เริ่มออกเดินทางเย็นวันพฤหัสบดี ทริปนี้ไปตรงช่วงวันหยุดเข้าพรรษาพอดี ขาออกรถเลยติดมากเราออกจาก กทม.ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆรอบนี้รถติดมาๆ กว่าจะหลุดนครสวรรค์3ชั่วโมง เหนื่อยเลย ทำเวลาไม่ได้ผิดแผนไปพอสมควร ตั้งใจจะไปเช้าที่ภูชีฟ้า
ตี5ซัดมาถึงแพร่ รอบนี้ได้นอนตอนกลางวันมาน้อยกว่าทุกทริปปกติจะนอนกลางวันเยอะๆแล้วขับทั้งคืนยันเช้า แต่รอบนี้ไม่ไหว หรือว่าจะเริ่มแก่ซะแล้ว555 ถึงแพร่ไม่ไหวจริงๆขอจอด ปตท งีบสัก40นาที เกือบๆ6 โมงสดชื่นตื่นเดินทางต่อ แต่ระยะทางอีกยาวไกลบวกกับสายฝนที่ตกแทบจะตลอดทางทริปนี้ แต่ยังดีที่ไม่แรงไปได้เรื่อยๆ
มาถึงเชียงคำอัดแก้สอีกรอบ เข้าเขตแก้สแพงแล้ว16บาทกว่าไอหย่าาอัดไปให้เต็มถังลุยต่อ
ในที่สุดแล้วก็ฝ่าฝันมาจนจะถึงภูชี้ฟ้าอยู่แล้วอีก ประมาณ 8 โล ขุ่นพระ ไม่ได้เอาน้องออสดำคันเดิมเติมแก้สออกทริปซะนาน หลังๆไปมอไซด์หรือไม่ก็วีโก้พี่สาสอีกคนในกลุ่มที่ไปด้วยกันบ่อยๆ แต่รอบนี้วางเส้นทางมาแล้วมีแต่ทางเรียบไม่ได้ลุยอะไร และมาแค่ 3 คนเลยเอารถแก้สดีกว่าประหยัดกว่าเยอะ
แต่แล้วก็เจอรับแขกด้วยดินสไลด์
เอาจริงๆมันก็ไม่ได้โหดอะไรมากแต่ด้วยที่ความเป็นรถโหลดเตี้ยจะเลียพื้นแบบนี้ก็มีหนาว
ผมจอดลงไปเดินเช็คลายเพื่อความชัวยังไงก็ต้องเสี่ยงลุยเข้ามาลึกมากจากแยกหลักประมาณ เกือบ40โลถ้าให้น้อนออกไปแล้วขึ้นทางอื่นจะเสียเวลามาก
ในที่สุดก็ลุยเลือกลายแล้วเหยียบไปกันชนหน้าไถดินเกลี่ยอย่างทุลักทุเล ปัดเป๋ไปมาแต่สุดท้ายก็รอดมาได้
ยังไม่ถึงที่แรกเลยเอาสะแล้ว555
หลังจากมาถึงภูชี้ฟ้า ทะลุไป10 โมง ฟ้าขาวไปหมดครับ มาหน้าฝนต้องทำใจ จะว่าเจอหมอกก็ง่ายฟินๆ แต่บางสถานที่ถ้าหมอกมากไปเราก็จะไม่เห็นอะไร 555 แต่ไม่เป็นไรเพราะเคยมาแล้วเมื่อปี59 เลยไม่เสียดายเท่าไหร่
เดินไปเกือบถึงยอด ขาวโพลนไปหมดครับไอหมอกปะทะหน้าหัวเปียกซก
น้องๆร้องเพลงเกมือนเดิมแต่น่าจะไม่ใช่คนเดิมแล้วละ
ไปต่อครับตามแผนแต่แรกถ้าเรามาถึงชี้ฟ้าได้แต่เช้าแรกที่ตั้งไว้6-7โมงจะไปแวะผาตั้งด้วย แต่รอบนี้เวลาเลยมาเยอะแล้ว และดูจากฟ้าแล้วผาตั้งคงฟ้าขาวเหมือนกันเลยแวะกินขาหมูข้าวเช้าอย่างเดียว
วิวระหว่างทางชี้ฟ้าไปผาตั้งครับ
เมฆลอยกดต่ำถ้าขึ้นไปสูงมากก็จะอยู๋ในหมอกกันละครับ
ขับไปถ่ายไป
แล้วเราก็มาถึงร้านอาหารผาสุข ก่อนถึงทางขึ้นดอนผาตั้งนิดนึง ดูมาเขาว่าอร่อยในลองสิเด็ดจริงไหม
กว่าจะถึงก็ปาไป11โมง มื้อนี้เลยควบสองมื้อไปเลย
