เสาร์-อาทิตย์ติดเที่ยว #กาญละกัน

เคยเป็นกันมั้ย เมื่อมีวันหยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ แต่เราก็อยากชวนเพื่อนไปเที่ยวและพักผ่อนชิลๆ แบบทริปสั้นๆ ใกล้กรุงเทพฯ ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง ไม่ต้องวางแผนเยอะ ไม่ว่าจะไปทะเล น้ำตก เข้าป่า ล่องแพ ชมสวนดอกไม้ หรือนอนโง่ๆที่ไหนก็ได้ โดยมีเวลาเพียง 2 วัน 1 คืน เรากับเพื่อนก็มีความถกความเถียงกันอยู่ 2-3 วัน ก็ได้ข้อสรุปว่าไป #กาญละกัน ตอบโจทย์ทุกตัวปัญหาไม่ว่าใครอยากจะโดดน้ำ นอนโง่ ถ่ายรูป หรือชื่นชมบรรยากาศ ครบ! จบในที่เดียว บอกตรงๆว่านี่เป็นการไปจังหวัดกาญจนบุรีครั้งแรกในชีวิตของช้านนนนนน (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่คิดที่จะไปจังหวัดนี้เลยทั้งที่มีที่เที่ยวเยอะแยะไปหมด) การหาข้อมูลจากรีวิว กระทู้ต่างๆ และเว็บไซต์เกี่ยวกับจังหวัดกาญจนบุรีจึงเริ่มต้นขึ้น เป้าหมายของพวกเราคืออำเภอไทรโยค ด้วยว่าเป็นอำเภอที่ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากและมีแพริมน้ำให้นอนเล่น.....แน่นอนว่าพ้อยท์ของเราก็คือ แพริมน้ำ นั่นเอง ส่วนคอนเซ็ปต์ของทริปนี้ก็คือ *** เที่ยวกากๆ ***

การหาข้อมูลที่พักไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งทียากคือการที่เราได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกันจากทุกรีสอร์ทตามกระทู้ดังๆว่า "ที่พักแบบแพริมน้ำเต็มหมดแล้วค่ะ!!" โทรจนครบ โทรจนท้อ โทรจนสับสนว่าเมื่อกี๊ที่คุยชื่อรีสอร์ทอะไรนะ 5555 เอาจริงๆ ที่พักแบบแพริมน้ำเต็มหมดแล้ว แต่ที่พักบนบกที่เป็นห้องหรือบ้านเป็นหลังนั้นก็ยังพอมีแหละ (ก็บอกแล้วไงว่าจะพักแพริมน้ำ!) ครั้นว่าจะจองผ่านเว็บก็กลัวจะได้ห้องไม่ถูกใจเท่าที่ควร ทั้งที่กดจองไปแล้วแต่ก็ยกเลิกไป แล้วชวนเพื่อน "วอล์คอินกันมั้ยเมิง"  ||| รู้ว่าเสี่ยง...แต่คงต้องขอลอง ||| ทุกคนพร้อมลุย ลุยกันแบบไม่มีแพลนอะไรใดๆทั้งสิ้น แบบนี้ก็ได้หราาา

แล้วก็มาถึงวันเดินทาง....เช้าวันเสาร์ออกจากกรุงเทพฯเกือบ 10 โมง มุ่งหน้าไปยังอำเภอไทรโยคหาที่พักวนไปจ้าาาา....เหตุเกิดจากความไม่มีการวางแผนก็เลยไม่รู้จะเริ่มที่รีสอร์ทไหนดี เอาเป็นว่าขับรถไปเรื่อยๆก่อน ดูว่ามีรีสอร์ทอะไรอยู่ตรงไหน ดูทำเล ดูฮวงจุ้ย ดูรีวิวประกอบ โทรถามถึงความเป็นไปได้ในส่วนของการเช็คอินโดยไม่ได้จองล่วงหน้า ดิสคัสเรื่องราคาว่าสมเหตุสมผลแค่ไหน บอกเลยว่าตอนนี้ทุกคนบนรถดูยุ่งเหยิงมาก ซึ่งแถวนั้นแต่ละรีสอร์ทห่างกันราวๆ 5-6 กิโลเมตร #ใต้อากาศ39องศา #ใต้แดดเมืองกาญฯที่พีคสุดในชีวิตของมณี #ใต้การไม่รู้ชะตากรรม #ใต้การวนหาที่พักท่ามกลางป่าเขา #ถ้าน้ำมันหมดจะสดชื่นมั้ย พูดซิ! (นี่แหละความสนุก ถ้าวางแผนกันมาก่อนก็ไม่เรียกว่าเที่ยวแบบกากๆสิเนอะ)

