เกาะเกร็ด ไม่มีน้ำทะเล ไม่มีทราย มีแต่ของอร่อย

เกาะเกร็ดเป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการขุดคลองลัดลำน้ำเจ้าพระยาตรงส่วนที่เป็นแหลมยื่นไปตามโค้งของแม่น้ำ ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางทำให้คลองขยายกว้างขึ้น เพราะถูกแรงของกระแสน้ำเซาะตลิ่งพัง จึงกลายมาเป็นแม่น้ำและเกาะกร็ดมีสภาพเป็นเกาะเช่นปัจจุบัน

การเดินทาง สามารถขับรถส่วนตัวมาจอดที่วัดสนามเหนือได้ ส่วนเรามารถเมล์ ลงป้ายแรกหลังจากผ่านห้าแยกปากเกร็ดมาแล้ว เดินต่อมาด้านหน้าจะเจอโลตัส ให้เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยข้างโลตัส ระยะทางไม่ไกลมาก ไปข้ามเรือที่ท่าน้ำ ค่าบริการ 2 บาท ซึ่งจะไปจ่ายฝั่งวัดปรมัยยิกาวาส

หลังจากที่เราขึ้นจากเรือมาแล้ว ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นทางไปแหล่งช้อปปิ้ง แต่เราเลี้ยวซ้าย เอ๊ะ!!!!!!! แล้วทางซ้ายมีอะไรตามไปดูกันเลยยยยย

ร้านแรกที่เห็นเด่นสะดุดตาหลังจากข้ามสะพานเล็กๆ มา ร้านกาแฟบ้านเลขที่ ๑ เป็นรานกาแฟเก๋ๆ นอกจากาแฟแล้วเนี่ย จะมีอาหารพวกเสต๊ก สปาเกตตี้ ปังปิ้งด้วย บรรยากาศภายในร้านร่มรื่นมากกก มีต้นไม้เต็มร้าน

ด้านหน้าร้าน 

ที่นี่ใช้ต้นไม้เป็นหลังคากันแดด เป็นไอเดียที่ฮิปดีเจงๆๆ

เมนูดับร้อน โกโก้เย็น แดงมะนามโซดา น้ำมะตูม

มุมเจ๋งๆในร้าน นั่งห้อยขา รับลมเย็นๆ เย็นรีป่าว เย็นมั้ง 555 ถ้าเป็นช่วงน้ำขึ้นคงจะดีเลยล่ะ

เดินๆๆๆต่อมาไม่ไกล เจอร้านขนมหวานบ้านป้าสุน เป็นบ้านไม้ ที่ปรับปรุงมาเป็นร้าน แต่เข้ามาแล้วเหมือนไปนั่งกินข้าวกินขนมที่บ้านย่าบ้านที่ต่างจังหวัดเลย ดูง่ายๆ สบายๆ เป็นกันเอง ใครที่ปั่นจักรยาน สามารถจอดได้ที่ใต้ถุนร้าน

ภายในร้านจะมีที่นั่งหลายหลายเเบบให้เราเลือกตามชอบ นั่งพื้น นั่งโต๊ะ หรือเป็นแบบเคาเตอร์ติดริมหน้าต่าง

 

เปลี่ยนจากแจกันดอกไม้ เป็นแจกันผักก็เก๋ดีนะ

บรรยากาศภายในร้าน มีตู้กับข้าวไม้ กระด้ง กระต่ายขูดมะพร้าว ปิ่นโตเคลือบ เห็นแล้วนึกบ้านที่ต่างจังหวัดของเราเลย

อาหารมาล้าววววววว ใครที่เบื่อส้มตำแบบเดิมๆ ลองมานี่สิ ต้มตำเกี๊ยวกรอบ รสชาติจัดจ้านน

ส่วนจานนี้ก๋วยเตี๋ยวหลอด แต่ไม่เป็นหลอด รสชาดกำลังดี

มาดูต่อกันที่ของหวาน ก็จะมีลูกตาลลอยแก้ว มะม่วงลอยแก้ว กระท้อนลอยเเก้ว ซาหริ่ม ลอดช่อง และทัมทิมกรอบ