ขาหมูหมั่นโถ่อร่อยมากครับได้ขาหมูใหญ่มากแถมราคาแค่250 รวมมื้อนี้ 500 บาท คุ้มมาก 2 มื้อแถมกินขาหมูไม่หมดห่อไปกินต่อเย็นนี้ 555
อาหารว่าอร่ยวิวก็อร่อยไม่แพ้กัน อากาศเย็นๆกำลังดี ช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อยครับเส้นนี้
ไปต่อก่อนจะเข้าที่ชุมชนปางห้าเส้นทางของวันแรกนี้ตามแผนที่นี้เลย เลาะขอบนอกเชียงราย
เส้นทางจากดอยผาตั้งไปเรื่อยๆวิวสวยตลอดทางครับ รถก็น้อยถนนดี แต่ก็มีช่วงดินสไลด์อยู่บ้างแต่ไม่หนักเท่าจุดแรก
ผ่านวิวริมโขงเป็นระยะๆ
สายฝนก็ตกๆหยุดๆเรื่อยๆครับ อยู่ใต้ฟ้าไม่กลัวฝนอยู่แล้ว ตกมาเลยย
เส้นทางมีขึ้นลงชันนิดหน่อยผ่านเชียงของเชียงแสน ตรงไหนวิวสวยก็จอดไปเรื่อยๆ
ถนนเส้นที่เรามาเมื้อตะกี้นี้
แล้วก็มาถึงพระธาตุผาเงาบ่าย 2 ได้ครับ
วิวสวยแจ่มเลยครับที่นี้
สวยงามไหว้พระแล้วก็ไปต่อครับ
มาเช็คอินสุดเขตแดนไทยเมองเชียงแสนซะหน่อย แล้วไปต่อสามเหลี่ยมทองคำ
หาที่จอดข้างทางแล้วเดินเอาครับ
จุดนี้ครัสามเหลี่ยมทองคำมองเห็น3ประเทศได้เลย
จากนั้นเราก็เดินทางมาถึงชุมชนปางห้าเวลาเกือบ 4 โมง เป้าหมายหลักทริปนี้ของเรา
ในส่วนของการเดินทางนั้นไม่ยากเลยหมู่บ้านอยู่ในแม่สาย รถยนต์ทั่วไปเข้าถึงได้ปกติครับ
หลังจากมาถึง ที่นี้กิจกรรมมากมายอาทิเช่น การทำกระดาษสา มาสก์ใยไหมทองคำ สปาเท้า และพาไปชมวิถีชีวิตชาวบ้าน การตีมีด ทำเทียน และสวนฝรั่งกิมจู เป็นต้น
class="swipebox"
ที่ปางห้านี้มีโรงงานผลิตกระดาษสาทำเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายส่งออกมานานแล้วครับ ที่นี้เลยจะตกแต่งด้วยกระดาษสาซะส่วนใหญ่
class="swipebox"
กิจกรรมแรกที่ผมจะทำในวันนี้ก็คือการทำกระดาษสาครับ กระดาษสานั้น ทำมาจากเยื้อไม้ของต้อปอสา อันนี้ที่จริงสามารถใช้เยื่อไม้ได้หลายชนิดแต่ว่าเนื้อของต้นปอสานั้นจะดีที่สุด
วิธีการคร่าวๆขั้นแรกเมื่อได้เยื้อต้นปอสามาแล้ว ก็จะมาทำการทุบๆให้แบน จากนั้นก็นำไปแช่น้ำทิ้งไว้ครับ ก็จะได้เป็นก้อนปอสา
class="swipebox"
จากนั้นก็เอาก้อนเยื้อสา มาวางที่บล็อกจากนั้นก็ทำการตีบดขยี้เบาๆ
ให้เยื้อกระดาษแตกกระจายไปให้ทั่วบล็อก
class="swipebox"
จากนั้นก็ทำการออกแบบตามใจชอบเลยเมื่ออกแบบเสร็จแล้วก็จะทำการใส่กาวยางบางๆแล้วนำไปตากรอแห้งครับ
class="swipebox"
แต่วันที่เราไปฝนตกๆหยุดๆไม่ค่อยมีแดดเลย ยังไม่ได้ตาก
class="swipebox"
