ส่องภูเก็ต.....แวะเกาะรอก.....หยอกคุณนีโม่

ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทุกคนเป็นเหมือนกันมั้ยว่าเวลาเปิดเฟสบุค อินสตาแกรมขึ้นมาก็เจอแต่รูปเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลหรือไปสัมผัสอากาศเย็นๆ ที่ต่างประเทศกัน ส่วนเรานั้นยังต้องนั่งไถนา เอ้ยย!!! นั่งทำงานกันงกๆ ซึ่งการทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ทั้งร่างกายและสภาพจิตใจดวงน้อยๆ ของเราก็คงจะทนไม่ไหว วิธีบำบัดความเหนื่อยล้าจากหน้าที่การงานจะมีอะไรดีไปกว่าการออกไปขอกำลังใจจากเสียงคลื่น ซู่ ซู่ ซู่ ดำน้ำทักทายสัตว์โลกใต้ทะเล แล้วนั่งดูพระอาทิตย์ตกลงไปในน้ำ ภาพสวยๆที่อยู่ตรงหน้าจะช่วยเยียวยาเราเอง ถึงมีเวลาแค่เสาร์-อาทิตย์ ใครบอกว่าไปภูเก็ตไม่ได้ เดี๋ยวเราจะทำให้ดู แถมกระบี่ให้อีกจังหวัดด้วย หุหุหุ รู้แบบนี้แล้วจะรออัลไล.....จองตั๋ว จองทัวร์ หาที่พักแล้วเก็บกระเป๋าตามไปสิคะคุณ!!!

 

 

นี่เป็นการไปภูเก็ตครั้งแรกของเรา ไปแบบไม่มีแผนจริงจัง รู้แต่ว่าอยากออกไปพักผ่อน หาที่เงียบๆ นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย (ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่กำลังจะเข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการเนี่ยนะ) เราเลือกที่จะออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองหลังเลิกงานในช่วงค่ำของวันศุกร์ด้วยสายการบินหางแดงๆ

 

 

โจทย์ของทริปนี้คือ “ถ่ายรูปยังไงไม่ติดทัวร์พี่จีน” ความตั้งใจจริงๆของเราคือปีนี้เราจะไปเกาะตาชัยให้ได้ แต่ได้รับข่าวร้ายเมื่อกลางปีที่แล้วว่าทางอุทยานฯประกาศปิดเกาะตาชัยเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรรอบๆเกาะและยังไม่มีกำหนดเปิด เราเสียใจและเสียดายมากกก ก็เลยหาข้อมูลจนพบว่ามีเกาะที่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมความงามรอบๆ เกาะเมื่อไม่นานมานี้เอง นั่นก็คือ “เกาะรอก” มีบล็อกเกอร์ขวัญใจของเราหลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกาะรอก ไปครั้งเดียวไม่เคยพอ เพราะนางได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลอันดามัน” เชียวนะจ๊ะ เป็นที่นิยมมากในหมู่นักดำน้ำชาวต่างชาติ ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปทำให้เกาะรอกยังคงความอุดมสมบูรณ์อย่างมากทั้งบนบกและใต้น้ำ เกาะรอกตั้งอยู่ในน่านน้ำทะเลกระบี่ต่อกับทะเลตรัง และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา สามารถนั่งสปีดโบ๊ทจากจังหวัดภูเก็ตไปได้ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง

***อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา บริเวณเกาะรอกใน-เกาะรอกนอก หมู่เกาะห้า

จะปิดเกาะตั้งแต่ 16 พ.ค. - 31 ต.ค. ของทุกๆปี ***

ในครั้งนี้เราได้จอง One day trip เกาะรอก-เกาะห้าไว้กับ Love Andaman ผ่านทางเฟสบุค ก่อนวันเดินทาง 1-2 วัน จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาคอนเฟิร์มพร้อมนัดหมายกับเราอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่พัก เราพักบ้านเพื่อนที่ภูเก็ตค่ะ ก็เลยประหยัดค่าที่พักและค่าเช่ารถไปได้เยอะเลย เป็นของฟรีที่มาถูกที่ถูกเวลาจริงๆนะแกรรร ^___^

