Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
เลอกวาเดาะ : เส้นทางตระหง่านฟ้า บนภูผาแห่งผู้พิชิต เลอกวาเดาะ จังหวัดตาก
    • Posts-1
    theTripPacker •  February 01 , 2021

    ปลายทางของเราสูงกว่าเขาลูกไหน ๆ ในเทือกนี้ .. มองหาไม่ยากเป็นยอดที่มีองค์พระธาตุตระหง่านฟ้าอยู่บนนั้น ตัวเลข 3.8 กิโลเมตร คือระยะทางที่เราต้องเดิน และปีนป่ายสู่การผจญภัย หากพร้อมแล้ว! รางวัลอันล้ำค่ากำลังรอเราอยู่บนนั้น มาร่วมเป็นหนึ่งในผู้พิชิต เขาเลอกวาเดาะ ไปด้วยกันเลยนะครับ ...

    สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินขึ้นเขาเลอะกวาเดาะ ก่อนอื่นจะต้องติดต่อผ่าน อบต.แม่วะหลวง (โทร. 093-281-5893) เพื่อจองวันเดินทางล่วงหน้า จากนั้นทาง อบต. จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่นำเที่ยว, รถรับ-ส่งจาก อช. เเม่เมย-หมู่บ้านเกร๊ะคี (จุดเริ่มเดิน) รวมถึงลูกหาบที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวให้ตรงตามวันที่นัดหมาย

    ในส่วนของโปรแกรมท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน แบบคร่าว ๆ จะเป็นดังนี้ครับ...

    • วันแรก เตรียมความพร้อม นอนที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย
    • วันที่สอง เดินขึ้นเขา และนอนบนเขาเลอกวาเดาะ
    • วันที่สาม เดินลงเขา อาบน้ำที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย แล้วเดินทางกลับ

    ว่าแล้วก็มาเริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ของเรากันเลย เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงอำเภอท่าสองยาง วันแรกเราจะค้างกันที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย กันก่อน 1 คืน ซึ่งที่นี่มีทั้งบ้านพักอุทยานฯ และลานกางเต็นท์ (มีห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำไว้ให้บริการ) จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของที่นี่ก็จะมี ม่อนครูบาใส ที่มีเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อยากแนะนำ ส่วน ม่อนพูนสุดา และ ม่อนกิ่วลม เหมาะกับการชมทะเลหมอกสวย ๆ ในยามเช้า นอกจากนี้ก็ยังมี น้ำตกชาวดอย และ น้ำตกแม่ระเมิง ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดกลางที่สามารถแวะพักลงเล่นน้ำกันได้แบบฟิน ๆ (ค่าเข้า อุทยานแห่งชาติแม่เมย ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท และ ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท)

    ในเช้าวันต่อมาเราต้องจอดรถกันไว้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่เมย ซึ่งเป็นระเบียบที่ทาง อบต.แม่วะหลวง ได้ขอไว้เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องข้อขัดแย้งในการแย่งนักท่องเที่ยวระหว่างหมู่บ้านใกล้เคียง รวมถึงข้อจำกัดของบริเวณลานจอดรถของหมู่บ้าน ทั้งยังเป็นการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เกิน 50 คน / วัน ได้อีกทาง (ค่าใช้จ่ายรถรับ-ส่ง อช.แม่เมย-หมู่บ้านเกร๊ะคี อยู่ที่ 3,000 บาท / นักท่องเที่ยวไม่เกิน 10 คน)

