ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
เดอะแก๊งปากหมาฯ พาหลงเป็น... สายบุญ...ขาเลาะ ตะลุยตะเพินคี่ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
    • โพสต์-1
    Taya@ •  กุมภาพันธ์ 01 , 2561

    นโยบายประจำปี

    มาแย้ว มาแย้วววว … ปีแห่งการท่องเที่ยวปีนี้ เดอะแก๊งฯ ขอตั้งนโยบายในการออกทริปคือ “สายบุญขาเลาะ” เพราะสมาชิกในแก๊งเจอมรสุมชีวิตมะรุมมะตุ้มกันนัวเนีย แต่เดอะแก๊งฯ ก็คือ เดอะแก๊งฯ แม้จะมาสายบุญก็ขอเป็นสาวขาเลาะจั๊กกะหน่อย!!!!

    เริ่มต้นศักราชใหม่ ไม่พูดพร่ำเลยหละกัน ทริปแรกของปี เหมือนเหตุบังเอิญทำให้เรารู้จักกับกลุ่มปันยิ้ม กลุ่มเพื่อนกันวันหยุดและกลุ่ม BAD ที่ไม่เคยรู้จักกันแต่เพราะสายบุญทำให้เรามาเจอกัน อิอิ^^ จึงขอร่วมแจมกันในนาม กลุ่มจิตอาสา แบ่งฝัน-ปันน้ำใจ ให้น้องๆ ชาวกะเหรี่ยง โรงเรียนบ้านกล้วย หมู่บ้านตะเพินคี่ อุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี

    เริ่มนัดหมายเพื่อตั้งขบวนกันที่ปั้มน้ำมันคลองเจ็ด ลำลูกกาตั้งแต่เวลาตี 5 เดอะแก๊งฯ ตื่นเต้นมาก เพราะงานนี้ไม่ได้เอาน้องมังคุดไปร่วมทริปด้วย แถมโดนพี่ๆ ขู่เล็กๆ ด้วยน้ำเสียงยืดๆ “จาไปไหวหรา ทางมันไม่ดีน้า เชื่อพี่เถ๊อะ พี่เรียนมา” 555 โดนดักทางตั้งแต่แรก เฮ้า!!! เชื่อก็เชื่อ 555 กว่าจะนัดเจอและเดินทางไปถึงที่พักแถวคลองสี่ปทุมธานีปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน สาวคิกขุโกอินเตอร์เป็นอันไม่หลับไม่นอนเพราะปกติวิสัยก็นอนตี 1 แต่นี้โดนสาวสวยเรื่องเยอะขู่บังคับให้นอนตั้งแต่ 5 ทุ่ม จะหลับตาลงไปได้อย่างไร??? แต่ต้องยอมจำนน ตั้งนาฬิกาปลุกเพื่ออาบน้ำอีกทีตี 2 ครึ่ง เห้ยยยย+++ จะรีบตื่นมาทำไม งง!!! กะนาง แต่ได้รับคำตอบว่า “ก็กลัวไม่ทันไง ก็ชั้นเข้าห้องน้ำนานอ่ะ” เอา ตามสบาย สรุปพอถึงเวลาและถึงที่นัดหมาย ขนาดตื่นตี 2 แล้วนะ เล่นเอาเกือบตกรถอีก 555 

    เราเริ่มเดินทางจริงๆ หลังจากกินอาหารเช้าที่ 7–11 เรียบร้อย ประมาณเกือบ 6 โมงเช้า ตามเส้นทางปทุมธานี–สุพรรณบุรี ถนนหมายเลข 9 ผ่านถนนหมายเลข 340 และ หมายเลข 333 ถ้าดูตามระยะทาง 2ุ60 กว่ากิโล จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

    แต่ทริปนี้ ไปอย่างปลอดภัยไม่รีบร้อน หัวหน้าทีมจึงบอกให้ขับตามๆ กันไป พวกเราก็ตามกันไปนะ แต่มาหลุดตรงช่วงโค้งที่มีการแทรกของรถขบวนอื่นก่อนเข้าตัวเมืองสุพรรณบุรี เลยต้องรีบเช็คว่าขบวนที่เราตามอยู่คือขบวนเดียวกันหรือเปล่า?? เช็คทั้งทางโทรศัพท์และวิทยุสื่อสาร ระหว่างที่พี่ๆ กำลังตื่นเต้นในการหลงขบวน เดอะแก๊งฯ จะตื่นเต้นกะเขาด้วยนะหรา ป่าววววว +++ หันมาดูอีกทีนางนอนหลับกรนคร๊อกฟี่ๆ กัน ไม่ได้มีอาการตื่นเต้นร่วมกับพี่ๆ เขาเลย เพราะการหลงถือเป็นเรื่องปกติของเรา 5555