 

 

เพื่อนมารับที่สนามบินภูเก็ต โลเคชั่นแรกที่ตั้งใจจะไปปักหมุดในค่ำคืนนี้คือ ร้านข้าวต้มแห้งโกเบ๊นซ์ เมื่อไปถึง โอ้โห!!! แถวยาวข้ามภพข้ามแยก โอเค...ถ้าเค้าไม่หิวมากก็ให้เค้ารอกันไปเนอะ ส่วนเรานั้นหิวมือสั่นละขอไปกินอะไรง่ายๆ แล้วเข้านอนเลยแล้วกัน เพราะพรุ่งนี้เช้าเรามีนัดกับพี่เลิฟฟฟฟ ปกติทาง Love Andaman จะมีรถตู้มารับส่งเราถึงที่พักเลย แต่เราแจ้งไปว่าจะขอเดินทางไปที่ท่าเรือเองค่ะ

 

 

เช้าวันเสาร์ที่เราต้องออกเกาะ เรานัดกับ Love Andaman ไว้ 8 โมง แต่ลืมเผื่อเวลารถติดและหลงทาง 5555555 เสียเวลาไปนิดหน่อยแต่ก็ยังพอมีเวลาได้กินของว่างในมื้อเช้าเบาๆ ระหว่างนั้นไกด์ประจำกลุ่มก็จะมาบรีฟนักท่องเที่ยวให้ทราบข้อมูลก่อนเดินทาง ทำความเข้าใจ แจ้งข้อตกลง ข้อห้ามต่างๆ ให้ทุกคนทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ก่อนที่จะขึ้นเรือ ทุกคนต้องถอดรองเท้าไว้ที่ท่าเรือเพราะเกาะรอกไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าขึ้นไปบนเกาะจ้า

 

 

ทุกคนนั่งประจำที่ การเดินทางเริ่มต้นขึ้นซึ่งเราลุ้นมากๆว่าจะเมาเรือมั้ย เพราะได้ยินหลายคนบอกว่านั่งเรือนานๆแบบนี้ระวังจะเมาเรือ แต่วันนี้ลืมกินยาแก้เมาเรือก่อนที่จะขึ้นเรือไงล่ะ ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยกันนางก็แก้ปัญหาด้วยการ...หลับดีกว่า!!! แต่ชั้นจะหลับได้ยังไง ชั้นต้องการเก็บภาพบรรยากาศระหว่างการเดินทาง แต่ความจริงคือ ตื่นเต้นง่ะ หลับไม่ลง 5555 ใส่แว่นแล้วก็แอบแซ่บเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆไป นั่งมองคนอื่นเมาเรือไป สนุกดี ในระหว่างทางก็จะมีเครื่องดื่มให้หยิบกันได้ตามสบาย ทั้งน้ำอัดลม น้ำเปล่า ผ้าเย็น บลาๆๆ แต่ชั้นนั่งท้ายเรือไง จะเดินไปหยิบของทีก็แบบ...ต้องคลานไปว่ะ!!! จะเดินยังไงล่ะ ขนาดนั่งอยู่กับที่ยังเด้งเป็นกบเลยจ่ะ

 

 

ก่อนที่จะมาภูเก็ต เราก็ลุ้นจริงจังว่าจะเจอฝนมั้ยนะเพราะต้นเดือนพฤษภาคมมันก็จะเริ่มตกหน่อยละ กลัวว่าเจอมรสุมแล้วจะอดเที่ยวจึงได้มีการติดต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญให้ทำพิธีหยุดฝนให้ 555555555 ซึ่งก็ได้ผลค่าาาา (ไม่ต้องถามมาหลังไมค์นะคะ เพราะนางไม่ได้รับงาน) ทราบมาว่าช่วงนั้นภูเก็ตฝนตกทุกวัน แต่วันที่เราออกเกาะนั้นท้องฟ้าสดใสเป็นใจต้อนรับการมาของเราเหลือเกิน....ปลื้มมมมมใจ

