ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ฤดูร้อนผ่านเข้ามาเคาะประตูหัวใจ เก็บกระเป๋าไป"ทะเลกระบี่"กันเถอะ หาดไร่เลย์-กระบี่ (Railay Beach-Krabi) จ.กระบี่
    • โพสต์-1
    How About •  มีนาคม 01 , 2561

    ฤดูร้อนผ่านเข้ามาเคาะประตูหัวใจ พร้อมจะเก็บกระเป๋าไปทะเลกันหรือยัง?

    ทริปกระบี่แบบเร่งรัดช่วงวันหยุดวันเสาร์-อาทิตย์  

    1 คืน ที่  ไร่เลย์ 

    อ่าวไร่เลย์ จังหวัดกระบี่นั้น ไร่เลย์เป็นคล้ายๆแหลมยื่นลงไปในทะเลนะครับ ดังนั้นจึงมีฝั่งตะวันตก ตะวันออก ตอนนี้ก็เป็นอีกอ่าวที่มีหาดสวยงามมากๆแห่งหนึ่งในประเทศไทยเลยล่ะ ซึ่งสิ่งที่ทำให้วิวของหาดนี้สวยเท่ก็คือเขาหน้าผาสูงรายล้อมข้างๆชายหาดฟ้าใสนั่นล่ะ ตอนนี้ที่นี่เลยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมากๆ

    การเดินทางไปไร่เลย์ก็ไม่ยาก ไปจุดลงเรือหางยาวของกลุ่มสหกรณ์ชุมชนที่อ่างนาง จัดคิวกัน 1 ลำ รอให้ครบจำนวน 8 คน จึงจะออกไปยังไร่เลย์ ค่าใช้จ่ายก็อยู่ขาละ 100 บาท/คน ใช้เวลาการนั่งเรือไปก็ไม่นานมากประมาณ 10-15 นาที

    นั่งเรือก็ชมวิวธรรมชาติสองฝั่งเรือไปก่อน ทะเลสีครามที่โอบกอดโดยขุนเขาและหน้าผา ไม่นานก็ถึงหาดไร่เลย์ครั้งนี้ได้จองที่พักไว้ก่อน Railay Bay Resort & Spa มาลงฝั่งตะวันตกและเดินไปยังล็อบบี้เพื่อเช็คอิน 

    Railay Bay Resort & Spa เป็น หนึ่งในไม่กี่รีสอร์ทที่มีอาณาบริเวณต่อเนื่องทั้งสองฝั่ง

    แต่ห้องที่ได้พักจะอยู่ไปทางฝั่งทิศตะวันออก เมื่อเช็คอินแล้วจึงมีรถไปส่งถึงห้องพัก

    นี้จะเป็นบรรยากาศในห้องโดยรวม

    เมื่อเก็บของกันเสร็จแล้วก็ออกไปฝั่งทิศตะวันตก เพื่อไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกกันที่ร้านอาหารของโรงแรม ข้างๆร้านอาหาร ก็จะเป็น สระว่ายน้ำ และ สปา 

    ตรงร้านอาหารของโรงแรม Railay Restaurant ริมหาดทรายเลย ลมเย็น บรรยากาศดี

    นั่งๆจิบน้ำแก้กระหาย ก็มีลูกค้าของโรงแรมเริ่มมามุงดูขึ้นไปบนต้นไม้ เราก็สงสัยมองขึ้นไปด้วยและก็ได้เจอกับ "ค่างแว่น "ที่เจอโดยบัญเอิญ กำลังกินยอดใบไม้อยู่ มันน่ารักและสวยงามมากๆ

    - จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ค่างแว่นถิ่นใต้ ค่างแว่น (Dusky or Spectacled Langur)
    - ค่างแว่นตัวสีเทาเข้ม ถึงเกือบดำ รอบตาเป็นวงขาว เหมือนสวมแว่น
    - ให้อาหารไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะค่างแว่นจะกินแต่ยอดอ่อนของใบไม้เท่านั้น กินเยอะมากถึง 2 กิโลกรัมต่อวัน อย่างอื่นกินแล้วไม่ย่อยเพราะค่างแว่นจะเฉยๆ ขึ้เกียจ เมื่อเทียบกับลิง
    - ลูกค่างแว่นจะออกมาเป็นสีเหลือง และจะเปลี่ยนเป็นสีเทาเมื่ออายุ 3 เดือน
    - มักพบเห็นได้ตอนเช้า หรือ บ่ายแก่ๆ เพราะเป็นเวลาที่มันออกมากินอาหาร
    - เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตั้งแต่ พ.ศ. 2535

    • โพสต์-2
    How About •  มีนาคม 01 , 2561

    แดดร่มลมตก ก็เริ่มทะยอยออกมานั่งกันริมหาดพร้อมกับขวดเบียร์ข้างๆกาย

    มาที่นี่ไม่ต้องกลัวเหงาเลย บรรยากาศเริ่มมืดก็ออกมาที่ มี Walking Street ให้เดินมีร้านอาหารหลากหลายชาติกันเลย บาร์ก็มีทุกรูปแบบ ชอบสไตล์ไหนก็เข้าไปนั่งกันเลย

    ติ่นเช้ามาก็เดินมายังฝั่งร้านอาหารโรงแรม เพื่อจะกินมื้อเช้า 

    บรรยากาศกินมื้อเช้าไปกับบรรยากาศทะเลที่อยู่ด้านหน้าอย่างใกล้ชิดในยามเช้า ที่แดดอ่อนๆ ลมพัดเบา

     

    • โพสต์-3
    How About •  มีนาคม 01 , 2561

    ทางเดินภายในโรงแรมก็ร่มรื่น เขียวดี ชอบสีเขียวๆแบบนี้มาก

    เราเดินไปทางด้านหลังของโรงแรม จะผ่านร้านสะดวกซื้อ 

    เดินทะลุมาด้านฝั่งตะวันออก วันนี้น้ำลงไกลไปถึงโน้นนนนน  ว่าแล้วเราก็เลี้ยวขวา เพื่อเดินไปถ้ำพระนางกัน

    ทางเดินไปถ้ำพระนาง  ระหว่างเส้นทางก็จะมีที่สำหรับนั่งพัก ภายใต้หินผาซึ่งมีหินงอก หินย้อยให้เห็นอยู่หลากหลายตลอดเส้นทางสู่หาดถ้าพระนาง

    เดินมาออกมาทะลุยังหาดถ้ำพระนางกันแล้ว หินผาบริเวณถ้ำพระนางแห่งนี้เบื้องล่างเป็นหาดทรายขาวเนียนละเอียด กับน้ำทะเลสีเขียว เป็นภาพที่สวยงาม

    ศาลพระนาง โดยรอบศาลจะมีปลัดขิกซึ่งชาวบ้านและประชาชนนำมากราบไหว้กันเยอะเลย

    ซึ่งมีตำนานของถ้ำพระนางอยู่ว่า...(ผมหยิบยกมาจากป้ายบอกครับ)