    เราแวะพักกันตลอดทาง รอคันโน้นคันนี้ มาเจอกันตรงจุดนัดพบที่ 2 คือปั้มน้ำมันที่ด่านช้าง จังหวะที่ตื่นมาเพราะเสียงพี่ในรถบอก คันนั้นไปกะเราด้วยหรา!! แล้วคันโน้นมันกลุ่มไหนกัน??  งัวเงี่ยตื่นมาดูเพิ่งจะเห็นขบวนจริงๆ โอ้โห !!!! นี้มันขบวนที่ไปกะเราจริงๆ หรา นับจำนวนกันไม่ถูก แล้วที่นี่มันที่ไหนจุดไหนของประเทศ ตื่นมาแล้ว งง งง มึน มึน กันตลอด 5555

    ผ่านอุทยานแห่งชาติพุเตย ต้องรอเปลี่ยนถ่ายคนจากรถเก๋งขึ้นรถกระบะและรถบิ๊กฟุตกัน เรามุ่งตรงขึ้นไปหมู่บ้านตะเพินคี่ สองข้างทางสวยงามด้วยทัศนียภาพในการปลูกพืชไร่ เมื่อเข้าใกล้หมู่บ้านกับเส้นทาง 20 กิโลเมตรที่ต้องเจอกับสภาพถนนดินแดงแบ่งแยกตามทางน้ำไหล มีแอ่งน้ำกั้นเป็นจุดๆ เพื่อให้เกิดความลื่นของยางรถบวกกับถนนขรุขระที่นั่งบนรถโยกกันไปมาโดยไม่ต้องมีจังหวะเสียงเพลงประกอบ จนได้ยินเสียงบ่นว่า โยกจนเอวคอด-พุงหายไปแล้ว 555 วิธีลดเอวและพุงแบบรวดเร็วและเห็นผลที่สุดก็งานนี้แหละ ใครจะลองใช้วิธีนี้ก็ได้นะไม่จดลิขสิทธิ์ 5555

    พอถึงโรงเรียนบ้านกล้วย พี่ๆ บ่นกันใหญ่ ตื่นเต้นกับเส้นทางเพราะมีรถติดหล่มอยู่ทำให้ขบวนช้าไปอีก ไม่มีอารมณ์ง่วงกันแต่สำหรับเดอะแก๊งฯ นะหรา!!! หลับสนิทตลอดทาง++ ยิ่งโยกเท่าไหร่ยิ่งหลับสบาย 555 สาวคิกขุฯ บอกหากผ่านการนั่งรถที่ขับขึ้นเขาลงเขาและหาเบรคไม่เจอของสาวสวยเรื่องเยอะมาแล้ว ทางแบบนี้สบายม๊ากกกกก 555

    มาถึงสิ่งแรกที่ต้องทำ คือ หาห้องน้ำ และห้องครัว 5555 เดอะแก๊งฯ เดินตามกลิ่นอาหารที่โชยมา เนียนๆ เข้าไปถ่ายรูป ช่วยโน้นนี่นั่น ไปเรื่อยๆ พี่ๆ ป้าๆ ใจดีบอกกินได้เลยนะหนู อืมมมม!!! รอเสียงนี้อยู่แล้ว งั้นขอชิมสักนิดนะคะ หิวมากมายเดี๋ยวไม่มีแรงแจกขนมน้องๆ 555

    แต่ไม่ทันได้เริ่มโซ้ย พี่ๆ เรียกไปช่วยเตรียมของให้เด็กๆ เฮ้า!!! ทำงานก่อนคะ น้องๆ รออยู่ แหม!! แปลงร่างเป็นนางฟ้ากันเลยทีเดียว 5555 แต่สาวคิกขุฯ ง่วนอยู่ในครัวและคิดว่าคงจัดเตรียมใกล้ๆ จึงช่วยป้าเขาเตรียมอาหารโดยไม่เดินตามเพื่อนๆ มา สักพักนางหันมาอีกที ได้ยินเสียงพี่ๆ บอกจะแจกของให้เด็กๆ และรีบขึ้นรถไป ปล่อยให้สาวคิกขุฯ ยืนเก้ออยู่ อ้าว!!!! แล้วเราจะไปไหนอ่ะ เพื่อนๆ ก็หายหมด+++ สาวคิกขุฯ บ่นอุ๊บ!!!! 

