ลูกพี่ลูกน้องโทรศัพท์มาหาแล้วบอกว่าจะขึ้นเหนือ ถ้าว่างอยากให้ไปด้วย ไปบอกทางนั่นคือเหตุผลสำคัญ ไม่ต้องคิดมากเมื่อว่างอยู่หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เป็นเนวิเกเตอร์จำเป็น จุดหมายปลายทางเราอยู่ที่แพร่ ส่วนคนขับรถไปน่าน นั่งรถไปลงที่ทุ่งโฮ่งแหล่งผ้าหม้อฮ่อมชื่อดังของเมืองแพร่ เราจองที่พักเอาไว้ที่บ้านป้าเหงี่ยม โฮมสเตย์น่าสนใจ ไปง่ายและไม่แพง เพราะขับรถไปกันเอง เลยไปถึงหน้าบ้านป้าเหงี่ยมตอนตีสาม มืดติ๊บ นั่งให้เลือดยุงจนฟ้าสาง

มาเช้าไป ไม่กล้าโทรเรียก ไม่กล้าถาม นั่งฟังเพลงเล่นโทรศัพท์ จนร้านโจ๊กที่อยู่เยื้องๆไปประมาณสามร้อยเมตรเปิด เลยเดินข้ามฝั่งมานั่งกินโจ๊กเป็นมื้อเช้าตั้งแต่เช้ามืด โจ๊กไข่เยี่ยวม้าร้อนๆ..ไม่หิวแต่กินได้สบาย ป้ามาเปิดบ้านประมาณ 6 โมงเช้า พอเห็นเรานั่งอยู่ตกใจ เพราะโทรมาบอกล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาเช้าขนาดนี้ จริงๆแล้วป้าตื่นตีสี่ ถ้าโทรเรียกก็มาเปิดประตูให้แล้วล่ะ  นั่งถ่างตาอยู่บนรถทั้งคืน หลับไม่ได้เพราะต้องคอยบอกทาง พอเห็นที่นอน ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ห้องพักน่ารัก พร้อมอาหารเช่้า สามารถโทรไปสอบถามและจองล่วงหน้าได้ตามเบอร์หน้าป้ายเลย เราตื่นขึ้นมาตอนสิบโมงกว่า ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เตรียมตัวออกไปเที่ยว วันนี้ตั้งใจว่าจะไปปั่นจักรยานเล่นๆในตัวเมือง จากที่พักเข้าตัวเมืองประมาณ 4 กม(ไหวมั้ย) ป้าบอกให้แว๊นไป แต่มอไซด์ที่มีอยู่มันสูงมาก เราเลยไม่อยากเสี่ยง ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ไม่รีบ 

วัดคูหาสวรรค์ เป็นจุดหมายแรกของการเดินทาง เป็นวัดที่มีอุโบสถเก่าแก่หาดูยาก ตอนไปถึงมีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสมาเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ เลยไหว้พระสวดมนต์แป๊บเดียวแล้วกลับ ปั่นจักรยานต่อไปตามทางเรื่อยๆ แวะไหว้ศาลหลักเมือง 

