ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ผาหินกูบ วิวหลักล้านกับเส้นทางแสนโหด หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านทุ่งเพล
    • โพสต์-1
    Natthikan •  กุมภาพันธ์ 15 , 2561

    หลอกเพื่อนไปเปิดMap ที่ผาหินกูบ

    ช่วงปลายปีแบบนี้ก็ต้องไปเดินป่า ปีนเขา สิคะ แต่...ไม่มีเพื่อนไปอ่ะ ไปชวนพี่สาว นางก็เข็ดหลาบกับภูกระดึงครั้งก่อน 555 ลองไปอ่านในรีวิวภูกระดึงนะคะ  ภูกระดึง ภูเขาที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่อีกโลก

    ครั้งนี้เลยโพสลงเฟสบุ๊กส่วนตัวประกาศหาเพื่อนไปร่วมทริปซะเลย 555 และแล้วก็มีเหยื่อเข้ามาติดกับหมูป่าอย่างเรา 55555 แต่เราก็เตือนแล้วนะว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆเลยนะ เพือนก็บอกว่า "อื้มรู้แล้ว มันเป็นการเดินป่า " สรุปแล้วทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 8 คน แอบคิดในใจว่าพอลงมาจากเขาเพื่อนจะเลิกครบเราป่ะวะ 555

    ก่อนไปเราก็ต้องทำการจองก่อนนะคะ วิธีการจองก็ไม่ยากค่ะ แค่โทรไป เบอร์คุณลุงชาลี 082-205-0079 คุณุลุงเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพลค่ะ แจ้งคุณลุงไว้เลยค่ะ ว่าจะไปวันไหน และ จะขึ้นกี่คน และหากต้องการลูกหาบ ก็แจ้งคุณลุงไว้เลยนะคะ กับข้าวมื้อเช้าก่อนเริ่มเดิน หรือมื้อกลางวันระหว่างการเดินทาง ก็สามารถสั่งซื้อกับคุณลุงได้ค่ะ
    มีปัญหาอะไร ก็ปรึกษากับคุณลุงได้ค่ะ คุณลุงชาลี น่ารัก และใจดีมากๆค่ะ รวมถึงทีมงานของคุณลุงก็น่ารักนะคะ ^^

    สิ่งที่ต้องเตรียมไปนะคะ 
    1. เสื้อผ้า 
    2. ถุงนอน
    3. ผ้าใบสำหรับปูนอน 
    4. แผ่นรองนอน (จริงๆ ไม่ต้องก็ได้่ค่ะ นอนบนผ้าใบก็ได้)
    5. อาหาร (ด้านบนก่อไฟได้นะคะ ใครจะจัดเต็มเรื่องอาหารก็ได้นะคะ)
    6. ทิชชู ทั้งแบบแห้งและแบบเปียกนะคะ (ด้านบนไม่มีห้องน้ำนะคะ ใครสะดวกตรงไหนก็จัดเลยค่ะ)
    7. เครื่องอาบน้ำ (ด้านบนมีน้ำนะคะ เป็นน้ำธรรมชาต ดื่มได้ ล้างหน้า แปลงฟันได้ และอาบได้ด้วย เป็นสายยางต่อมากจากไหนก็ไม่รู้ ใครรู้มาแชร์ข้อมูลกันหน่อยนะคะ^^)
    8. เต็นท์หรือเปล (ใครรู้ตัวว่าตัวเองและเพื่อนในทีมเดินช้า หรือไปช่วงหน้าฝน เตรียมเต็นท์ไปด้วยนะคะ เพราะว่าอาจจะได้ไปนอนด้านบน ซึ่งเป็นที่ที่ไม่มีหินบังน้ำค้าง-ลม การเอาเต็นท์หรือเปลไปจะเหมาะสุดค่ะ )
    9. อุปกรณ์ทำอาหาร(ของเราเป็นเตาตัวเล็กกับแก๊สกระป๋อง + หม้อ 1 ใบ)
    10. ยาประจำตัว หรือยาพารา แก้ไข เนื่องจากการใช้พลังงานเยอะ 
    11. ยานวดคลายเส้น คลายตะคริว ระหว่างทาง
    12. รองเท้าผ้าใบ +รองเท้าเตะ(รองเท้าเตะเอาไว้ใส่ตอนไปอาบน้ำ + ไปทำธุระส่วนตัว)
    13. อื่นๆ เช่นกล้อง ^^