วันนี้เราเลือกมาสามอย่าง คือ ลูกตาลลอยแก้วหวานเย็นชื่นใจ กระท้อนลอยแก้วอันนี้ครบรส ทั้งหวาน เปรี้ยว เค็มนิดตัดรสชาด สุดท้ายทับทิมกรอบเม็ดใหญ่เต็มคำพร้อมน้ำกะทิหวานมัน

เลยจากร้านป้าสุนเลี้ยวขวาเดินไปอีกไม่ไกล จะเป็นย่านโรงปั้น ที่นี่เราได้พบกับคุณลุงธวัชชัย ผู้ที่ยังคงบบรจงปั้นเครื่องปั้นดินเผา อย่างปราณีต

ออกจากย่านโรงปั้น เดินต่อมาอีกนิด ก็เจอร้านกาแฟคั่วมือ กลิ่นหอมมาก แต่ไม่สันทัดในเรื่องกาแฟจริงๆ ขอสูดกลิ่นละก็ผ่านไป

ริมน้ำ

ย่านเตาครก เตาเผาโบราณ แต่เดิมใช้เผาเครื่องใช้ จำพวก โอ่ง อ่าง ครก ใช้ฟืนเป้นเชื้อเพลิงหลัก เตาใหญ่มาก

เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงวัดฉิมพลีสุทธาวาส เข้าวัดเข้าวาบ้าง ไหว้พระทำบุญ ที่นี่กำลังเตรียมงานสงกรานต์กันเลย แล้วเราก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม 

***เสียดายวันที่เรามาร้านขนมไทย หรือพวกศูนย์การเรียนรู้ทำขนมมงคล ทางฝั่งนี้ไม่ค่อยมีเปิดเลย ฝั่งนี้เลยค่อยข้างเงียบ

ย้อนกลับมาที่แหล่งชอปปิ้ง ด้านขวามือของวัดปรมัยยิกาวาส

เริ่มจากของดีของเด็ด ทอดมันหน่อกะลา กับสารพัดดอกไม้ทอด

ต่อกันด้วยขนมหวานมงคล ในกล่องนี้มีเสน่จัน อาลัวกุหลาบนมสด ทองเอก ขนมหันตรา และขนมผักกาด มีทั้งขายเป็นเซ็ต กับขายเเบเป็นชิ้น เลือกได้ตามที่ชอบ (ซึ่งที่จริงมีอีกหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นจ่ามงกุฎ ขนมหยกมณี ขนมหัวล้าน ขนมลืมกลืน ฯลฯ) กินกันให้น้ำตาลพุ่งเลย

อันนี้ขนมไข่ปลา มีเนื้อลูกตาลผสม รสชาดเค็มนิด มันๆ หวานหน่อยๆ มีกลิ่นลูกตาลเข้มข้น กินกับมะพร้าวคลุก ฟินนนน

ของฝาก มีเยอะแยะไปหมด เลือกกันไม่ถูกเลย

บอกเลยว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ของอร่อยอื่นๆ ที่เรายังไม่ได้กินมีอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ข้าวแช่ หมูสะเต๊ะ ห่อหมกร้อนๆ ขนมจีนสารพัดน้ำพริกน้ำยาร้านป้าอ้วน ขนมอื่นๆ จำพวก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง วุ้นกรอบ น้ำสมุนไพรทั้งหลาย หรือของใช้อื่นๆ ของประดับ ของตกแต่ง มีให้เลือกซื้อกันเต็มที่จริงๆ

เพราะฉะนั้นครั้งหน้าต้องมีอีก ของกินเยอะขนาดนี้ เดินทางสะดวก มีเวลาแค่วันเดียวก็ไปได้

อ้อออออ เกือบลืม ที่ท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส มีเรือนำเที่ยว รอบนอกที่ไม่สามารถเดินไปได้ด้วยนะ 

ก่อนกลับอีกสักรูป พระมหาเจดีย์มุเตา ถ่ายจากฝั่งวัดสนามเหนือ

  สงกรานต์นี้ถ้ายังไม่มีแพลนไปไหน แนะนำที่นี่เลย ไปเล่นสงกรานต์ สรงน้ำพระ ขอพร เดินกินของอร่อย ชอปปิ้งต่อได้อีก อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งท้อง