    จากที่ทำการอุทยานฯ ถึงหมู่บ้านเกร๊ะคี มีระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงจุดสตาร์ทที่ทีมลูกหาบรอชั่งน้ำหนักสัมภาระอยู่ โดยลูกหาบ 1 คนจะช่วยเราแบกสัมภาระทั้งขาไป และขากลับได้ไม่เกิน 25 กิโลกรัม (ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,000 บาท / ลูกหาบ 1 คน)   ในภาษาปกาเกอะญอ คำว่า "เลอ" นั้นหมายถึงหน้าผาหรือภูเขา ส่วน "กวาเดาะ" จะหมายถึงอิริยาบถในการทิ้งสายตาไปยังที่ใดที่หนึ่ง โดยเขาเลอกวาเดาะแห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากหลากรีวิวของนักเดินทางสายป่าเขา ซึ่งหลายคนก็บอกว่า เห้ย! นี่มันคือฝาแฝดของเขาช้างเผือก แห่งอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีกันเลยทีเดียว   ด้วยภูมิประเทศที่เป็นป่าฝั่งตะตกเหมือนกัน รวมถึงความสูงราว 1,000-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลที่พอๆ กัน ส่งผลให้พืชพันธุ์และสัวต์ป่าชนิดต่างๆ เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เขาช้างเผือกแน่นอนอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ต่างก็คือ เขาเลอกวาเดาะนั้นจะอยู่ในการดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่วะหลวง ที่เพิ่งเริ่มเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อปลายปี 2560 เท่านั้นเอง ซึ่งนั่นทำให้ความสดใหม่ของเส้นทางเดินป่าแห่งนี้นั้นถือว่ายังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก   ถ้าถามเขาไหนเดินเหนื่อยกว่ากัน ก็ต้องยอมรับว่าเขาเลอกว่าเดาะค่อนข้างที่จะเหนื่อยกว่าพอสมควร เนื่องจากทางเดินมีความชันกว่า บวกกับจุดปีนป่ายที่มากกว่า แม้ระยะทางจะใกล้กว่าเขาช้างเผือกถึง 4 กิโลเมตรเลยก็ตาม สำหรับเขาเลอกวาเดาะจากจุดเริ่มต้นจนถึงยอดพระธาตุ มีระยะทางรวมทั้งหมด 3.8 กิโลเมตร เฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง (ถึงจุดกางเต็นท์) โดยเส้นทางจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน ในสองกิโลเมตรแรกจะเป็นเส้นทางที่เริ่มไต่ระดับสู่ความสูงชัน บางช่วงมีบันไดให้ก้าวเดิน บางช่วงต้องดึงเชือกช่วยในการปีนป่ายโขดหิน ซึ่งในสองกิโลเมตรนี้สภาพป่ายังคงร่มรื่น มีธารน้ำให้ได้ล้างหน้าล้างตา เรียกว่าเหนื่อยเมื่อยล้าแต่ก็มีจุดพักที่เย็นสบาย   หลังจากสองกิโลเมตรแรกเป็นต้นไป จะเริ่มเข้าสู่ภูมิประเทศที่เป็นป่าโปร่งที่ส่วนมากจะเป็นพุ่มหญ้า และต้นไม้ขนาดเล็ก ร่มไม้เริ่มหายาก ทางเดินเป็นแนวสันเขาสลับกับเนินที่สูงชัน และที่สำคัญคือ ไม่มีแหล่งน้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมองกลับไปจะเห็นวิวเขาที่ทอดต่ำลงไป และกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาพอให้เราได้รู้สึกชื่นใจขึ้นมาบ้าง ฮึบ! อีกแค่นิดเดียวเรามาได้ตั้งไกลแล้วล่ะ... 
    สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมน้ำดื่มมาให้เพียงพอนะครับ อย่างน้อย ๆ ซัก 1.5 ลิตร / คน เพราะในช่วงที่สองของเส้นทางเราจะเริ่มเหนื่อย และกระหายน้ำถี่ขึ้น การจิบน้ำทีละนิดจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้มากเลยทีเดียว เหลือบดูเวลานี่เราเดินกันมาได้เกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เรามาถึงจุดที่เป็นห้องน้ำ ซึ่งถือว่าสะอาดสะอ้านเลยทีเดียว (เป็นแบบส้วมซึมนั่งยอง) น้ำที่เอาไว้ใช้ถูกสำรองไว้ในแทงค์ขนาดใหญ่ พี่เจ้าหน้าที่ที่นำทางบอกว่าอีกอึดใจเดียวเท่านั้น เดี๋ยวเราก็จะถึงจุดกางเต็นท์กันแล้ว เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเราก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ออกเดินจนมาถึงจุดพักแรมกันเสียที   ที่จุดกางเต็นท์ของเราก็จะมีศาลาไม้หลังหนึ่งที่ใช้เป็นศูนย์กลางของแคมป์ ทั้งประกอบอาหาร ทานข้าว นั่งพัก นั่งเล่นนั่งพูดคุย และวางสัมภาระต่าง ๆ ห่างจากศาลาประมาณ 10 เมตรจะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และจุดนี้สามารถมองเห็นองค์พระธาตุที่อยู่บนยอดเขาที่ห่างไปอีกประมาณ 800 เมตร นั่นหมายความว่าจุดกางเต็นท์ของเราจะถึงก่อนองค์พระธาตุ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 45 นาที ในการเดินต่อ และปีนป่ายขึ้นไปข้างบนนั้น   จากการมองด้วยสายตาอาจจะดูเหมือนว่าองค์พระธาตุอยู่อีกไม่ไกลแล้ว แต่ความจริงมันคือการไต่ลงไปก้นหุบอีกครั้งแล้วต้องปีนเนินชันขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบอกว่าเหนื่อยเอาเรื่องทีเดียวครับกว่าจะถึงยอดพระธาตุ แนะนำว่านักท่องเที่ยวจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทุกย่างก้าว เนื่องจากทางเดินค่อนข้างแคบ ประกอบกับสองข้างทางเป็นเหวลึก ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกว่าเมื่อขึ้นมาถึงบนยอดแล้วอยู่ ๆ อาการเหนื่อยมันก็หายไปเลยซะอย่างงั้น…   เราใช้เวลามองพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลดระดับจนลับแนวเขา เฉดสีของท้องฟ้ากลมกลืนกันราวกับมีใครตั้งใจมาวาดระบายเอาไว้ แต่ถึงวิวข้างบนนี้จะสวยแค่ไหน ก็อย่าลืมเผื่อเวลาเดินลงกันด้วยนะครับ เพราะหนทางที่เราขึ้นมานั้นมันค่อนข้างโหด และอันตราย จำเป็นต้องมีไฟฉายไว้ส่องสว่างนำทาง และค่อย ๆ เดินกลับแคมป์กันลงมาอย่างระมัดระวัง   ในที่สุดเราก็กลายเป็นหนึ่งในผู้พิชิตเขาเลอกว่าเดาะกันแล้วนะครับ สำหรับทริปนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจมาก ๆ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวป่าเขาที่ยังสดใหม่ และอุดมสมบูรณ์ เรียกว่าครบรสครบเครื่องทุกเรื่องการผจญภัย   หากเพื่อน ๆ สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก ทาง Inbox ของเพจ TAT TAK หรือโทร 0-5551-4341-3 (จันทร์ -ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.)

