ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
Frist Time@Chiang Mai ความประทับใจไม่รู้ลืม ท่าแพ เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    Jutatip •  กรกฎาคม 04 , 2560

    เที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกของคนไม่มีรถส่วนตัว กับงบ 2500 บาท

    เพิ่งเขียนรีวิวเป็นครั้งแรกน่ะคะ หากผิดพลาดแต่ประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่ด้วยน่ะคะ แหะๆ ส่วนใครชอบกระทู้แบบไม่เวิ่นเว่อต้องขอประทานอภัยให้ท่ายกดข้ามไปได้เลยค่ะ หรือจะกดปิดไปก็แล้วแต่ใจเลยน่ะคะ 5555

    ที่มามาของการเที่ยวครั้งนี้ คือการอยากพักผ่อนย่อนใจหลังเรียนจบและเจอกับโปรเจคที่แสนหนักหนาสาหัส และมีตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชีย ที่จองด้วยโปรราคาแสนถูกไปกลับไม่เกิน 500 บาท แหมะจะรอไรล่ะคะ กายพร้อมใจพร้อมก็ไปกันเลยยยยย แต่เดี๋ยวววน่ะ มีตังค์ทั้งตัวแค่ 2500 อยู่ 4 วัน 3 คืนจะรอดมั้ยนิ...

    DAY 1

    เริ่มต้นทริป โดยการนั่งรถเมล์ รถเมล์สาย A2 จากจัตุจักรไปสนามบินดอนเมือง และด้วยความที่บ้านนอกแท้เลยจ้า เพิ่งขึ้นเครื่องจากดอนเมืองครั้งแรก แล้วรถเมล์ไปส่งฝั่งเดินทางออกนอกประเทศ งง เลยจ้าต้องทำไงต่อ เลยไปสอบถามเจ้าหน้าที่ เจ้าที่บอกให้เดินไปทางฝั่งขวาของอาคาร ก็จะเจอกับ ฝั่งผู้โดยสารภายในประเทศ

    แล้วยังไงต่อล่ะนิเมื่อเดินมาแล้ว... ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ต่อเลยจ้าาาาาา เจ้าที่เอ๊ยเจ้าหน้าที่บอกว่าให้ไปพิมพ์บุ๊คด้วยเครื่องได้เลยยย เครื่องไหนฟร่ะ? สายตาเลยเหลือไปเห็นตู้ที่มีลักษณะคล้ายตู้เกม เลยคิดว่าใช้จึงใส่รหัสในการสำรองที่นั่ง น่าตาตู้ก็เป็นแบบนี้แหละจ้า 

    จากนั่นเราก็ได้ตั๋วมา เลยเดินเข้าไปรอในเกตเลยดีกว่าาาาาา หมายเลขเกตในดูตรง Gate No. น่ะคะสำหรับคนขึ้นเครื่องครั้งแรก

    เมื่อได้ตั๋วมาก็นั่งรอไปค่ะ มาถึงตั้งแต่ 8 โมงเครื่องขึ้น 10.30 น. เผื่อเวลาสุดๆเลย 5555

    หลังจากนั่งรอจนแทบจะหลับ ก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับเสียงประกาศเรียกชื่อ ขอเชิญคุณ....โดยด่วนค่ะ แทบกริ๊ดค่ะคือความรู้สึกเหมือนโดนเรียกชื่อหน้าเสาธง คือความจริงเขาให้ไปรอก่อนเวลาขึ้นเครื่องที่หน้าเกตน่ะคะ ไอเราขึ้นรั้งแรกกันไง เอ๋อเลยยย แต่ในที่สุดก็ได้ขึ้นเครื่องเป็นผู้โชคดีสองคนสุดท้าย 555555 จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ก็ใช้เวลาไม่เกิน ชั่วโมงครึ่ง เรียกว่าตดไว้บนเครื่องยังไม่ทันหายเหม็นก็ถึงแล้วค่ะความรู้สึกเหมือนนั่งรถจากอนุเสาวรีย์มาพระรามสองยังไงยังงั้นเลย 5555 นั่นไงเห็น เธอเห็นภูเขานั่นมั้ย ฉันเก็บเอาไว้ให้เธออออออออ ฮัมเพลงที่เกิดไม่ทันเบาๆ 555 แหมะก็คนมันตื่นเต้นนิคะ นานๆทีจะเห็นภูเขาเขียวๆสักครั้งแถมเป็นการขึ้นเครื่องด้วยตัวเองครั้งแรก แถมด้วยการมาเชียงใหม่ครั้งแรกโอ้ยบอกไม่ถูกเลยคุณขาาาาา ภูเขาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อร๊ายยยยยยยยยยย แล้วไงต่อ.....

