Company Outing ที่ปากแพรกจะทำให้คุณรู้ว่า เพื่อนร่วมงาน = เพื่อนร่วมทาง

         

            เราเชื่อว่าพนักงานออฟฟิศอย่างเราๆใน 1 ปีได้หยุดยาวไปเที่ยว เอ่อ..ไม่น่าเกิน 5 ครั้ง แต่ 1 ใน 5 ครั้งคงต้องมีทริปนึงที่เราจะเกิดความรู้สึกว่า “ต้องไปหรอออ ?” เพราะทริปนั้น คือ ทริป Company Outing ของบริษัทที่มีแต่เที่ยวที่ดังๆ เช็คอินที่ๆเค้าพาไป ทานอะไรที่คนหมู่มากทานได้ จบท้ายด้วยปาร์ตี้ละลายพฤติกรรมกันหน่อย เราเลยเกิดความคิดวอยากทำให้ Company Outing มันมีอะไรมากกว่านี้ แบบที่ทุกคนต้องเปลี่ยนคำพูดเป็น “ขอไปอีกไม่ได้หรอออ”

            ต้องเกริ่นก่อนว่าเราเป็นหนึ่งในพนักงานออฟฟิศที่ไป Company Outing หลายครั้งแล้วแหละ แต่ก็คิดทุกครั้งว่ามันทำอะไรได้มากกว่ากิจกรรมที่ทำๆกันอยู่ทุกปี อย่างแรกเพื่อนร่วมงานที่ไปกับเรามันต้องได้รู้จักกันมากขึ้นผ่านกิจกรรมอะไรสักอย่างที่ไม่ช่ปาร์ตี้แต่เป็นกิจกรรมที่เราได้ทำด้วยกันและน่าจดจำ ไม่ใช่กลับไปก็ลืมไปแล้วเพราะเมื่อวานเราเมาอะแกร๊ !! และ อีกอย่างการเอ้าท์ติ้งทีค่าใช้จ่ายก็มากอยู่ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้นี้มันจะดีกว่ามั้ยถ้ามันเกิดประโยชน์ต่อสถานที่ๆเราไป อย่างให้คนในชุมชน หรือ ทำยังไงให้สถานที่ๆเราไปคนรู้จัก มากยิ่งขึ้น เท่านี้ก็น่าจะต่อยอดอะไรบางอย่างได้ พอคิดได้แบบนี้โจทย์แรกที่เราคิดเลย คือ ที่ไหนที่รองรับกลุ่มคนได้ทั้งที่พัก การเดินทาง และยังมีสถานที่ให้เราทำกิจกรรมร่วมกันที่สำคัญหากได้ทำกับคนในชุมชนมันจะยิ่งซึมซับความเป็นกลิ่นอายของชุมชนที่เหมาะแก่การบำบัดจิตคนออฟฟิศอย่างเราให้ Slow……....life  แต่ท้ายสุดคือที่นี่ต้องไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนะ เพราะ วันจันทร์ก็คือวันจันทร์อะ -___- 

          เข้าเรื่องเลยละกันจากโจทย์ที่บอกเราก็คิดถึงจังหวัดแรกเลย คือ กาญจนบุรี แต่เมืองกาญฯของเรานี่ที่เที่ยวเยอะนะปักหมุดไปอำเภอที่ใกล้คนกรุงเทพอย่างเราหน่อยละกัน ซึ่งที่นั่นก็คือ “ตำบลปากแพรก” ซึ่งเอาจริงๆ ตอนไปเสนอ HR เค้าก็บอกว่าที่นี่มีแค่ถนนคนเดินปากแพรกนะไม่ค่อยมีอะไรเราจะมีอะไรทำกันหรอ เราลยบอกเล่าถึงสิ่งที่เราจัดเตรียมมา และ ต่อจากนี้เราจะเล่าให้ฟังถึง Company Outing ณ ปากแพรกที่จะทำให้คุณรู้ว่า เพื่อนร่วมงาน = เพื่อนร่วมทาง ในมุมมองใหม่ได้จริงๆ

