ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Nom •  ธันวาคม 05 , 2559

    3 วัน 2 คืน [เขาค้อ-ภูทับโบก]

    บันทึกการเดินทางเปิดประสบการณ์เขาค้อ-ภูทับเบิก
                    26-29 December. 2016              

         สวัสดีค่าาาาาาาาาาาา  จำเราได้มั้ย?......จำไม่ได้! อ่อไม่เป็นไร ปล่อยผ่าน5555 เจอกันอีกแล้วน้ากับทริปนี้ (3 วัน 2 คืน [เขาค้อ - ภูทับโบก]) ทำไมถึงบอกว่าภูทับโบกเดี๋ยวเราจะได้รู้กันในกระทู้นี้แน่นอน


    คำแนะนำ :  สำหรับท่านที่ยาวขี้เกียจอ่านให้เลื่อนลงไปท้ายทริป จะมีสรุปทริปและงบประมาณ 

    ติดตามหรือสอบถามข้อมูลเพื่อมเติม IG : nompracharot 

    ดูภาพเพิ่มเติมได้ใน Page : https://www.facebook.com/wanttotravel01/

         หลังจากสอบเสร็จก็รีบมาเก็บกระเป๋าและออกจากหอทันที นี่คืออีกครั้งของการเที่ยวแบบไรแพลนและการเที่ยวที่ไร้แพลนนี้ก็นำมาสู่การพลาดเที่ยวรถ ที่วิ่งจาก นครพนมไปหล่มสัก คือรถนครพนม-เชียงใหม่ นี่คือรอบ 17.00 น. รถรอบสุดท้ายที่เราขึ้น เอาไงเอากัน! ออกจากวิทลัยมาแล้วพวกเราจะไม่หันหลังกลับแน่นอน ขึ้นสิจ๊ะรออัลไรและแล้วรถก็มาจอดให้เราลงที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเลย ที่จริงเรียก บขส.เลยก็ได้นะ 5555 นี่จะพิมพ์ยาวทำไม เอาล่ะมานั่งแบบเซ็งๆ ตอนนี้ห้าทุ่มครึ่งแล้ว คนที่นี่มีเพียงน้อยนิด เพราะมีเพียงคุณลุงสามล้อ ป้าที่นั่งหลับรอเก็บตังค์คนเข้าห้องน้ำ 3 บาท และผู้โดยสารที่ดูท่าจะตกรถเหมือนกันอีก 2 ท่าน 1 ในนั้นคือพี่ชายคนลาวที่เพิ่งลงจากภูทับเบิกเหมือนกัน พวกเราได้เข้าไปคุยกับพี่แกได้ความว่าพี่แกมาเยี่ยมญาติที่ภูทับเบิกแต่พอจะกลับนครหลวงเวียงจันทร์รถหมดก่อนเลยต้องได้รอพรุ่งนี้เช้า หลังจากนั้นก็คุยกันอีกนิดหน่อยก่อนจะขอแยกตัวออกมา

    เราตัดสินใจ เดินไปหาโบกรถที่ตลาด ซึ่งอยู่ถัดจาก บขส. พระเจ้า!!!!! นี่มาโบกรถตอนห้าทุ่มครึ่ง เดี๋ยวๆมันเลยจุดที่เรียกว่าห้าทุ่มครึ่งมานานละ นี่จะเที่ยงคืนละ

      "นก"จ้า นกตัวใหญ่มาก ถึงได้เดินกลับมามาหาข้าวกิน นี่คือข้าวมื้อแรกของทริปหลังจากมื้อเที่ยงก็ไม่ได้กินข้าวอีกเลยระหว่างทางที่มาแม้กระทั่งข้าวเย็นก็ตามที ส่วนเจ้านี่คือข้าวดึก   และ.................กลับมานอน ถามว่านอนไหน? นอนมันที่ตรงนี้แหละจ้า รถคันไหนมารอบเช้าสุดเร็วสุดและไปถึงที่หมายเราขึ้นคั้นนั้น

