เมื่อใกล้ถึงวันหยุด คนรักการเดินทางอย่างโบว์ก็ต้องจัดเตรียมทริปสั้น ๆ ใกล้ ๆ
เดินทางสะดวกว่าแต่จะไปที่ไหนดี ? คิดไปคิดมา จนได้คำตอบเป็นจังหวัดลพบุรีนี่เองค่ะ 

พูดถึงลพบุรีสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคือเหล่าฝูงลิง และทุ่งทานตะวัน
แต่จริง ๆ แล้วลพบุรียังมีสถานที่ให้เราได้ท่องเที่ยว ได้ออกไปค้นหาอีกเยอะแยะเลยค่ะ

เริ่มกันที่   "วังนารายณ์ราชนิเวศ" อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญเมื่อมาเยือน
จ.ลพบุรี  พื้นที่ประวัติศาสตร์สุดคลาสสิก ที่บอกเล่าเรื่องราวในสมัยอยุธยา มีรูปแบบสถาปัตยกรรมโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานศิลปะสถาปัตยกรรมของตะวันตกเข้ากับแบบไทย
โดยมี“พี่ปู”รับหน้าที่เป็นไกด์นำชมให้กับเราในวันนี้ค่ะ 
 

แต่หากใครที่ชื่นชอบการเดินเที่ยวด้วยตนเอง ที่นี่มีแอปพลิเคชัน  Arawan
สามารถสแกน QR Code จากมือถือตามจุดต่าง ๆ เพื่อฟังข้อมูลได้เลยค่ะ โอ้โฮเก๋มาก…
เดินเพลิน ๆ ชมสิ่งต่าง ๆ ภายในวังนารายณ์แล้ว ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าคนไทยเราเองก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก
ทั้งรูปทรง ลวดลายสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ถ้ามีเวลาอยากให้ลองแวะมาที่นี่ มาเรียนรู้ มาทำความรู้จักประวัติศาสตร์
การค้าขาย และอดีตของเรากันนะคะ

โบราณสถาน พระนารายณ์ราชนิเวศน์

ค่าเข้า : ชาวไทย 30 บาท / ชาวต่างประเทศ 150 บาท
นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ, ผู้สูงอายุ, ภิกษุสามเณร
และนักบวชในศาสนาต่าง ๆ ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม

 

มาต่อกันอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดลพบุรี นั่นคือ “พระปรางค์สามยอด”
ปราสาทโบราณที่ถูกสร้างขึ้นเรียงต่อกัน 3 องค์ในช่วงอาณาจักรขอม
ตกแต่งด้วยศิลปะแบบบายน (บา-ยน) เพื่อใช้ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่อยู่ของลิงจำนวนมากอีกด้วยนะคะ ใครอยากใกล้ชิดแนบแน่นกับลิง

ที่นี่ตอบโจทย์มากเพราะเค้ามีขายอาหารให้เราได้ป้อนกับมือเลยค่ะ แต่ระมัดระวังเรื่องของมีค่าสักนิดนะคะ
เพราะลิงที่นี่ค่อนข้างคุ้นชินกับผู้คนมาก และอาจจะมีซนไปบ้าง

ลพบุรีมีลิงอยู่หลายกลุ่มมาก กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือ กลุ่มลิงศาล ที่อยู่แถวพระปรางค์สามยอด และศาลพระกาฬ
บางตัวถูกไล่ออกมาเลยตั้งถิ่นใหม่เป็นลิงตึกอาศัยตามบ้านตามตึกเหมือนชื่อ
แล้วก็แตกออกไปอีกเป็นลิงตลาด ลิงโรงเรียนอีก 

โอ้โฮ กลุ่มลิงเยอะสมกับชื่อ ลพบุรีเมืองลิงจริง ๆ ค่ะ

 

นอกจากจะเที่ยวชมบริเวณโดยรอบแล้วด้านในพระปรางค์ก็สามารถเที่ยวได้
เมื่อเข้ามาเราก็จะเห็นสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่หลงเหลืออยู่ แถมเข้ามาข้างในก็ไม่ต้องกลัวน้องลิงด้วย 555

 

พระปรางค์สามยอด
ค่าเข้า : ชาวไทย 10 บาท / ชาวต่างชาติ 50 บาท

ข้ามฝั่งมาอีกนิดก็จะเจอกับ “ศาลพระกาฬ” ที่ตั้งอยู่กลางวงเวียนศรีสุนทร
ใครที่ขับรถมาก็สามารถจอดได้ที่ลานจอดข้าง ๆ ศาลได้เลยค่ะ สะดวกดี
ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปโบราณในยุคขอม

หรือคนลพบุรีเรียกกันสั้น ๆ ว่า “เจ้าพ่อ” ใครมาลพบุรีแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่ายังมาไม่ถึงนะคะ

ก่อนจะไปสถานที่อื่น ๆ ก็ต้องหาอะไรลงท้องเราก่อนค่ะ หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต อยากได้ร้านกาแฟชิล ๆ
เติมคาเฟอีนให้ร่างกาย เลยได้เจอกับกาแฟ “About Coffee Garden”