    ที่พักคืนแรกพักที่ท่าแพคะ แต่จะไปที่พักยังไงนิ จะเริ่มที่ตรงไหนนิ ไปทางไหนนิ อ่านในพันทิปเค้ามีรถโดยสารประจำทางราคาถูกนิเป็นรถตู้ 40 บาทวิ่งจากสนามบินไปตัวเมือง ให้เดินออกจากประตูสนามบินเดินไปทางขวาจนสุดทาง เราก็เดินไปเลยค๊าาาา เดินไปปุ๊ปเจอรถตู้เลยสอบถามลุงที่นั่งแถวนั่น 

    ฉัน: ไปท่าแพมั้ยค่ะ 

    ลุง: เหมาไปหรอ 300 บาท

    ฉัน: ไม่เหมาค๊าาา ที่ลุงติดป้ายไว้ไง 40 บาท

    ลุง: อ่อ มันไม่มีแล้วไม่มีคน นี้เป็นรถเหมา ไปนั่งรถแดงประจำทางเอาน่ะโบกเอา

    ฉัน: ขอบคุณค่ะ

    สุปว่าต้องโบกรถแดงหน้าสนามบินแทน เดินไปเจอรถแดงเยอะมากกกก จะนั่งคันไหนดี ปรากฏมีลุงคนนึงมองมาและส่งสายตาเชิญชวน เลยรีบเข้าไปถาม "ไปท่าแพมั้ยคค่ะ" ลุงพยักหน้า เราเลยกำชับไปเลยจ้า 30 บาทน่ะลุง ลุงบอกคนล่ะ 40 เอาก็เอาว่ะ 555  เค้าว่ากันว่าจะขึ้นรถแดงให้บอกสถานที่ไป อย่าถามราคาไม่งั้นเขาจะรู้ว่าเราไม่รู้ราคาอาจจะโดนโกงหรือโดนเรียกาคาเหมาได้ แต่ไปในตัวเมืองไม่ควรเกิน 50 บาทน่ะจ๊ะ 40 นี้พอรับไป ไอโอเค 5555 ขอโทษน่ะค่ะที่ไม่ได้ถ่ายรูปรถแดงไว้ แต่คิดว่าถ้าเพื่อนๆไปเชียงใหม่ต้องเจอรถแดงในตำนานแน่ๆเพราะเหมือนกันหมดทุกคัน และมีเยอแยะมากมายในตัวเมือง 5555

    และแล้วก็มาถึงที่พัก คืนแรกพักที่ กมลา เกสท์เฮาส์ ท่าแพ จองที่พักด้วยอโกด้า โดนไป 370 บาทมาสองคน คนล่ะ 170 บาทถือว่าโอเคเลยยยย แต่มีค่ามัดจำกุญแจ 500 บาท ซึ่งจะคืนตอนเช็คเอาท์ออกน่ะค่ะ

    สภาพที่พักเตียงนอนสะอาดค่ะ แต่ไฟในห้องสว่างน้อยไปนิสนึง  มีห้องน้ำในตัวค่ะ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ยาสระผม สบู่ ไดร์เป่าผม มีทีวีเคเบิ้ล ถือว่าโอเคกับราคาเท่านี้เลย ให้คะแนน 8/10 คะแนน