      นอนรอก็แล้ว ยืนรอก็แล้ว เดินรอก็แล้ว ตีลังการอก็ทำ(ไม่ใช่ละ!) ในที่สุดป้าขายตั๋วก็มา รถออก ตีสี่กว่า++ นึกว่าจะไม่มาซะละจากนั้นก็ขึ้นรถย้อนกลับไปชุมแพทางที่ผ่านมาเพื่อจะไปต่อรถ

    อ่าาาาาาา รถนี่ยังไม่เข้าจอด บขส.ชุมแพเลยจ้า รถอีกคันก็วิ่งปู๊ดออกมาพอลงจากรถลุงที่นั่นบอกรถที่จะไปหล่มสักวิ่งออกไปเมื่อตะกี๊ ตามไม่ทันแล้วเพราะเขาไม่จอดระหว่างทางลุงบอกวันนี้ออกก่อนเวลา "อ้าวเฮ้ย!!" คือออกก่อนเวลางี้หรอ ได้หรอ? ได้ใช่มั้ย คือคนอะไรจะซวยซ้ำซ้อนขนาดนี๊(เสียงสูง) ตกรถถามว่าเจ็บมั้ย? #ไม่เจ็บตัวแต่เจ็บใจ นี่ก็นั่งรอรอบ 8.30 น.กันต่อไป

         สุดท้ายแล้ว ถึงแล้ว จะถึงหล่มสักแล้วแก๊รรรรร อีกอึดใจเดียวเท่าน๊านทนไว้แม่สาวน้อย

         day1

    ที่นี่...สถานีขนส่งผู้โดยสารหล่มสัก เรายอมรับ she เป็น บขส. ที่สะอาดมากไม่รู้สิ! เราว่าโคตรดูสะอาดตา หลังจากลงรถนี่คือถามดะเลยก็ว่าได้ มีพี่คนรถบอกว่าเดินออกไปจาก บขส. ผ่านป้อมตำรวจไปจะเป็นตลาดไปขอติดรถขึ้นไปข้างบนกับชาวม้งที่มาส่งผักนะ คร้าาาา ไอ้เรากับเพื่อนก็เดินตามที่พี่แกบอกออกมา ในใจนี่ร่ำร้องเหลือเกินว่าเขาจะให้เราขึ้นไปด้วยมั้ยนะ แต่แกรเอ้ยยยเราก็ไม่ใช่คนที่จะซวยอะไรขนาดนั้นโชคดีที่ขอขึ้นรถกระหล่ำแล้วเขาให้ขึ้น พี่ๆเจ้าของรถทั้งสองเป็นคู่รักกันแต่น่าจะเป็นคนไทย และถามพวกเราว่าจะไปลงไหนเพราะพี่แกจะไปเขาค้อ "เขาค้อค่ะ" นี่คือเสียงตอบของพวกเรา เอาวะในเมื่อพี่แกไปเขาค้อเราไปเขาค้อด้วยก็ได้ (นี่ก็ใจง่ายเหลือเเกิน) พี่ๆถามต่อ "จะลงส่วนไหนของเขาค้อ" เอิ่มมม เอาไงต่อ จะลงตรงไหนเนี่ย! คือเขาค้อมีตรงไหนบ้างมีส่วนไหนบ้างยังไม่รู้เลย "พี่ลงตรงไหนพวกหนูลงตรงนั้นค่ะ" จ้าาาาานี่ง่ายไปอีก แล้วพี่ๆก็บอกขึ้นรถ นี่ก็ขอบคุณเป็นการใหญ่