นั่งพักเหนื่อย แป๊บนึง ปั่นตามทางไปเรื่อยๆ ถึงจะเป็นวันธรรมดา แต่รถราไม่ได้คราค่ำอะไร ปั่นได้ปลอดภัย เข้าซอยไปนิดเดียวก็มาทะลุทีจวนผู้ว่า เรือนไม้เก่าดูแปลกตา ด้านลางจวนเคยเป็นที่คุมขังนักโทษ ยังมีเครื่องทรมาน และห้องต่างๆ รวมถึงประวัติไว้ให้อ่าน เป็นประตูทางเข้าเล็กๆ ใครตัวสูงต้องก้มล่ะทีนี้ ขึ้นไปด้านบนมีข้าวของเครื่องไว้และประวัติผู้ว่า อันนี้ต้องขออภัยที่เพลินจนลืมถ่ายรูป นึกได้อีกทีตอนออกมาข้างนอกแล้ว...เริ่มหิวแล้วด้วย เลยออกมาจากจวนมุ่งหน้าไปกินขนมจีนร้านประจำทำแวะมาทุกครั้งที่มาเมืองแพร่  ขนมจีนน้ำใสเอกลักษณ์ของเมืองแพร่ ร้านนี้อยู่ตรงซอยข้างๆโรงเรียนพิริยาลัย เข้ามาเรื่อยๆจนถึงหัวโค้งเจอร้านพอดี อร่อยจนต้องเบิ้ล
       เมื่อท้องอิ่มแล้วไปกันต่อ ปั่นไปตามทางทะลุไปด้านหลัง ตรงไปยังคูเมือง ที่นี่สามารถทะลุได้หมด วันนี้มาแบบไม่มีแผนที่ ปั่นไปเรื่อยๆ ถามไปเรื่อย แวะมาซื้อน้ำเย็นๆ กะว่าจะเข้าไปไหว้พระในวัด แต่มีงาน เลยยืนไหว้อยู่ด้านนอก ฟังเสียงสวดภาษาเหนือแล้วรู้สึกดี...ตรงซอยเล็กด้านหลัง สามารถทะลุมาที่คูเมืองได้ แดดเมืองไทย ไม่ปราณีคนจริงๆนะ ปั่นไปพักไป ขนาดห่อหุ้มซะมิดชิดยังรู้สึกถึงไอร้อนเต็มที่ แต่แค่นี้ไม่ทำให้ท้อ ยังคงปั่นตะเวณเที่ยวต่อไป มาถึงวัดหลวง วัดที่มีอะไรน่าสนใจมากมาย จนทำให้เราอยู่ที่นี่หลายชั่วโมง ในส่วนพิพิธภัณฑ์ มีของเก่าให้ดูมากมาย  ปั่นจักรยานออกมาด้านหลังวัดเจอประตูกับกำแพงเมืองโกศัย ยังคงเห็นร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองอย่างเด่นชัด..ตะวันเริ่มคล้อย ได้เวลาปั่นกลับไปที่พัก ถึงตอนนี้ปั่นมาเกือบๆยี่สิบกิโลแล้ว..ขาเริ่มล้า..แต่ยังสามารถปั่นไปได้เรื่อยๆ กลับไปถึงที่พักตอนตะวันใกล้ตกดินแล้ว พักเหนื่อยสักพักแล้วค่อยไปหาอะไรกิน ป้าเหงี่ยมกลับมาจากอบรมเลยลากเราไปเที่ยวที่ทุ่งทานตะวัน พี่ๆที่ทำงานอยู่ที่บ้านไปด้วย เลยไปกันหมดบ้าน ทานตะวันสวยๆ สูงท่วมหัว ดอกใหญ่มาก ทั้งใหญ่ทั้งสูง สวยกว่าที่เราไปดูที่ภาคกลางซะอีก ข้างๆที่ไร่ข้าวโพดกะลังออกผัก  ข้าวโพดหวาน หวานสมชื่อจริงๆ เก็บมาจากต้นต้มเลย อร่อยมาก มื้อค่ำเป็นอาหารบ้านๆ อร่อย นานๆจะได้กินซะที กลับถึงบ้านตอนมืด คราวนี้หมดแรงจริงๆ อาบน้ำเสร็จก็นอนหลับไม่รู้เรื่อง ยาวยันเช้า
      ถึงจะตื่นเช้า แต่ก็สายกว่าทุกคนในบ้าน ออกมาจากห้อง ป้าเหงี่ยมก็เตรียมอาหารเช้าไว้รอแล้ว  มื้อเช้าง่ายๆ ข้าวต้มกุ้ยกับ...อร่อย ซดคร่องคอ หลังหม่ำมื้อเช้าเสร็จ จิบกาแฟ เตรียมตัวออกแต่เช้า วันนี้จะไปพระธาตุช่อแฮ พอบอกจะปั่นจักรยานไป ทุกคนในบ้านทำท่าตกใจ เพราะระยะทางไปกลับประมาณ 25 โล ไหวมั้ย คะยั้นคะยอให้เอามอไซด์ไป แต่เรายืนยันว่าจะปั่นไป  ปั่นผ่านทุ่ง ผ่านบ้าน ผ่านโรงเรียน ผ่านป่าสัก จะว่าไกลก็ค่อนข้างไกลนะ ปั่นคนเดียว ทางโล่งๆ นานๆมีรถมาคันนึง ข้างทางก็ไม่ค่อยจะมีคน เรียกได้ว่าทั้งกล้าทั้งบ้าล่ะ แต่ก็เชื่ออย่างนึ่งว่าปลอดภัย ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงพระธาตุ นั่งพักอยุ่ด้านล่าง ซดกาแฟเย็นจนหมดแล้ว กว่าจะสามารถเดินขึ้นบันไดขึ้นไปบนองค์ประธาตุได้