    เยอะใช่มั้ยคะ 5555 
    ขอแชร์เรื่องอาหารหน่อยค่ะ 
    มื้อเช้า ก่อนเดินทาง กับมื้อกลางวัน ระหว่างเดิน สั่งกับลุงชาลีค่ะ 
    มือเย็น มาม่าคัพ ใส้กรอก + ปลากระป๋อง (อิ่มและฟินมากค่ะ อร่อยมากๆด้วย)
    มื้อเช้าขนมปัง ใส้กรอก กาแฟ ชา ซอสมะเขือเทศ นมข้น 

    ไปกัน 8 คนเป็นเรื่องธรรมดาที่เรื่องกินเป็นเรื่องสำคัญค่ะ 55555 จัดเต็มกันเลยทีเดียว หมดพอดี และอิ่มพอดีค่ะ

    ขอแชร์เรื่องของค่าใช้จ่ายด้วยก็แล้วกันนะคะ
    ค่าขึ้นผาหินกูบ คนละ 200 บาท
    ค่าลูกหาบ 1000 บาท/20 kg /ลูกหาบ1คน (หาร 8= 125 บาท)
    ค่าอาหาร แชร์แล้วประมาณคนละ 300 บาท
    ค่าน้ำมัน 400 บาท (แบบเหลือๆ)
    รวมแล้วก็ 1025 บาท 

    • โพสต์-2
    Natthikan •  กุมภาพันธ์ 15, 2561
    • โพสต์-3
    Natthikan •  กุมภาพันธ์ 18 , 2561

    เดินทางไปหน่วยพิทักป่าทุ่งเพล

    17 พฤศจิกายน 2560

    พวกเราเลือกเดินทางโดยการขับรถยนต์ไปค่ะ การเดินทางง่ายมาก แค่เปิด Google map แล้ว search คำว่า หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล  (กดที่ตัวหนังสือเลยค่ะ ทำLink ไว้ให้แล้ว^^) พวกเราอยากได้ Feeling การเข้าป่าเลยตัดสินใจไปนอนที่หน่วยเลยค่ะ  ถ้าไปตอนกลางคืนอย่างพวกเรา ทางเข้าจะให้อารมณ์ลักลับหน้ากลัวๆ หน่อยนะคะ ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู 555 น่ากลัวจริงๆค่ะ 

    18 พฤศจิกายน 2560

    ตอนเช้าพวกเราก็ตื่นกันแต่เช้ารอคุณลุงชาลีมานำทางค่ะ และก็เริ่มมีทีมอื่นๆ ทะยอยมากันเรื่อยๆเลยค่ะ ดูด้วยสายตาคราวๆ ประมาณ  70-80 คนได้นะคะ ดูเหมือนไม่เยอะ แต่เยอะมากค่ะ เพราะพื้นที่ด้านบนมันเล็กมากๆ

    พอได้ใกล้เวลา 9.00 คุณลุงชาลีก็มาหาพวกเราค่ะ เราแจ้งลูกหาบ 1 คนสำหรับแบกของส่วนกลาง พวกของกิน เต็นท์ และผ้าใบค่ะ หลังจากที่แจกแจงของให้ลูกหาบเสร็จแล้ว ก็เตรียมตัวกันค่ะ เวลา 9.00 ก็เริ่มเดินกันค่ะ รูปนี้เป็นรูปหมู่รูปเดียวที่ได้ถ่ายในทริปนี้ค่ะ  5555555 ไม่รู้ว่าทำไมไม่ถ่าย ไม่ใช่เพราะอายกล้องนะ แต่มันเหนื่อยมาก เหนื่อยจนลืมไปเลยค่ะว่าต้องถ่ายรูปหมู่ 555555  
    • โพสต์-4
    Natthikan •  กุมภาพันธ์ 19 , 2561

    การที่ไม่ได้กินข้าวเช้าก่อนเดินขึ้นเขา อาจทำให้ตายได้

    จั่วหัวได้น่ากลัวมากใช่มั้ยคะ 5555 แต่นี่คือเรื่องจริงค่ะ เรานี่แบบว่าเกือบตายที่เขาสอยดาวใต้นี้แล้วนะ เพราะว่าเราไม่ได้กินข้าวเช้า ก่อนเดินข้ึ้นเขา ซึ่งนักเดินป่ารู้ดีค่ะว่าต้องกินให้อิ่ม และนอนให้พอ 5555 เราจัดมา 2 อย่างเลย นอนน้อยเพราะมาถึงที่หน่วยก็ตีสองกว่าแล้ว และไม่ได้กินข้าวเช้า 