    มาถึงที่พักก็เที่ยงพอดี ท้องก็ร้องสิค่ะ ต่อไปก็ต้องไปหาที่กินกัน เลยเดินออกจากที่พักค่ะเดินไปตามทาเรื่อยเจอร้านก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมู เป็นร้านข้างทาง กลิ่นนี้หอมโชยยยมาแต่ไกล เลยตรงเค้าไปสั่งเลยคะ เอาเกาเหลาหมู ข้าวเปล่าสองค่ะ นี้คือสภาพเกาเหลาหมูค่ะ ที่เห็นพริกแดงๆนี้ปรุงเพิ่มน่ะคะ เอาให้แซบเลยทีเดียว รสชาติถือว่าโอเคเลยน่ะคะรสชาติกลางๆพอปรุงแล้วอร่อยแซบเลย ทั้งหมดนี้สนนราคาเพียง 50 บาท ขอย้ำเกาเหลาเต็มอิ่มข้าวเปล่าสองถ้วย 50 บาทเท่านั่น!!! ให้คะแนนไปเลยค่ะ 8/10 พิกัดร้านอยู่ ถนนราชวิถี หน้าปากซอยติดกับถนนใหญ่มีธนาคารไทยพาณิชย์ ร้านอยู่ตรงข้ามวัดดอกเอื้องเดินเลยวัดดอกเอื้องไป 50 เมตร ก็จะถึงร้านแล้วค่ะ

    เมื่อท้องอิ่มก็พร้อมตลุยวัดในบริเวณท่าแพกันเลยยยย ซื่งขอบอกเลยน่ะค่ะว่าวัดในบริเวณประตูเมืองนี้มีเยอะมากกก  ดูได้จากในแผนที่ แต่ก็ยังมีวัดอีกมากมายที่ไม่ปรากฏในแผนที่ 

    ซึ่งพาหนะที่เราใช้ตะลุยวัดในครั้งนี้นั่นก็คือจักรยานนั่นเอง ซึ่งเช่ามาในราคา 50 บาทขับได้ทั้งวันเลยค่ะ ซึ่งตอนที่เช่า เช่าในตอนบ่าย คุณลุงบอกว่าสามารถนำมาคืนพรุ่งนี้ได้ เพราะถ้าคืนวันที่เช่าจะยังไม่ครบ 24 ชม. ค่ามัดจำ 1,000 เช่า 2 คันจ่ายไปทั้งหมด 1,100 ถ้านำจักรยานมาคืนลุงก็จะคืนค่ามัดจำให้ทันทีเลยค่ะ ร้านลุงชื่อร้าน Mr.Beer รถเช่าซึ่งอยู่เลยร้านก่วยเตี๋ยวไปหน่อยนึงคุณลุงน่ารักใจดีค่ะ นี้เป็นภาพร้านลุงจากกูเกิ้ลแมพค่ะ แหะๆ  นี้เป็นโฉมหน้าของจักยานคู่ใจไปไหนไปกันค่าาาาาาาา  ^ ^  งั้นก็เริ่มตะลุยวัดไปด้วยกันเลยยย ต้องบอกมาน่ะที่นี้น่ะค่ะว่าทุกวัดไปง่ายไม่มั่นใจให้เปิดกูเกิ้ลแมพ แต่ไม่ต้องกลัวค่ะเพราะวัดที่นี้จะอยู่ติดๆกัน ถือว่าขับจักรยานทัวร์ได้สบายๆ มีรูปวัดมาให้ชมกัน แต่อาจจะไม่ได้แนะนำวัดกับชื่อวัดน่ะค่ะเพราะว่ามีเยอะมากเลยเก็บข้อมูลมาไม่ครบถ้วน ภาพอาจจะสีสันต่างกนหน่อยน่ะคะเพราะถ่ายด้วยกล้อง Dslr กับกล้องโทรศัพท์ Huawei GR5 Premium นี้เป็นวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสวยงามมากกก ถ้าเพื่อนๆไปเที่ยวเชียงใหม่ไม่ควรพลาดวัดนี้ด้วยน่ะคะ นี้เป็นศาลหลักเมืองที่ตั้งอยู่ในวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ผู้หญิงห้ามเข้าน่ะคะ ส่วนคุณผู้ชายสามารถเข้าได้แต่ต้องกายสุภาพเรียบร้อยเพื่อเป็นการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองคะ วัดสุดท้ายที่จะแวะกันคือวัด พระสิงห์ค่ะ