        พี่ๆส่งเราลงบริเวณสามแยกที่มีร้านค้าขายของฝาก นี่ก็รีบขอบคุญอีกรอบและเคว้งคว้างทันทีอะไรคือยังไงที่นี่คือที่ไหน กลางเขาและป่าไพรซึ่งมีสาวงามคือเราสามคนเป็นผู้ประกอบฉาก  ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่นานจะไปไหนก็ไม่ได้เพราะไม่มีรถ ป้าขายของฝากถามจะไปไหน เราบอกว่าาจะไปเขาตะเคียนโง๊ะ ป้าแกบอกอย่าไปเลยมันเปลี่ยวน่ากลัวและไม่ค่อยมีคน แนะนำไปไปรษณีย์เขาค้อดีกว่า อ่าาาา เราก็ตกลงตามนั้น ยืนคุยกันอยู่นาน ด้วยความใจดีของป้าหรือสงสารก็ไม่ทราบได้ แกจึงให้พี่อีกคนเอารถไปส่งเราที่ไปรษณีย์เขาค้อ

         มีไอ้ตัวน้อยลูกชายของพี่ที่มาส่งเราติดมาด้วย

         อื้อหืมมมมม วิวมันดี

         พี่ใจดดีสุดๆ จอดรถแวะให้เราถ่ายรูปด้วย แต่เสียดายบางLocation รอคิวนานไปหน่อยเลยไม่ได้เข้าไปถ่าย

          ก่อนพี่แกจะกลับเราช่วยค่าน้ำมันพี่ที่ใจดีขับรถขึ้นมาส่งแล้วแยกไปหาจุดกางเต้นท์ที่คิดว่าปังที่สุด แถวๆริมผา

          (จีบได้...กางเต้นท์เป็น) โหยยยย

         เอาล่ะ พักเอาแรงแป้บ คิดดูสิว่าตื่นขึ้นมาเจอวิวแบบนี้ทุกวันจะดีขนาดไหน

         เดินทางพร้องกับแบกเป้มาเหนื่อยแค่ไหนเราก็จะหลับไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรตกถึงท้อง

         กองทัพต้องเดินด้วยท้องเมื่อท้องอิ่มแล้วขาต้องเดิน สถานีต่อไปทุ่งกังหันลม แต่อันนี้ปัญหาคือไกลมากพอสมควรจะไปกันยังไงเมื่อไม่มีรถ และหนีไม่พ้นการโบกอีกเหมือนเคย นี่คันแรกที่โบกไปทุ่งกังหันลม "รถขนท่อจ้าาาาาาาาาาาา" พี่แกเป็นกังวลว่าเราจะนั่งได้มั้ย แบบ!ท่ออุปกรณ์ก่อสร้างนี่เต็มหลังกระบะกันเลยทีเดียว

         'แต่พี่ไปไม่ไกลนะ ส่งให้แค่แยกไฟแดงใกล้ๆเพราะจะเลี้ยว' นี่ก็ไม่ได้เป็นเป็นหาสำหรับเราเลยได้แค่ไหนแค่นั้นค่ะ พอพี่จออดลงให้ก็แวะเข้าสวนสตอเบอรี่ของคุณลุงต่อ ซึ่งอยู่ริมถนนติดไฟแดงพอดี

    • โพสต์-2
    Nom •  ธันวาคม 05 , 2559

         เดินต่อๆ เดินไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีรถ จนกว่าจะโบกรถได้ จนกว่าจะมีคนใจดีจอดรับ กิกิ

         นี่วิวข้างทาง แต่ไม่ได้เข้าไปนี่คือความเดินถ่ายจากถนน

         โบกไปเรื่อยๆ พร้อมกับคำตาปริบๆ แล้วพี่ชายใจดีทั้ง 4 คนก็จอดรถรับ พร้อมกับบอกให้ไปนั่งในแคปด้วยกัน ด้วยความเกรงใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ของเราทั้งสามคนจึงบอกปัดพี่ๆสุดหล่อไป "นั่งด้านหลังจะได้ชมวิวด้วยค่ะ แค่นี้สบายมาก" งื้อออออ ใสๆมั้ยล่ะแกร๊

         กระบะหลังมาพร้อมกับเมล่อนลูกโตๆคัดเกรด คือเต็มกระบะนี่ก็ต้องหาที่นั่งกันตามสะดวก

         ตอนแรกถามพี่ๆว่าผ่านทุ่งกังหันลมมั้ย แล้วพี่บอกผ่านครับ แต่ไม่คิดว่าพี่จะเข้ามาส่งถึงข้างในซึ่งอยู่ไกลมาก แต่พี่ก็บอก."อ๋อ...ไม่เป็นไรพี่จะเข้ามาส่งเมล่อนพอดี" #ขอบคุณมากนะคะ