    พอเริ่มเดินเราก็ยิ้มแย้มแจ่มใส่กันนะคะ เริ่มต้นก็เดินง่ายๆ สบายๆนะคะ ทางเรียบๆ เดินแบบHigh speed ได้เลย คิดในใจเลยค่ะ แค่นี้สบายมาก ไหนบอกว่าโหด ไม่เห็นจะโหดเลย 555555

     จากน้ำตกตรงนี้ไปแหละคะ เราก็จะเข้าสู่โหมดของความโหดที่แท้ทรู
    โหดจนเราก็กลายเป็นแบบนี้ค่ะ +กับเราไม่ได้กินเข้าเช้า +กับเรานอนน้อย สองเด้งกันไปเลย คือมันแบบเหนื่อยมากค่ะ เหนื่อยแบบหัวใจเต้นตุ๊บๆๆๆๆ เหมือนมันจะหลุดออกมาจากอกเลย ไม่เคยได้รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจมาก่อนเลย แล้วจากคนผิวๆคล้ำๆ ผิวของเรากลายเป็นขาวซีดมากๆ เดินไปได้ไม่ถึงสามก้าวก็หยุดพัก และเหมือนจะหลับตลอดทางเลย เหนื่อยจนแบบอยากหลับตรงนั้นเลย ไม่อยากเดินไปต่อแล้ว แต่ด้วยความฝันที่อยากมานอนใต้หน้าผาซักครั้ง ทำให้เราต้องก้าวต่อไป โชคดีีที่เพื่อนไม่ทิ้งไประหว่างทาง ต้องยกความดีความชอบให้เพิื่อนเลยค่ะ  และรูปเหล่านี้ก็มากจากเพื่อนนะคะ ถึงตอนนั้นไม่มีแรงจะถ่ายรูปแล้วค่ะ ขอให้เอาชีวิตรอดไปถึงหน้าผาก็พอ 5555555

    ในความไม่คาดคิดก็มีโชคดีเกิดขึ้นกับเราค่ะ
    โชคชั้นที่ 1 เพื่อนพกขนมปังมาด้วย เพื่อนให้เรากิน เรากินได้ 2-3 คำ อาการดึขึ้นค่ะ ตัวไม่ซีดเหมือนตอนแรก
    โชคชั้นที่ 2 เราพกเกลือแร่แบบที่ชงกินกับน้ำเปล่า มาด้วย ช่วยได้เยอะค่ะ เริ่มมีแรงขึ้นมานิดนึง

    ส่วนความโหดที่อยากแชร์นะคะ มันโคตรของโคตรชันเลยค่ะ มันชันแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ มันชันไปเรื่อยๆ จนถึงยอดเลยค่ะ 55555 ชันจนแบบภาพยังไม่สามารถอธิบายได้อ่ะ (รูปด้านล่างนี่ก็รูปจากเพื่อนเหมือนกันค่ะ55555) บางช่วงก็จะมีเชื่อกให้จับนะคะ แต่บางช่วงที่เป็นเชือกฝาง อันนั้นเขาเอาไว้ทำขอบเขตไว้ให้เราเดินนะคะ 

    ถ้าถามถึงจุด Check Point แบบละเอียด กรุณาหาข้อมูลจากรีวิวอื่นนะคะ เพราะเราเหนื่อยมาก รู้แค่ว่า มีน้ำตก มีหินหกเหลี่ยม มีป่าไผ่ มีถ้ำ 555555 อย่างที่บอกนะคะ ขอให้เอาชีวิตรอดไปถึงหน้าผาก็พอ 5555555 เอาเป็นว่าคราวๆนะคะ

