5555 ตลอดทางคือมีแต่หมอก ลมตีหน้าแรงมาก หนาวมาก มันส์มากค่ะ ทางไปเด่นหญ้าขัดค่อนข้างชันและขรุขระมาก เจ็บก้นไปหลายระลอกเลยทีเดียว

มาถึงจุดสตาร์ทตอนสิบโมงสิบนาทีค่ะ ระหว่างทางเดินก็ชมวิวทิวทัศน์กันไป สวยงามแบบที่กรุงเทพไม่มีให้ชม เดินไปเรื่อยๆก็เริ่มร้อนแล้วก็ถอดกันทีละชิ้นๆ 5555 แต่วิวนี่ให้เต็มเลยค่ะ สวยมากๆ พวกเราใช้เวลาประมาณ 4 ชมก็มาถึงจุดกางเต็น ซึ่งลูกหาบเราได้มารอเป็นชมแล้ว

 

เรามาถึงจุดกางเต็นประมาณบ่ายสองนิดๆค่ะ มาถึงพี่เค้าก็กางเต็นท์ให้เราเรียบร้อย เราก็นอนพักกันจนประมาณสี่โมง ก็เริ่มเดินขึ้นยอดดอยค่ะ ยอดนั่นคือยอดเดียวกับที่เราเห็นตรงจุดกางเต็นท์ป่าวน้า แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่เพราะหินมันเยอะมาก และนี่คือวิวจากจุดกางเต็นท์ค่ะ บอกตรงๆเลยตอนแรกพอมีคนบอกว่าที่นี่โหดว่าเข้าช้างเผือก เราไม่เชื่อค่ะ เรารู้สึกว่าทางเดินขึ้นมาถึงจุดกางเต็นท์ที่นี่โอเคกว่ามากๆ ช้างเผือกมันชันกว่า จำได้ว่าแค่เดินมาเจอป้ายยินดีต้อนรับสู่ทางพิชิตเขาช้างเผือกก็แฮ่กแล้ว แต่ที่นี่ระยาทางไกลแต่ทางชันน้อยค่ะ แต่พอเราเห็นทางเดินที่จะขึ้นไปบนยอดแล้ว ยอมใจ สันคมมีดก็สันคมมีดเถอะ มาเจอทางขึ้นนี่สิ มีสองมือสองเท้า ใช้หมด คือถ้ามีสี่มือสี่เท้าก็คงใช้หมดเหมือนกัน ปีนป่ายก้อนหิน เดินขึ้นนึกว่าตัวเองกำลังหัดเดินแบบสิงโต และเราก็มีเพื่อนร่วมทางไปด้วยอีกหนึ่งคน ชื่อพี่แผนค่ะ นางเป็นก๊วนเดียวกับพี่ๆที่ให้เราติดรถมาอุทยาน ซึ่งเพื่อนของนางยังเดินมาไม่ถึง เราก็เลยชวนขึ้นยอดดอยไปด้วยกัน ใช้เวลาเดินขึ้นประมานชมนึงค่ะ หู้วว พอขึ้นมาเห็นวิวแล้วหายเหนื่อยเลย สวยไรเบอร์นี้ คุ้มจริงที่ได้มา สวยมากๆ พอขึ้นมาถึงก็มีคอมมิวนิตี้เล็กๆบนยอด ทุกคนจับจองพื้นที่นั่งดูเขาสามพี่น้องและคุณพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ถ้ากล้องถ่ายได้สวยแบบที่ตาเห็นคงจะดี และนี่คือภาพสามสาวผู้ไม่สันทัดในการเดินเขา55555

และพี่ลูกหาบที่น่ารักของพวกเรา นางถือกระเป๋าเป้สีชมพูมุ้งมิ้งมากค่ะ แล้วพี่แกชอบกระโดดๆไปที่จุดเสียวๆ อินี่กลัวมากกกว่าพี่เค้าจะตกลงไป คือพี่ไม่กลัวแต่หนูกลัว เดี๋ยวไม่มีใครพาหนูลงไปจะทำยังง้ายยยยย

ส่วนนี่ก็เป็นเพื่อนร่วมทางอีกคนที่กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้วตอนนี้ 55555

และนี่ก็เปนใครก็ไม่รู้ที่อยู่ๆก็เดินไปตรงหน้าผา คือมันน่าหวาดเสียวมากจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ พี่สุดยอดมากค่ะ

