แผนการเที่ยวพม่า รายวัน

จากแรงบันดาลใจที่ได้จากการอ่านกระทู้ท่องเที่ยวต่างๆ  ก็เกิดปณิธานในใจตัวเองว่าอยากไปเที่ยวให้ครบทั้ง 10 ประเทศ AEC ภายในสองปีนี้ จึงเป็นที่มาของทริปพม่าในที่สุด

 

เริ่มหาข้อมูล ว่าพม่ามีอะไรเที่ยวบ้าง พบว่าพม่าเป็นสถานที่แห่งเมืองพระพุทธศาสนาที่รุ่งเรื่อง เต็มไปด้วยความศรัทธา มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ top 5 ที่ควรเดินทางไปสักการะ ได้แก่ 
1. เจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง
2. เจดีย์ชเวซิกอง พุกาม
3. พระมหามัยมุนี มัณฑะเลย์
4. พระธาตุอินแขวน ไจก์ทิโย
5. เจดีย์ชเวมอดอร์ หงสาวดี

 

จึงเป็นจุดตั้งต้นของการวางแผนเที่ยวสายบุญ (รึเปล่า?) ประกอบกับมีเวลาช่วงวันหยุดปีใหม่ 5 วัน จัดซะหน่อย แต่เก็บได้แค่ 3 สถานที่เท่านั้น เนื่องจากจำนวนวันไม่พอ T_T

แผนการเดิน
วันที่ 1 กรุงเทพ – ย่างกุ้ง
วันที่ 2 มัณฑะเลย์
วันที่ 3 มัณฑะเลย์ – พุกาม
วันที่ 4 พุกาม9 -
วันที่ 5 ย่างกุ้ง – กรุงเทพ

เตรียมตัวก่อนเดินทาง
• วีซ่า เดินทางแค่ 5 วัน ไม่ต้องทำวีซ่าครับ 
• ตั๋วเครื่องบิน เนื่องจากไม่ได้จองตั๋วโปรโมชั่นไว้ล่วงหน้า ทำให้ต้องหาตั๋วถูกที่สุดที่พอจะบินได้ โดยหาจากแอพ Jetradar ได้ของสายการบินไทยไลออนแอร์ ไปกลับ 3200 บาท ราคาพอสู้ไหว จึงจองตั๋วอย่างไม่ลังเล
• แลกเงิน ให้เตรียมแลกเป็นดอลลาร์ไปก่อนหรือจะหาแลกเป็นเงินจ๊าดไปก็ได้ แต่แนะนำหากแลกเป็นดอลลาห์ให้ระบุกับร้านแลกเงินว่าเอาไปใช้ที่พม่า และขอแลกเป็นแบงค์เล็กๆ ไว้นะครับ (อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท = 38.3จ๊าด)
• จองโรงแรม ผ่านแอพ Agoda ของผมเน้นราคาถูกเป็นหลัก จึงนอนแบบห้องเตียงรวม ได้โรงแรม Mya Thida Hotel ราคา 400 บาท (พุกาม) และ Ace star BnB backpacker Hotel ราคา 250 บาท (มัณฑะเลย์)

-------------------------------------------------------------------------------

วันที่ 1 กรุงเทพ ย่างกุ้ง

ออกจากดอนเมือง 8.45 น. ถึงพม่าเกือบ 10 น. ให้จัดการซื้อ Net sim ให้เรียบร้อยตรงทางขาออก มีหลากหลายแบรนด์ ผมซื้อ 4 Gb ราคา 11500 จ๊าด ของ Telenor (น่าจะเป็นเครือข่ายของ Dtac เพราะโลโก้เหมือนกัน) ขอแผนที่ย่างกุ้ง ณ จุดบริการข้อมูล แล้วออกมาจากอาคารผู้โดยสารให้เดินไปทางขวา ประมาณ 1 กม. เพื่อไปป้ายรถเมย์ที่ 10 mile market (ใครไม่อยากเดินก็ลองมองหารถสองแถวหรือ Taxi นะครับ) ถึงตลาดให้ข้ามถนนเพื่อไปขึ้นป้ายฝั่งตรงข้าม รถที่พม่าจะขับเลนส์ตรงข้ามกับไทย มองดีๆเวลาข้ามถนน โหลด app yangoon buses เพื่อใช้ดูสายรถเมย์ (รถเมย์ไม่เขียนเลขอารบิค ต้องจดเลขพม่าไป หรือถามคนที่ป้ายรถเมย์เอานะครับ)
มีรถเมย์หลายสายเข้าไปในเมืองเพื่อไปลงที่เจดีย์สุเล เช่น 51, 231, 132 ถามคนที่ป้ายก็ได้ครับ พอดีไม่ชินกับตัวเลขพม่า เลยให้เขาช่วยบอกว่าต้องขึ้นคันไหน บรรยากาศบนรถไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีแต่คนท้องถิ่น สนุกไปอีกแบบ ค่ารถแค่ 200 จ๊าด