    พอทัวร์วัดรอบเมืองเสร็จ ก็กลับมาพักผ่อนกันก่อน เพื่อจะรอตลาดไนท์บาร์ซ่าเปิด ไนท์บาร์ซ่าจะเปิดประมาณทุ่มนึงจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งจากท่าแพสามารถเดินไปไนท์บาร์ซ่าได้ โดยระยะทางประมาณ 1 โลกว่าซึ่งถือว่าไม่ไกลมาก ก่อนถึงไนท์บาร์ซ่าจะมีตลาดวโรรส ตลาดวโรรสจะอารมณ์เหมือนตลาดทั่วๆไปมีของขายของกินราคาถูกอารมณ์เหมือนตลาดใหน้างานวัดนั่นแหละคะ

    ภาพที่เห็นเป็นส่วนนึงของตลาดไนท์บาร์ซ่าน่ะค่ะ ซึ่งไนท์บาร์ซ่าจริงๆมีหลายตรอกซอกซอยมากกกก แต่ของขายส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกันเป็นของพื้นเมืองของฝาก และงานศิลปะ ถูกใจชาวต่างชาติ ส่วนใครที่ชอบงานศิลป์ของพื้นบ้านเชิญมาที่ตลาดไนท์บาร์ซ่ากันเลยค่าาาา ไม่ควรพลาดดดเป็นอันขาดดดด

    พอเดินตลาดไนท์บาร์ซ่ากันเสร็จอาหารมื้อเที่ยงก็เริ่มย่อย ระหว่างทางเดินกลับที่พักเลยแวะเติมอาหารกันเสียก่อนเพื่อเพิ่มพลังงานในการเดินทางกลับที่พัก ซึ่งอาหารมื้อเย็นในวันนี้ก็เป็นก๋วยเตี๋ยวบะหมี่หมู น้ำซุปแสนอร่อย สนนราคาเพียง 40 บาทในปริมาณอิ่มท้องแถมสบายกระเป๋ากันเลยทีเดียว จากนั่นก็กลับที่พักพักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อไปลุยกันต่อในวันพรุ่งนี้เลยค่าาาาาาา ส่วนใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะพักท่าแพดีมั้ย? บอกเลยว่าพักที่ท่าแพคุ้มค่ามากกกกกกก ที่เที่ยววัดวาอารามสวยงามอร่ามตาของกินที่พักราคาถูก แถมวันเสาร์อาทิตย์มีถนนคนเดิน แต่ช่วงที่ไปเป็นวันธรรมดา แต่ท่าแพก็ยังคงเป็นที่พักที่ดีมากจริงๆน่ะเธอว์

    DAY 2 

    วันนี้เราเช็คเอาท์จาก กมลา เกสท์เฮ้าส์ เวลา 08.00 น. และเดินทางโดยจักรยานไปพักกันที่ จูเนียร์ เฮาส์ ในราคา 300 บาท ใกล้ขนส่งช้างเผือก และคิวรถสองแถวไปดอยสุเทพแถวประตูช้างเผือก  ทางจูเนียร์เฮาส์ให้เข้าพักในเวลา 14.00 น. เราเลยฝากสัมภาระ และออกไปคืนจักรยานกับทางร้านลุง

    ระหว่างทางเลยหาร้านอาหารกินข้าวเช้า ไปเจอร้านอาหารตามสั่ง เลยสั่งกระเพราปลาหมึกไข่ดาว และข้าวกระเทียมหมูไข่ดาวพิเศษ โค้ก 1 ขวดน้ำแข็งเปล่า 2 ทั้งหมดนี้สนนราคาเพียง 110 บาท แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปร้านมา แต่ที่เขียนเพื่อยืนยันว่าอาหารที่เชียงใหม่อร่อยถูกคุ้มราคาแน่นอนนนนนนค่าาาา

    วันที่สองเราวางแผนกันว่าจะไปเที่ยวดอยสุเทพกัน โดยไปขึ้นรถจากประตูช้างเผือก โดยไป-กลับดอยสุเทพในราคา 80 บาท แต่พอดีว่ามีนักท่องเที่ยวขึ้นพระตำหนักภูพิงค์ เราเลยติดสอยห้อยตามๆขึ้นไป ไปกลับในราคา 160 บาท

