l มนต์รักท่าคา l

รุ่งเช้าแล้วล่ะหนา      ตรงเส้นขอบฟ้าฉันจะหวน

อาบปีกเล่นแสงนวล  จะล้อเล่นระเริงลม

ร้องทักกับแสงแดด    ปีกจะแหวกไปทุกแห่งหน

เจ้าปุยเมฆแสนชอบกล  ทั้งซับซ้อนและเบาบาง

ครั้งแรกกับการเดินทางคนเดียว บรรยากาศมันบอกให้พาตัวเองออกไป ..ไปไหนสักที่

โดยตีกรอบอยู่ที่ ใกล้กรุงเทพ เงียบสงบ และประหยัดที่สุด

นึกถึง นิทานคำกลอน ๒ แบบไม่ลังเลเลย เพราะเห็นครั้งแรกในนิตยสารแล้วเหมือนมีมนต์สะกด

28 / 03 / 58

8:35  เริ่มออกเดินทางด้วยรถไฟ ขึ้นที่ สถานีวงเวียนใหญ่นะคะ เพื่อไปลง สถานีมหาชัย

รถไฟสายนี้ ส่วนใหญ่ คนที่ใช้สัญจรจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า ระหว่างทางก็จะผ่านทุ่งนา แม่น้ำ นาเกลือ สลับกับชุมชนบ้าง

9:30  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงสถานีมหาชัย

ออกมาจากสถานี เลี้ยวขวาตรงตลาดที่ขายอาหารทะเล และเดินตรงมาเรื่อยๆ เลยคะ

เพราะเราต้องไปขึ้นเรือข้ามฟากไปท่าฉลอม (สถานีบ้านแหลม)

ใช้เวลาเดินทางเพื่อข้ามฟาก แค่ 5 นาทีเท่านั้น

เมื่อถึงฝั่งก็ให้เลี้ยวขวา และเดินตรงเพื่อไปรอขึ้นรถไฟที่สถานีบ้านแหลม

วันนั้นโชคไม่ค่อยดีเท่าไรเลยคะ รถไฟก็มีดีเลย์นะคะ กว่าจะมาก็รอแค่ 2 ชม.เองคะ

12:05  ในที่สุดรถไฟก็มาสักที ปลายทางต่อไป คือ สถานีแม่กลอง ที่มีตลาดร่มหุบนั่นแหละ

13:30  รถไฟกำลังเทียบท่า สถานีแม่กลอง

เคยเป็นแต่นักท่องเที่ยวที่รอถ่ายรูปข้างล่าง เวลาร่มที่หุบตอนรถไฟมา

วันนี้ได้มาอยู่บนรถไฟซะเองก็ได้รูปที่ต่างไปอีกแบบ

เมื่อลงรถแล้วก็ออกมาจากตลาดเพื่อจะไปขึ้นรถสองแถว พิกัดก็หาไม่ยากนะคะ

บริเวณที่เดียวกับที่มีรถสองแถวไปตลาดอัมพวานั่นแหละคะ

แต่สายที่เราจะไปนี่ จะจอดอยู่คันสุดท้าย ป้ายที่รถจะเขียนว่า แม่กลอง-ท่าคา-เทพประสิทธิ์
(เจอพี่สาวใจดีบอกทางมาตลอด บอกกับคนขับให้ด้วยว่าต้องส่งเราที่ไหน ใจดีจริงๆคะ ... ประทับใจ)


15.00 ถึงสักที นิทานคำกลอน ๒ รับกุญแจแล้วไปดูห้องพักกันเลยค่ะ

 ห้องที่พัก เป็นห้องที่มี 3 เตียงที่เอาไว้สำหรับพัก 6 คน แต่ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมอยู่ด้านนอก

แต่เนื่องด้วยว่า วันที่เราไปส่วนมากลูกค้าจะมาเป็นคู่ๆ

พี่ใช้ เจ้าของรีสอร์ท เลยอนุญาติให้เราพักห้องใหญ่ๆนี้ คนเดียวไปเลย ห้องชื่อ "นิทานชานบน" ค่ะ