         ก่อนจะแยกย้ายกับพี่ๆก็ขอเก็บภาพร่วมกันไว้สักหน่อย "อ่ะ....เมล่อน พี่ให้" เห้ยยยยยย เห้ยเว้ยแกร ผู้ชายให้เมล่อนด้วยจากที่ปลื้มแล้วนี่ปลื้มไปอี๊กกกก(เสียงสูงมาก) ที่สุดของที่สุดคือบนลูกเมล่อนมีป้ายแบรนเมล่อนห้อยและมี Facebook นี่อ่อยใช่มั๊ยยยหรือว่าการตลาด5555ล้อเล่น

         ที่นี่...ทุ่งกังหันลมเขาค้อ เพชรบูณ์ ประเทศไทย ตอนนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้านในได้แล้วหากจะเยี่ยมชมโดยไม่อยากเดินให้เมื่อยก็ขึ้นรถรางราคา 40 บาทนะจ๊ะจะได้ดูทั่ว แต่ถ้าเดินถ่ายรูปก็ชิลไปอีกแบบ

    จากนั้นก็หาทางกลับโดยที่ก็วิ่งโบกหลายคันพอสมควร พอดีกับมีรถลงมาแต่ส่งให้ถึงทางแยกใกล้ๆเพราะพี่แกไม่ผ่านไปรษณีย์เขาค้อที่เราพัก นี่พอถึงทางแยกก็ต้องช่วยกันโบกล่ะฮะท่านผู้ชม(เลี้ยงลุงสรยุทธ) หลายคันที่เรานก แต่ชีวิตก็ดี๊ดีเจอกับพี่ๆกลุ่มหนึ่งที่มาเที่ยวเหมือนกันซึ่งไปรษณีย์เขาค้อเป็นทางที่พี่แกต้องผ่านพอดี ทุกครั้งที่ติดรถมาด้วยเราจะไม่ลืมยิ้มไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณของเราทุกๆคน

         มาถึงเต้นท์ก็มืดแล้ว สิ่งที่ควรทำคือหาข้าวกิน และนี่หมูกระทะรับลมหนาวริมผา สิ่งที่เพื่อนสาวของเราร่ำร้องจะกินให้ได้ก่อนจะมาถึง ให้เตามา ให้อุปกรณ์มา แต่ไฟต้องก่อเอง ยังดีที่ผูกสัมพันธไมตรีกับพี่ๆคู่รักเต๊นท์ถัดไปอีก 1 เต้นท์ไว้ ผู้ผู้หญิงจึงมาช่วยก่อไฟเมื่อดูอยู่นานและเห็นท่าว่าเราจะไม่ได้กินกันง่ายๆ (ขอบคุณมากๆค่ะ)

         หืมมมมมมมมมม นี่หิวจริงๆนะ

         ทุกอย่างอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว

         ปิ้งมาร์ชเมลโลนี่คือเมนูของการแคมปิ้ง ถามว่าได้มาจากไหน? อันนี้เรามาจากซีรี่ของพี่เกา ที่เคยดูผ่านๆ สาบานว่าแกรดูผ่านๆ5555

         เจ้านี่คือมาร์ชเมลโล รสสตอเบอรี่ กลิ่นหอมล้านแปดรสชาติหวานๆ คือดีนะต้องลอง

     

                 day2  

         ตืนเช้ามาแน่นอนว่าต้องเปียกเพราะน้ำค้างลง ลมพัดผ้าคลุ้มเต้นท์ทั้งคืนนึกว่าใครเอาไม้มาฟาด นอนที่ไม่ได้ความสบายนะแต่ได้อะไรมากกว่านั้น

        บอกแล้วว่าทุกอย่างที่นี่อร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่เว้นแต่ไข่กระทะ หรือ โอวัลติน ก็ตามที

