เที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกของคนไม่มีรถส่วนตัว กับงบ 2500 บาท
เพิ่งเขียนรีวิวเป็นครั้งแรกน่ะคะ หากผิดพลาดแต่ประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่ด้วยน่ะคะ แหะๆ ส่วนใครชอบกระทู้แบบไม่เวิ่นเว่อต้องขอประทานอภัยให้ท่ายกดข้ามไปได้เลยค่ะ หรือจะกดปิดไปก็แล้วแต่ใจเลยน่ะคะ 5555
ที่มามาของการเที่ยวครั้งนี้ คือการอยากพักผ่อนย่อนใจหลังเรียนจบและเจอกับโปรเจคที่แสนหนักหนาสาหัส และมีตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชีย ที่จองด้วยโปรราคาแสนถูกไปกลับไม่เกิน 500 บาท แหมะจะรอไรล่ะคะ กายพร้อมใจพร้อมก็ไปกันเลยยยยย แต่เดี๋ยวววน่ะ มีตังค์ทั้งตัวแค่ 2500 อยู่ 4 วัน 3 คืนจะรอดมั้ยนิ...
DAY 1
เริ่มต้นทริป โดยการนั่งรถเมล์ รถเมล์สาย A2 จากจัตุจักรไปสนามบินดอนเมือง และด้วยความที่บ้านนอกแท้เลยจ้า เพิ่งขึ้นเครื่องจากดอนเมืองครั้งแรก แล้วรถเมล์ไปส่งฝั่งเดินทางออกนอกประเทศ งง เลยจ้าต้องทำไงต่อ เลยไปสอบถามเจ้าหน้าที่ เจ้าที่บอกให้เดินไปทางฝั่งขวาของอาคาร ก็จะเจอกับ ฝั่งผู้โดยสารภายในประเทศ
แล้วยังไงต่อล่ะนิเมื่อเดินมาแล้ว... ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ต่อเลยจ้าาาาาา เจ้าที่เอ๊ยเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปพิมพ์บุ๊คด้วยเครื่องได้เลยยย เครื่องไหนฟร่ะ? สายตาเลยเหลือไปเห็นตู้ที่มีลักษณะคล้ายตู้เกม เลยคิดว่าใช้จึงใส่รหัสในการสำรองที่นั่ง น่าตาตู้ก็เป็นแบบนี้แหละจ้า
เมื่อได้ตั๋วมาก็นั่งรอไปค่ะ มาถึงตั้งแต่ 8 โมงเครื่องขึ้น 10.30 น. เผื่อเวลาสุดๆเลย 5555
ที่พักคืนแรกพักที่ท่าแพคะ แต่จะไปที่พักยังไงนิ จะเริ่มที่ตรงไหนนิ ไปทางไหนนิ อ่านในพันทิปเค้ามีรถโดยสารประจำทางราคาถูกนิเป็นรถตู้ 40 บาทวิ่งจากสนามบินไปตัวเมือง ให้เดินออกจากประตูสนามบินเดินไปทางขวาจนสุดทาง เราก็เดินไปเลยค๊าาาา เดินไปปุ๊ปเจอรถตู้เลยสอบถามลุงที่นั่งแถวนั่น
ฉัน: ไปท่าแพมั้ยค่ะ
ลุง: เหมาไปหรอ 300 บาท
ฉัน: ไม่เหมาค๊าาา ที่ลุงติดป้ายไว้ไง 40 บาท
ลุง: อ่อ มันไม่มีแล้วไม่มีคน นี้เป็นรถเหมา ไปนั่งรถแดงประจำทางเอาน่ะโบกเอา
ฉัน: ขอบคุณค่ะ