    ซึ่งพอขึ้นไปถึงพระตำหนักภูพิงค์แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆเพราะอากาศข้างบนเย็นกว่าข้างล่าง อากาศประมาณยี่สิบกว่าๆองศา พร้อมวิวธรรมชาติและดอกไม้นานาพรรณที่ออกดอกสวยงามหลายหลายสีสัน ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มทั่วบริเวณถ้าจะบรรยายเป็นคำพูดคงไม่หมดงั้นไปดูภาพกันเลยจ้าาาาาา

    รถสองแถวจาแวะตำหนักภูพิงค์ 1 ชม.และลงไปต่อที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ และปล่อยให้แวะอีก 1 ชม.ครึ่งจากนั่นจะพาเรามุ่งหน้าสู่ประตูช้างเผือกที่เราขึ้นรถมานั่นเองจ้าาาาาาา แต่การขึ้นลงรถไปเที่ยวทุกครั้งควรจำป้ายทะเบียนรถหรือหน้าคนขับให้ดี เพื่อเวลาที่เรากลับมาขึ้นรถจะได้นั่งรถคันเดิมในกรณีที่เราจ่ายแบบเที่ยวไป-กลับน่ะจ๊ะ

    ภาพบรรยากาศวัดพระธาตุดอยสุเทพก็งดงามไม่แพ้กัน

    พอแวะดอยสุเทพเสร็จก็รู้สึกเมื่อล้า บวกกับเป็นเวลาเที่ยงพอดี เลยคิดว่าควรจะหาอะไรแวะเติมพลังกันซักหน่อย เลยเดินหาร้านอาหารแถวๆตลาด ก็ได้มาลงเอยกับร้านข้าวซอย เลยสั่งข้าวซอยกับหนมจีนน้ำเงี้ยว รสชาติของข้าวซอยอร่อยใช่ได้ แต่ขนมจีนน้ำเงี้ยวจืดไปนิสนึงแต่โดยรวมถือว่าโอเค เอาคะแนนไป 7.5 คะแนน ราคาก็จานล่ะ 40-50 บาท ถือว่าไม่ถูกไม่แพงแถมอิ่มท้องกับปริมาณจุใจด้วยจ้า หลังจากอิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจกับที่เที่ยวและอาหารแล้ว เราก็เดินไปขึ้นรถเพื่อกลับไปประตูช้างเผือกเพื่อเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนซึ่งทริปในวันนี้ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเพียง 160 บาทค่าพาหนะ ถือว่าประทับใจมาก ให้คะแนนกับเที่ยวดอยสุเทพไปเลย 10/10 กันเลยจ้าาาาาา

     

    เมื่อกลับมาที่พักเราก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่จูเนียร์เฮาส์ ซึ่งสภาพห้องก็ถือว่าโอเคกับราคา 300 บาท ไปสองคนก็ตกคนล่ะ 150 บาท ห้องกลางเก่ากลางใหม่ มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องค่อนข้างเหม็นอับ พระลมเพดานเสียคะเลยร้อนไปหน่อย แต่ดีที่มีพัดลมตั้งโต๊ะมาหนึ่งตัว แต่คนที่ดูแลที่พักอัธยาศัยดีค่ะ แนะนำที่ท่องเที่ยวได้ค่อนข้างดี ยิ้มแย้มแจ่มใสให้การต้อนรับดีมากกกก เอาคะแนนไป 7 คะแนน

    พอถึงที่พักก็ได้เวลาพักผ่อน เพื่อชาร์ตแบตไปลุยกันต่อที่ดอยอินทนนท์ในวันพรุ่งนี้เลยจ้าาาาาาาา

     

    DAY 3

    อาหารเช้าของเราในวันนี้ก็เป็นขนมปังเซเว่นพร้อมนมและน้ำเปล่า ราคา 40 บาท เสร็จเราจะไปตะลุยดอยอินทนนท์กัน ซึ่งมากันสองคนและไม่ใช่ช่วงเทศกาลเลยปรึกษากันว่าจะนั่งรถบัสไปลงพระธาตุศรีจอมทอง และหาสองแถวต่อไปดอยอินทนนท์กันดีมั้ย เพราะอยากจะไปแม่กิ่วปาน พอสอบถามรถสองแถวปรากฏแม่กิ่วปานเปิดเดือนพฤศจิกายนจ้าาาาาา แห้วเบยยย เลยถามราคาเหมารถสองแถวเที่ยวดอยอินทนนท์ ปรากฏก็สู้ราคาไม่ไหวค่ะ เลยค้นหาทัวร์ราคาถูกกันดูก่อน ปรากฏไปเจอทัวร์ของ เชียงใหม่ ดี.ดี.ทัวร์ 