 

 

พอเรือเข้าใกล้เขตอุทยาน คนขับก็ขับอย่างชะลอ เสียงเครื่องยนต์เริ่มเบาลง ทุกคนถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับมาอย่างยาวนานและร้องว้าวหนักมากเพราะน้ำทะเลที่เกาะรอกนั้นสีสวยและใสมากๆๆๆๆ ทุกคนเอาสัมภาระลงจากเรือแล้วขึ้นไปเปลี่ยนชุดเตรียมไปดำน้ำ แต่ถ้าใครไม่อยากไปดำน้ำก็สามารถพักผ่อนตามอัธยาศัยและเดินถ่ายรูปเล่นบนเกาะได้เลย ส่วนเรานั้นนนน....ก็ต้องเลือกที่จะเดินสำรวจรอบเกาะและถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนรอชาวคณะกลับมาจากดำน้ำน่ะสิคะ

 

 

เราชอบชายหาดที่นี่เพราะทรายนุ่มละเอียดและขาวมากกกกก ขาวจนแสบตา ขาวจนมองจอกล้อง/มือถือไม่ได้อ่ะ เกาะรอกจะมีทั้งบริเวณที่เป็นชายหาดขาวๆ ทอดตัวยาวราวๆ 2 กิโลเมตร และบริเวณที่เป็นก้อนหินซึ่งเป็นหินที่ค่อนข้างจะมีความคม เวลาเดินขึ้นไปถ่ายรูปบนกลุ่มหินต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อย

 


 

จะสังเกตเห็นว่าบริเวณรอบๆเกาะรอกแทบจะไม่มีเศษขยะเลย เพราะนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ทุกคนช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด ประทับใจจริงๆ

 


 

ตลอดทางที่เป็นหาดทรายจะพบว่ามีปูเสฉวนเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เดินเพลินๆ ก็ระวังจะเหยียบปูเข้าให้นะจ๊ะ นี่คือความอุดมสมบูรณ์บนบกของเกาะรอกเค้าหล่ะค่ะคุณ เราได้สอบถามไกด์และเพื่อนๆในกรุ๊ปทัวร์ที่ได้ออกไปดำน้ำที่เกาะรอกมา เค้าบอกว่าเจอปลาการ์ตูนหรือน้องนีโม่เยอะมากกกกก เรียกว่าเป็นหมู่บ้านปลาการ์ตูนเถอะซิส!! ปะการังก็ยังสวยงาม โลกใต้น้ำที่เกาะรอกยังมีความสมบูรณ์มากทีเดียว

 

 

เมื่อชาวคณะกลับจากดำน้ำก็ได้เวลาอาหารกลางวันกันแล้วจ้า ไลน์อาหารของ Love Andaman ถือว่าชนะสุดในสิบสามโลก ทั้งของคาว ของหวาน ผลไม้ อาหารว่าง เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ จัดเต็มเหมือนยกห้องอาหารจากรีสอร์ทดังมาวางบนเกาะเลยจ้ะ นี่ไม่ได้อวย นี่ไม่ได้เว่อร์ แต่บอกเลยว่ากินไม่ครบเพราะมันเยอะมากจริงๆ แกรรรรร!! จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง และที่สำคัญคือบราวนี่นางเริ่ดมากจ้าาา ปรบมืออออ!!