         ทุกครั้งที่ไปไหนเราจะติดส่งโปสการ์ดเสมอ เราว่ามันโคตรมีเสน่ห์ อารมณ์เหมือนชายคนรักส่งจดหมายให้แฟนสาว มันเป็นช่วงแห่งการรอคอย รอคอยที่จะได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายที่มีต่อเรา #ดั่งเช่นเราที่ส่งโปสการ์ดถึงตัวเอง (อย่างน้อยก็เข้าใจความคิดของตัวเองหล่ะวะ)

         จากนั้นก็กลับมาเก็บเต้นท์เตรียมเตียมเดินทางต่อ

              บังเอิญพี่ข้างเต้นท์ซึ่งเป็นพี่เต้นท์ติดกันและเป็นเต้นท์ที่เราไม่ได้คุยด้วยเมื่อคืนเดินมาทักว่าจะไปไหนต่อหรอ "ไปทับเบิกค่ะ" พี่ก็จะไปทับเบิกเหมือนกันแล้วเจอกันนะ แต่เดี๋ยว!!!!!!!!!!!พี่จ๋าพวกหนูขอติดรถไปด้วยสิคะ "ได้ๆ มาเลย" หืมมมมมมพี่นี่ใจดีไปอีกสำนึกผิดแทบไม่ทันที่เมื่อคืนคุยข้ามเต้นท์พี่ทั้งสองไป

         เจอกันทับเบิก แต่โหยยยยยยยยย ทางขึ้นนี่สุดแสนจะบรรยายต้องแข็งแกร่งเบอร์ไหนถึงจะไม่อวกแตก

         พี่มิ้นกับพี่สิทธ์(พี่ที่เราขอติดรถขึ้นมา)จอดซื้อสะเบียงขึ้นไปด้วย ซึ่งเราก็ต้องตุนสะเบียงเอาไว้เหมือนกันก่อนจะถึงไร่ริมผา

         แม่ค้าชาวม้งใจดีทุกคน ให้ชิมจนอิ่มกันไปข้าง

         ตอนแรกกะจะพักที่ไร่ริมผา แต่เอาเข้าจริงๆแล้วริมผาก็วิวดีนะทุกคนต่างก็พักกัน แต่หญ้าไม่เขียวเท่าไร่ภูทะเลหมอก พวกเรากับพี่ๆจึงเลือกพักที่ไร่ภูทะเลหมอกเราว่าแล้วแต่ชอบนะ

         ถึงแล้วไร่ภูทะเลหมอก ความจริงมันก็อยู่ติดๆกันอ่ะแก กะจะกางเต้นท์ของตัวเองที่อุตส่าห์ดั้นด้นแบกไปหนัก แต่บวกลบคุณหารราคาค่าพื้นที่กางกับผ้าห่มรวมๆแล้วไม่คุ้ม ควรเช่าเต้นท์จากทางไร่มากกว่า

         เราแบ่งครึ่งเมล่อนและไอติมให้พี่มิ้นกับพี่สิทธ์ซึ่งกางเต้นท์อยู่ข้างๆส่วนพี่ทั้งสองแบ่งขนม ข้าวโพด ส้ม น้ำ และลูกพีชให้เรา งื้อออออพี่ๆน่ารักใจดีอัธยาศัยเยี่ยม!

         แล้วเราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า เพื่อ!!!! ถ่ายรูป

         ที่นี่มีวิวสวย มีหน้าผา มีภูเขา มีไร่กระหล่ำปลี มีสตอเบอรี่ มีโอ่งแดง มีเต้นท์สีสวย มีผู้คนใจดี มีผู้ชายหล่อว๊ายยยยยย อุ๊ป!! ภูทับเบิกมีอะไรเยอะเยะที่รอทุกคนมาค้นหาคำตอบ