    ข้อมูลทัวร์  http://www.tawanclub.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1450823

    ซึ่งทัวร์ดอยอินทนนท์นี้ตกคนล่ะ 700 บาทชาวไทยน่ะค่ะ อาหารกลางวันเสร็จสรรพ มารับ-ส่งถึงโรงแรมที่พัก

    ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเลยทีเดียว โดยรถตู้จะมารับ 08.00-08.30 น. ตามจุดที่เรานัดหมาย และส่งถึงที่พักในเวลาเย็น 17.30 น.

    สถานที่ในทริป

    • น้ำตกวชิรธาร
    • จุดสูงสุดแดนสยาม
    • พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ
    • ตลาดชาวเขา
    • หมู่บ้านชาวเขา
    • น้ำตกสิริธาร

    เรามาชมภาพบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวกันเลยดีกว่า

    เริ่มต้นด้วยที่แรกน้ำตกวชิรธาร ซึ่งเป็นน้ำตกที่ธรรมชาติและสวยงามมมากค่ะ ทัวร์ให้เวลาแวะครึ่งชั่วโมงเพราะสถานที่ไม่กว้างมาก 

    ที่ต่อไปคือ จุดสูงสุดของประเทศไทย ​ซึ่งพอมาถึง ณ จุดๆนี้ต้องบอกเลยว่าอากาศค่อนข้างต่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เลยทีเดียว ซึ่งอากาศบนนี้เหลือเพียง 19 องศา และบรรยากาศที่เขียวชอุ่มชุ่มชื่นมากๆ โดยมองรวมๆแล้วมีสเน่ห์เหลือเกินอยากจะอยู่ที่นี้ไม่อยากลับกรุงเทพฯแล้ววววววว 555

    ภายในมีหมุดจริงที่บอกจุดสูงสุดปรเทศไทยอยู่ค่ะ
    สถานีต่อไปคือ พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ แลนด์มาร์กของดอยอินทนนท์ ซื่งเป็นสถานที่ที่สวยงามมากกกกกก ปกคลุมด้วยทะเลยหมอกก พอเไปถึงแล้วบอกได้เลยว่าหนาววมากกกสวยมากกกกก ที่นี้คือประเทศไทยจริงๆหรือออ ประทับใจสุดๆไปเลยค้าาาาาาา ต่อไปก็พักทานอหารกลางวันซึ่งรวมอยู่ในทริปไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจ้าาาาาา ซึ่งอาหารมื้อนี้ก็ถือว่าเด็ดมากกกกก ได้ร่วมโต๊ะกับชาวต่างชาติด้วย เขามาจากฝรั่งเศษ น่ารักดีค่ะ สถานีต่อไปน้ำตกสิริธาร เป็นน้ำตกที่มีความเป็นธรรมชาติมากรอบข้างเต็มไปด้วยป่าไม้สวยงาม และเต็มไปด้วยน้องหนอนบุ้งเต็มต้นไม้เลยยยยยย

    ทางเข้าน้ำตกร่มรื่นสวยงามเลยทีเดียว

    สถานีต่อไปคือหมู่บ้านชาวเขาจ้าาาาา เมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นนาขั้นบันได ตอนนี้เหลือแต่ขั้นบันไดแล้วคะ 5555 แต่ก็ยังคงความสวยงามธรรมชาติไว้ให้เห็นอยู่น่ะคะ พอจบสถานที่นี้ก็ถือว่าสิ้นสุดทริป ต้องขอขอบคุณ เชียงใหม่ ดี.ดี. ทัวร์ ทัวร์คุ้มค่าคุ้มราคา พี่คนขับกับพี่ไกด์น่ารักมากกกกกก ไม่ได้ค่านายหน้าน่ะค่ะ แต่ของเค้าดีจริงเลยอยากบอกต่อค่ะ