    หินหกเหลี่ยม (เพื่อนค่ะเพื่อน เพื่อนที่ดูแลเรามาตลอดทาง ถ้าไม่ได้นาง คือเราคงตายที่เขาสอยดาวใต้แล้วค่ะ)
     ถ้ำ (ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ หลังจากที่ได้รับโชค 2 ชั้นไป 555)
    High light ไม่ได้อยู่ที่ถ้ำนะคะ แต่มันอยู่ที่ทางออกจากถ้ำค่ะ เป็นจุด Start ของการผจญภัยค่ะ อยากให้ไปสัมผัสนะคะ ถ้าเดินถึงถ้ำแล้วก็เดินต่ออีกนิดหน่อยค่ะ ก็จะถึงหน้าผาแล้ววววว  ถึงค่ะ ถึงแล้วนะคะ เนื่องจากกติกาของที่นี่ไม่ใช่ว่าใครโทรติดก่อนจะได้นอนที่หน้าผานะคะ แต่เป็นว่า ใครมาถึงก่อนก็ได้นอนหน้าผาก่อน 

    สภาพอย่างเราไม่น่าจะเดินมาถึงก่อน เพื่อนเลยอาสานำหน้ามาก่อนค่ะ จนทำให้ทีมได้นอนที่หน้าผา พอขึ้นมาถึงเจอเพื่อนนั่งรอที่หน้าผา เก่งมากค่ะเพื่อน มันแบบว่าดีใจมาก ดีใจแบบ 2 ชั้นเลยค่ะ ชั้นแรกก็กูรอดตายล่ะ กูไม่ตายแล้ววววว ชั้นที่สองได้นอนหน้าผ้านะวันนี้ ฟินนะวันนี้ ฝันเราเป็นจริงแล้วนะวันนี้ โหยยยยยน้ำตาจะไหลเลยอ่ะจังหวะนั้นอ่ะ

    หลังจากที่ไปอาบน้ำกลับมาก็นะ กิจกรรมปีนป่ายก็ได้เริ่มขึ้นค่ะ เริ่มจากการถ่ายภาพที่หน้าผาตรงที่เรานอนกันค่ะ
    ยังไม่พอค่ะ มันมีทางที่จะปีนขึ้นไปด้านบนค่ะ ด้านบนที่เรานอนนี่แหละค่ะ เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกค่ะ แต่ว่าเราไปไม่ทันค่ะ พระอาทิตย์ตกไปแล้ว T^T แอบเสียดายนะคะ  เส้นทางก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ ใช้หลักการของฟิสิกส์มาช่วยนะคะ 5555 

    พอขึ้นไปแล้วก็จะมีเส้นทางที่เราก็ต้องฝากชีวิตไว้กับไม้เล็กท่อนนึง กับต้นไม้ที่ดูเหมือยว่าจะตายแล้ว เพื่อที่จะเดินทางไปสู่เขาหินกูบที่แท้จริง มันแบบหวาดเสียวมากค่ะ แต่สนุกตื่นเต้นมากค่ะ ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะรอรับส่งเรานะคะ ไม่ต้องเขินอายที่จะจับมือเจ้าหน้าที่ชายหนุ่มนะคะ 55555 เพื่อความปลอดภัย (อันนี้ขอยืมรูปเพื่อนมาลงเลยนะคะ อยากแชร์ อยากถ่ายทอดจริงๆ แต่ลืมถ่าย มัวแต่คิดว่าจะข้ามไปยังไงดีวะ)

    ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ต้นไม้, ต้นพืช, รองเท้า, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ

    พอข้ามไปแล้วจะเป็นสันแหลมๆ ให้เราเดินค่ะ ตื่นเต้นมากค่ะ ใครที่กลัวความสูงมาไม่ได้นะคะ แล้วก็มาหามุมสวยๆนะคะถ่ายรูปกันนะคะ 

    หลังจากนี้เราก็กลับไปที่ผาที่เราจะนอนค่ะ เรานอนหลับเป็นตายเลยค่ะ ไม่รู้สึกตัวเองเลยว่าดิ้นจนจะตกหน้าผาอยู่แล้ว จนเพื่อนได้ปลุกให้เราขยับขึ้นมากอีกค่ะ 55555 (เกือบตายที่เขาสอยดาวใต้อีกแล้ว) 

     

    • โพสต์-5
    Natthikan •  กุมภาพันธ์ 20 , 2561

    เช้าแล้ว เช้าแล้ว มาดูทะเลหมอกัน

    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ใกล้กรุงเทพฯ ขนาดนี้จะมีทะเลหมอกด้วย ไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือ ก็เจอทะเลหมอกได้ ดีใจสุดๆ ไปเลย

