น่าน เนิบ เนิบ
สวัสดี ซา วี ดัด มือใหม่หัดรีวิว แต่สำหรับสถานที่เราไป รับรองว่าไม่ใหม่แน่นอนนน เพราะมันคือ #Unseenthailand ‘’น่าน’’ เมืองแห่งความเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยหุบเขา เหมาะกับทริปพักผ่อน ที่อยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง
รายละเอียดทริป
วัดภูมินทร์
บ้านมณีพฤกษ์
สวนกาแฟ
ดอยผาผึ้ง
ถ้ำผาผึ้ง
Day 1 การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว วันแรกหลังจากผ่านการเดินทางที่แสนจะยาวนาน ผ่านเส้นทางที่สวยงาม
ระหว่างทางไปน่าน ก่อนถึงตัวเมืองน่าน มีทุ่งนา ระหว่างทางเขียวขจีเลยทีเดียว
และแล้วพวกเราก็ได้มาถึงจังหวัดน่าน สถานที่แรกที่พวกเราได้มาถึงก็คือ วัดภูมินทร์ ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีประวัติที่ยาวนานและเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัด (ใครที่มาจังหวัดน่านต้องมากราบเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัว)




คำฮักน้องกูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาขะลุ้ม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจ๋ตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา...”
แปลว่า “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น”
จบเรื่องวัดดกันไว้เท่านี้ก่อนนนนนน
หลังจากที่เราได้ไปเที่ยวชมวัดไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตน เราได้เดินทางเข้าสู่ที่พักในค่ำคืนแรกของเรา คือ ‘’น่านธาราเพลส’’ ห้องพักสะอาด อาหารอร่อย ราคาย่อมเยาว์ เจ้าของบริการเป็นกันเองงง
ตั้งอยู่ที่ Nan Thara Place 72/1 Jaipasuk Rd. Ampher Mung
Nan Thailand 55000 Phone : (+66) 054-775678 Mobile : 091-8561865,097-0981811
Fax : (+66)054-775123 E-mail : jigkoo2499@hotmail.com Facebook Page : น่านธาราเพลส


เรามีภาพเส้นทางการเดินทางและวิวสวยๆมาฝากกัน









ต้นทางก็สั่นไหวแล้ววว จะหยุดหรือจะไปต่อดี แต่มาขนาดนี้ หยุดไม่ได้แล้วละ ลุยยยย


และแล้วววว เราก็ได้มาถึง ดอยผาผึ้ง!!! แล้ววววววว


การรอคอยเราก็มาถึง เราได้เดินมาถึงจุดชมวิว ที่สวยงาม ดอยผาผึ้งมีลักษณะเป็นเขาหินปูนแหลมๆ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวทองขจี ความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,600เมตร ถือได้ว่าคุ้มค่าและสวยงาม ช่วงเวลาที่เราขึ้นไปเป็นช่วงเวลาบ่ายโมง เลยทำให้มีลมหนาวเย็นๆ




ต้นกาแฟ ถ้าต้นไม้อยู่ไม่ได้ต้นกาแฟก็อยู่ไม่ได้ อนาคตเขาจะมีคิวบาร์โค้ด ให้เขายิง เพื่อให้เขารู้ว่านี้มาจากเดอ ม้ง ถ้าเรากินกาแฟซองนี้เราจะมีส่วนดูแลป่าเท่าไหร่ คำนวณเป็นปริมาณคาร์บอนได้เท่าไหร่ เพื่อให้เขามีความรู้สึกว่าเขากินกาแฟตัหลังจากลงจากดอยผาผึ้งแล้ว เราได้ไปชมสวนกาแฟ ซึ่งการปลูกต้นกาแฟจะใช้ระยะเวลาในการเจริญเติบโต 3ปี ถึงจะนำเมล็ดมาคั่วได้ ซึ่งเราได้เก็บภาพต้นกาแฟ มาให้ชมกัน การปลูกกาแฟของที่บ้านมณีพฤกษ์ มีหัวใจสำคัญ คือ การปลูกป่าควบคู่ไปด้วย ซึ่งเพื่อปกคลุมวนี้ไม่ได้หลอกหลวง เหมือนเขาเห็นภาพจริง ให้เขาได้รู้ว่าเขามีส่วนในการดูแลป่าให้เรา รายได้จากการขายกาแฟเนี่ย มันก็กลับสู่คนที่ปลูกเพื่อให้เขามีรายได้ดูแลตัวเขาและดูแลป่าให้เรา ปีหน้านี้ในเพจ เดอ ม้ง หรือบ้านมณีพฤกษ์ก็ตามเราจะประชาสัมพันธ์ออกไป ถ้าใครอยากจะปลูกป่ามีอยู่ 2 แนวทาง แนวทางแรก ก็คือ บริจาคพวกต้นไม้มาให้เรากับแนวทางทางที่สอง คือ บริจาคเงินมาให้เราซื้อต้นไม้มาปลูก แต่เราอาจจะต้องระบุนิดนึงว่า ถ้าเขาส่งเงินมาเท่าไหร่ถึงจะทำป้ายให้เขา หรือว่าเขาส่งต้นไม้มากี่ต้นถึงจะทำป้ายอันนึงให้เขา แล้วไปปักต้นไม้ที่เราปลูกให้เขาแล้วอัพเดทให้เขาดู ทุกปีว่า ปีนี้ต้นไม้เขาเป็นยังไง แล้วปีถัดไปต้นไม้เขาเป็นยังไง แล้วเราอาจจะทำทริปให้เขากลับมาดูต้นไม้ของเขาด้วย ให้เขากลับมาดูต้นไม้ที่เราปลูกให้เขา เขาจะได้รู้ว่าเราทำจริง ไม่ได้เอาเงินเขามาทิ้ง


