วันนี้ที่รอคอย....ภูสอยดาว

ปฐมบท...

เป็นคนชอบเดินป่า ลุยๆ และมีแรงบันดาลใจอย่างแรงที่อยากจะไปภูสอยดาว เพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเองนิดหน่อยที่เรียนจบแล้ว ส่ิงที่ทำมานานแรมเดือนคือ นั่งไล่อ่านกระทู้เกี่ยวกับภูสอยดาว สรุปสู้ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายไม่ใหวแน่ๆ ถ้าจะลุยเดี่ยวเหมือนครั้งก่อนๆ...ในที่สุดเหมือนนางฟ้ามาโปรด คุณแฟนอยากลองสายลุย ก็เลยรวบรวมกลุ่มได้ 11 คนจากเพจหนึ่งใน facebook และได้วางแผนเดินทาง อาหารและค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เสร็จเรียบร้อย...ก็ออกออกเดินทางกันดีฟ่า....

จุดประสงค์ในการเขียนกระทู้: ผมไม่ได้เป็นนักเดินปาตัวยงต์แต่ชอบถ่ายภาพ แต่ต้องการเขียนกระทู้นี้เพื่อแชร์เรื่องราวดีๆ ระหว่างการผจญภัย เน้นการโชว์รูปเพื่อดึงดูดความสนใจให้ท่านไปโดนด้วยกัน ดังนั้นอาจจะไม่ขอลงรายละเอียดในการวางแผนการเดินทางนะครับ...ผมคิดว่านักจัดทริปทุกท่านคงรีวิวหนักและมีเทคนิคแพรวพราวที่จะหลอกเพื่อนๆของท่านไปได้สำเร็จแน่นอน.ขอให้กระทู้นี้เป้นส่วนหนึ่งในการล่อหลอกเพื่อนไปรวมก๊วนเที่ยวด้วยนะครับ.

รายละเอียด:

- ทริป 3 วัน 2 คืน...25-26-27 พ.ย. 2559...

- สมาชิก 12 คน: มาจากกรุงเทพ 11 คน และจากขอนแก่น 1 คน...

 

- วันที่ 1: 25 Nov 2016 -

..รวมพล-เดินทาง-เดินขึ้นภูสอยดาว เพื่อดูดาวพราวนภา..

ในการเดินทางครั้งนี้ คณะเราได้นัดรวมพลกันที่ บขส.ใหม่ พิษณุโลก และเหมารถสองแถว (หาได้ตามเพจของ Facebook และ เว็ปไซต์) ที่ได้นัดไว้ หลังจากรวมพล ล้อหมุนเวลา 4.30 น. โดยประมาณ พลขับใช้ความชำนาญทางในความมืด ขับแบบไม่แคร์ว่าพวกเราจะหนาวเลย (พี่ชาย หนาววว หนาวววเหลือเกิ้นนนน)....ลมตอนช่วงเช้ามืด เล่นเอาสั่นตลอดทาง..5555  (ภาพไม่มี เพราะมืดและหนาวมาก)...พอมีแสงเช้ามากพอที่จะถ่าย ได้ภาพเยี่ยงนี้..

 

เมื่อเดินทางถึงสำนักงานอุทยานฯ ความวุ่นวายแรกที่ต้องผจญ คือการจัดหาลูกหาบ และหารค่าใช้จ่าย....บรรยายกาศเยี่ยงนี้ครับ....ระหว่างนั้น สามารถเข้าห้องน้ำได้ ตามต้องการเลยครับ  

หลังจากเสร็จจากจุดชั่งสำภาระ พวกเราก็แวะไปสั่งอาหารตามสั่งทานที่ร้านค้าสวัสดิการซึ่งห่างไปประมาณ 100 เมตร (อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง แล้วแต่เมนู แนะนำให้ไปโดนครับ)...ซึ่งก็จะมีขอชำร่วยขายที่นั้นด้วย

 

แล้วเราก็จะเดินทางต่อด้วยรถของทางอุทยานฯ จัดหาไว้รับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปยังจุดเริ่มต้น...นี่คือจุดเริ่มต้นการเดินทางของเราครับ

 

เดินทางจะเริ่มต้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ถ่ายสภาพก่อนโดน. ไว้ เป็นอุทาหรณ์แต่คนรุ่นหลัง..555  ปล. ส่วนหนึ่งของกองทัพที่อยากโดนภูสอยดาวมากๆ