สุปว่าต้องโบกรถแดงหน้าสนามบินแทน เดินไปเจอรถแดงเยอะมากกกก จะนั่งคันไหนดี ปรากฏมีลุงคนนึงมองมาและส่งสายตาเชิญชวน เลยรีบเข้าไปถาม "ไปท่าแพมั้ยคค่ะ" ลุงพยักหน้า เราเลยกำชับไปเลยจ้า 30 บาทน่ะลุง ลุงบอกคนล่ะ 40 เอาก็เอาว่ะ 555 เค้าว่ากันว่าจะขึ้นรถแดงให้บอกสถานที่ไป อย่าถามราคาไม่งั้นเขาจะรู้ว่าเราไม่รู้ราคาอาจจะโดนโกงหรือโดนเรียกาคาเหมาได้ แต่ไปในตัวเมืองไม่ควรเกิน 50 บาทน่ะจ๊ะ 40 นี้พอรับไป ไอโอเค 5555 ขอโทษน่ะค่ะที่ไม่ได้ถ่ายรูปรถแดงไว้ แต่คิดว่าถ้าเพื่อนๆไปเชียงใหม่ต้องเจอรถแดงในตำนานแน่ๆเพราะเหมือนกันหมดทุกคัน และมีเยอแยะมากมายในตัวเมือง 5555
และแล้วก็มาถึงที่พัก คืนแรกพักที่ กมลา เกสท์เฮาส์ ท่าแพ จองที่พักด้วยอโกด้า โดนไป 370 บาทมาสองคน คนล่ะ 170 บาทถือว่าโอเคเลยยยย แต่มีค่ามัดจำกุญแจ 500 บาท ซึ่งจะคืนตอนเช็คเอาท์ออกน่ะค่ะ
สภาพที่พักเตียงนอนสะอาดค่ะ แต่ไฟในห้องสว่างน้อยไปนิสนึง มีห้องน้ำในตัวค่ะ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ยาสระผม สบู่ ไดร์เป่าผม มีทีวีเคเบิ้ล ถือว่าโอเคกับราคาเท่านี้เลย ให้คะแนน 8/10 คะแนน
เมื่อท้องอิ่มก็พร้อมตลุยวัดในบริเวณท่าแพกันเลยยยย ซื่งขอบอกเลยน่ะค่ะว่าวัดในบริเวณประตูเมืองนี้มีเยอะมากกก ดูได้จากในแผนที่ แต่ก็ยังมีวัดอีกมากมายที่ไม่ปรากฏในแผนที่
พอทัวร์วัดรอบเมืองเสร็จ ก็กลับมาพักผ่อนกันก่อน เพื่อจะรอตลาดไนท์บาร์ซ่าเปิด ไนท์บาร์ซ่าจะเปิดประมาณทุ่มนึงจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งจากท่าแพสามารถเดินไปไนท์บาร์ซ่าได้ โดยระยะทางประมาณ 1 โลกว่าซึ่งถือว่าไม่ไกลมาก ก่อนถึงไนท์บาร์ซ่าจะมีตลาดวโรรส ตลาดวโรรสจะอารมณ์เหมือนตลาดทั่วๆไปมีของขายของกินราคาถูกอารมณ์เหมือนตลาดใหน้างานวัดนั่นแหละคะ
ภาพที่เห็นเป็นส่วนนึงของตลาดไนท์บาร์ซ่าน่ะค่ะ ซึ่งไนท์บาร์ซ่าจริงๆมีหลายตรอกซอกซอยมากกกก แต่ของขายส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกันเป็นของพื้นเมืองของฝาก และงานศิลปะ ถูกใจชาวต่างชาติ ส่วนใครที่ชอบงานศิลป์ของพื้นบ้านเชิญมาที่ตลาดไนท์บาร์ซ่ากันเลยค่าาาา ไม่ควรพลาดดดเป็นอันขาดดดด
DAY 2
วันนี้เราเช็คเอาท์จาก กมลา เกสท์เฮ้าส์ เวลา 08.00 น. และเดินทางโดยจักรยานไปพักกันที่ จูเนียร์ เฮาส์ ในราคา 300 บาท ใกล้ขนส่งช้างเผือก และคิวรถสองแถวไปดอยสุเทพแถวประตูช้างเผือก ทางจูเนียร์เฮาส์ให้เข้าพักในเวลา 14.00 น. เราเลยฝากสัมภาระ และออกไปคืนจักรยานกับทางร้านลุง