         เมื่อความมืดเริ่มโรยตัวลงมาปกคลุม อากาศนี่โคตรหนาวเหน็บสิ่งที่ยังไงก็ไม่ควรพลาดคือเดินไปสอดส่องของกิน คนเยอะม๊ากหมอกนี่ลงปกคลุมไปหมดทัศนวิสัยการจราจรย่ำแย่และเลวร้ายไปตามๆกัน แต่พอเดินไปถึงย่านขายของจะสว่างพอสมควร

         สิ่งที่เราได้กลับมาที่เต้นท์คืนนี้คือเตาไฟ(สำคัญมาก) ผัดกระหล่ำน้ำปลา เหล้าสตอเบอรี่ ไข่ปิ้ง มาม่า และบลาๆๆๆๆ

         กินกันอยู่หน้าเต้นท์นานเลยทีเดียวพี้มิ้นออกจากเต้นท์มาดูบ้างเป็นบางครั้งเพราะทนกับอากาศหนาวไม่ค่อยไหว ส่วนพี่สิทธ์นั้นออกมาผิงไฟกับเราด้วย ได้ยินเสียงกีต้าคลอเบาๆจากพี่เต้นท์ถัดไปอีกสองสามเต้นท์ เอ้ออออ นี่อยากจะบอกเราเจอพี่สาวใจดีอีกคนด้วยนะชื่อ"พี่ช่อ" พี่น่าจะมาจากไปเข้าห้องน้ำแหละมั้ง พวกเราก็ชวนพี่มานั่งด้วยดกันซะเลย พี่ช่อเป็นสาวร่างเล็กคุยสนุกเป็นสายเที่ยวเหมือนกับพวกเราซึ่งอยู่เต้นท์ถัดไป ขอบคุณมิตรภาพคืนนั้นที่ทำให้ทุกวันนี้พวกเรากับพี่ช่อก็ยังเม้นต์กันไปเมนต์กันมาอยู่ เราว่ามันดีนะที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นเพื่อน #มิตรภาพสวยงามเสมอ ตายแล้วววววว ผู้หญิงคิดบวก++สมควรเอาไปเป็นแม่ของลูกอย่างยิ่ง เดี๋ยวๆ     สักพักพี่ช่อก็ขอตัวกลับเต้นท์จะบอกให้เพราะพี่ช่อมากับแฟน พวกเราเลยออกไปถ่ายรูปแถวๆไร่ริมผาต่อ

         และเดินกลับมานอน เพราะแต่ละคนนี่หนาวชิดที่สั่นเป็นเจ้าเข้าควันออกปากเหมือนอยู่กรุงโซหรือไม่ก็โอซาก้าฤดูหิมะตกอะ (ดูภาพเพิ่มเติมได้ใน  https://www.facebook.com/wanttotravel01/

     

    • โพสต์-3
    Nom •  ธันวาคม 05 , 2559

         day3

    เป็นเช้าที่อาบน้ำแล้วหนาวชิปหายถึงแม้จะมีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊สก็เหอะแต่ใช้ได้ห้องเดียวนะขอบอก โอ๊ยยยยยนี่อยากจะระบบายความอัดอั้นใจที่มีมากแกร คือบั๊บ! ตอนเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วไฟลุกพรึ๊บขึ้นมา แม่เจ้าโว้ยยยยยยหัวใจจะวาย คือที่บ้านไม่เคยมีไฟลุกขึ้นมาด้วยแบบนี้ ตื่นเต้นและอเมซิ่งไปพร้อมๆกัน นี่ต้องไปลองนะเว้ย เอาล่ะจบที่เคื่องทำน้ำอุ่นเราแต่งตัวและไปถ่ายรูปต่อ เพราะนี่คือช่วงเวลาสุดท้ายแล้วของกาารอยู่ที่นี่ ใจหายล่ะซี๊...ไม่ได้ไปไหนนะแค่วันนี้เราต้องกลับแล้ว

         เก็บภาพไว้ให้คิดถึงกัน ให้รู้ว่าคู่รักคู่นี้คือพี่ทั้งสองที่ดีกับเรา

         ต่อด้วยกาารแยกย้ายกันไปซื้อของฝาก

         นี่เจ้าตัวน้อยลูกลูกสาวเจ้าของร้าน(น้องนุ) แก้มนี่ซื้อได้มั้ย?มันนุ่มอ่าาาาา

         น้องอีกคนแต่คนละคนกับน้องนุนะ

         ซาลาเปาที่โคตรภาพไม่ตรงปก

         แต่มันอร่อย หรือเพราะหิว?  