    นี้คือพาหนะที่พาเราตะลุยดอยอินทนนท์

    สิ้นสุดทริปดอยอินทนนท์  คืนนี้เรามาพักกันที่นิมมาน ที่ Sleepyoho โดยที่พักที่จองไว้ใน Booking.com ราคา 450 บาทสองคนก็ตกคนล่ะ 225 บาท ที่พักบรรยากาศน่ารัก ตกแต่งสวยงามและห้องดูสะอาดสะอ้านสิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน มีแอร์ ไดร์เป่าผม ทีวีแอลซีดี อยู่ย่านนิมมานสะดวกสบาย แต่เสียอย่างไม่มีห้องน้ำในตัวค่ะเป็นห้องน้ำรวม ให้คะแนนที่พักไปเลยค่ะ 9/10 คะแนน พอเข้าที่พักเสร็จก็ออกเดินทัวร์นิมมาน สถานที่ในนิมมานส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารน่านั่งแต่เราเน้นประหยัด เลยแวะกินร้านข้างทางไป เสร็จแล้วก็ไปเดินต่อที่ห้างมายานิมมาน จากนั่นก็เข้าที่พัก พักผ่อนย่อนใจเพื่อเตรียมตัวกลับในวันพรุ่งนี้คะ

    DAY 4

    เช้าวันที่สี่ ก็เตรียมตัวเก็บของเก็บกระเป๋าเช็คเอาท์ออกจากที่พักเวลา 11.00 น. พอดีเสียพลังงานจากการเที่ยวไปเยอะเลยนอนชาร์ตแบตเต็มที่และเพื่อประหยัดอาหารเช้า 55555 โดยรู้ว่าทางไปสนามบินมีวัดสวนดอกอยู่เลยวางแผนไปวัดสวนดอกโดยการเดินไปคะ ค่อนข้างไกลเลยทีเดียว 555 กะเดินไปพักระหว่างทางคะ เที่ยวบินออกตอน 14.30 น. เลยวางใจชิลๆไปเก๋ไก๋ไปอีกแบบ

    แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ พอออกจากที่พักเลยเดินออกไปหากินกัน โดยไปสะดุดกับร้าน สุดยอด@นิมมาน

    มาดูกันว่าจะสุดยอดสมชื่อหรือเปล่า https://www.facebook.com/BahmiSubKraduknimman/

    โดยเมนูที่สั่งมี ต้มแซ่บกระดูกหมู กับ ยำไข่ ข้าวเปล่าสองจาก

    ซึ่งกับข้าวมาพร้อมมมมมม ป๊าดดดดไรมันจะจานใหญ่น่ากินขนาดนี้ กลิ่นก็ห้อมหอม เอ๊ดูจากรูปจะอร่อยรึเปล่า ต้องลองชิมกันเลยดีกว่าาาาา ม่ะเริ่มมม พอตักน้ำซุปต้มแซ่บเข้าปากเท่านั่นแหละ โอ้ยยยยยยยย มันอร่อยมากเลยค่ะคุณผู้โชมมมมม มันกลมกล่อมอย่างบอกไม่ถูก อร่อยนุ่มลิ้นมากกก รสชาติคือลงตัวสุดๆ เป้นต้มแซ่บที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาเลย ไม่ได้อวยน่ะคะ อยากให้มาลองกัน เมนูต่อไปคือยำไข่ค่ะ ยำไข่นี้รสชาติเด็ดไม่แพ้กัน แซ่บมากกก กลมกล่อมนุ่มลิ้นอีกเช่นเคยยย รสมาครบตามสเต็ปยำขอบอกว่าสุดยอดมากทั้งสองเมนู อยากให้ทุกคนไปลิ้มลองกันอย่าหาว่าคุยเลยน่ะคะ เอาไปเลย 10/10 ดูจากภาพเป็นเครื่องนอนยันได้เลยค่าาาาาาาา ว่าของเค้าดีจริง อร่อยจริงแม้แต่น้ำก็ซดไม่ให้เหลือ 555

    จากนั่นก็เดินทางไปวัดสวนดอกกันเล้ยยยยยยยย การเดินทางก็เปิด GPS จากโทรศัพท์แล้วใช้สองขาเนี้ยแหละคะเดินไป 