    • โพสต์-2
    Taya@ •  กุมภาพันธ์ 01 , 2561

    ถึงเวลาสนุกแล้วสิ !!!!

    เด็กๆ ที่เรามาแจกคือนักเรียนโรงเรียนบ้านกล้วย และชาวบ้านในหมู่บ้านตะเพินคี่ จากการสอบถามที่โรงเรียนนี้มีคุณครูที่มีรายชื่ออยู่ 6 คน แต่ครูที่สอนจริงมีเพียงคนเดียว (ในวันนั้นเจอเฉพาะผู้ใหญ่บ้าน ส่วนคุณครูไม่ได้เจอเพราะทราบว่าต้องคอยรับคณะที่จะมาเยี่ยมชมอีกคณะอยู่ด้านล่าง หากข้อมูลผิดพลาดขออภัยด้วยคะ) สอนเด็กๆ รวมกันทั้งหมดโดยไม่แบ่งชั้น จำนวนเด็กที่มีอยู่ไม่ถึง 50 คน ความจริงที่นี่จะมีกลุ่มจิตอาสามาแจกของกันบ่อยเนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย

    จัดแจงเตรียมของแจกที่ล้นทะลักจากน้ำใจของบรรดาเพื่อนๆ ร่วมแก๊งฯ พี่ๆน้องๆ ที่ทำงานที่ช่วยกันระดมทุนเพื่อหาซื้ออุปกรณ์กีฬา ขนมคบเคี้ยว นมและเสื้อผ้าตุ๊กตา ฯลฯ ทั้งของใหม่และมือสอง 

    ฝ่ายเตรียมจัดระเบียบเด็กๆ เข้าแถวเพื่อรับของแจกมีความวุ่นวายเล็กๆ เพราะการสื่อสารที่ไม่ค่อยเข้าใจกัน แต่น้องๆ น่ารัก มองตามตาแป๋ว ใครให้ทำอะไรก็ทำอ่ะเวลานี้ หนูขอแค่ขนมและของเล่นก็พอ

    เราแบ่งของแจกเป็น 3 กอง คือ 1.สำหรับแจกทุกคนแบบมือต่อมือ คือขนมและอุปกรณ์การเรียน  2.ของแจกกองกลางสำหรับให้โรงเรียนไว้แจกนักเรียนหรืออุปกรณ์เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬาที่ใช้ส่วนรวมได้ และ 3.ของแจกสำหรับเล่นเกมส์

    ผู้ใหญ่ใจดีเริ่มปฏิบัติการ ชอบตรงที่แต่ละคนถอดหัวโขน ถอดหมวกและตำแหน่งของตนเองแล้วมาเป็น พี่ๆ ลุงๆ ป้าๆ สำหรับเด็กๆ และผู้ปกครองที่มารอรับของ ปริมาณของแจกเยอะกว่าผู้รับ ทำให้เห็นสภาพเด็กถือของกันแบบหอบหิ้ว บางคนมีทั้งถุงแจกที่เตรียมไว้ให้และถุงที่เอามาจากบ้านเอง

    เราร่วมเล่นเกมส์กับเด็กๆ แหย่คนโน้นคนนี้ และแจกของกันแบบอย่าให้เหลือกลับกรุงเทพเลยว่างั้น+++ สนุกสนานกันช่วงที่ต้องอธิบายการใช้ยาสามัญประจำบ้านที่แจกจ่ายให้กับผู้ปกครองกันคนละ 1 ชุด

    เราเริ่มเล่นเกมส์กับเด็กๆ และเอาของรางวัลมาล่อให้เด็กร่วมเล่น แข่งกันอย่างดุเดือดเรียกเสียงฮาจากบรรดาพี่ๆ ไหนจะกางเกงหลุดบ้าง สะดุดขาตัวเองบ้าง วิ่งไปชนกะเสาที่เป็นคน และวิ่งสลับทีม มั่วกันไปหมด 5555

    ที่ฮาสุดๆ คือเด็กที่ชนะสามารถไปเลือกของรางวัลได้เองว่าอยากได้อะไร เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งพุ่งเข้าไปหยิบปืนกลกระบอกใหญ่ จนพี่ๆ คิดว่าน้องน่าจะหยิบผิดเลยบอกให้เอาตุ๊กตาหรืออุปกรณ์เครื่องเล่นทำครัว แต่เด็กหญิงมองหน้าก่อนบอกจะเอาปืน จะเอาปืน @@@ พี่ๆก็ไม่ลดละ คะยั้นคะยองั้นเอาชุดลูกหมีไหม?? หรือตุ๊กตาบาร์บี้??? เด็กเริ่มตาขวาง ^O^  รีบวิ่งเข้าไปตะครุบปืนกระบอกใหญ่แล้ววิ่งหนีไปเลย  5555 ทำเอาบรรดาพี่ๆ งง เป็นไก่ ตาแตกอยู่