 งานนี้เดินเวียนไม่ไหว ได้แต่นั่งมองเขาเดินเวียนรอบพระธาตุกัน ไหว้พระสวดมนต์เสร็จ แวะซื้อของฝากตรงที่ขายของด้านล่าง ที่นี่ของถูก หมูทุบอร่อย แม่เราชอบมาก จะว่าไปแล้วที่มาที่นี่ส่วนนึงก็มาซื้อของฝากด้วยล่ะ...ปั่นกลับรู้สึกว่ามันใกล้กว่าขามา หรือชินทางแล้วก็ไม่รู้ แป๊บเดียวเอง ระหว่างทางก็แวะกินขนมจีนข้าวกั้นจิ้น ใช้พลังงานไปแยะเลยเติมแยะ

ร้านอยู่ติดถนน ร่มรื่น ซดน้ำอัดลมไปขวดนึง เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ปั่นถึงที่พักตอนเที่ยงพอดีเป๊ะ วันนี้ตั้งใจว่าจะเที่ยวแค่นี้ เวลาที่เหลือจะไปเรียนมัดย้อมกับป้าเหงี่ยม มาถึงถิ่นทั้งทีไม่เรียนได้ยังงัย นั่งเรียนวิธีการจากป้า ก่อนจะลงมือทำเอง ป้ามีคิวเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เลยปล่อยเราไว้กับพวกพี่ๆ  งานนี้เพลินมาก เนื้อตัวเสื้อผ้าเปอะเลอะเทอะไปหมด...อาบน้ำเสร็จเตรียมตัวไปกินมื้อค่ำ แต่ลูกสาวป้าเหงี่ยมชวนไปเดินตลาดนัดคลองถม ไปหาอะไรกินที่ตลาด งานนี้ไม่พลาด เดินซื้อของทั้งกินทั้งของใช้ งานนี้เล่นเอาหมดไปหลายเหมือนกัน เพราะคงไม่แพงเลยจ่ายแบบไม่เกรงใจ พอมาดูอีกทีแยะเหมือนกันนะ แวะกินนมปั่นอร่อยยยย ก่อนจะไปส่งของ อันนี้เพิ่งรู้จริงๆนะ ว่าเปิดถึงขนาดนี้ รู้ตอนมานี่แหละ สะดวกดีจัง กลับถึงห้องหมดสภาพไปอีกวัน ปันมาสองวันเต็มๆ

          เช้านี้หายปวดเมื่อย ไม่มีคิวปั่นไปเที่ยวไหน เพราะต้องเอาผ้าที่ย้อมไว้เมื่อวานมาซัก ค่ำนี้เราต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว มื้อเช้าพี่ๆที่บ้านป้าเป็นคนเตรียมให้ เพราะป้ากลับมาตอนเที่ยง 

น้ำพริกไข่เจียว อร่อย วัตถุดิบสดๆทำให้รสชาดอาหารอร่อย เช้านี้อยากกินกาแฟเย็นเลยเดินข้ามไปซื้อที่ร้านตรงกันข้ามบ้านป้า อร่อยดี 

อิ่มแล้วได้เวลาทำงาน ช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายและเปียก.......