มีตู้ล็อคเกอร์ให้ใส่ของตอนอาบน้ำด้วย

 หลังจากเก็บของเข้าที่พักก็ลงมาหากาแฟกินซะหน่อย

ที่นี่ ตอนกลางวันที่เค้ามีตลาดน้ำ ก็เปิดเป็นร้านกาแฟให้คนที่มาเดินเล่นที่ตลาดแต่ไม่ได้พักที่นี่

สามารถเข้ามากินกาแฟ นั่งพักผ่อนถ่ายรูปได้

มุมอีกมุมที่ชอบมาก ต้นไม้ใต้บันได

มีอีกหลายมุมที่ชอบ เพราะถูกตกแต่งให้เข้ากันเป็นอย่างดี กับบ้านที่รายล้อมด้วยแม่น้ำและต้นไม้

สงบ เงียบ สบาย เหมาะกับการชาร์จแบตให้กับร่างกายมากๆ

หนังสือที่นี่ แน่นอนว่า ต้องเกี่ยวกับ กลอน หรือนิทาน ซึ่งก็มีมากมายให้หยิบมาอ่านได้

จิบกาแฟไปพลาง อ่านหนังสือไปพลาง  แหม...มีเวลาแค่2วันคงไม่พอแล้วละมั้ง

อีกมุมยอดฮิต ของ นิทานคำกลอน ๒

เดินเล่นเพลินไป...ลืมเวลาอาหารเย็นเลย

อาหารเย็นของเราวันนี้ อันนี้ คือกินไปครึ่งนึงแล้ว นึกได้ว่าลืมถ่ายรูป ..แฮ่ะๆ
พี่หนู พี่ที่เป็นคนจัดการเรื่องต่างๆในรีสอร์ท เค้าเห็นเรามาคนเดียวเลยจัดอาหารมาให้

สาบานว่า นี่ จัดมาให้กินคนเดียวนะคะ (มื้อนี้พี่หนูคิด 80 บาท อะไรจะถูกปานนั้น ฟินไปเลยค่ะ)

กินเสร็จแล้วก็ไปเดินย่อยอาหารกันค่ะ

บริเวณ ชั้น 2 มีของสะสม ของเก่า ด้วยนะคะ ส่วนมากลูกค้าขาจรจะขึ้นมาถ่ายรูปกันค่ะ

 ที่รีสอร์ท เงียบและเป็นส่วนตัวมาก ถ้าไม่มีกลุ่มเพื่อนมา และมาคนเดียวแบบเรา

ตามแบบฉบับ คนต่างจังหวัด เข้านอนแต่หัวค่ำเลยคะ เพื่อเช้าจะได้ตื่นไปตักบาตรกัน

คนนี้ชื่อ พี่หนู คะ ดูแลดีมาก ขนาดให้คนไปปลุกมาตักบาตรเลยคะ กลัวเราไม่ตื่น

พี่หนูมาเป็นเพื่อน ใส่กัน 2 คน  อาหารก็ให้เค้าเตรียมให้เลยคะ (ชุดละ 40 บาท)

อิ่มบุญแล้วก็ต้องไปอิ่มท้อง รองท้องด้วยอาหารเช้าที่ รีสอร์ทจัดให้เป็นข้าวต้มหมู
แล้วก็มาต่อกันด้วยการเดินเล่น ตลาดน้ำท่าคา

ส่วนมากของที่ขายก็จะเป็นพวกผลไม้ ชาวสวนพายเรือมาขายเองเลยนะคะ สดๆจากสวน
ของกินก็จะเป็นพวกก๋วยเตี๋ยว ผัดไท ก๋วยจั๊บ หมูปิ้ง ฯลฯ

สรุปค่าใช้จ่าย

ค่ารถไฟ ไป-กลับ 0 บาท

ค่าเรือข้ามฟากไป-กลับ 6 บาท

ค่ารถสองแถว แม่กลอง ตลาดท่าคา ไป-กลับ  40 บาท

ค่าที่พัก พร้อมอาหารเช้า 700 บาท
ค่าอาหารเย็น + ค่าอาหารใส่บาตร 120 บาท

ค่าอาหารมื้อกลางวันที่ตลาดน้ำท่าคา 60 บาท

รวม 926 บาท

ถ้าใครว่างๆ อยากพักผ่อนจิงๆ แนะนำให้มาพักที่นี่ มีงบไม่ถึงพันก็ไปได้

รับรอง ได้ชาร์จแบตกันเต็มที่แน่นอนคะ