    ช่วงสนุกอีกช่วงคือการให้ชาวบ้านและเด็กๆ เลือกเสื้อผ้ากันเอง เพราะจากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านต้องการให้ลูกบ้านเลือกเองตามความสมัครใจ จึงต้องมีการเทเสื้อผ้าและกองไว้ สภาพเหมือนห้างดังกำลังลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ที่ทุกคนวิ่งกรูมาที่กระบะเสื้อผ้า เลือกหยิบและคัดตามแบบที่ตัวเองชอบ กลัวเหลือเกิน!!! ว่าจะถึงขั้นตบตีแย่งชิงกันหรือไม่ ??? แต่เปล่าเลย+++ ภาพที่น่ารักคือ ต่างคนต่างช่วยกันเลือกและดูกันว่าตัวเองใส่สวยหรือไม่ หากไม่สวยก็แนะนำให้เพื่อนไป

    สาวคิกขุฯ หวังดี เห็นน้องผู้หญิงกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่จึงเข้าไปหยิบนู้นนี้ให้ “ตัวนี้ไหมคะ สีชมพูสวยเชียว” น้องส่ายหน้า สาวคิกขุฯ ไม่ลดละ “’งั้นตัวนี้ไหม มีรูปตุ๊กตาด้วย หนูใส่สวยเลย” น้องหันมามองด้วยหางตา แล้วสะบัดหน้าใส่ จนสาวสวยกระซิบ “แกคนนี้ไงที่เขาหยิบปืนเขาคงไม่ชอบหวานๆ แกลองเอากางเกงวอร์มหรือกางเกงบอลให้สิ” ไม่ทันจะพูดจบ น้องผู้หญิงรีบคว้ากางเกงบอลตัวใหญ่ไป 1 ตัวแล้ววิ่งหายไปปล่อยให้สาวคิกขุฯ ยืนเหวอมองตามตาละห้อยแบบ งง งง อยู่ 55555

    กว่าจะจัดแจงแจกของเสร็จก็เกือบ 4 โมงเย็น พวกเราต้องไป ณ จุดพัก คืนนี้เรานอนกันที่ไร่ข้าวฟ่าง ที่ตะเพินคี่มีจุดกางเต็นท์ หลายจุดให้เลือกปักกัน มีทั้งที่อุทยานแห่งชาติพุเตย ไร่น้องแชมป์ ไร่สี่พี่น้อง และไร่ข้าวฟ่าง คณะเราเลือกพักที่ไร่ข้าวฟ่างเพราะอยู่ห่างจากจุดโรงเรียนไม่ถึง 5 กิโล ซึ่งที่ไร่ข้าวฟ่างเป็นจุดที่ใกล้ที่สุดในการเดินเท้าไปยอดเขาเทวดา

    ที่ไร่ข้าวฟ่างอากาศเย็นสบายไม่ร้อน มีสวนยางของชาวบ้านปลูกไว้เราต้องผ่านเข้าไปในสวน และยิ่งช่วงนี้ต้นยางกำลังผลัดใบ มองแล้วจินตนาการตามไปว่ากำลังเดินอยู่ท่ามกลางป่าเมเบิลที่มีใบไม้สีแดง-เหลืองร่วงหล่นปกคลุมพื้นดิน แหม+++ ฝันกลางวันกันอีกแล้ว ตื่นๆ ๆ 55555

    ไร่ข้าวฟ่างมีห้องน้ำ ไฟ และเต็นท์สำหรับให้บริการนักท่องเที่ยว ราคาบริการก็ไม่แพง คิดหัวละ 50 บาท และหากใครไม่ได้เตรียมเต็นท์หรือเครื่องนอนมา ทางไร่ก็มีบริการให้เช่า แต่ลืมถามราคา 555 เพราะเดอะแก๊งฯ ไปที่ไหนจะพกไปด้วยตลอดไม่ต้องเปลืองไปเช่า ฮาฮ่าฮ่า โรคตืดกำเริบ

    เรื่องอาหารการกินก็หมดห่วงเพราะบรรดาพี่ๆ เตรียมเสบียงแน่นแบบจัดเต็ม เดอะแก๊งฯ จึงสบาย กินง่ายนอนง่ายมีห้องน้ำก็เพียงพอแล้ว คืนนี้นอนนับดาวดีกว่า คร๊อกฟี๊ !!!!!