รูปภาพบางส่วนเป็นการทำกิจกรรมของช่วงเช้าวันที่2ครับเพราะวันแรกไปถึงเย็นแล้วทำไม่ทันแต่เป็นกิจกรรมต่อเนื่องกันเลยจะเล่าทีเดียวเลยนะครับ
class="swipebox"
ต่อไปเราจะมาทำการ รีไซเคิลกระดาษกันครับ ในส่วนการีไซเคิลนั้นจะใช้เศษกระดาษทั่วไปหรือกระดาษสาก็ได้เอามาผ่านกระบวนการบดแช่ทิ่งไว้ 24 ชั่วโมงจนรวมกันเป็นน้ำ จากนั้นเราก็ทำการเทลงบล็อกต่างๆที่เราเตรียมไวอีกทีนึง แล้วจึงนำไปตาก
class="swipebox"
หลังจากตากแห้งแล้วก็จะได้ ชิ้นส่วนรูปร่างๆต่างๆ สามารถเอาไปตกแต่งหรือทำเป็นโมบายได้อีกด้วยครับ
class="swipebox"
การทำโมบายก็ยิ่งแสนง่าย เอาชิ้นส่วนที่รีไซเคิลที่ตากแห้งแล้วมาติดกาวประกบกันครับ ออกแบบตามใจชอบเช่นเคย แล้วรอแห้งเป็นอันเสร็จกระบวนการ ทั้งโมบายและกระดาษสาทั้งสองอย่างที่เราทำแล้วสามารถเอากลับบ้านได้ครับ
แต่หากเราไม่ได้ค้างคืนหรือกระดาษสาที่ทำยังไม่แห้ง ทางชุมชนมีบริการจัดส่งตามกลับมาให้ครับ เป็นกิจกรรมสนุกๆที่สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัยครับ และใครอยากจะติดต่อผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆที่ทำจากกระดาษสาสามารถติดต่อทางชุมชนได้เลยครับ
class="swipebox"
มาถึงกิจกรรมต่อไป อีกหนึ่งความภูมิใจของชุมชนเลยครับ กับมาสก์ไยไหมทองคำ
class="swipebox"
นวัตกรรมการสร้างแผ่นมาสก์ใยไหมร้อยเปอรฺ์เซนต์โดยใช้วิธี นำตัวไหมให้เขาทำการถักทอไยของตัวเองจนใยไหมรวมกันเป็นแผ่นเมื่อตัวไหมถักทอไยจนเสร็จ ตัวไหมก็จะกลายเป็นดั้กแด้ และ ผีเสื้อเพื่อมาวางไข่ใหม่ในที่สุด โดยที่เป็นการจบกระบวนการวงจรชีวิตของตัวไหม โดยที่ตัวไหมไม่ตาย
ซึ่งต่างจากการสร้างใยไหมในแบบอื่นที่จะนำตัวไหมไปต้มเพื่อให้ได้ใยไหมมาซึ่งจะทำให้ตัวไหมนั้นตายครับ ทำให้การสร้างแผ่นใยไหมนี้มีสารที่เป็นประโยชน์ต่างๆ เช่น เซริซินอยู่ครบ ร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ งานนี้มีการจดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อย
และยังเป็นอีกอาชีพหลักของชาวปางห้าในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อเอามาทำมาสก์ไยไหมและผลิตภัณฑ์ต่างๆภายใต้ชื่อ CEILK ครับ
class="swipebox"
ใครสนใจผลิตภัณฑ์ต่างๆสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ Ceilk Natural Gold Silk Mask ครับ
ต่อไปเราจะเข้าที่พักกันครับที่พักที่ชุมชนนี้จะมีหลายแบบส่วนใหญ่จะเป็นโฮมสเตย์ตามที่ต่างๆในหมู่บ้าน วันนี้เรานอนกันที่โฮมสเตย์บ้านสวนอุ้ยคำ เฮือนฮิมบัวครับ
