ห่างหายไปนานพอสมควร แต่ก็ยังคงเฝ้ามอง + เข้ามาเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวอยู่ตลอด

และแล้ววันของผมก็มาถึง เมื่อต้นเดือน พ.ค.60 ที่ผ่านมา บังเอิญว่าผมได้รับสิทธิ์ลาพักร้อน

หยุดติดต่อกันหลายวัน จึงได้เวลาออกเที่ยวซักที

 

ถามแฟนว่า ได้หยุดงานหลายวัน เราจะไปไหนกันดี ???

 

ภาคใต้เป็นสถานที่แรกๆ ที่พวกเราคิดได้ เพราะยังไม่เคยไปเที่ยวแบบจริงๆ จังๆ ซักที

แต่จะไปเที่ยวทั้งทีให้มันคุ้มค่า คงต้องไปหลายๆ วันหน่อย ทริปนี้ผมจึงวางแผนใช้เวลาประมาณ

5 วัน 4 คืน (วันที่ 6 – 10 พ.ค.60 )

 

การเดินทาง ผมชอบใช้รถส่วนตัว เพราะความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง

เราจะเดินทางเวลาไหน  ไปที่ใด ก็สามารถอ่อนตัวได้ ไม่ยุ่งยาก

 

โปรแกรมการเดินทางที่กำหนดไว้คร่าวๆ เป็นไปตามนี้ครับ

 

วันที่ 1   (ออกเดินทางคืนวันศุกร์ที่ 5 พ.ค.60)

จุดเริ่มต้น กทม. – หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช (เช้าวันที่ 6)

เข้าที่พักใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

 

วันที่ 2   

ล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า+วิถีชีวิตชาวประมง & ยอยักษ์ ที่คลองปากประ อ.ควนขนุน

จ.พัทลุง - ชมวิวทะเลน้อย (นกน้ำ ควายน้ำ และทะเลบัวแดง)

จว.กระบี่

 

วันที่ 3 

ล่องเรือแบบ  One day trip หมู่เกาะ พีพี จ.กระบี่

 

วันที่ 4  

ชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ บึงหนองทะเล จ.กระบี่

สระมรกต อ.คลองท่อม จ.กระบี่

จุดชมวิวเสม็ดนางชี (พักค้างคืน)  

 

วันที่ 5 

ชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ จุดชมวิวเสม็ดนางชี

ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี

กลับ กทม. 

 

รีวิวนี้ เป็นไปในรูปแบบการมาบอกเล่า&แบ่งปันภาพความประทับใจ การเดินทางล่องใต้ครั้งแรกของพวกเรา  อาจจะยาวไปนิด เพราะเดินทางติดต่อกันหลายวัน รายละเอียดในแต่ละสถานที่ อาจมีตกหล่น ขาดหายไปบ้าง อย่างไรก็ขออภัยไว้ด้วยครับ ^_^

มาเริ่มกันเลย.........

วันแรก

เริ่มต้น ล้อหมุนจาก กทม. ตอนดึกๆ มาปลายทาง บ้านคีรีวง ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นพอดี

จากการทำการบ้านมาบ้าง  ทราบว่า ตอนนี้มีร้านกาแฟเปิดใหม่ ที่ใครๆ มาเที่ยวบ้านคีรีวง

ก็ต้องแวะมาเช็คอิน ร้านนี้เลยครับ ณ บ้านเล็กกลางหุบเขา  Little House in the Valley

ก่อนเข้าหมู่บ้านคีรีวง แวะมาพักรถ นั่ง Chill  กินขนม ชมวิว กันก่อน   หลังจากนั้น เดินทางต่อไปยังบ้านคีรีวง กันเลย 

มุมสุดฮิต น่าจะเป็นสะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี ที่ใครๆ มาก็ต้องถ่ายมุมนี้

ที่เหลือก็แล้วแต่ จะหามุมเก็บภาพประทับใจ ตรงไหน 

เวลาเราน้อยไปนิด ไม่ได้เดินซึมซับบรรยากาศทั่วพื้นที่ เพราะต้องรีบเดินทางไปเข้าที่พักใน จ.พัทลุง กันต่อ

ในตอนแรกที่วางแผนไว้ อยากพักใน ศรีปากประ รีสอร์ท เพราะหวังจะออกมาถ่ายภาพสะดวกๆ แต่ที่พักเต็มหมด เป็นโชคดีของเราไป เพราะได้ประหยัดเงินในส่วนนี้ เอาไว้จ่ายค่าเรือพาเที่ยว คลองปากประ – ทะเลน้อย  จึงไปได้ที่พักอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคลองปากประมากนัก ชื่อ สายคลอง สองเล รีสอร์ท  สิ่งอำนวยความสะดวกมีครบ (แอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น แต่ยังไม่มี Wifi  ห้องพักราคา 1,000 บาท ) 