 

พวกเราขับรถไปจนถึงต้นแม่น้ำแควค่ะคุณ!!! แวะเข้าไปถามรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่พวกเราคาดหวังว่าจะต้องเป็น the best แพริมน้ำเพราะมีรีวิวเยอะเหลือเกิน แต่ก็ได้แค่เดินดูบรรยากาศรอบๆ เพราะที่พักนั้นเต็มแล้วจ้าาา ตื่นๆๆ แล้วไปต่อ....ระหว่างทางทุกคนหาเบอร์และโทรถามอีกหลายที่แต่ก็ได้รับคำตอบเหมือนกันหมดว่า "ที่พักเต็มแล้ว" จากที่ตั้งใจจะมานอนแพสวยๆ ก็เริ่มพากันมองหาวัด หาโรงเรียน หาสถานีอนามัยแถวนั้นแล้วค่ะ ลุ้นกันหน้าซีดเลยว่าจะได้นอนวัดหรือนอนบนรถ 55555 ถ้าไม่มีจริงๆต้องกลับเข้าไปนอนในตัวเมืองหรอ....ไม่นะ!!!!!!! X X X แอ๊ด แอ๊ด ❌ ❌ ❌   และในที่สุดเราก็ตัดสินใจโทรไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่โด่งดังไม่แพ้ที่อื่น มีให้เห็นในทุกๆรีวิวและที่สำคัญคือ มีให้จองใน agoda ด้วย แต่ไม่จองกันง่ะ นั่นก็คือ "โก๋ เมืองกาญจน์ พาราไดซ์ วิว รีสอร์ท" เราได้รับคำตอบจากพนักงานว่าแพริมน้ำเต็มแล้วแต่ยังมีที่พักเหลือเป็นบ้านหลังสุดท้ายแล้วค่ะ สอบถามราคาพร้อมแพ็คเกจต่างๆแล้วรู้สึกว่า เออ มันก็โอเคนะ จองไว้เลยได้มั้ยคะ กำลังเข้าไปใกล้ถึงรีสอร์ทแล้วอีก 10 กิโล เค้าบอกว่าถ้าจองต้องโอนเงินเลยค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน!! โอนตอนนี้ไม่น่ารอด เพราะทางเข้ารีสอร์ทคือสัญญาณ 4G กลายเป็น Edge ไปแล้ว ในขณะที่บางค่ายขึ้นว่า no service เรียบร้อยแล้วลู๊กกกก กูเกิ้ลแมพยังนิ่งสนิท สักพักพวกเราก็โดนตัดขาดจากสัญญาณโทรศัพท์ของทั้ง 3 ค่ายโดยแท้ทรู!! เอาไงล่ะยู....ข้างทางคือป่าเขาและเรา 4 คน ขับตามป้ายเท่านั้น ป้ายบอกทางคือที่พึ่งเดียวของเราในตอนนั้น ฮัลโหลลลลลล ไทรโยค!!! It's me!!!

