ความเดิมก่อนหน้านี้ สะบายดี วังเวียง โดดน้ำตูมที่บลูลากูน และ สะบายดี เวียงจันทร์

ผาเงิน (Pha Ngeun) นั้นทางขึ้นไม่ได้โหดมากขนาต้องไต่เชือกโรยตัว หรือเหนี่ยวเชือกขึ้นอะไรมากมาย แค่เดินตามบันไดเกาะราวไม้ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ว่าการขึ้นอย่างเดียวจริงๆ ไม่มีทางราบเลย ขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น ใช้เวลาปีนขึ้นประมาณ ครึ่งชั่วโมงแบบไม่หยุดพักค่ะ ถ้าพักบ่อยก็เผื่อเวลาหน่อย จะได้มีเวลาไปชิลๆบนยอดเขาสักพักก่อนพระอาทิตย์ตกค่ะ

ตรงตีนเขาทางขึ้นมีชาวบ้านนั่งศาลาเก็บเงินค่าขึ้น 10000กีบ ไม่ได้มีใบเสร็จอะไรให้กลับคืนมา คาดเอาเองว่า คงเป็นชาวบ้านแถวนั้นแหละค่ะ มาเก็บตังจากนักท่องเที่ยวเอง แล้วไงไม่จ่ายได้ไหม แต่ก็จ่ายๆไป ดีกว่ามีปัญหาทีหลัง

 

 

ขึ้นๆๆๆๆ เหงื่อนี่ไหลเป็นสายน้ำ หน้าแดงเป็นลูกตำลึง ในที่สุดก็มาถึงยอดเขาค่ะ

 

 

ถ้าจะสังเกตุ เรา 3คน ใส่รองเท้าแตะมาปีนเขาค่ะ ไม่ได้ซัพพอทอะไรเลย เพราะไม่คิดว่าทางมันจะโหดร้ายขนาดนี้ ดีว่ารองเท้าไม่ขาดไปกลางทาง ไม่งั้นหล่ะงานเข้าแน่

 

 

ตอนขึ้นมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นมาก่อนแล้ว สามคน แต่ตอนลงมีเป็นสิบค่ะ ค่อยๆทยอยขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกสวยๆกัน กระท่อมนี้อยู่บนยอดเขาเลยค่ะ ไว้บังแดด บังฝนได้นิดหน่อย โครงสร้างไม่ได้แข็งแรงอะไรมาก ไม่แน่ใจว่ารับน้ำหนักได้ขนาดไหน แอบเสียวๆอยู่เหมือนกัน

 

 

วิวที่นี่สวยอลังการมาก ด้วยความที่จุดชมวิวผาเงินนี้อยู่บนยอดเขา เราจึงได้เห็นวิวด้านล่างแบบ 360องศารอบตัว

 

 

เรามาถึงตั้งแต่ยังมีแดดอยู่ แล้วก็ค่อยๆรอเวลาที่พระอาทิตย์ตก จึงมีรูปหลายๆบรรยกาศมาฝากค่ะ

 

 

มองไปรอบๆตัวก็มีแต่ภูเขา ต้นไม้แน่นๆ ส่วนที่เป็นพื้นที่ราบก็จะเป็นทุ่งนาค่ะ

 

 

ถ่ายรูปไปเยอะ จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยค่ะ พระอาทิตย์ค่อยๆตก ลับสายตาไปที่หลังยอดเขา สวยงามมากๆ

 

 

นักท่องเที่ยวต่างชาติ มาคนเดียวบ้าง มากับแฟนบ้าง มากับเพื่อนบ้าง

พวกเราจะหยิบยื่นน้ำใจด้วยการถ่ายรูปให้กันค่ะ คนมาเที่ยวไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้รูปสวยๆสักใบเป็นที่ระลึก

 

 

พอพระอาทิตย์ตกไปแล้วก็ค่อยๆไต่เขาลงกันค่ะ ขาลงนั้นใช้เวลาไม่มากเท่าขาขึ้น ลงชิลๆ ระวังสไลด์ตัวก้นกระแทกกันนิดหน่อย

 

 

หลังจากกลับบ้านพักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ค่อยออกมาหามื้อเย็นกินแถวริมแม่น้ำซองค่ะ

ริมแม่น้ำช่วงนี้ไม่ลึกมาก ระดับน้ำสูงแค่หัวเข่า นั่นเอาขาแช่น้ำไป กินข้าวไป ก็ชิลดีไปอีกแบบ

 

 

มีร้านแบบนี้อยู่หลายร้าน ตลอดแนวชายฝั่ง เลือกนั่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ เพราะอาหารแต่ละร้านก็ขายคล้ายๆกัน

 

 

เราสั่งน้ำตกหมู หมู่สามชั้นย่าง ไก่ย่าง ต้มยำ มากินกัน บอกตรงๆว่า รสชาติอาหารบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ แถมราคาเช็คบิลมา พันกว่าบาท แพงเอาเรื่องอยู่ค่ะ

 

 

ตอนเย็นจะชิลกว่าตอนค่ำ เพราะค่ำแล้วมองอะไรแทบไม่เห็นเลย

 

 

จากนั้นไปต่อกันที่สถานที่ยอดฮิต ซากุระบาร์ วันนี้มาไม่ทัน free drink ตอน 2-3ทุ่ม อันเลื่องชื่อและโด่งดังไปไกลถึงเมืองไทยร้านนี้ มาถึงวังเวียงแล้วยังไงก็ต้องแวะมาสักหน่อย

 

 

ใครคิดว่าสเตปตัวเองดีไม่เป็นสองรองใครก็ปีนเวทีขึ้นไปเลยค่ะ ยิ่งขึ้นสูง ยิ่งเป็นเป้าสายตา คนทั้งร้านจะมองมาที่เราค่ะ

 

 

วันนี้กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เราอยู่วังเวียงอีก หนึ่งวัน เที่ยวเต็มที่ เก็บเกี่ยวความสุขกลับบ้านไปให้เยอะๆ

โปรดติดตามต่อ Part3 สะบายดี วังเวียง พายเรือดูวิวแม่น้ำซองชิลๆ

หรือย้อนกลับไปอ่าน การท่องเที่ยววันแรกของเราที่ สะบายดี เวียงจันทร์

และสะบายดี วังเวียง โดดน้ำตูมที่บลูลากูน

 

ฝากติดตามเพจน้อยๆ เป็นเพจท่องเที่ยวและเม้าท์กันแบบสบายๆ 

https://www.facebook.com/sandysohappy/

"แสนดีแฮปปี้ คนอ่านก็แฮปปี้"