ถึงแม้ตัวร้านจะไม่มีห้องแอร์ แต่เค้ามีไอเดียเก๋ ๆ ที่เอาต้นไม้มาปกคลุมตั้งแต่หลังคายันด้านในตัวร้าน
บอกเลยว่าบรรยากาศร่มรื่น และอากาศถ่ายเทดีกว่าที่คิดไว้จริง ๆ
เครื่องดื่มที่สั่งในวันนี้คือ “Ab coffee” ให้รสของกาแฟกำลังดี
พร้อมกลิ่นที่ละมุนมากเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน

 

อาหารเค้าก็มีนะคะ เมนูที่ทางรานแนะนำ คือ “สปาเก็ตตี้ตำแตงหมูกรอบและ “มาม่ากะเพราไก่กรอบ” เปรี้ยว แซ่บ ดีต่อใจมากเลยค่ะ

 

ร้านหยุดทุกวันจันทร์ สอบถามเพิ่มเติม โทร.063 597 9291

 

 

อีกหนึ่งอย่างที่อยากให้ไปเที่ยวชมก็คือการทำ “ดินสอพอง” หนึ่งในสินค้าที่มีชื่อเสียงของ จ.ลพบุรี

ลพบุรีได้ชื่อในเรื่องของดินที่มีแร่ธาตุดี ก็คือ ดินมาร์ล หรือปูนมาร์ลนั่นเอง

เราไปกันที่ชุมชนบ้านหินสองก้อน ไปเรียนรู้การทำดินสอพองกับ “ป้าน้อย”

ป้าน้อยเล่าให้ฟังว่า “เมื่อครั้งที่พระราม ได้ปราบทศกัณฐ์ได้สำเร็จนั้น
พระองค์จึงอยากจะปูนบำเหน็จให้กับหนุมาน ซึ่งเป็นทหารเอก ด้วยการแผลงศรออกไปตกลงที่ใด
ที่นั้นก็จะเป็นของหนุมาน แต่ศรของพระราม

เป็นศรศักดิ์สิทธิ์ ตกลงไปที่ใดก็จะลุกเป็นไฟ ทีนี้ศรได้มาตกตรงที่ทุ่งพรหมมาสตร์ (จังหวัดลพบุรี)
จึงเกิดไฟลุก หนุมานเห็นดังนั้นจึงใช้หางตัวเองกวาดเปลวไฟให้ดับ บริเวณที่ถูกไฟก็จะสุกกลายเป็นสีขาว
ส่วนที่โดนกวาดไปก็กลายเป็นภูเขาล้อมรอบจังหวัดลพบุรีนั่นเอง”

 

ระหว่างที่ฟังพี่น้อยเล่าเรื่องราวของดินสอพองอย่างเพลิดเพลิน ป้าน้อยก็สอนการหยอดดินสอพองไปด้วยค่ะ จะเล็ก หรือใหญ่ขึ้นอยู่ที่น้ำหนักมือของเราค่ะ

นอกจากนี้ดินสอพองยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ อย่างยาสีฟัน, นำไปพอกทำไข่เค็ม,
แป้งทาผิว แล้วก็เหมาะที่จะซื้อเป็นของฝากอีกด้วยนะคะ

 

บ้านดินสอพอง
พิกัด : บ้านหินสองก้อน ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง ลพบุรี
สอบถามเพิ่มเติม โทร.08 6013 6428

ปิดท้ายวันนี้ก่อนกลับกรุงเทพฯ ด้วยการหาสถานที่ ๆ สงบ บรรยากาศท้องทุ่ง
เพื่อพักผ่อนสายตาไปกับความเหนื่อยล้าของวันนี้ที่ “วัลลภาฟาร์ม ฟาร์มสเตย์”
อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองไม่ไกลมาก ที่นี่เปิดเป็นฟาร์มม้า และมีกิจกรรมอาชาบำบัดสำหรับบุคคลทั่วไป
และน้อง ๆ กลุ่มพิเศษด้วยค่ะ สามารถช่วยในเรื่องของการฝึกสมาธิ และจิตใจได้ดีทีเดียว

 

ใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบพอเพียง วัลลภาฟาร์มเป็นอีกที่ทำการเกษตรอินทรีย์เชิงท่องเที่ยวกันได้อย่างลงตัวนอกจากเรื่องกิจกรรมแล้ว ที่นี่ยังมีห้องพัก และอาหารให้บริการอีกด้วยนะคะ

 

เอาเป็นว่าใครอยากลองใช้ชีวิตแบบชาวบ้านตามต่างจังหวัด พักสมอง สูดโอโซน

ก็ต้องลองมาที่นี่สักครั้ง มันก็จะมีความสุขไปอีกแบบ

 

วัลลภาฟาร์ม (Wanlapa Farm Horse riding and Farmstay)

สอบถามเพิ่มเติม โทร.082 – 7175633 , 083 – 6773053

มาเที่ยวลพบุรีกันนะคะ แล้วจะรู้ว่าลพบุรีไม่ได้มีแค่ลิง กับดอกทานตะวัน

ลพบุรียังมีที่ให้เรามาเรียนรู้ มาค้นหาอีกเยอะแยะ

สำหรับโบว์ชอบทริปลพบุรีในครั้งนี้มาก แฮปปี้ดีต่อใจสุด ๆ เลยค่ะ

ค่าใช้จ่าย

ค่าน้ำมันไป – กลับ 1,500 บาท

ค่าเข้าชมโบราณสถานต่าง ๆ (รวมดอกไม้ ธูป เทียน 70 บาท)

ค่าอาหาร 227 บาท

รวม 1,797 บาท