ห้องแอร์ด้วยครับหลังนี้มีห้องนอนหนึ่งกะด้านนอกมีเตียงเสริมนอนด้วยกัน 3 คนได้ครับ
กินอาหารเย็นพร้อมวิวริมน้ำ
อาหารในชุดนี้เสริมแบบเป็นขันโตกผมจ่ายเพิ่ม500บาทจากราคาแพคเกจครับ
กินข้าวไม่ค่อยอร่อย เธอป้อนให้หน่อยได้หรือป่าวว อะหึ้ยย
หลังจากกินข้าวเสร็จก็ขับไปไหว้พระที่วัดในหมู่บ้านครับ แต่วัดนี้น่าจะไม่มีเวียนเทียนวันนี้
จากนั้นก็ไม่มีอะไรครับวันนี้เหนื่อยมาทั้วันแล้วเข้าบ้านนอนเตรียมลุยเช้าใหม่ครับ
จากนั้นยามเช้าเราจะพาไปชมหมอกชมวิวที่ดอยสะโง้ครับ การไปเที่ยวนี่ไม่อยู่ในแพคเกจของท่องเที่ยวของชุมชนนะครับ แต่เราสามารถไปเองได้ง่ายๆ หรือให้ทางชุมชนติดต่อให้รถมารับบริการได้ครับ ดอยสะโง้นั้นอยู่ในพื้นที่เชียงแสน แต่การเดินทางจากปางห้านั้นแสนง่ายดายเพียง 15 นาทีก็มาถึง
แต่ทว่ายังไม่ใช่ยอดดอยครับต้องนั้งรถอีต็อกขึ้นไปเพราะมีทางวิบาก ประมาณ 800 เมตร ครับ นั่งรถแค่ประมาณ 10นาทีก็ถึง ค่ารถรอบละ200 ไป-กลับต่อกรุ๊บ นั้งได้เป็น10ครับ กระจายรายได้กันไป
แปบเดียวก็มาถึง หมอกลอยไปมา
พอหมอกพัดหมดไปก็เห็นวิวสวยงามมาก
มาถึงสะโง้อย่าลืมโล้ชิงช้า
วิวสวยรอบทิศทองครับน่ามากางเต็นท์นอนมาก
วิวสวยทุกทางยิ่งตรงร้านค้าด้านบนมีชาเก๊กฮวยให้นักท่องเที่ยวกินฟรีด้วยร้อนๆยามเช้า
วิวด้านบนนี้สามารถรับชมได้ 360 องศา วิวสวยมาก ตอนเช้าหมอกลอยๆ ฟินมาก น่ามานอนสักคืนแสงตอนเย็นคงแจ่มน่าดู ชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน
ลงจากสะโง้แวะคาเฟ่วิวสวยๆริมถนนกันหน่อย
กลับจากดอยสะโง้สายๆมากินข้าวเช้าที่บ้านสวนอุ้ยคำ
จากนั้นไปทำกิจกรรมกันต่อในชุมชนวันนี้เราจะไปดูการตีมีดไทลื้อกันครับ ที่ปางห้านี้มีบ้านลุงตีมีดนี้มีเจ้าเดียวเลยครับ
ลุงจะตีมีดทุกวันยกเว้นวันพระครับ วันนึงจะตีได้ประมาณ 2 เล่ม ลองไปตีอยู่สองสามรอบ ยากทีเดียวครับ เป็นงานฝีมือโดยแท้และวิธีทำดั้งเดิมเลยครับ
ต่อกันด้วยการทำข้าวซอยน้อย หรือ พิซซ่าไทยใหญ่ ไทยลื้อ
วิธีการก็ไม่ยากเอาข้าวพม่าไปบดให้เป็นน้ำก่อน ที่ต้องเป็นข้าวพม่าเพราะว่ามันแข็งดีป้าว่าแบบนั้น แล้วก็ร่อนใส่ถาดจากนั้นจะใส่ไข่ใส่ผัก ใส่หมูอะไรเพิ่มเติมก็ได้
จากนั้นใส่หม้อประมาณ 2-3 นาที แล้วลอกออกจากถาด หั่นซอยบางๆ จิ้มน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ อร่อยเหาะเลยขอบอกก