ระหว่างทางเลยหาร้านอาหารกินข้าวเช้า ไปเจอร้านอาหารตามสั่ง เลยสั่งกระเพราปลาหมึกไข่ดาว และข้าวกระเทียมหมูไข่ดาวพิเศษ โค้ก 1 ขวดน้ำแข็งเปล่า 2 ทั้งหมดนี้สนนราคาเพียง 110 บาท แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปร้านมา แต่ที่เขียนเพื่อยืนยันว่าอาหารที่เชียงใหม่อร่อยถูกคุ้มราคาแน่นอนนนนนนค่าาาา
วันที่สองเราวางแผนกันว่าจะไปเที่ยวดอยสุเทพกัน โดยไปขึ้นรถจากประตูช้างเผือก โดยไป-กลับดอยสุเทพในราคา 80 บาท แต่พอดีว่ามีนักท่องเที่ยวขึ้นพระตำหนักภูพิงค์ เราเลยติดสอยห้อยตามๆขึ้นไป ไปกลับในราคา 160 บาท
ซึ่งพอขึ้นไปถึงพระตำหนักภูพิงค์แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆเพราะอากาศข้างบนเย็นกว่าข้างล่าง อากาศประมาณยี่สิบกว่าๆองศา พร้อมวิวธรรมชาติและดอกไม้นานาพรรณที่ออกดอกสวยงามหลายหลายสีสัน ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มทั่วบริเวณถ้าจะบรรยายเป็นคำพูดคงไม่หมดงั้นไปดูภาพกันเลยจ้าาาาาา
ภาพบรรยากาศวัดพระธาตุดอยสุเทพก็งดงามไม่แพ้กัน
เมื่อกลับมาที่พักเราก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่จูเนียร์เฮาส์ ซึ่งสภาพห้องก็ถือว่าโอเคกับราคา 300 บาท ไปสองคนก็ตกคนล่ะ 150 บาท ห้องกลางเก่ากลางใหม่ มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องค่อนข้างเหม็นอับ พระลมเพดานเสียคะเลยร้อนไปหน่อย แต่ดีที่มีพัดลมตั้งโต๊ะมาหนึ่งตัว แต่คนที่ดูแลที่พักอัธยาศัยดีค่ะ แนะนำที่ท่องเที่ยวได้ค่อนข้างดี ยิ้มแย้มแจ่มใสให้การต้อนรับดีมากกกก เอาคะแนนไป 7 คะแนน
DAY 3
อาหารเช้าของเราในวันนี้ก็เป็นขนมปังเซเว่นพร้อมนมและน้ำเปล่า ราคา 40 บาท เสร็จเราจะไปตะลุยดอยอินทนนท์กัน ซึ่งมากันสองคนและไม่ใช่ช่วงเทศกาลเลยปรึกษากันว่าจะนั่งรถบัสไปลงพระธาตุศรีจอมทอง และหาสองแถวต่อไปดอยอินทนนท์กันดีมั้ย เพราะอยากจะไปแม่กิ่วปาน พอสอบถามรถสองแถวปรากฏแม่กิ่วปานเปิดเดือนพฤศจิกายนจ้าาาาาา แห้วเบยยย เลยถามราคาเหมารถสองแถวเที่ยวดอยอินทนนท์ ปรากฏก็สู้ราคาไม่ไหวค่ะ เลยค้นหาทัวร์ราคาถูกกันดูก่อน ปรากฏไปเจอทัวร์ของ เชียงใหม่ ดี.ดี.ทัวร์
ข้อมูลทัวร์ http://www.tawanclub.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1450823
ซึ่งทัวร์ดอยอินทนนท์นี้ตกคนล่ะ 700 บาทชาวไทยน่ะค่ะ อาหารกลางวันเสร็จสรรพ มารับ-ส่งถึงโรงแรมที่พัก
ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเลยทีเดียว โดยรถตู้จะมารับ 08.00-08.30 น. ตามจุดที่เรานัดหมาย และส่งถึงที่พักในเวลาเย็น 17.30 น.