 

 

ตามป้ายมาเรื่อยๆเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรจากถนนใหญ่ ถนนทางเข้าไม่ได้แย่เลย มีบ้านคน มีชุมชนให้เห็นประปรายเป็นระยะๆ รีบซิ่งและมองหลังตลอดห้ามใครแซงรถข้า เพราะที่พักเหลือบ้านหลังสุดท้ายแล้วววว!!! และในที่สุดเราก็มาถึง ✨"โก๋ เมืองกาญจน์ พาราไดซ์ วิว รีสอร์ท" ✨เป็นที่เรียบร้อย มีพนักงานมาต้อนรับตั้งแต่ที่จอดรถ พาไปล็อบบี้ พาเดินดูห้องพักก่อนตัดสินใจเข้าพัก (แม้ว่าจะเหลือเพียงหลังเดียวก็ตาม น่ารักมาก) การวนหาที่พักของเราใช้เวลาไปร่วม 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็ได้ที่พักกันซะที

 

 

เช็คอิน เก็บของแล้วออกไปเดินชมรอบๆ รีสอร์ทกันดีกว่า ส่วนใครเพลียแดดก็นอนไปค่ะ (กราบแดดเมืองกาญฯงามๆสามที หนูยอมล้าวว)

 

 

เราเดินเล่นรอบๆรีสอร์ท ถ่ายรูปกันไป แล้วขึ้นมาเปลี่ยนชุดเพื่อลงไปเล่นน้ำที่แพตรงจุดที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ มีสไลเดอร์ มีแพเปียก ส่องผู้ชายเล่นน้ำ อยู่ท่ามกลางดงผู้แบบนี้มีใครจะเถียงว่าไม่ฟินมั้ยคะ ^_^ 

 

 

เล่นน้ำเสร็จก็ถึงเวลาบุฟเฟ่มื้อเย็นจากทางรีสอร์ท อาหารอร่อยทุกอย่างจริงๆ!!! น้ำผลไม้ปั่นดีมากกกกก แต่ที่เลิฟสุดคือ ส้มโอ ผลไม้ที่รีสอร์ทปลูกเอง หวาน อร่อย เอามาทั้งสวนก็หมดทั้งสวนนะคะบอกเลย (นี่ยังไปถามขอซื้อกลับบ้านอี๊กกกก) กินข้าวเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัย.....

 

 

ตื่นเช้าตรู่มารอดูหมอกยามเช้าท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำแคว ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การนั่งโง่ๆดูพระอาทิตย์ขึ้นตัดกับหมอกบางๆในตอนเช้านี่มันช่างสดชื่นแตกต่างกับเวลาที่เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางไปทำงานในทุกๆวัน ถูกมะ!?!
 

 

บุฟเฟ่มื้อเช้าเริ่มต้น 07:30 น. ก่อนที่ทุกคนจะได้ออกไปล่องแพชมบรรยากาศริมแม่น้ำแคว

อาหารเช้ามีทั้งข้าวต้มทรงเครื่อง ไข่กระทะ ข้าวผัด ขนมปังปิ้ง น้ำส้ม ชา-กาแฟ เบเกอรี่ ให้เลือกมากมาย แถมรสชาติยังอร่อยด้วยน๊าาา

 

ทานอาหารเช้ากันเรียบร้อย ทางรีสอร์ทจะพาออกไปล่องแพชมบรรยากาศริมแม่น้ำแควกัน ใครอยากโดดน้ำลอยคอให้น้ำพัดร่างไหลไปตามแม่น้ำเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร หรือใครอยากจะนั่งสวยๆ ชมวิวสองฝั่งแม่น้ำอยู่บนแพถ่ายรูปเก๋ๆ นั่งๆ นอนๆ ดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติ ชาร์ตแบตให้ตัวเอง ก็สุดแล้วแต่

 

 

สำหรับคนที่เลือกลอยคอไปตามกระแสน้ำก็ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ของทางรีสอร์ทเป็นอย่างดี เราจะสามารถกระโดดลงน้ำได้ในจุดที่น้ำไม่เชี่ยวมากเกินไป มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดในช่วงที่ลอยมาตามน้ำ และมีเรืออีกลำขับตามหลังเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคน ซึ่งช่วงเวลาสั้นๆนั้นมันเป็นเวลาที่เราแฮปปี้อย่างไม่มีเหตุผล ได้มิตรภาพใหม่ๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ หยุดคิดเรื่องงานและได้อยู่กับตัวเอง ได้อยู่กับเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ จนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นนานๆ แกเข้าใจเราใช่ป่ะะะะ