 

 

ไกด์และพนักงานทุกคนน่ารักและเฟรนลี่มากกกก ทุกคนเหมือนได้รับการฝึกวิชาถ่ายรูปมาแล้วทั้งสิ้น เค้าสามารถถ่ายรูปให้เราได้และถ่ายสวยมากด้วย ไม่ใช่กะโหลกกะลานะยู แม้แต่น้องที่ดูแลไลน์อาหารยังถ่ายรูปสวยเล๊ยยยย เพราะฉะนั้นใครที่คิดจะไปเที่ยวคนเดียวและมากับ Love Andaman เราบอกคุณตรงนี้เลยว่า คุณได้รูปสวยๆ กลับไปแน่นอน จะไปโดดน้ำ มุดทรายตรงไหนก็เรียกเค้าไปถ่ายรูปให้ได้หมดแหละ ส่วนคนนี้เป็นไกด์ของเรา ไกด์ภัทร นางบอกว่าส่วนมากนางจะอยู่สายเกาะพีพี แต่ช่วงนี้มีรับจ๊อบเกาะรอก เกาะห้าบ้าง ไกด์ทุกคนเป็นกันเอง เทคแคร์ดี ถามได้คุยได้ทุกเรื่อง อีกนิดนึงว่าจะขอยืมเงินละ.....ฮ่าๆๆๆ เลาล้อเล่นนนนน

 

 

พักผ่อนกันจนเต็มอิ่มแล้วก็ถึงเวลาเซย์กู๊ดบายเกาะรอกเพื่อที่จะไปดำน้ำกันต่อที่เกาะห้านะคะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาทีจากเกาะรอก ซึ่งเราตั้งใจจะมาดำน้ำดูปะการังและทักทายน้องนีโม่นี่เกาะห้านี่แหละ เพราะเคยมีคนบอกว่านีโม่ที่เกาะห้าจะสีสดกว่าที่อื่นเนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่ค่ะ แต่ความน่าเสียดายของการมาดำน้ำครั้งนี้ก็คือ เราไม่มีกล้องถ่ายรูปใต้น้ำน่ะสิ!!!! เพราะอะไรน่ะหรอ...เพราะหากล้องไม่ทันเนื่องจากเป็นการมาแบบฉุกละหุกและวุ่นวายมากไง เลาเสียใจ เลาร้องไห้หนักมาก T_T #จำไว้เป็นบทเรียน #ถ้าจะไปดำน้ำห้ามลืมกล้องถ่ายใต้น้ำหรือซองกันน้ำ ขีดเส้นใต้และจำไว้นะนังนวล!!!!

 

 

"เกาะห้า" เป็นหมู่เกาะที่ประกอบไปด้วยเกาะ 5 เกาะ ซึ่งเราไปดำน้ำแบบ snorkel กันที่เกาะห้าลากูน ซึ่งเป็นร่องน้ำที่มีปลาหลากหลายชนิด ปะการังมากมาย น้ำใสมากๆๆๆๆๆ มีปะการังเกาะกลุ่มกันอยู่เต็มพื้นที่ บริเวณเกาะจะมีชายหาดเล็กๆแต่ในช่วงที่เราไปนั้นเป็นฤดูวางไข่ของเต่าจึงไม่สามารถขึ้นไปเดินเล่นบนชายหาดนั้นได้ สำหรับใครที่อยากได้ภาพใต้น้ำสวยๆ สามารถบอกให้ไกด์ free dive ลงไปถ่ายรูปคุณปลา คุณปะการังแบบ close up ให้ได้เลยค่ะ สวยจริงๆไม่อยากให้ทุกคนพลาดแบบเรา นอกจากนี้ยังพบว่ารอบๆเกาะมีนกนางแอ่นบินวนไปมามากมายอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการพาตัวเองออกมาอยู่กับธรรมชาติโดยแท้ทรูเลยหละ

 

หมดเวลาสนุกแล้วซี....การที่เราได้ออกไปติดเกาะแบบไร้สัญญาณโทรศัพท์และ snorkeling ชิลๆ มันทำให้เราได้ลืมเรื่องต่างๆที่ทำให้เราหนักใจเพราะตลอดเวลาที่อยู่กลางทะเลเราจะมองไปรอบๆตัวและเก็บภาพความสุขระหว่างทางไว้จนไม่มีเวลานึกถึงเรื่องอื่นเลยหละ จากที่เมื่อก่อนสำหรับเรา การมาทะเลคือต้องแต่งตัวชิคๆ เดินถ่ายรูปอยู่แถวชายหาดก็พอ แต่ตอนนี้เราตกหลุมรักโลกใต้น้ำขึ้นมาแบบจริงจังแล้วนะ หลงรักผิวสีแทนและตั้งใจว่าจะต้องมาอีกให้ได้เพราะยังไม่ได้ถ่ายรูปใต้น้ำเหมือน mission ยังไม่ complete ฮ่า ฮ่า ฮ่า