 

หลังจากโดนไปได้สักพัก กองทัพเราก็แตก ตามเก็บสภาพหลังโดนได้แค่คนเดียว....ถึงกับเดิน 3 ขาเลยทีเดียว

 

ในช่วงเริ่มต้น ก็จะมีน้ำตกให้เราได้ชมเล็กน้อย...แดดเช้าเริ่มแรงเกินกว่าจะถ่ายน้ำตกได้สวย สวยสุดได้แค่นี้แบบไม่ใช้ขาตั้งกล้อง

เดินแบกของมาคนเดียว  (555 ลืมบอก ว่าผมเดินแบกของเองรวม 15 กิโล ไม่ต้องบ้าพลังเหมือนผมนะครับ) ต่อไปเรื่อยๆ จากเนินส่งญาติ (ความชันพอๆกันกับเนินมรณะ) ผ่านอีกหลายเนินแบบไม่รู้ตัว ป้ายชื่อเนินต่างๆ ไม่มองหา เพราะเดินแบบขาดสติมาก ระหว่างทางก็แวะเติมพลังด้วยไก่ย่างจากตลาดสด สภาพเยินสุดๆ แต่ก็กินได้อยู๋  (ณ จุดนั้น ผมกินไม่เหลือให้ติดไม้เสียบเลยทีเดียว)

จนมาถึงเนินสุดท้าย....เนินมรณะ. จากภาพ เห็นภูเขาด้านหลังป้ายมั้ยครับ เราต้องเผชิญกับเนินที่มีความชันระดับประมาณ 60-80 องศา..55555 (ขอสักภาพหน่อยกับเนินที่โด่งดัง..)

เนินมรณะ ไม่ได้มีความลำบากอย่างเดียวนะ มันมีความสวยงามของธรรมชาติซ่อนอยู่...อย่างนี้...วิวระดับนี้เซิร์ฟมาพร้อมสายลมเย็นๆ...ฟินอ่ะ ฟินระดับ100

 หลังจากกระหน่ำถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ก็เดินต่อครับอีกไม่นานหนัก ก็มาถึงป้ายนี้...แสดงว่า.."คุณสุดยอดแล้ว"..55555...ผมใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการเดินทางแบบเรี่อยๆ กินลม นั่งชมวิว จนมาถึงจุดนี้

ระหว่างเดินทางไปที่ลานสน ก็แวะหาถ่าย "ดอกหงอนนาค" ยังพอเหลืออยู่นิดหน่อย...ได้มาแค่นี้ครับ....(มาไม่ทัน ช่วงที่มันออก แบบที่อ่านในรีวิว)

หลังจากนั่งพักและรอถึงบ่าย 4.30 ผมกับน้อยอีกคนก็เดินย้อนไปยังป้ายฯ เมื่อกี่ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของลานสน เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตก....สวยสมใจครับ...บรรลุเป้าหมายแล้วครับ

ต่อไปก็กลับไปทำอาหารกินที่แคมป์...แล้วออกไปถ่ายดาวกัน...(ยืมภาพของน้องเค้ามาใช้ก่อน...กล้องของผมไม่สามารถครับ)

ภาพนี้คือผมกำลังถือดาบเจไดแห่งดาวดาว...ขอมโนหน่อยนะครับ....อยากเทห์ๆกับเค้าบ้าง 

 

 

เมื่อบรรลุจุดประสงค์แล้ว ก็เข้านอนที่แคมป์อย่างมีความสุข....


วันที่ 2: 26 Nov 2016 -

..เดินวนลานสน แล้วยกพวกไปชมอัสดง..

การขึ้นยอด 2012 ของภูสอยดาว ไม่ได้อยู่ในแผนของกองทัพครับ  หากใครต้องการขึ้นต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนนะครับ และจ่ายค่านำทางคนละ 500 บาท (แอบแพงนิดหนึ่งนะครับ)...น่าจะออกเดินทางประมาณ 7-8 โมงเช้า จำไม่ได้  ได้ยินว่า..ทางค่อนข้างชันและต้องปีนปายนะครับ...(หาตามรีวิวกันเองนะครับ...ผมขอผ่าน ตอนขึ้นมาลานสน เกือบเอาชีวิตไม่รอด ขายังปวดอยู่เลย....)...ดังนั้นขออวดภาพของการเดินวนลานสนแล้วกัน....ตามมาชมกัน.