นั่งรถเมย์ร้อนประมาณ 30 นาที มาถึงเจดีย์สุเล ที่เป็นหัวใจของย่างกุ้ง ลงไปสักการะถ่ายรูปให้เรียบร้อย (เสียค่าธรรมเนียมเข้าประมาณ 3000 จ๊าด) ข้างๆจะมีสวนสาธารณะที่มีอนุสาวรีย์สัญลักษณ์แห่งการปลดเอกของพม่าจากอังกฤษ มีอาคารทรงยุโรปสวยๆ รอบสวนสาธารณะหลายอาคาร สามารถเดินไปถ่ายรูปได้

เที่ยงพอดีได้เวลาอาหาร ผมจัดไปคล้ายๆขนมจีนข้าวซอย 800 จ๊าด รสชาติพอใช้ได้ (โปรดระมัดระวังเรื่องความสะอาดของอาหาร เนื่องจากในทริปนี้มีท้องเสีย วิ่งเข้าห้องน้ำทั้งคืน)

หลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินไปที่เจดีย์ Botahtuang หรือวัดเทพทันใจที่โด่งดังของคนไทยใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที ที่วัดนี้มี 3 จุดที่ควรไปสักการะ ได้แก่ ในองค์เจดีย์ ที่จะเป็นทรงแปดเหลี่ยม แบ่งเป็นหลืบๆ จะมีคนไปนั่งสวดมนต์ขอพรแทบทุกซอก อาคารมีสีทองอร่ามไปทั้งผนัง สวยงามมาก ภายนอกจะมีเทพทันใจ ไปไหว้ขอพรกันได้ และเก็บเงินที่บูชามาเป็นขวัญกระเป๋าอีกด้วย มีเทพกระซิบอยู่อีกฝั่งตรงข้าม แน่นอนผมไม่ลืมจะขอพรจากเทพทั้งสอง (วัดนี้มีค่าธรรมเนียมเข้า 6000 จ๊าดได้สติกเกอร์มาแปะเสื้อ 1 ดวง)

เสร็จสรรพก็ออกจากวัดมาหา taxi ไปมหาเจดีย์ชเวดากอง ราคา 4000 จ๊าด (ไม่สะดวกรอรถเมย์ เพราะบ่ายสองแล้ว) มีค่าธรรมเนียมเข้าเจดีย์ 8000 จ๊าด ใช้เวลาเดินเที่ยวและสักการะพระประจำวันเกิด รวมถึงพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าประมาณ 1.5 – 2 ชม.

ได้เวลาออกไปที่สถานีขนส่ง Ming ga la bus station ซึ่งอยู่ชานเมือง เพื่อต่อรถไปมัณฑะเลย์ เนื่องจากเย็นมากแล้ว ผมเลยไม่ได้นั่งรถเมย์ เรียก taxi ไปขนส่งเลย ต่อรองกันได้ที่ 10000 จ๊าด (แอบเสียดายเงิน)