หลังจากชมสวนกาแฟเสร็จ เราได้เดินขึ้นมาตรงบ้านพักที่เป็นไร่ของท่านรองกล้วย มีลานกางเต้นท์ และเป็นโฮมสเตย์ ขอบอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก อากาศหนาว ยิ่งดึกๆ ลมยิ่งแรงแต่น่าเสียดาย วันที่เราไปพักเป็นคืนเดือนหงาย ทำให้ไม่เห็นทางช้างเผือก ปกติบริเวณที่เราไปกลางเต้นท์นอน จะเห็นทางช้างเผือกได้ชัดเจนมาก หน้าเสียดายจริงๆ ส่วนไฟฟ้าจะปั่นให้ใช้งานจนถึง5ทุ่ม หรืออาจจะไม่ถึง สิ่งของที่ควรเตรียมไป ก็คือ ไฟฉ่าย ถุงนอน แต่สำหรับในส่วนของโทรศัพท์ สัญญานค่อนข้างหายาก หรืออาจจะไม่มีเลย ซึ่งทำให้เราได้เหมือนอยู่ในโลกที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต เป็นสิ่งที่ดีมากที่ทำให้อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น มากกว่าการอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ เหมือนในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกวันนี้ ผมว่ามันคุ้มค่ากับการพักผ่อนที่แท้จริงครับ
บ้านมีเราไม่นอนนนนนนนนน




หลังจากลงจากดอยผาผึ้งเราได้เดินทางไป ถ้ำผาผึ้ง คือสถานีสุดท้ายของเราในทริปนี้ ซึ่งถ้ำผาผึ้งต้องเดินทางเท้า 200 เมตร และเดินลงไปในถ้ำ 200 เมตร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หน้าบริเวณปากถ้ำยังมีน้ำตกเล็กๆ ที่มีปลายทางน้ำไหลลงสู่ในถ้ำ ดูลึกลับและน่าค้นหามากๆ ซึ่งทางเดินค่อนข้างชัน มีโขดหิน ต้นไม้ล้อมรอบ และมีดินแดงโคลน ทางลงจะมีบันไดเป็นระยะ ซึ่งจะต้องระมัดวังอย่างมาก อาจจะทำให้ลื่นตกได้ ภายในถ้ำจะมีแสงแดด เล็ดลอดออกมา ดูลึกลับและน่าค้นหาอย่างมาก รับรองว่าสวยงามแน่นอน




ลงมาแล้ววว เจอแต่นายแบบทั้งนั้นเลยย

และแล้วก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ของทริปนี้ พวกเราขอขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามาอ่านประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของพวกเรา พวกเราอยากฝากสถานที่แห่งนี้ ไว้เพื่อ เป็นอีก หนึ่งทางเลือกสำหรับใคร ที่อยากท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และยังไม่มีแสงสีเสียงที่มากนัก
พวกท่านเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ “อย่าสนใจแค่ปลายทาง เพราะมีเรื่องราวมากมายหลายอย่าง อยู่ระหว่างทางให้จดจำ”
พวกเราเพิ่งจะเข้าใจในความหมายของมันก็วันนี้แหล่ะ พวกเราไม่สามารถลืม “บ้านมณีพฤกษ์” และทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เจอ จะถูกบันทึกในลิ้นชักแห่งความทรงจำของพวกเราตลอดไป