วันนี้มีหมอกสวยมากครับ...ผมตื่นแต่เช้า (ปกติ การตื่นเช้าไม่ใช่ทาง) แล้วเดินไปทางที่พักเจ้าหน้าที่ เพื่อจะไปหาดูพระอาทิตย์ขึ้น...

เดินไปสักพักก็รู้เลยว่า แห้วแล้วเพราะภูเขาบังพระอาทิตย์มิดเลย (ปล. ใครคาดหวังกับถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ...แห้วแน่นอนครับ) หามุมทางได้มาแค่นี้แหละ...5555

เดินวนไปเรื่อยๆ มีหมอกบางๆ ลอยเหนือยอดหญ้าครับ...(ปล. กางเกงเปียกเละเทะ)

ผิดหวังจากพระอาทิตย์ขึ้น แต่การเดินวนบานสนรักษาอาการแห้งได้เป็นอย่างดี..ตัวไรไม่รู้..น่าเป็นซาลมานเดอร์มั้ง (ไม่แน่ใจ)..ลักษณะมันเหมือนมังกรเพลิงนิลในหนังการ์ตูนเรื่อง How to train your dragon...

เดินวนต่อไปครับเจอแสงเช้าตัดยอดเขา ก็สวยดีนะ  ผมนั่งมองเป็นเกือบชั่วโมง  นั่งไปหนาวไป เพราะที่นั่งติดหน้าผาไม่มีต้นไม้บังลมหนาว นั่งรับลมเต็มๆ ถ้าใครมีแฟนไปด้วย กอดแฟนแก้หนาวน่าจะโอเคกว่า...555

เดินต่อมาอีกนิดหน่อย ผมก็เห็นถ่ายภาพนี้โดยตอนประมาณ 9.00 น ครับ ภาพแสงแดดตัดหมอกตอนเช้าสายหาชมได้ที่นี่ครับ  ผมแต่งภาพให้ออกโทนเหลืองนิดหน่อยไม่ว่ากันนะครับ...(ฝีมือถ่ายภาพไม่ค่อยดี เน้นแต่งเพิ่มนิดหน่อย 555)

หลังจากนี้เป็นการเดินเข้าเต็นท์แล้วกินข้าว แล้วออกมาถ่ายคนถ่ายพอร์ตเทรตไปเรื่อยๆ รอดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นเลยทีเดียว....ภาพคนที่่ถ่ายไม่ค่อยสวย ขอข้ามแล้วกันครับ...เพราะอ่อนหัดเรื่องถ่ายคน

ระหว่างรอพระอาทิตย์ตกตอนเย็น เราก็ตั้งหน้าตั้งตากินและถ่ายรูปเล่น

และนี่คือหน้าตาของผู้คนที่ร่วมทริปในครั้งนี้...มีสาวน้อยใหญ่ (จากกล้องน้องพลอย สาว zoology ในทีม)

เมื่อได้เวลาเราก็ออกเดินไปทางทิศตะวันตก ผมก็พากลุ่มเพื่อนๆ ไปดูพระอาทิตย์ตกบริเวณเนินมรณะ (เมื่อวานไปดูลาดเล้ามาแล้ว 555) เพราะบริเวณนี้จะเห็นเป็นพื่นที่โล่งๆ เห็นทิวเขาเป็นฉากที่สวยระดับ 10 กะโหลกเลยทีเดียวในความคิดผมนะครับ

ระหว่างทางเดินไปที่เนินมรณะ น้องพลอยสาว zoology ก็ทำหน้าที่เป็นตากล้อง candid และถ่ายดอกหงอนนาคที่หลงเหลือ และกลายเป็น rare item ในช่วงเดือนตุลาคม

จากภาพผมเดินรั่งท้ายคับแบกขาตั้ง...(อยากโชว์ตัวนิดหน่อย..ครับ) เดินไปเรื่อยๆผ่านป่าสน

ตากล้องสายถ่ายบัณฑิต ก็มาถ่ายพระอาทิตย์ตกที่ภูสอยดาวเหมือนกัน...ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะมาเปิดซิงการแบกกล้อง 5D mark II + fix 50 มาถ่ายแลนด์ กับการเดินป่าในทริปนี้.....แต่ช๊อตนี้ น้องพลอยสาว Zoo ถ่ายได้อารมย์มาก (ชอบเป็นการส่วนตัว...555)