 


เมื่อแพล่องกลับมาเทียบที่ฝั่งของรีสอร์ท เหมือนโดนตบเพื่อปลุกให้ตื่นแล้วกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที ต้องขึ้นไปเก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์แล้วเดินทางกลับ การมาครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ทำให้เราแฮปปี้เกินราคาจริงๆ ซึ่งราคาที่จ่ายไปนั้นจะรวมถึงค่าที่พัก ค่าอาหาร(1 หรือ 2 มื้อแล้วแต่ทางรีสอร์ทแต่ที่นี่มีบุฟเฟ่ให้ 2 มื้อคือ เย็นกับเช้า) และกิจกรรมทางน้ำ อาจจะมีกิจกรรมบางอย่างที่ต้องจ่ายเพิ่มแต่เราสามารถเลือกได้ จากเดิมที่เคยรู้สึกเฉยๆและมองข้ามจังหวัดนี้ไปก็ได้ถูกภาพความทรงจำใหม่ replace ลงไปทันที ตอนนี้รู้สึกแฮปปี้กับที่นี่เหมือนกับที่หลายๆคนเคยบอกเอาไว้ว่าถ้าได้ไปแล้วจะหลงรัก.....ชั้นเชื่อละ!!!!! แต่ในส่วนของความแดดแบบสุดนั้น เราจะมองข้ามมันไปละกัน หึหึหึ!! 

 

ขากลับเราได้แวะที่ช่องเขาขาด เดินชมช่องเขาที่ทหารเฉลยศึกในอดีตได้ทำการขุดเจาะภูเขาเพื่อสร้างเป็นทางรถไฟด้วยแรงคนเป็นหลักและใช้เครื่องจักรเพียงเล็กน้อย จนทำให้ทหารเหล่านั้นล้มป่วยตายกันไป ดูแล้วหดหู่อย่างบอกไม่ถูก....

 

 

เรามีเวลาเที่ยวน้อยไปเนอะก็เลยไม่ได้แวะน้ำตกเอราวัณหรือที่อื่นๆ แต่เอาจริงๆ ถ้าแดดจะแรงขนาดนี้เราก็ไม่มีอารมณ์เที่ยวแล้วหละซิส ไว้ครั้งหน้ามาเที่ยวกาญฯอีกยังไงก็ต้องไม่พลาด ส่วนใครที่มีเวลาว่างแค่เสาร์-อาทิตย์ จัดทริปสั้นๆวันหยุดพาเพื่อนหรือครอบครัวมาพักผ่อนแค่นี้ก็ชื่นใจแล้วโน๊ะ ส่วนใครที่มั่นหน้ามั่นอะไร ชอบเที่ยวคนเดียว มาเที่ยวแบบนี้...ดีไม่ดีมีคนขอแอดไลน์ได้เพื่อน/ได้ผู้ไว้คุยสวยๆเด้ออออ

 

 

ข้อมูลสำหรับที่พัก "โก๋ เมืองกาญจน์ พาราไดซ์ วิว รีสอร์ท"

https://www.facebook.com/kohmueangkarnresort/

โทรศัพท์ 085 070 4232

*** ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ มีสมาชิก 4 คน หารกันตกคนละไม่เกิน 2,000 บาท ไม่รวมค่าของฝาก ***

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่ารีวิวน้อยๆอันนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจหรือเป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆสำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาที่เที่ยวที่พัก ในวันหยุดกันอยู่นะค๊าาา

>> ฝากอีกช่องทางไว้ติดตามภาพดีๆหรือเข้ามาทักทายกันได้ทาง Instagram @sombozzio ด้วยนะคะ <<