    19 พฤศจิกายน 2560 
    เป็นเช้าที่แปลกมากสำหรับเรา คือแบบแค่ลุกขึ้นนั่ง ลืมตาขึ้นมา ก็เจอกับทะเลหมอกเลย บ้ารึป่าว บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึก ดีใจสักเท่าไร มากแค่ไหนก็ไม่รู้..... (เพลง ใช่เธอจริงๆ ของ พี่อัสนี-วสันต์ ก็มา 5555) ฟินมากค่ะ นั่งอยู่แบบนั้นหลายนาทีเลย พร้อมกับปลุกเพื่อนให้มาดูทะเลหมอก 

    คุณลุงบอกว่า นี่คือทะเลหมอกยังไม่เยอะนะ ถ้าเยอะคือต้องมาถึงจุดที่เรานอนเลย .... โอ้วโห้วว ถ้าเป็นแบบนั้นได้คงจะฟินกว่านี้นะคะ ใครไปแล้วได้เห็นทะเลหมอกเยอะๆ ตื่นขึ้นมาแล้วเจอที่ปลายเท้าเลย อย่าลืมเอามาแชร์กันนะคะ 

    ถ้าฟิตร่างกายได้ดีกว่านี้ คิดว่าจะไปอีกรอบค่ะ กะว่าให้เป็นช่วงที่ทะเลหมอกมาเยอะๆ จะได้ฟินกว่านี้ ^^

    หลังจากที่ล้างหน้าแปลงฟันเรียบร้อยแล้ว ก็ขอถ่ายรูปเท่ๆหน่อยค่ะ ^^ 

    มาค่ะ มากินอาหารเช้ากัน ที่ไม่เรียกว่าเป็นข้าวเช้า เพราะว่าสิ่งที่กินไปมื้อนั้นมันไม่มีข้าวเลยค่ะ เมนูอาหารเช้าเป็นขนมปัง + ไส้กรอก +ซอสมะเขือเทศ + กาแฟ ค่ะ กินถ่ามกลางทะเลหมอกวิวหลักหลายร้อยล้าน โอ้วววโห้วววว ฟินมากค่ะ ฟินสุดๆไปเลย ยิ่งกว่า ไปกินอาหารหรูๆ ในร้านอาหารอีก  

    หลังจากที่เราอิ่มหนำสำราญกับอาหารเช้าแล้ว พวกเราก็ชวนกันไปเขาหมีค่ะ เขาหมีือยู่ที่ไหน ไกลมั้ย 5555 บอกเลยว่าไม่ไกล จากจุดหน้าผาที่เรานอนกันก็เห็นเขาหมีแล้วค่ะ แต่ไปยากเอาเรื่องอยู่ค่ะ ต้องปีนเถาวัลย์ ต้องจับเชื่อกปีนขึ้นไป โอ้วววววโห บอกเลยว่ายากกว่าขึนไปด้านบนหินกูบเยอะค่ะ  

    น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเส้นทางไปเขาหมีมาค่ะ ใครไปแล้วได้ถ่ายรูปมา มาแชร์กันหน่อยนะคะ ^^ 

    เอาเป็นว่า ขึ้นไปแล้วแบบว่า มันดีค่ะ  ดีมากด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะทะเลหมอกจะเริ่มจางไปแล้ว ก็ยังสวยอยู่ดีค่ะ 


    ยังค่ะ ยังไม่พอ เริ่มสนุกกับการปีนป่ายเถาวัลย์แล้วค่ะ เลยตัดสินใจว่าจะไปเก็บมุมสวยๆ ด้านบนกันอีกรอบก่อนกลับบ้าน จัดไปให้มันสุดๆ ไปเลย ที่ท่ากระโดด บ้าไปได้อีก 55555

    สุดท้ายนี้ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่โดนเราหลอกให้ไปขึ้นเขา ถึงแม้ว่าลงมาจากเขาแล้วจะไม่อยากไปขึ้นเขากับเราอีก ก็เจอเราในพื้นที่ราบได้เหมือนกันนะ 5555 และขอบคุณเพื่อนๆ ที่เดินนำหน้าเรามาก่อน เพื่อให้เราและทีมได้นอนแบบฟินๆ ที่หน้าผา ใต้ก้อนหินก้อนใหญ่มาก ท้ายสุดของสุดท้ายนี้ ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนกัน ^^ 

    ไว้เจอกันทริปหน้า รับรองว่าวิวหลักล้านแน่นอน