เมื่อถึงเนินมรณะ บริเวณที่ถ่ายจะเป็นชะงอนหินที่ผมนั่งอยู่แหละ ภาพนี้ผมต้องขอขอบคุณน้องพลอยมือ candid ของปริปเรา.....ผมได้ที่นั่งถ่ายภาพตามที่ต้องการ

 

ภาพที่อยู่ต่อหน้าจะเห็นเป็นทิวเขาทอดตัวยาวๆ  ระหว่างรอก็ตั้งค่ากล้องไป ถ่ายภาพไป ตะโกนถามสาระทุกข์สุขดิบของเพื่อนๆ ร่วมทริปไป..(บริเวณเนินมรณะจะเป็นแนวลาดเอียงมากๆ ต้องเพิ่มความระวังให้มากนะคับ)

 

เมื่อเวลาที่รอคอยมาถึง ก็รัวชัตเตอร์เป็นภาพเดี่ยวบ้าง ภาพโนรามาบ้างครับครับ...ถ่ายไว้หลายภาพแต่ผมถ่ายสวยจุดได้แค่นี้...(จากกล้องผมเอง)

 

เมื่อเติมความสุขใจเต็มล้นด้วยการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแล้ว...เป้าหมายหลักของทริปนี้เลย ก็ได้เวลาเดินกลับแคมป์และทำกับข้าวกิน

 

ณ ที่แห่งนี้ ต้องก่อไฟเพื่อทำอาหารเย็น  น้องๆยืมขวานจากเจ้าหน้าที่ ผมทำหน้าที่หาฝืนด้วยขวานนั้น...5555  (ภาพ:น้องพลอยสาว Zoo)

 

พี่หนึ่งและภรรยา มือปรุงอาหารประจำกลุ่ม

 

หน้าตาปลาทูตอนถูกปิ้ง ก็จะงอนหน่อยๆ

 

ไข่เราก็ปิ้ง...ปลากระป๋องเราก็ปรุง

 

หมูกระทะเราก็สั่ง....ปล. อย่าสั่งเลยครับ บางทีคุณอาจจะได้แต่หมู ไม่ได้ผัก และน้ำจิ้ม ในราคาไม่ค่อยข้างแพงไปนิดหน่อย.....กินไม่ต้องกลัวร้อนครับ เพราะข้างบนอากาศเย็นมาก

เมื่อกินอิ่มแล้ว เราก็เข้านอนน

 

วันที่ 3: 27 Nov 2016 -

..หมดเวลาสนุกแล้ว เดินกลับกันเถอะ..

ในเช้าวันนี้ก็เดินไปถ่ายภาพสายหมอกโอบล้อมทั้งภูเขา..สวยงามมาก จะมีสักก็ที่ในไทย ที่จะเห็นภาพแนวนี้ได้ในระยะใกล็และชัดเจนขนาดนี้

หลังจากกลับมาเต็นท์ ก็จัดการคืนเต็นท์และอุปกรณ์ต่างแก่เจ้าหน้าที่ รวมถึงการนัดลูกหาบด้วย....เมื่อเรียบร้อยเราก็พร้อมที่จะเดินทางลงเขา กลับบ้านกันครับ แต่ระหว่างทางก็มีวิวสวยพร้อมอากาศเย็นสดชื่นให้สูดตลอดทาง 

ผมก็อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพก่อนกลับ...ไว้เป็นที่ระทึก...อุ๊ย ระลึกครับ

ตอนเดินขาลงก็จะสบายกว่าข้าขึ้นนิดหน่อย และส่วนใหญก็ทำเวลาได้ดี ประมาณ 2 ชั่วโมง

เก็บบรรยากาศลูกหาบสักหน่อย

หลังจากนั้นก็ไปเรื่อยๆ จนถึงน้ำตก ซึ่งสิ้นสุดการเดินทางขาลงแล้วครับ

 เราก็พักกันตามอัธยาศัย และหนึ่งในทีมเรา ถึงกับหลับ

หลังจากนั้นเราต้องนั่งรถที่ได้ติดต่อไว้แล้ว เพื่อลงภูและกลับมายังพิษณุโลกประมาณ 3 ชั่วโมง 

ปิดทริปภูสอยดาวครับผม...^_^