หมายเหตุ : พวกเราแจ้งทางรีสอร์ท ให้ติดต่อเรือนำเที่ยวให้ หากใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็เหมาลำไปเลย  (ราคา 1,000 บาท/ลำ) แต่สำหรับกลุ่มใหญ่ที่ไปกันหลายคน ช่วยกันหารค่าเรือก็จะประหยัดลงไปได้อีก

หลังจากเข้าที่พัก จัดแจงสัมภาระเข้าที่เรียบร้อย ได้เวลาอาหารเย็นพอดี พวกเราออกไปจับจองพื้นที่กินข้าวเย็นกัน ณ ร้านอาหารวิวยอ ศรีปากประ รีสอร์ท 

อาหารอร่อย ราคาถูก วิวสวย ประทับใจ แต่ต้องรีบมาจับจองพื้นที่กันแต่หัววันนะครับ

ส่วนผม เลือกพื้นที่ไม่ได้  ใช้วิธี กินไป เดินออกจากโต๊ะมาถ่ายรูปไป เป็นระยะ

เมื่อสมควรแก่เวลาเราก็กลับเข้าที่พัก นอนเอาแรง เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปลงเรือกันอีกในวันรุ่งขึ้น

 

วันที่ 2

ตอนเช้า เรือนำเที่ยวพาเรามาชมพระอาทิตย์ขึ้น ณ คลองปากประ วิวเช้าที่นี่สุดอลังการ สมคำร่ำลือ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าแสงเช้าที่นี่ คือ “มายาตะวัน  อัศจรรย์แห่งแสง” บอกได้เลยว่า คุ้มค่าตื่นจริงๆ  

หลังจากนั้นพี่เค้าจะพาเราไปชมวิวในทะเลน้อยกันต่อ ตามภาพเลยครับ ใครไปเที่ยวทะเลน้อยช่วงนี้บัวแดงกำลังสวยเลย 

สรุปเวลาที่เค้าพาเราไปล่องเรือ  จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ก็พาเรากลับมาที่พัก

หลังจากกลับมาที่พัก ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เตรียมเดินทางกันต่อ แต่ก่อนจะออกจากพัทลุง

พวกเราแวะไปถ่ายรูปกันก่อนที่สะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

สะพานเอกชัย - ระโนด - ทะเลน้อย (ถนนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550)

และ landmark  ที่ตั้งอยู่ริมสะพาน คือ บ้านแฝด 

จากนั้นมุ่งหน้าไปยัง จ.กระบี่ เพื่อหาที่พักกัน

เราไปถึงกระบี่ ตอนบ่ายๆ หลังจากหาที่พักราคาถูก ใกล้ๆ อ่าวนางได้ (ที่พักชื่อ อคาเดียน รีสอร์ท ราคา 400 บาท/วัน) ดูเวลาแล้วยังพอออกไปเที่ยวได้อยู่ จึงตกลงกันว่าจะไป หาดไร่เลย์  กัน (ลงเรือกันที่อ่าวนาง  ค่าเรือ ไป – กลับ 200 บาท/คน)  

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ  วันนี้เราโชคไม่ดี มาถึงหาดไร่เลย์ ได้ไม่นาน  ฝนก็เริ่มตั้งเค้า แสงหมดพอดี  เลยต้องจำใจกลับที่พัก 

สำหรับโปรแกรมในวันรุ่งขึ้น เราซื้อแพกเกจ One day trip ล่องเรือหมู่เกาะพีพี  ไว้ (ราคา 800 บาท/คน) โดยติดต่อผ่านที่พักของเรา ( เป็นทัวร์ ของ วอวิวัฒน์ ทัวริส กรุ๊ป )

 

วันที่ 3

แพกเกจทัวร์ของเราที่ซื้อไว้  มีรถสองแถวมารับถึงที่พักตอนแปดโมงเช้า แล้วพาเราไปหาไกด์ – ลงเรือ ณ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี

โปรแกรมของทัวร์ก็จะพาไปดำน้ำ ดูปลา  ลงเล่นน้ำตามชายหาด และชม Landmark  สำคัญๆ เช่น เกาะพีพีดอน,  ถ้ำไวกิ้ง, อ่าวมาหยา, ปิเล๊ะ ลากูน และ เกาะไผ่ ครับ

มาทะเลกระบี่ครั้งแรกนี่ ถึงกับบอกตัวเองเลยว่า นี่เราไปอยู่ไหน ทำไมเพิ่งจะมากันเนี่ยเพราะว่าทะเลสวย น้ำใส ประทับใจมาก

หมายเหตุ :

- ทางทัวร์ฯ จะมีเฉพาะมื้อกลางวันให้ทาน เป็นบุฟเฟ่ต์ ณ เกาะพีพีดอน ส่วนเครื่องดื่มบนเรือจะมีเฉพาะน้ำเปล่า หยิบได้ตลอด และของว่างจะเป็นพวกผลไม้

- เรือจะออกจากฝั่งในตอนเช้าประมาณ 9 โมง และมาส่งเราเข้าฝั่งประมาณ 4 โมงเย็น   

 