     

    • Posts-2
    theTripPacker •  February 01, 2021

    Editor's Comment

    • Strong point:
    • ด้วยระยะทางเดินที่ถือว่าไม่ได้ไกลจนเกินไป ต่อให้เดินไปพักไปก็ใช้เวลาไม่น่าจะถึง 4 ชั่วโมง ประกอบกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่นาน นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในการแสวงหาที่เที่ยวใหม่ ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเลอกว่าเดาะแห่งนี้งดงาม คุ้มค่า และน่าเดิน
    • Weak point:
    • เนื่องจากข้างบนจุดพักแรมไม่มีแหล่งน้ำใด ๆ เลย การบริหารจัดการเรื่องน้ำดื่ม น้ำที่ใช้ในการประกอบอาหาร และน้ำที่ใช้ในการล้างหน้าแปรงฟัน อาจจะต้องเตรียมไปเผื่อให้เพียงพอ
    • Conclusion:
    • สำหรับคนที่ชื่นชอบการเดินป่า พักแรมในป่า อินกับวิวเขาวิวทะเลหมอก เชื่อว่าเขาเลอกวาเดาะแห่งนี้จะต้องถูกใจเพื่อน ๆ นักเดินทางกันอย่างแน่นอน ซึ่งตลอดโปรแกรมท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืนนี้ เราจะได้อยู่กับความสงบในผืนป่า โฟกัสกับธรรมชาติที่อยู่เบื้องหน้าอย่างแท้จริง
    Score
    • Posts-3
    theTripPacker •  February 01 , 2021

    ข้อมูลทั่วไป

    ที่อยู่ :  เขาเลอกวาเดาะ บ้านเกร๊ะคี ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตากตาก

    โทรศัพท์ : อบต.แม่วะหลวง โทร. 093-281-5893 

    Facebook : เลอกวาเดาะ ขุนเขาแห่งศรัทธา ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การผจญภัยในป่าใหญ่

    ค่าใช้จ่าย : 

    • ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เมย คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท / ต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 200 บาท
    • รถรับ-ส่ง อุทยานแห่งชาติแม่เมย-หมู่บ้านเกร๊ะคี อยู่ที่ 3,000 บาท / นักท่องเที่ยวไม่เกิน 10 คน
    • ลูกหาบขาขึ้น-ขาลง 1,000 บาท / 25 กิโลกรัม / ลูกหาบ 1 คน
    • Posts-4
    theTripPacker •  February 01 , 2021

    วิธีการเดินทาง

    จากตัวเมืองตาก มุ่งหน้าไปตามเส้นทางสายแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 ระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร มีทางแยกขวามือที่จุดตรวจแม่สลิด เป็นทางที่ตัดไปสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ถนนเป็นทางขึ้นเขาไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย 

    • Posts-5
    theTripPacker •  February 01, 2021
    • Posts-6
    theTripPacker •  February 01, 2021