รถที่จะไปมัณฑะเลย์มีหลายบริษัท สถาพรถค่อนข้างดี ได้ตั๋วรถราคา 11000 จ๊าด รถออก 19.00 น. หลังจากได้ตั๋วแล้วก็ไปหาข้าวเย็น ได้เป็น chicken fried rice มาหนึ่งจาน 1500 จ๊าด รถชาติคล้ายข้าวผัดบ้านเรา ระหว่างเดินทางช่วงกลางคืน มีจอดให้ทานข้าวประมาณช่วงสี่ทุ่ม ไปถึงมัณฑะเลย์ประมาณ ตีห้า หาวินมอร์ไซด์ (เขาเรียกกัน motorbike taxi) ไปที่โรงแรม ค่ารถ 4000 จ๊าด แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องจ่ายไป และไปเข้า check in ที่โรงแรมก่อนเวลา เขาก็ใจดีให้เข้าก่อนเวลาด้วย

สรุปค่าเสียหายวันแรก 60000 จ๊าด = 1565 บาท

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

วันที่ 2 มัณฑะเลย์

เก็บเป้ที่โรงแรม อาบน้ำเพื่อความสดชื่นแล้วขึ้นไปทานอาหารเช้าที่ดาดฟ้า ได้เวลาตะลุยมัณฑะเลย์ 
ออกจากโรงแรมประมาณ 8.00 น. ก่อนไปให้ขอแผนที่กับโรงแรม และให้เขาจองตั๋วรถบัสไปพุกามให้ด้วยในวันพรุ่งนี้ ผมเลือกไว้รอบ 11.00 น. (ใช้เวลาประมาณ 5 ชม.) ราคา 9000 จ๊าด สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับมัณฑะเลย์ คือ พระราชวังมัณฑะเลย์ วัดชเวนันดอร์ วัดกุโสดอร์ สะพานไม้สักอูเบ็ง ยอดเขามัณฑะเลย์ และวัดมหามัยมุณี

สำหรับวันนี้ผมเลือกเดินไปที่พระราชวังมัณฑะเลย์ก่อน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก เสียค่าธรรมเนียม 10000 จ๊าด แต่เป็นบัตรที่ใช้เข้าได้ทุกสถานที่ในเมืองนี้ ให้เก็บบัตรเบ่งไว้ดีๆ อย่าทำหาย พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นพระราชวังแห่งสุดท้ายของพม่าก่อนที่จะเปลี่ยนระบอบการปกครอง เป็นจุดที่เคยโดนระเบิดจากอังกฤษ ที่เห็นพระราชวังสวยงามในปัจจุบันเป็นสิ่งที่รัฐบาลบูรณะขึ้นมาใหม่

 

ออกมาจากพระราชวังมี motorbike taxi เข้ามาคุยและขายทัวร์ ก็เลยตกลงราคากันไป ที่ 10000 จ๊าด โดยไปอีก 5 สถานที่ คือ วัดชเวนันดอร์ วัดกุโสดอร์ สะพานไม้สักอูเบ็ง วัดมหามัยมุณี และบ้านไม้ (ถ้าไม่เหมารถ สามารถใช้บริการรถสองแถว+การเดินได้ครับ)

 

  • วัดชเวนันดอร์ เป็นวัดไม้สักดั้งเดิมที่เก่าแก่มาก ได้รับการบริจาคจากพระมหากษัตริย์ที่ยกพระราชวังเดิมมัณฑะเลย์มาให้สงฆ์ ยังคงความงดงามของการแกะสลักทั้งหลังแบบฝีมือช่างพม่ายุคโบราณ ภายนอกดูเก่า แต่ภายในยังคงเห็นร่องรอยของไม้แกะสลักสีทองอร่ามเมื่อต้องแสงแฟลช

  • วัดกุโสดอร์ อยู่ไม่ห่างจากวัดชเวนันดอร์มากนัก วัดนี้เป็นแหล่งสังคายนาพระไตรปิฎก ที่จัดขึ้น ณ พม่า โดยรวบรวมพระไตรปิฎกแล้วสลักลงแผ่นหินหลายร้อยแผ่น ทุกแผ่นจะสร้างมฑทปครอบไว้ รายล้อมรอบเจดีย์ใหญ่สีทองตรงแกนกลาง สวยงามมาก