วันที่ 3

ในวันนี้เรามีแผนจะไปสระมรกต อ.คลองท่อมฯ ซึ่งเดิมทีตั้งใจจะไปกันตั้งแต่เช้า แบบว่าสระเปิดแล้วเข้าเลย เพราะได้ยินมาว่า สระมรกต คนเยอะทุกวัน  ด้วยความที่อยากได้วิวส่วนตัว  จึงตั้งเป้าและวางแผนเอาไว้แบบนั้น

แต่เอาเข้าจริง ด้วยความเสียดายที่มาถึงกระบี่แล้ว ยังมีอีกสถานที่หนึ่ง เหมาะกับการไปดูวิวตอนเช้า นั่นคือ บึงหนองทะเล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักผมมากนัก

โปรแกรม บึงหนองทะเล จึงได้ถูกเพิ่มเข้าไป ส่วนสระมรกต ก็ค่อยไปต่อหลังจากบึงหนองทะเล

บึงหนองทะเล เป็นบึงขนาดใหญ่ มีวิวภูเขาโอบล้อม เหมาะกับการมาชมแสงเช้า ซึ่งพระอาทิตย์จะขึ้นด้านหลังของภูเขาพอดี   

เราใช้เวลาอยู่ที่บึงหนองทะเลไม่นาน ก็รีบกลับมาเก็บของ ณ ที่พัก เช็คเอ้าท์ และออกเดินทางต่อไปยังสระมรกต ทันที ระยะเวลาการเดินทางจากที่พักไปถึงสระมรกต ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ถือว่ายังทันเวลา เพราะช่วงเช้าคนยังเข้ามาน้อยอยู่ เลยได้มุมส่วนตัวสุดๆ 

จริงๆ แล้ว มีหลายส่วนให้เดินชม แต่ว่าทางอุทยานฯ ปิดพื้นที่บางส่วนตามนโยบาย เนื่องจากห้วงนี้เข้าสู่ฤดูจับคู่ – วางไข่ ของนก  เราจึงเข้าได้แค่ส่วนที่เป็นสระมรกตเท่านั้น

พออกจากสระมรกต พวกเราก็เดินทางต่อไปยังเสม็ดนางชี จ.พังงา ต่อ ขับรถไป พักรถไป เป็นระยะ ไม่รีบร้อน ถึงที่หมายประมาณ 4 โมงเย็น เราก็ไปติดต่อขึ้นจุดชมวิว  สำหรับคนที่อยากออกกำลัง  สามารถเดินขึ้นจากลานจอดรถไปยังจุดชมวิวได้เลยครับ ส่วนพวกเราใช้บริการรถกระบะ 4X4 พาขึ้น เนื่องจากมีสัมภาระพอสมควร เพราะขึ้นไปนอนค้างคืนบนจุดชมวิว 

ช่วงที่เราไปถึง ฟ้าครึ้ม ฝนตั้งเค้า และก็ตกลงมาพักใหญ่  โชคดีที่เราจองกระท่อมบนจุดชมวิวเอาไว้ ไม่ได้กางเต็นท์นอน จึงไม่ต้องกลัวเปียกฝน

สรุปคืนนั้น ที่เสม็ดนางชี มีแต่เมฆฝน ฟ้าไม่เปิด ตอนแรกกะว่าจะมาดูดาวตอนกลางคืนที่นี่ กลายเป็นว่าต้องนอนยาว เก็บแรงไว้ว่ากันอีกทีก็ตอนเช้าเลย

ตอนเช้า ฟ้าเปิดเป็นบางช่วง ออกแนวครึ้มๆ  เราเก็บภาพไว้บางส่วน สมควรแก่เวลาก็เริ่มเก็บของเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ   วันสุดท้ายของทริป เราตั้งใจจะไปแวะชม Unseen แห่งใหม่ ซึ่งเป็นทางผ่านก่อนกลับบ้านพอดี  นั่นก็คือ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด  อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี   ที่นี่ถือว่าเป็น Landmark แห่งใหม่ นักท่องเที่ยวที่มาแถวเขื่อนเชี่ยวหลาน สามารถเดินทางแวะมาเยี่ยมเยียมได้ เพราะอยู่ไม่ไกลกันมากนัก  น้ำใสมาก บรรยากาศดี จะเรียกว่า เป็น Pool villa กลางป่า ก็ว่าได้  

จบทริปการเดินทางล่องใต้  ขอบคุณการเดินทางที่ทำให้เราได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ  และทำให้รู้ว่าโชคดีแค่ไหน ที่เมืองไทยยังมีสถานที่สวยๆ รอเราอยู่อีกมากมายให้เราไปสัมผัส

ท้ายนี้ ขอฝากพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ ซึ่งเป็นพื้นที่เก็บความประทับใจและความทรงจำดีๆ จากการเดินทางของเราสองคน  แวะไปเยี่ยมชมหรือติดตามเราได้ที่ Facebook Page  เมื่อฉันออกเที่ยว หรือ https://www.facebook.com/TheTripTraveller ครับ  ^__^