 

 

เรากลับมาถึงท่าเรือประมาณสี่โมงครึ่ง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บริษัททัวร์เสร็จแล้วยังมีเวลาเหลือพอที่จะไปร่อนดูพระอาทิตย์ตกดินได้อีก เราเลือกที่จะไป หาดสุรินทร์ เป็นหาดที่ผู้คนไม่พลุกพล่านส่วนมากเป็นฝรั่ง มีทั้งไปนอนอาบแดดและเล่นกีฬาทางน้ำทั้งเจ็ทสกีและเซิร์ฟเพราะบริเวณชายหาดมีคลื่นลมค่อนข้างแรง น้ำทะเลที่หาดนี้มีสีเขียวอมฟ้า ทรายไม่ขาวมากแต่ละเอียดมากๆๆ และที่สำคัญคือ มีจั๊กจั่นทะเลมาวิ่งเล่นให้เห็นด้วยค่าาา ซึ่งในภูเก็ตจะพบจั๊กจั่นทะเลอยู่เพียงไม่กี่หาดเท่านั้น

 

 

เรากลับก็เข้าไปหาอะไรกินในตัวเมืองภูเก็ตกันต่อค่ะ สิ่งต่อไปที่ตามหาคือ หมี่ฮกเกี้ยน เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าเวลาเห็นคนอื่นมาภูเก็ตแล้วความหมี่ฮกเกี้ยนต้องเป็นสิ่งแรกๆที่ต้องมาโดน ตามหาร้านหมี่ต้นโพธิ์สาขา 1 อยู่ตั้งนานปรากฏว่า ร้านปิดจ้าาาาาาา ขุ่นพระ!!!! ความโมโหหิวเริ่มมา งั้นชั้นกินร้านที่ใกล้ที่สุดเลยละกัน มองไปเจอร้านโพธิ์ทอง ลักษณะเหมือนจะเป็นร้านอาหารเก่าแก่อยู่แถววงเวียนหอนาฬิกา มองไปเจอเมนูหน้าตาเป็นผัดหมี่ ชี้ๆจิ้มๆ คงพอจะแทนหมี่ฮกเกี้ยนได้เนอะ มาพร้อมกับกระเพาะปลาผัดแห้ง สั่งมาแค่นั้นยังกินไม่หมดเลยเพราะอาหารร้านนี้จานใหญ่ม๊ากกกกก คหสต.คิดว่ารสชาติยังไม่ว้าวมาก 7/10 ละกันค่ะครู  

 

 

ยังค่ะ เรื่องกินเรายังไม่ยอมแพ้ เนื่องจากมีเวลาน้อยมันก็จะดูอัดๆ ยัดๆ หน่อยนะทุกคน กินคาวไม่กินหวานลูกหลานไม่ปลื้ม “โอ้เอ๋ว” ก็คือสิ่งที่เราตั้งใจมาตามหา อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ต่างอะไรกับวุ้นที่เคยกินในน้ำเต้าหู้ มันก็ดึกแล้วเนอะ ร้านรวงเค้าก็ปิดหมดละแต่ยังมีร้านโกปี่เตี๊ยมที่คนยังนั่งกันแน่น อ่ะ แวะสักหน่อย....ในเมนูมีโอ้เอ๋วอยู่ 2 แบบ นี่ก็เลือกไม่ถูกไงเลยสั่งมาลองทั้ง 2 อย่าง (กินเหมือนคืนนี้จะไม่นอนเนอะ) แม่เจ้าาาาา....โอ้เอ๋วมาในภาชนะขนาดเท่าชามก๋วยเตี๋ยว ดึงมือเด็กเสิร์ฟแล้วถามว่า เดี๋ยวนะคะน้อง อันนี้เป็นไซส์ปกติหรอคะ นางบอกใช่ค่ะ (คนที่นี่เค้ากินของหวานจริงจังอะไรเบอร์นี้เชียวหรืออิช้อย) แล้วสั่งมา 2 ง่ะะ!!! กิน 2 คนยังกินไม่หมดเลย อยากจะเอาโอ้เอ๋วยีหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด หลับสบายมั้ยล่ะเมิง!!!