สถานที่ในทริป
- น้ำตกวชิรธาร
- จุดสูงสุดแดนสยาม
- พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ
- ตลาดชาวเขา
- หมู่บ้านชาวเขา
- น้ำตกสิริธาร
เรามาชมภาพบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวกันเลยดีกว่า
เริ่มต้นด้วยที่แรกน้ำตกวชิรธาร ซึ่งเป็นน้ำตกที่ธรรมชาติและสวยงามมมากค่ะ ทัวร์ให้เวลาแวะครึ่งชั่วโมงเพราะสถานที่ไม่กว้างมาก
ที่ต่อไปคือ จุดสูงสุดของประเทศไทย ซึ่งพอมาถึง ณ จุดๆนี้ต้องบอกเลยว่าอากาศค่อนข้างต่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เลยทีเดียว ซึ่งอากาศบนนี้เหลือเพียง 19 องศา และบรรยากาศที่เขียวชอุ่มชุ่มชื่นมากๆ โดยมองรวมๆแล้วมีสเน่ห์เหลือเกินอยากจะอยู่ที่นี้ไม่อยากลับกรุงเทพฯแล้ววววววว 555
ทางเข้าน้ำตกร่มรื่นสวยงามเลยทีเดียว
นี้คือพาหนะที่พาเราตะลุยดอยอินทนนท์
DAY 4
เช้าวันที่สี่ ก็เตรียมตัวเก็บของเก็บกระเป๋าเช็คเอาท์ออกจากที่พักเวลา 11.00 น. พอดีเสียพลังงานจากการเที่ยวไปเยอะเลยนอนชาร์ตแบตเต็มที่และเพื่อประหยัดอาหารเช้า 55555 โดยรู้ว่าทางไปสนามบินมีวัดสวนดอกอยู่เลยวางแผนไปวัดสวนดอกโดยการเดินไปคะ ค่อนข้างไกลเลยทีเดียว 555 กะเดินไปพักระหว่างทางคะ เที่ยวบินออกตอน 14.30 น. เลยวางใจชิลๆไปเก๋ไก๋ไปอีกแบบ
แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ พอออกจากที่พักเลยเดินออกไปหากินกัน โดยไปสะดุดกับร้าน สุดยอด@นิมมาน
มาดูกันว่าจะสุดยอดสมชื่อหรือเปล่า https://www.facebook.com/BahmiSubKraduknimman/
โดยเมนูที่สั่งมี ต้มแซ่บกระดูกหมู กับ ยำไข่ ข้าวเปล่าสองจาก
จากนั่นก็เดินทางไปวัดสวนดอกกันเล้ยยยยยยยย การเดินทางก็เปิด GPS จากโทรศัพท์แล้วใช้สองขาเนี้ยแหละคะเดินไป
ระหว่างทางมีวิวสวยให้ชมกันนนน สวยจริงๆน่ะเธอเชียงใหม่เนี่ยยยยย
สุดท้ายนี้บัยบายเชียงใหม่ ประทับใจไม่มีวันลืมจริงค่ะ ฉันรักเชียงใหม่ ^ ^ ไว้มีโอกาสจะมาอีกแน่นอนนนนนน
สรุปที่เที่ยว 4 วัน 3 คืน
- วัดแถวประตูท่าแพและข้างเคียง
- พระตำหนักภูพิงค์
- วัดพระธาตุดอยสุเทพ
- ที่เที่ยวดอยอินทนนท์
- นิมมาน
- วัดสวนดอก
วันแรก
- ค่าที่พักคืนแรกที่ กมลา เกรสเฮาส์ 370 บาท ตกคนล่ะ 185 บาท
- ค่าอาหารกลางวัน เกาเหลาหมู ข้าวเปล่าสอง 50 บาท คนล่ะ 25 บาท
- ค่าเช่าจักรยาน 50 บาท/คน
- ค่าของกินเล่น ขนมจีบปู กับส้มตำ 70 บาท คนล่ะ 35 บาท
- ค่าอาหารเย็น 50 บาท/คน
รวมวันแรกตกคนล่ะ 345 บาท
วันที่สอง
- ค่าที่พักคืนที่สองที่จูเนียร์ เฮาส์ 300 บาท ตกคนล่ะ 150 บาท
- ค่าอาหารเช้าคนล่ะ 50 บาท
- ค่ารถขึ้นพระตำหนัก + ดอยอินทนนท์ คนล่ะ 160 บาท
- ค่าอาหารกลางวัน 50 บาท/คน
- ค่าอาหารเย็น 60 บาท/คน
รวมวันที่สองตกคนล่ะ 470 บาท
วันที่สาม
- ค่าอาหารเช้า 40 บาท/คน ขนมปังเซเว่น
- ค่าขึ้นดอยอินทนนท์ซื้อทัวร์ 700 บาทรวมอาหารกลางวัน
- ค่าที่พักที่ Sleepyoho 450 บาท ตกคนล่ะ 225 บาท
- ค่าอาหารเย็น 60 บาท/คน
รวมวันที่สามตกคนล่ะ 1,025 บาท
วันที่สี่
- ค่าอาหารกลางวัน 95 บาท คนล่ะ 50 บาท
- ค่าแท็กซี่ไปสนามบิน 17 บาท
รวมวันที่สี่ 67 บาท
ค่าเครื่องไปกลับคนล่ะ 480 บาท จองโปรกับแอร์เอเชียร์ จองเมื่อปีที่แล้ว
รวมค่าใช้จ่าย/คน ทั้งหมด 2,427 บาท 4 วัน 3 คืน ถ้าไม่นับค่าเครื่องก็มีคากินค่าใช้เพิ่มขึ้นจ้าาาาา