ออกจากบ้านตีมีดไปต่อที่สวนฝรั่งกิมจู ไปดูการเกษตรกันบ้าง
เดินชมสวนและเก็บฝรั่งกันสดๆเลย ฝรั่งกิมจูที่นี้อร่อยมากครับ ผมซื้อกลับมากินอีกหลายโล555
จากนั้นก็นั้งรถอีต๊อกกลับมากินมื้อเที่ยงอีกรอบเป็นอันจบทริปครับ
มื้อเที่ยงของเราวันนี้คือ เตี๋ยว โตก ตอง มีเฉพาะวันเสาร์ด้วยครับเรามาวันเสาร์พอดี เตี๋ยว โตกตองก็คือ ก๋วยเตี๋ยว ใส่บนใบตอง และ โตกคล้ายขันโตกอีกที จึงเป็นที่มา ของ เตี๋ยว โตก ตอง เส้นบะหมี่ก็ทำเองอร่อยมากครับ รสชาตดี ใครมาวันเสาร์อย่าลืมมากินกันครับ ก่อนทานรับเมี่ยงออเดิฟกันก่อน
ของคาวจบต่อด้วยของหวาน ขนมล็อคนา และขนมถ้วยครับ
บรรยากาศรอบๆบ้านสวนอุ้ยคำ
ท้ายสุดแวะถ่ายรูปเล่นที่โรงบ่มใบยาในหมู่บ้านด้วยครับ รูปทรงสวยงามแปลกตาดีครับ
จบไปแล้วกับกิจกรรมวิถีชุมชนสนุก ในรูปแบบ 2 วัน 1 คืน ที่จริงกิจกรรมมีมากกว่านี้แต่ผมเวลาไม่พอครับ
ส่วนใครสนใจจะมาทำกิจกรรมจะมาเดี่ยวหรือคู่หรือหมู่คณะ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด แพคเกจได้ ที่ ท่องเที่ยวชุมชนปางห้าโฮมสเตย์ มีทั้งกิรกรรม วันเดย์ทริป หรือ 2 วัน 1 คืนก็ได้ ครับ ในส่วนกิจกรรมที่ผมทำทริปนี้จะอยู่ในราคา คนละ 2100 บาทมีอาหาร 3 มื้อ แต่ไม่รวมแผ่นมาสก์หน้าในส่วนนี้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายและอาหารมื้อเย็นแบบขันโตกครับ
เชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกคนนะครับฝากชุมชนปางห้าไว้ด้วยครับ "เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต"
ออกจากชุมชนปางห้าแวะไปดูด่านแม่สายกันหน่อย รถติดมากมายรถพม่าเพียบครับ
กลับรถออกอย่างไปไปหาปั้มแก้สอัดอีกรอบก่อนเลาะขอบเชียงรายกันต่อ
มาดูเส้นทางวันนี้มั้ง เมื่อวานเลาะขอบขวาติดกะลาว ไปแล้ววันนี้เลาะขอบซ้ายพม่ากันบ้าง
ที่แรกเติมแก้สเสร้จเส้นหลักกลับรถเลี้ยวซ้าย จากถนนใหญ่ไม่กี่โลเาก็จะเข้าสู่หุบเขาอีกแล้วครับ
สายหมอกกำลังสวยเลยเคลียคลอเขา
เราไม่ได้จกตรงร้านกาแฟครับคนเยอะมากกำลังฮอตฮิตเลยผาหมีผลพวงของน้องๆทีมหมู่ป่าคนแน่นสร้างรายได้ให้หมู่บ้านเยอะเลย
เลยขับมาจนเลยฏค้งนี้มีที่จอดแล้วเดินเล่นถ่ายรูปเอา
จากนั้นก็ไปต่อจุดชมวิวเดียวกะน้องทีมหมูป่าเลย
จากนั้นไปต่อบ้านผาฮี้ครับขับขึ้นไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้าย ต้องบอกว่าเส้นทางนี้สวยมากครับวิวข้างทางแต่น่าเสียดายมารถยนถนนแคบไม่สามารถจะจอดเก็บภาพได้เลย นี่แหละหน่าขอเสียของรถยนต์ ไว้มีโอกาศจะขี่เจ้าแลลี่มาใหม่สวยดีครับเส้นนี้