        ปากแพรก กิจกรรมแรกที่เราจะไปทำเลย คือ “กิจกรรมล่องเรือเก็บขยะ” อย่าเพิ่งมองบน เพราะ การเก็บขยะของเราคือต้องล่องแพรออกไปดูวิถีชีวิตริมน้ำก่อนบอกว่าเลย ชิวมากกกก !!!! ดูวิวเสร็จเก็บขยะทำความดีกับเพื่อนร่วมงานมันดีนะเฮ้ย เห็นเพื่อนร่วมงานที่อยู่ออฟฟิศมันเอาแต่บ่นมานั่งเก็บขยะทำความดีภาพมันก็น่ารักไปอีกแบบ 555555 แต่กิจกรรมนี้ต้องบอกก่อนว่า เราได้ไปรู้จักกับพี่เจ็ก ซึ่งพี่เขาเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลปากแพรก และเป็นคนปากแพรกตั้งแต่เกิด กิจกรรมนี้เลย Exclusive หน่อยเพราะต้องมีการเตรียมเรือสำหรับเก็บขยะ มีคนพายที่ชำนาญ เพราะ ที่ๆเราเก็บห่างไกลจากฝั่งอยู่เหมือนกัน แต่วิวตอนเก็บขยะ คือ ดีมากกกก ลืมไปเลยว่าเก็บขยะอยู่จ้ะ (ขอบคุณพี่เจ๊กสำหรับกิจกรรมดีๆแบบนี้นะคะ)
           หลังจากเก็บขยะเสร็จสถานที่ที่ 2 ที่เราจะพาไป คือ บ้านช.ช้างชรา ไม่รู้ว่าทุกคนเคยได้ยินหรือได้ไปหรือเปล่าแต่สำหรับตัวเราเพึ่งเคยได้ยินนี่แหละ ชื่อก็บอกชัดเจนแน่นอนว่าไปถึงปุ๊ปเจอ ม้า แน่ (แอ่แห้) กลับมาค่ะ ที่นี่เค้าไม่ได้พาไปดูช้างหรือให้อาหารช้างเฉยๆนะจ๊ะ กิจกรรมที่บ้านช.ช้างชรา มีทั้งแบบ 1 Day และ 1 Night ซึ่งราคา 1 Day จะอยู่ที่ 1,250 บาทสำหรับคนไทย และ 2,500 บาทสำหรับคนต่างชาติ แต่ถ้าไปเป็นกลุ่มเยอะๆแบบเราอาจจะโทรติดต่อเข้าไปล่วงหน้าก่อน เผื่อจะมีส่วนลดพิเศษ และบ้านช.ช้างชราให้คนมาเข้าร่วมแค่ 100 คนต่อวันเท่านั้น แต่ตอนที่เราไป Outing เราเลือกทำกิจกรรมได้แค่ช่วงบ่าย เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดของเรานั่นเอง โดยกิจกรรมที่กลุ่มเราได้ทำนั้นก็จะมี ปั้นข้าวเหนียว ป้อนข้าวเหนียว และสุดท้ายเป็นการป้อนผลไม้ให้เหล่าพี่ช้าง ส่วนเวลาที่เหลือหลังจากนั้น ก็ดูเหล่าพี่ช้างเล่นน้ำ เอาจริงๆที่นี่ได้ใจเพื่อนร่วมงานมาก เหมือนได้มาใกล้ชิดสัตว์โลกพร้อมๆไปกับธรรมชาติและมีกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกัน จากเพื่อนร่วมงานมันขยับใกล้เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทางทุกที..โดยเฉพาะตอนปั้นข้าวเหนียวด้วยกัน 5555

สถานที่ตั้ง : เลขที่ 90/9 หมู่ 4 ตำบลวังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 71190
www.elephantsworld.org  
FB: www.facebook/elephantsworld
โทร : 092-256-6646 ,034-510-511 

          กลับจากบ้านช.ช้างชรายังมีเวลาอีกนิดก่อนจะเข้าที่พัก มันพลาดไม่ได้จริงๆ คือ ถนนคนเดินปากแพรก ไฮไลท์เด้อค่ะ บอกก่อนถนนปากแพรกคือถนนเส้นประวัติศาสตร์จริงๆ ถ้าให้เล่าประวัติทุกบ้าน บอกเลยว่าปิดไฟนอนเลยค่ะเล่าเป็นวัน แต่อันนี้ขอเล่าให้เห็นเป็นภาพนิดนึง คือ ถนนเส้นนี้เป็นถนนคอนกรีตสายแรกของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นบ้านของบุคคลสำคัญในอดีต เป็นสถานที่ที่มี สถาปัตกรรมชิโนโปตุกีส 1 ใน 3 ของประเทศไทย ซึ่งการไปชมถนนปากแพรกของเราในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเดินชมธรรมดาๆ เพราะกลุ่มของบริษัทเราชมถนนปากแพรกด้วยการนั่งรถราง อันเนื่องมาจากการติดต่อผ่านพี่เจ็กอีกตามเคยให้ทางพี่เค้าช่วยจัดเตรียมในเรื่องของการเดินทาง จริงๆที่เป็นเช่นนี้ เพราะ Company นึงมีหลาย Generation เนอะจะให้เดินกันทุกคนมันก็คงไม่ไหว สภาพกระดูกก็เป็นไปตามอายุ..

        ต่อมาเหนื่อยมาทั้งวันก็ถึงเวลาเข้าที่พักไปพักกายพักใจให้หายเหนื่อยสักแปป โดยสถานที่พักที่เราเลือกให้ คือ เป็นรีสอร์ทเปิดใหม่ท่ามกลางธรรมชาติสุดๆ ตอนกลางคืนทุกคนจะถูกขับกล่อมด้วยเสียงโอเปร่าธรรมชาติ (เจ้าของโรงแรมเรียกแบบนั้น 5555) นั่นก็คือเสียงกบเสียงแมลงที่ร้องอยู่ตามทุ่ง มันดีจริงๆค่ะคุณผู้ชม