    ระหว่างทางมีวิวสวยให้ชมกันนนน สวยจริงๆน่ะเธอเชียงใหม่เนี่ยยยยย

    ถึงแล้วค่ะวัดสวนดอก ทำเอาหอบแฮะได้เลยทีเดียว ต้องเข้าไปนมัสการองค์พระประธานกันก่อนเลยค่ะเพื่อให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ วัดสวนดอกเป็นที่สุดท้าย จากนั่นเราก็มุ่งหน้าไปสนามบินเพื่อนั่งเครื่องกลับกรุงเทพ โดยการเดินทางไปสนามบิน เราได้ใช้บริการของ Grap Taxi เรียกแท็กซี่มารับไปส่งสนามบิน โดยใช้โค้ดที่รู้มาจากพี่ที่ดูแลที่พัก โค้ด cmfree ลดราคาไป 100 บาท เดินทางไปถึงสนามบินในราคาแค่ 17 บาทเองค่าาา ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่แล้ว ก็รอเวลาขึ้นเครื่องค่ะ มีบรรยากาศในการขึ้นเครื่องกลับมาให้ชมกัน

    สุดท้ายนี้บัยบายเชียงใหม่ ประทับใจไม่มีวันลืมจริงค่ะ ฉันรักเชียงใหม่ ^ ^ ไว้มีโอกาสจะมาอีกแน่นอนนนนนน

    สรุปที่เที่ยว 4 วัน 3 คืน

    • วัดแถวประตูท่าแพและข้างเคียง
    • พระตำหนักภูพิงค์
    • วัดพระธาตุดอยสุเทพ
    • ที่เที่ยวดอยอินทนนท์
    • นิมมาน
    • วัดสวนดอก

    วันแรก

    • ค่าที่พักคืนแรกที่ กมลา เกรสเฮาส์ 370 บาท ตกคนล่ะ 185 บาท
    • ค่าอาหารกลางวัน เกาเหลาหมู ข้าวเปล่าสอง 50 บาท คนล่ะ 25 บาท
    • ค่าเช่าจักรยาน 50 บาท/คน
    • ค่าของกินเล่น ขนมจีบปู กับส้มตำ 70 บาท คนล่ะ 35 บาท
    • ค่าอาหารเย็น 50 บาท/คน

    รวมวันแรกตกคนล่ะ 345 บาท

    วันที่สอง

    • ค่าที่พักคืนที่สองที่จูเนียร์ เฮาส์ 300 บาท ตกคนล่ะ 150 บาท
    • ค่าอาหารเช้าคนล่ะ 50 บาท
    • ค่ารถขึ้นพระตำหนัก + ดอยอินทนนท์ คนล่ะ 160 บาท
    • ค่าอาหารกลางวัน 50 บาท/คน
    • ค่าอาหารเย็น 60 บาท/คน

    รวมวันที่สองตกคนล่ะ 470 บาท

    วันที่สาม

    • ค่าอาหารเช้า 40 บาท/คน ขนมปังเซเว่น
    • ค่าขึ้นดอยอินทนนท์ซื้อทัวร์ 700 บาทรวมอาหารกลางวัน
    • ค่าที่พักที่ Sleepyoho 450 บาท ตกคนล่ะ 225 บาท
    • ค่าอาหารเย็น 60 บาท/คน

    รวมวันที่สามตกคนล่ะ 1,025 บาท

    วันที่สี่

    • ค่าอาหารกลางวัน 95 บาท คนล่ะ 50 บาท
    • ค่าแท็กซี่ไปสนามบิน 17 บาท

    รวมวันที่สี่ 67 บาท

    ค่าเครื่องไปกลับคนล่ะ 480 บาท จองโปรกับแอร์เอเชียร์ จองเมื่อปีที่แล้ว 

    รวมค่าใช้จ่าย/คน ทั้งหมด 2,427 บาท 4 วัน 3 คืน ถ้าไม่นับค่าเครื่องก็มีคากินค่าใช้เพิ่มขึ้นจ้าาาาา

     

    • โพสต์-2
    Jutatip •  กรกฎาคม 04, 2560
    • Jutatip  บรรยากาศบนดอยอินทนนท์ วันที่ 29 มิถุนายน 2560 04 กรกฎาคม 2560 00:37:07