หลังจากที่อาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ดาวก็เริ่มโผล่ หลายๆมนุษย์ๆทยอยลงเขากันไปเกือบหมดแล้วเพราะเริ่มมืด พอมันมืดมันก็เดินลงลำบากเพราะไม่มีไฟเลย เพื่อนอินี่ก็บอก มึงๆลงเถอะ มืดแล้วอันตราย แต่อินี่ไม่ยอมค่ะ อุตส่าห์บ้าบิ่นมาขนาดนี้แล้วต้องขอชมดาว หาช้างให้ได้ ถึงตอนนี้อากาศก็เริ่มหนาวแล้วค่ะ โชคดีมากที่เอาเสื้อมาสาวตัวพร้อมผ้าพันคอ ช่วยได้นิสนึง แล้วพี่แผนก็สอนพวกเราดูดาวค่ะ นู่นๆดาวที่สว่างๆที่สุดตรงนั้นคือดาวซิริอุส (ขออภัยหากรูปมีความไม่ชัดและแตกเนื่องจากไม่มีขาตั้งกล้องจึงต้องใช้ระบบแมนนวล) ไฟฉายพี่แกก็ สว่างไปหน๊ายย ชี้ดาวได้เป็นดวงๆเลยทีเดียว ก็ถ่ายรูปดาวแล้วก็ฟินกันไปกับอากาศหนาวๆและวิวหลักล้านในราคาย่อมเยา อยู่กรุงเทพก็คงหาแบบนี้ไม่ได้ สักพักหางช้างก็ค่อยๆโผล่มาให้ชมค่ะ

มีความฟินเบอสิบบบบเบอร้อยเบอพันนน หลังจากดูดาวกันสมใจ เพื่อนก็สะกิดอีกรอบ มึงงงลงเหอะ อันตรายยย เออลงก็ลงวะ ทางลงนี่ใช้เวลานานกว่าทางขึ้นนะคะ เพราะมันมืดดดดดดดมากกกก อยากจะเก็บภาพระหว่างทางให้ดูแต่เสียดายมือไม่ว่างเพราะพวกเรานั้นแทบจะสไลด์ลงเขากันเลยทีเดียว อนาถสภาพตัวเองแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำมากๆ ก็ใช้เวลาประมานชั่วโมงกว่าๆ กว่าจะหาทางคลำๆลงเขากันมาได้ โชคดีมากที่พี่เป้ง(พี่ลูกหาบของพวกเรา)และพี่แผนมีไฟฉาย ไม่งั้นพวกเราแย่แน่ๆเลยยย คนบ้าอาไร้เดินเขาไม่มีไฟฉาย U_U

รู้สึกดีใจที่ยอมอยู่บนยอดดูดาวต่อเพราะพอลงมาหมอกก็มาเต็มท้องฟ้าปิดมองไม่เห็นอะไรแล้วค่ะ พอลงมาถึงจุดกางเต็น เราก็ตามหาเต็นของเพื่อนๆพี่แผนกันค่ะ ขึ้นๆลงๆขึ้นๆลงๆ พอเจอพวกพี่ๆเค้าก็ชงชามะลิให้ดื่ม มีความฟินไปอีกก เม้ามอยหอยสังแปบนึงก็กลับเต็นนอน จะบอกว่านอนไม่หลับเลยค่ะ เพราะหนาวมากกกกกก ลมมาทีความเย็นจับทุกขั้ว หลับๆตื่นๆเลยลุกมาแชะดาวไปอีกรูป นี่คือเพื้อนข้างเต็นค่ะ สวัสดี