    ตำนานถ้าพระนาง

    เช่นเดียวกับตำนานทั้งหลาย เรื่องเล่าเกี่ยวกับถ้ำพระนางมีหลายแบบฉบับต่างๆ กันไป และไม่มีผู้ใดสามารถพิสูจน์ความจริงได้ หนึ่งในตำนานที่ได้ยินกันบ่อยๆ เล่าว่า...สมัยหนึ่งนานมาแล้วมีหญิงสาวสวยคนหนึ่ง อาศัยอยู่ที่ปราสาทริมทะเลไม่ไกลจากสุสานหอยมากนัก ด้วยเหตุที่นางเป็นผู้เลอโฉมนี่เองจึงทำให้มีชายหนุ่มมาหมายปองเป็นจำนวนมาก แต่นางไม่รับรักใครเลย อยู่มาวันหนึ่งมีชายหนุ่มจากเกาะหัวขวานมาหา และขอความรักจากนาง แต่นางไม่รับรัก ชายหนุ่มผู้นั้นจึงใช้กำลังฉุดคร่าจะเอาตัวนางไปให้ได้ ขณะนั้นมีชายหนุ่มจากเกาะพญานาคผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปช่วย ในที่สุดนางจึงยอมตกลงจะแต่งงานกับชายหนุ่มเกาะนาค เมื่อถึงวันนัดแต่งงานชายหนุ่มเกาะนาคก็ยกขันหมากมา ทำให้ชายหนุ่มอื่นๆ ที่หมายปองอยู่ทราบข่าว และไม่ยอม จึงยกขบวนมาแย่งชิงนาง เกิดรบพุ่งกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด พระฤาษีที่จำศีลอยู่ในถ้ำได้ยิน จึงออกมาห้ามปรามไว้แต่ไม่มีใครเชื่อฟัง จึงสาปให้เป็นหินไปทั้งหมด นางผู้เลอโฉมกลายเป็นถ้ำนาง ส่วนชายหนุ่มได้กลายเกาะหัวขวาน เกาะปอดะ เขาหงอนนาค เขาหางนาค ขันหมากที่จมลงไปในทะเลเป็นภูเขา รูปขันหมากอยู่หน้าถ้ำนาง ส่วนข้าวเหนียวกวนที่นำมาในงานแต่งงาน ได้กลายเป็นสุสานหอย

    จากนั้นก็เดินวนกลับทางเดิมก็จะเจอศาลาพัก และเจอป้ายบอกจุดเริ่มปืนไปยัง จุดชมวิวและลากูน

    View Point และ Lagoon แหงนหน้าขึ้นไปมอง อืมม...นี่มันน้องๆของการปีนผาเลยนะเนี่ย เอาล่ะไหนๆก็มาแล้ว ถือเป็นการทดสอบและเป็นการฝึกก่อนที่จะปีนผาแบบจริงๆก็แล้วกัน

    หน้าสู่ View Point และ Lagoon ซึ่งตลอดเส้นทางนั้น บางช่วงบางตอนจะมีเชือกเส้นใหญ่ที่เขา (ไม่รู้ว่าใคร) ได้ผูกไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เพื่อช่วยพยุง การไต่ไปตามเชือก ช่วยให้สะดวกขึ้นเยอะเลยจริงๆ แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ผมขอแนะนำว่า ถ้าเกิดใครคิดจะไปตรงจุด View Point และ Lagoon นั้น ต้องเตรียมรองเท้าที่กันลื่นนะ เป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ

    แต่วันนั้นไม่ได้ไปถึงจุด ลากูน เพราะรองเท้าไม่ได้มีการเตรียมตัวกันเลย ถึงกลับไปยังจุดชมวิว

    ปีนมาได้สักระยะ หยุดพักบ้างตามประสา มาเจอกับป้ายบอกทางว่า อีก 50 เมตรก็จะถึงจุดชมวิว ไม่รอช้ารีบใส่พลังฮึดเข้าไป และแล้วก็มาถึงจุดชมวิว

    ว้าว...สวยงามจริงๆ รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ไม่ได้หยุดพักแต่ผมรีบเอากล้องเพื่อถ่ายภาพ กดไปเยอะเลยครับ กดไปทุกมุมมองที่เห็น หายเหนื่อยไปโดยปริยายหรือผมลืมเหนื่อยไปเลยก็ไม่รู้


    วิวที่ได้เห็น จากตรงนี้จะมองเห็นหาดไร่เลย์ตะวันออก และหาดไร่เลย์ตะวันตก หลังจากนั่งรับลมเย็นๆพอหายเหนื่อยก็ปืนลงกันต่อ นี่แหละทางเดินขึ้นไปจุดชมวิว โหดมั้ย........

     

    "ไร่เลย ์"ครั้งนี้ ทำให้ได้ทราบว่า มนต์เสน่ห์ของที่นี่ มนต์เสน่ห์แบบนี้ หินผา หาดทรายขาว น้ำทะลใส ธรรมชาติที่สวยงาม รายล้อมไปด้วยขุนเขา ช่างสวยงามชวนหลงไหลและน่าค้นหาจริงๆ