  • วัดมหามัยมุณี เป็นสถานที่ที่ประดิฐสถานพระมหามัยมุณี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีลมหายใจ จึงต้องมีพิธีล้างพระพักต์ในตอนเช้าทุกวันเวลาตีสี่มาตลอดหลายสิบปีแล้ว (มีโปรแกรมตื่นแต่เช้ามาร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ในวันพรุ่งนี้)
  • บ้านไม้แกะสลัก อยู่ระหว่างทางไปสะพานไม้สักอูเบ็ง เป็นสถานที่แกะสลักไม้ เช่น พระพุทธรูป เทพ สัตว์ในตำนาน ซึ่งมีความละเอียดฝีมือดีมาก มีการแกะงานอยู่หน้าร้านเพื่อให้เห็นวิธีการแกะสลักแบบโบราณแท้ๆ
  • สะพานไม้สักอูเบ็ง เป็นสะพานไม้สักยาวที่สุดในโลก อายุเก่าแก่มากกว่าสองร้อยปี เนื่องจากรื้อไม้สักจากพระราชวังกรุงอังวะมาสร้าง ทอดตัวยาวผ่านทะเลสาบตองตามัน แนะนำให้มาในช่วงเย็นพอดี แดดร่มลมตก ชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ เป็นวิวที่สวยงามมาก จบวันให้ motorbike taxi ไปส่งที่ตลาดเพื่อหาข้าวเย็นทาน ก่อนจะกลับโรงแรมรีบไปนอน

สรุปค่าเสียหายวันที่สอง 33000 จ๊าด + ค่าโรงแรม 250= 1111 บาท

-------------------------------------------------------------------------------

วันที่สาม มัณฑะเลย์ + พุกาม

ตื่นตีสามครึ่ง นัดแนะกับ motorbike taxi ให้พาไปร่วมพิธีล้างพระพักต์พระมหามัยมุณี (ติดต่อไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ราคา 8000 จ๊าด) เมื่อถึงวัดให้รีบเข้าไปจับจองพื้นที่เพื่อให้เห็นพิธีอย่างใกล้ชิด และอย่าลืมซื้อทองคำเปลวแท้ เข้าปิดทองที่พระพุทธรูป (เข้าได้เฉพาะผู้ชาย) เพื่อความเป็นศิริมงคล และอย่าลืมพกขวดน้ำไปใส่น้ำทานาคาที่มาจากการล้างพระพักต์ เก็บกลับไปบูชาที่บ้าน เมื่อเสร็จพิธีก็ออกมาจากวัดประมาณตีห้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขามัณฑะเลย์ ก่อนจะกลับโรงแรม เก็บข้าวของ ทานอาหารเช้า รอรถรอบ 11.00 น. ซึ่งจะมารับที่โรงแรมไปส่งที่ท่ารถ (ท่ารถเดียวกับที่ขามาจากย่างกุ้ง) เพื่อต่อรถไปพุกาม รถจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ระยะทางไม่ไกล แต่ถนนกันดาลมาก มีจอดให้ทานข้างกลางวันช่วงประมาณบ่ายโมง มาถึงพุกามประมาณสี่โมงครึ่ง เสียค่าธรรมเนียมเข้าเมืองซึ่งจะได้บัตรไว้เข้าตามเจดีย์ต่างๆ ราคา 25000 จ๊าด เมื่อถึงเมืองพุกามใหม่ก็รีบเข้าที่พักที่ได้จองไว้


สรุปค่าเสียหายวันที่สอง 37000 จ๊าด + ค่าโรงแรม 400 = 965 บาท

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

วันที่สี่ พุกาม

ตื่นแต่เช้า ทานอาหารเช้าที่โรงแรม ให้ check out แล้วเอากระเป๋าไปฝากที่เคาร์เตอร์ แจ้งเขาว่าจะกลับมารับกระเป๋าตอนเย็น และให้โรงแรมจองรถเพื่อกลับย่างกุ้งในช่วงหัวค่ำ ราคา 15000 จ๊าด (ใช้เวลาเดินทางจากพุกามไปย่างกุ้งประมาณ 9 ชม.) ออกไปเช่ารถจักรยาน ราคา 3000 จ๊าด เพื่อปั่นชมเมืองพุกาม (แนะนำใครที่ปั่นระยะทางไปกลับรวม 14 กม. ไม่ไหว ให้เช่ามอร์เตอร์ไซด์ ราคา 10000 จ๊าด) 
พุกามเป็นเมืองที่ค่อนข้างแห้งแล้ง อากาศร้อน ขอให้หาเครื่องป้องกันแดดให้มิดชิด เริ่มตนจากการปั่นจักรยานออกจากเมืองพุกามใหม่ไปทางตะวันตก เจอศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว ขอแผนที่มา 1 ใบ จะมีบอกเจดีย์ไฮไลท์ที่ห้ามพลาด ให้เก็บตามสถานที่ในแผนที่เลยครับ ได้แก่