ไม่นานนักเราก็มาถึงผาฮี้หมู่บ้านเล็กๆ ไปร้านกาแฟยอดฮิตกันหน่อย
วิวสวยเด็ดสมคำร้ำลือ
เดินเล่นในหมู่บ้านสักนิด
หมู่บ้านลดหลั่นตามแนวเขา
ออกจากผาฮี้4โมงกว่าแล้วไปต่ออีกนิดเดียวไม่ถึง3โลก็ถึงดอยช้างมูบ แต่เหมือนกับอยู่คนละโลก
เราขับทะลุมาอยู่ในม่านหมอกขาวโพลน สอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่าปิดแบบนี้ทั้งวันที่ช้างมูบครับ
นี้ละหน่าธรรมชาติมีอะไรให้แปลกใจได้เสมอ
โชคดีอีกแล้วที่ผมเคยมาที่ดอยช้างมูบแล้วเหมือนกันเมื่อปี59 ทริปเดียวกะที่ไปภูชี้ฟ้านั้นแหละ ทำให้เคยเห็นวิวตอนฟ้าใสแล้วสวยงามมาก รอบนี้เลยได้อีกอารมณ์ก็ฟินไปอีกแบบครับ 555
ออกจากช้างมูบลงไปทางดอยตุงครับ ก็นั้นแหละครับที่บอกว่าหมอกขาวๆมันก็ได้อารมณ์อีกแบบอย่างมุมนี้
ให้อารณ์ฟินดีแท้ถนนเส้นนี้ครับหลายรูปแบบเลย
พอไต่ระดับลงมาก็พ้นหมอกมีจุดชมวิวฟ้าโล่งแล้วครับ
จากนั้นเราก็ไปหาที่นอนคืนนี้ตอนแรกว่าจะไปนอนที่ดอยแม่สลองครับ แต่เคยไปแล้วรอบนึง เลยคิดว่าลองเปลี่ยนไปเที่ยวในเมืองดูบ้างยังไม่เคยดูแสงสีในเมืองเชียงรายเลย ก็เลยเปลี่ยนแผนกันตรงนั้นเลยหาที่พักหลักร้อยถูกๆ
แล้วก็เจอกับที่นี้ครับ JB Mansion Chiang Rai อยู่ใกล้ๆ B2 ไนท์บาซาร์ครับ ตอนแรกจะ B2 แหละมันเต็มเลยขับหาอีกหน่อยเจอที่นี้ 3 คน 550 บาทเป๊ะเข้าล็อคเอาเลยตามงบ
ที่พักสอาดแอร์เย็นเตียงนุ่มครับปลอดภัยดีไม่พลุกพล่านด้วยอยู่ไม่ไกลถนนคนเดินด้วยครับขับรถไปแปบเดียว
มื้อเย็นวันนี้กินผัดไทยหอยทอดร้านตรงข้ามเยื้ยงที่พักนั้นแหละ
จากนั้นก็ท่องราตรีดูแสงสีหน่อยครับไปถ่ายรูปวัดตอนกลางคืนสักหน่อยที่วัดร่องเสือเต้น และวัดห้วยปลากั้ง ไม่ได้เข้าไปไหว้นะครับมาถ่ายตอนกลางคืนเฉยๆเดี่ยวตอนเช้าจะมาใหม่อีกรอบทั้งสองวัดครับ อยู่ในเมืองวิ่งรถไม่นานครับไม่กี่โลเองไปดูเลย
ด้านในสวยงามมาก
และวัดห้วยปลากั้ง
จากนั้นไปต่อถนนคนเดินเชียงรายมีไรบ้างขอดูหน่อยสิ
คนเยอะเยอะคึกคักดีครับหาจอดรถได้ที่ สถานีตำรวจ
เดินไปเดินมาเจองานรำวงย้อนยุค ขอเข้าไปแจมสักสองเพลง สนุกดีครับ ได้บรรยากาศรำวงไม่ค่อยได้เห็นกันสักเท่าไหร่ แต่แหะฝนเจ้ากลับ กำลังสนุกๆดีๆ ฝนตก วงแตกก หาที่หล่บกันให้วุ่น แล้วพวกเราก็กลับกัน
ก่อนกลับอีกนิดพอเดินมาถึงรถฝนซาเลยขอไปถ่ายรูปที่วงเวียนหอนาฬิกาหน่อยครับ เป็นอันปิดจ็อบคืนนี้นอนหลับสนิทด้วยความอ่อนเพลีย