 

 

มื้อเช้าวันอาทิตย์ใจน้องอยากจะไปล่าติ่มซำร้านดังในเมืองแต่น้องตื่นสายขนาดนั้นคงได้ไปช่วยเค้าตากเข่งเนอะ รวบตึงเป็น brunch เลยละกันจะได้ชุดใหญ่รัชดาลัยไฟกระพริบได้แบบไม่รู้สึกผิดอะไร “ร้านวันจันทร์” เป็นร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ตรสชาติสมัยใหม่ คือมีการปรับให้ถูกปากนักท่องเที่ยวต่างถิ่นนั่นเอง บางเมนูรสชาติอาจจะไม่ถึงกับเผ็ดร้อนซู่ซ่าตามแบบฉบับซะทีเดียวแต่ยังคงความเป็นอาหารพื้นเมืองไว้อยู่ ใครจะมาแนะนำโทรจองคิวก่อนนะคะเพราะคนเยอะมากกกก เมนูแนะนำคือ แกงปูใบชะพลู อยากกินมากๆๆๆๆ อื้อหืออออ เผ็ดร้อนสมใจอยากเลยข่ะะะ แสบไปถึงไหนต่อไหน ส่วนน้ำพริกกุ้งเสียบกินกับผักสดรสชาติดี อยากจะกินอีกหลายๆเมนูแต่เราไปแค่ 2 คน สั่งมา 3 อย่างยังกินไม่หมดเลยย T_T

 

 

มาภูเก็ตทั้งทีก็ขอไปปักหมุดเช็คอินที่แลนด์มาร์คของภูเก็ตหน่อยดีกว่า “แหลมพรหมเทพ” ไม่ต้องรอจนพระอาทิตย์ตกดินหรอก แหลมพรหมเทพมองตอนไหน มองยังไงก็สวยยย

 

 

ขากลับแวะเดินเล่นที่หาดราไวย์  

 

ทุกเย็นวันอาทิตย์จะมีถนนคนเดิน “หลาดใหญ่” หรือ Phuket Walking Street อยู่บนถนนถลาง ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าที่ตึกแถวเป็นสไตล์ชิโนโปรตุกีสทั้งหมดสามารถเดินถ่ายรูปเล่นไปด้วย เดินตลาดชิลๆไปพร้อมๆกัน ในหลาดใหญ่จะมีทั้งโซนกิจกรรม จำหน่ายอาหารพื้นเมือง ขนม งานแฮนด์เมด เสื้อผ้า ของฝากมากมายให้ได้เลือกช้อปกัน

 

 

ปิดจ๊อบสำหรับเสาร์-อาทิตย์ติด (3) เกาะ #เกาะรอก #เกาะห้า #เกาะภูเก็ต เป็นการมาพักผ่อนง่ายๆ ตามสไตล์ของเราเอง ยังไงก็ต้องกลับมาอีกให้ได้ ยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไป มีอีกหลายร้านที่ยังไม่ได้โดน ยังมีเกาะสวยๆรอให้เราไปชื่นชมอีกเพียบ เพราะยังไงทะเลไทยก็สวยที่สุด!!

 

 

ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตามอ่านรีวิวเล็กๆ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวบ้างนะคะ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

>> ฝากอีกช่องทางไว้ติดตามภาพถ่ายหรือเข้ามาทักทายกันได้ทาง Instagram @sombozzio ด้วยนะคะ <<