  • พระวิหารมนูหะ เป็นเจดีย์วิหารซึ่งพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญที่ถูกคุมตัวมาจากเมืองมอญโดยกษัตริย์พุกาม ได้สร้างไว้ โดยแสดงถึงความอึดอัดพระทัยในการถูกคุมตัว โดยสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่โตคับเจดีย์ไว้ภายในเพื่อประชดกษัตรย์พุกาม
  • เจดีย์สัพพัญยู เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกาม แต่รูปทรงจะต่างจากเจดีย์ทั่วไปเนื่องจากได้อิทธิพลการก่อสร้างมาจากแบบปาละของอินเดีย
  • เจดีย์ชเวชานดอ เป็นจุดที่ชมทุ่งเจดีย์ของเมืองพุกามที่ดี เนื่องจากมีความสูงและรายล้อมไปด้วยเจดีย์ 4000 องค์แห่งพุกาม เหมาะกับการดูพระอาทิตย์ขึ้น/ตก 
  • เจดีย์ธัมมะยังจี เป็นเจดีย์ใหญ่ แต่มาจากการสร้างที่ไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากกษัตริย์ผู้สร้างต้องการสร้างเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพุกาม จึงเกณฑ์ไพร่พลมาสร้างโดยไม่คำนึงถึงเรื่องความทุกข์ยากของประชาชน ก้อนอิฐที่เรียงในเจดีย์จะต้องแนบสนิทจนไม่สามารถสอดเข็มเข้าไปได้ หากใครเรียงอิฐไม่ดีจะถูกตัดมือ โดยมีหินที่ใช้รองตัดมือยังคงอยู่ภายใน
  • วัดอนันดา เป็นเจดีย์วิหารที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ยืนทั้งสี่ทิศ และมีมุขยื่นออกไปทั้งสี่ด้าน มีความสวยงามมาก เนื่องจากตัวเจดีย์ก่อสร้างด้วยอิฐสีขาว ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าเวลาถ่ายรูป
  • เจดีย์ติโลมินโล ดูเด่นเป็นสง่าด้วยอิฐสีแดงและลายปูนปั้นที่ฐานตัวเจดีย์มีขนาดใหญ่สะดุดตา
  • เจดีย์ชเวซิกอง เป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า ต้องไปกราบสักการะให้ได้

ยังคงมีเจดีย์อีกหลายแห่งที่ไม่ได้กล่าวถึง หากจะให้ดี ก่อนไปพุกามขอให้ศึกษาประวัติแต่ละเจดีย์เพื่อความเพลิดเพลินในการชมครับ ตกเย็นก็ต้องรีบปั่นกลับโรงแรมเพื่อไปขออาบน้ำและเตรียมตัวขึ้นรถกลับย่างกุ้ง

สรุปค่าเสียหายวันที่สอง 22000 จ๊าด = 574 บาท

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

วันที่ 5 ย่างกุ้ง – กรุงเทพ

นั่งรถจากพุกามประมาณ 3 ทุ่ม มาถึงย่างกุ้งประมาณ 6 โมงเช้า หากใครยังไปไม่ครบสถานที่ในวันแรก ก็ให้ไปเก็บตกให้ครบ แต่เนื่องจากผมไปมาครบแล้วตามแผน จึงขอไปสนามบินเลย ก็นอนเล่นรอเวลาอยู่ที่สนามบินและบินกลับไทยเวลา 19.15 น.

ค่าเสียหายวันที่ 5 6000 จ๊าด = 156 บาท