         เขียนโปสการ์ส่งให้พี่มิ้นพี่สิทธิ์และส่งให้ตัวเองก่อนกลับ

         จะกลับแล้วนะทับเบิก นี่เราจะกลับจริงๆนะ คิดถึงเรามั๊ย? ตอบสิ!..........ส่วนเราจะคิดถึงแกนะ

         แกเป็นความประทับใจของเรา

     

    ************************************

    สรุปทริป

         ทริปนี้เป็นทริปที่มีแต่คำว่า"ขอบคุณ" ขอบคุณทุกคนที่ดีกับเรา ขอบคุณทุกการช่วยเหลือ ขอบคุณเพื่อนอีกสองคนที่มาด้วยกัน ขอบคุณทุกๆรอยยิ้มทุกเสียงหัวเราะ ขอบคุณทุกมิตรภาพที่เกิดขึ้น ขอบคุณพี่มิ้นกับพี่สิทธ์ที่อุตสาห์ไปส่งพวกเราถึง บขส.ในวันที่กลับ ระหว่างทางเราได้ความทรงจำดีๆมากมายประสบการณ์แบบนี้หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วถ้าไม่ออกไปหามันด้วยตัวเอง เก็บกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวกันถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่ามันดีแค่ไหน

        การเดินทางไปที่ใดสักแห่ง

        ย่อมเกิดจากความรู้สึกสนใจ

        และแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง

     

        

       

       สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป

         ค่าใช้จ่ายบนเขาค้อ

         -ค่ารถนครพนม-เลย 330 บาท

         -ค่าข้าวรอบดึกที่จ.เลยคนละ 40 บาท

         -ค่ารถเลย-ชุมแพ 80 บาท

         -ค่าน้ำมันพี่ที่ขึ้นมาส่งคนละ 67 บาท

         -ค่าข้าวมื้อเที่ยงบนเขาค้อคนละ 74 บาท

         -ค่าเช่าพื้นที่กางเต้นท์คนละ 50 บาท

         -ค่าผ้าห่มผืนละ 50 บาท

         -เบียร์ + น้ำแข็ง 120 บาท

         -ผ้าใบ 50/3 บาท

         -หมูกระทะชุดใหญ่ 250/3 บาท (ประมาณนี้จำไม่ได้)

         -ไข่กระทะ 30 บาท

         -โอวัลติน 15 บาท

         -ชาจแบตกล้อง+โทรศัพท์สองวัน 80 บาท (ชาจบ่อยมาก)

         -ค่าน้ำ 25 บาท

         

          ค่าใช้จ่ายบนภูทับเบิก

         -ค่าเต็นท์&เครื่องนอน 500/3 บาท

         -เตา 50

         -ถ่าน 60

         -มาม่า 25

         -กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา 70

         -ตะแกรงฟรี

         -ลูกชิ้น

         -ไข่ปิ้ง

         -ไก่ทอด

         -สตอเบอรี่แก้วเล็ก

       ทุกอย่างหารสามเท่ากับคนละ  300 บาท 

    ค่ารถกลับ

    หล่มสัก-ขอนแก่น 160 บาท

    ขอนแก่น-นครพนม 212 บาท

     

    รวมค่าใช้จ่ายทั้งทริป 1,734 บาท (ไม่รวมค่าของฝาก)

    ***บวกลบค่าของฝากและจิปาถะไม่เกิน 2,500 บาท

     

     

     

    • Nom  เที่ยวแบบราคานักศึกษาค่ะ
      @Win
      03 กุมภาพันธ์ 2560 14:15:49
    • Win  ใช้ประหยัดมากครับ 20 ธันวาคม 2559 13:17:44