           ต่อมาการไป Outing กับบริษัทสิ่งที่พลาดไม่ได้อยู่แล้วคือการรับประทานอาหารเย็นและมีการสังสรรค์เล็กๆน้อยๆร่วมกัน แต่เราก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันแบบธรรมดาเพราะเราอยากให้ทุกคนดื่มด่ำบรรยกาศในทุ่งนาพร้อมกับการแสดงของคนในชุมชน เราจึงได้จัดให้มีการชม “ระบำไก่” ระหว่างรับประทานอาหารเย็นไปด้วย ระบำไก่ที่ว่าเป็นการแสดงดั้งเดิมของจังหวัดกาญจนบุรีและเป็นการแสดงที่ได้รับรางวัลระดับประเทศมาก่อน การแสดงไม่ทำให้ใครรู้สึกเบื่อเลย เพราะ การแสดงถูกแสดงด้วยน้องๆมืออาชีพเล่นกันอย่างเต็มที่แถมยังมีมาหยอกล้อกับคนดู เรียกได้ว่าประทับใจกันยกบริษัท 
        เย้! กิจกรรมวันที่หนึ่งจบไปแล้ว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปเริ่มวันที่สองต่อเลยละกัน

        

ตื่นเช้ามาอีกวัน คือ เหมือนถ่ายเอมวีอยู่กลางทุ่งที่เขียวขจี แต่มีทุกอย่างรองรับความสะดวกสบายอย่างเพียบพร้อมจะเรียกว่าเป็นทุ่งนาในฝันก็ได้ (ภาพสีฟุ้งก็มาหรอ) เราทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทเลย บรรยกาศดีมากจิบกาแฟริมระเบียงชมเสียงนก เสียงไม้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานสักหน่อย (กลมกล่อมทั้งกาแฟ บรรยกาศ และ เรื่องเม้าของคนในออฟฟิศ) หลังจากดื่มด่ำยามเช้าเรียบร้อย เราก็เดินทางไปหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสงวร ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดเทวสังฆารามหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดเหนือนั่นเอง ภายในหอพระประวัติก็จะมีที่ให้กราบสักการะสมเด็จพระญาณสังวร และมีพระประวัติของสมเด็จพระญาณสังวรให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษามากมาย และที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น คนที่ดูแลและคอยให้ข้อมูลพวกเราเป็นหลานของสมเด็จพระญาณสังวรตัวจริง ไม่รู้ว่าทุกคนตื่นเต้นกับเราไหม แต่เราตื่นเต้นมาก เพราะเรารู้สึกว่าได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากคนที่ใกล้ชิดจากพระองค์ท่านจริงๆ

สถานที่ตั้ง : วัดเทวสังฆาราม

         สถานที่สุดท้ายที่เราจะพาไปแล้ว คือ ขอเกริ่นก่อนว่ามันไม่ไปไม่ได้จริงๆ เพราะ โลกเปลี่ยนไปใครๆก็อยากแชร์ภาพ 555 ถ้าไม่มาที่นี่เดี๋ยวจะหาว่าพามาไม่ถึงที่ นี่เลยค่ะ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ให้ทุกคนถ่ายรูปชมบรรยกาศให้ชื่นใจ สบายใจกันทุกคน พร้อมจะเลิกแถวรับมือกับวันจันทร์ต่อไป
              อ้ะ..จบแล้วการ Outing ของบริษัทเรา เอาจริงๆทุกคนอาจจะรู้สึกน่าเบื่อไปเปล่า หรือ อาจจะเฉยๆ ซึ่งเราไม่เถียงนะ แต่อยากให้กลับมาดูถึง ผลลัพธ์ของแต่ละกิจกรรมที่เราไปทำกันมันได้ประโยชน์จริงๆนะ (เข้าสู่ชั่วโมงนี้มีสาระ) เช่น 
 

  • รายจ่ายจากการที่เราไป Outing ไปเป็นรายได้ของชุมชน เช่น กิจกรรมเก็บขยะ ซึ่งเงินที่เราจ่ายไปเป็นการจ้างเรือจากชาวบ้านริมน้ำ และจ้างแพซึ่งเป็นธุรกิจที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำกัน
  • เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ทำให้เราไม่หลงลืมความเป็นเราทุกวันนี้
  • เราเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่จะสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนปากแพรกจากการที่พวกเขาได้เผยแพร่วัฒนธรรม และ สถานที่ท่องเที่ยวของปากแพรกให้คนอื่นได้รู้ผ่านโลกโซเชียลกับสื่อต่างๆ
  • ท้ายที่สุดตลอดระยะเวลา 2 วัน 1 คืน อย่างน้อยเราต้องได้เห็นเพื่อนร่วมงานของเราในมุมที่เปลี่ยนไป เพราะเพื่อนร่วมงานเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนร่วมทางได้จริงๆ

      หวังว่าทุกคนจะพาเพื่อนร่วมงานไปเป็นเพื่อนร่วมทางแบบนี้กันเยอะๆนะ และ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงจุดนี้มากๆถ้าผิดพลาดอะไรไปขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หวังว่าปีหน้าจะได้มาแชร์กิจกรรม Company Outing แบบนี้อีก ขอบคุณค่า