พอนาฬิกาปลุกดัง อินี่ดีใจมาก นอนต่อไปก็คงนอนไม่หลับ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นดีกว่า แต่เพื่อนเทค่ะ เพื่อนบอกว่ากูไม่ไปนะ ไม่ไหวแล้วขาขยับไม่ได้ ตรึ่งงงง เออ ไปคนเดียวก็ได้วะ นี่เลยเรียกพี่ลูกหาบแล้วก็ไปกันสองคน น่ารักๆ ทางขึ้นก็ค่อนข้างชันค่ะ เริ่มจะหอบแฮ่กละไม่ถึงอีกหรออ ใช้เวลาเดินประมานชั่วโมงนิดๆในการไปกิ่วลมใต้ค่ะ ทางก็มืดๆเหมือนเดิม พอขึ้นมาถึงข้างบนก็ อ้าววว มาถึงเป็นคนแรก จับจองพื้นที่ต่อไปค่ะ รอคุณพระอาทิตย์กลับมาและรอดูทะเลหมอกยามเช้า แล้วก็เจอเพื่อนค่ะ น้องเบ๊น นางก็โดนเพื่อนเทเหมือนกัน มาพร้อมกับลูกหาบเหมือนกัน 55555555 แล้วสักพักพี่แผนและเพื่อนๆก็ตามมาค่ะ โอ้โห มีการแบกโอวันตินและกาแฟขึ้นมาชงถึงบนนี้ ยอมใจค่ะยอมใจ และความซวยนั้นมีอยู่จริง ไม่ทันที่อาทิตย์จะโผล่ กล้องก็แบตหมดซะงั้น แชะรูปไปหน่อยเดียวเอง นี่คือแสงแรกกกกค่ะ คุณพระจันทร์ก็มาาา

คิดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวใช้ไอโฟนถ่ายก็ได้ อยู่ดีๆไอโฟนก็สำออย แบตเหลือตั้งห้าสิบดันดับต่อหน้าต่อตา แหมมเจออากศหนาวไม่ได้เลยนะ นี่ก็เลยขอยืมพาวเวอแบงค์คนรอบข้าง ตลกมากกก พี่เค้าบอก น้องมีเท่าไหร่ ใช้ธนาคคารอะไร โอนมาด้วย ! 5555 เฮฮาปาจิงโกะ ถ่ายรูปพระอาทิตย์ได้อีกนิสหน่อย ก็จะประมาณนี้ ขอบคุณรูปสวยๆจากน้องเบ๊น และมีความขำที่พี่เค้าแบกชุดไดโนเสาร์มาถ่ายรูปกับคุณพระอาทิตย์ จี้ซะไม่มี55555

ถ่ายจนหนำใจก็เดินกลับเต็นท์ไปปลุกพวกนางทั้งสองตื่นขึ้นมาโซ้ยมาม่าแล้วก็เก็บของบอกลา ฮือออ ไม่อยากกลับเลยจริงๆ ต้องจากกันแล้วหรอ อาลัยอาวรณ์สุดๆ ใครมีโอกาสามาอยูได้สักสามวันสองคืนกำลังดีนะคะ นี่เสียดายมากๆที่อยู่แค่คืนเดียว ทางลงพวกเราใช้เวลาแค่สองชั่วโมงค่ะ เนื่องจากทางค่อนข้างลาดชันมาก อย่างที่บอกเราลงทางปางวัว ชันและลื่นมากค่ะ

 

อย่าลืมเก็บขยะลงมาด้วยนะคะ เราต้องเอาไปให้ที่อุทยานดูเพื่อที่จะได้รับเงินคืน พอมาถึงตีนเขาแล้วก็นั่งกระบะกลับอุทยาน จ่ายเงินค่ารถค่าลูกหาบ อาบน้ำแต่งตัว น้ำเย็นมากกก น้ำธรรมชาติ พอทำอะไรเสร็จ พี่คนขับรถใจดีมากกก อาสาไปส่งพวกเราที่ท่ารถค่ะ พวกเราเลยให้เงินไปหนึ่งร้อยบาท ไม่งั้นก็ไม่รู้ชะตากรรมจะไปไงต่อ พอมาถึงเชียงใหม่ เราก็เรียก grab car เหมือนเดิมค่ะ ให้เค้าไปส่งที่สถานีรถไฟ ขึ้นรถกลับกทม ขากลับนี่หลับสบายเลยค่ะ 5555 มีความฟินกับทริปนี้มาก มีโอกาสต้องกลับไปอีกอย่างแน่นอน

สุดท้ายนี้ ดอยหลวงเชียงดาว สุดยอดมากกก แนะนำให้มา ประทับใจ ไม่ผิดหวัง ไม่เคยเดินเขาก็มาได้ อย่างพวกเรานี่5555

ถึงเวลาต้องบอกลาแล้ว ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ ผิดพลาดประการใดโปรดอย่าถือสา นี่เป็นการเขียนรีวิวกระทู้แรก

ปล หากมีใครต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือชวนไปจอยทริปนี่ยินดีมากๆๆนะคะ :)

บ๊ายบายยยย