                เสร็จงานเมื่อตอนเที่ยง ป้าเหงี่ยมกลับมาจากกรุงเทพฯ มื้อเที่ยงเป็นอาหารบ้านๆ ตำมะปรางกับผักลวก ถูกปากมาก ถึงจะเพ่งเคยกินเป็นครั้งแรกก็เหอะ 

ตั้งแต่มาค้างบ้านป้ากินเก่งมาก กินแยะอีกตะหาก สงสัยกลับกรุงเทพฯ น้ำหนักพรวดแน่ๆ หลังมื้อเที่ยงพักผ่อน เราเตรียมเก็บสัมภาระกลับ ป้าชวนไปเที่ยวสวนหม้อฮ่อม ไม่พลาด ปกติต้นหม้อฮ่อมจะขึ้นตรงที่เย็นและชื้น เท่าที่รู้ก็คือบ้านนาคูหาปลูกกันแยะ แต่ป้าพาไปดูสวนของญาติที่อยู่ไม่ไกลนัก 

ต้นหม้อฮ่อมสีเขียวสดสูงประมาเอว กำลังงามได้ที่ 

เวลาเอาไปใช้ต้องตัด เอาไปแช่ให้เน่า แล้วกรองเอาแต่กาก มาผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนกว่าจะสามารถนำมาย้อมได้

ใกล้ๆสวนฮ่อม เป็นสวนดาวเรือง กำลังออกดอกเช่นกัน 

มาเที่ยวคราวนี้คุ้ม ได้เที่ยวแบบบ้านๆ ได้เห็นวิถีวีชิวิตชาวบ้านจริงๆ...มาสวนฮ่อมมีน้องมาจากใต้มาเป็นเพื่อนร่วมทริปด้วย น้องมาศึกษาการมัดย้อมเหมือนกัน มาคนเดียวเหมือนกัน นั่งรถไฟฟรีมา เด๋วคราวหน้าต้องจัดบ้างล่ะ....
        ออกจากสวนฮ่อมแวะไปที่ทุ่งทานตะวันอีกทีก่อนกลับ แวะซื้อผัก ผลไม้เห็ด กลับกทม ชิมต้มเห็ด ไก่ต้มส้ม อร่อยมาก

 ลูกพี่ลูกน้องโทรมาบอกว่าถึงหน้าบ้านป้าแล้ว เลยรีบแว๊นกลับ เก็บผ้าที่ตากเอาไว้ และสัมภาระก่อนกลับ ร่ำลาป้าพี่ๆน้องๆ และเพื่อนใหม่ขึ้นกระบะกลับ งานนี้ลูกพี่ลูกน้องพาเมียกับลูกกลับมาด้วย เราเลยจองท้ายกระบะ ฝนไม่ตกแน่นอน กว้างและว่าง มีเสื้อผ้าห่มพร้อม เดี๋ยวเข้าเขตเมืองค่อยเข้าไปนั่งข้างใน นอนรับลมดูดาวท้ายกระบะฟินสุดๆ เสียดายไม่ได้เอากล้องใหญ่มา ไม่งั้นถ่ายรูปดาวสวยๆได้แยะเลย

ขอบคุณที่แวะเวียนมากอ่านค่ะ ถ้ามีเวลาลองแวะมาเที่ยวแพร่ดูนะคะ คนแพร่ใจดี น่ารัก ไปสักครั้งแล้วจะประทับใจไม่ลืมเลยค่ะ