    เราตื่นกันประมาณ ตี 4 กว่าๆ เพราะนัดหมายกับพี่ๆ ว่าจะเดินเท้าไปยอดเขาเทวดา แต่จนแล้วจนรอดด้วยความขี้เกียจบวกความหนาวเย็นกับอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเลยขอหลับต่อ ได้ยินเสียงพี่เขาบอก ไม่ไปกันแล้วเพราะแต่ละคนไม่ได้ฟิตซ้อมร่างกายกัน แถมเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตี 1 กว่า มีเสียงกรนสมทบบวกกับอากาศที่ชวนนอนเราจึงมุดเต็นท์ใครเต็นท์มันกันไป

    เช้าๆ บรรยากาศเริ่มมีหมอกมาให้เห็น 

    สะดุ้งตื่น!!! พร้อมเสียงท้องร้อง กลิ่นขนมกาแฟ และข้าวที่กำลังหุงส่งกลิ่นหอมโชยมา ลุกสิเดินตามกลิ่นไป จนพี่ๆ แซว นั้นแนะ!!! ตื่นแล้วมาเลยมาชิมให้พี่หน่อย +++ จัดสิคะ รออะไร 5555 ทำเนียนๆ ไป ทุกคนตื่นมาพร้อมเพียงกันที่เต็นท์อาหาร

    หลายคนวางโปรแกรมไปเที่ยวต่อดีกัน คณะหนึ่งไปแก่นมะกรูดที่จังหวัดอุทัยธานี อีกคณะไปไหว้พระ เดอะแก๊งฯ ไปหลายรอบหละที่แก่นมะกรูด จึงตัดไปและหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินว่าจะไปวัด ช่างเข้ากะสโลแกน สายบุญ…ขาเลาะซะจริงๆ เลยขอติดสอยห้อยตามไปด้วย กินอิ่มแหละเดินเล่นถ่ายรูปจนเหน็ดเหนื่อยจากการควานหาแว่นตาที่น้องจูนทำตกในสวนยาง เดือดร้อนพี่ๆเดอะแก๊งฯ ที่ต้องช่วยตามหา ใช้วิธีเขี่ย สุ่ม และสแกนสายตาหาทุกจุดเป็นชั่วโมง จนพ่อน้องจูนมาตามเพราะจะทยอยกลับกันแล้ว ไม่ถึง 3 นาทีหลังจากที่พ่อถามน้องจูนว่าทำหายตรงไหน น้องจูนบอกตรงเนี้ยะ ๆ พ่อถามแล้วนั้นอะไร ตั้งดำๆ อยู่+++ หืออออ !! เดอะแก๊งฯและน้องจูนมองหน้ากันก่อนหัวเราะเสียงดัง เล่นเอาตรูเหนื่อยเลยนะ สแกนหากันจนเวียนหัว สุดท้ายมาจอดตรงหน้านี้เอง 555

    เสียดายมารอบนี้ไม่ได้ขึ้นไปบนยอดเขาเทวดา เพิ่งมารู้ว่าพี่เต็นท์ข้างๆ ตื่นไปยอดเขาเทวดาตอน 6 โมงเช้า เพราะหลับสนิทจึงไม่ได้ยินเสียงรถหรือเสียงพี่เขาออกเดินทางไป พอพี่กลุ่มที่ไปยอดเขาเทวดากลับมา เดอะแก๊งฯ มีโวยเล็กน้อยว่า ทำไมพี่ไปไม่เรียก บวกอาการงอนตุบป่อง เล่นเอาพี่ๆ งง+++ ว่าตกลงเป็นความผิดของตรูหราเนี้๊ยะ แล้วตรูต้องง้อไหมอ่ะ แฟนก็ไม่ใช่ 55555 ก่อนจะบอกว่าดีแล้วที่ไม่ไป เพราะหมอกไม่ค่อยเยอะ ทางไปก็ลำบากมากลื่นด้วย และโชว์รูปให้ดู อืมมมมม หายงอนก็ได้ 5555
    • โพสต์-3
    Taya@ •  กุมภาพันธ์ 01 , 2561

    สายบุญก่อนจบทริป

    มีคนกล่าวไว้ว่า ถ้ามาเมืองสุพรรณบุรีแล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้ "หลวงพ่อโต" วัดป่าเลไลยก์วรวิหารก็เหมือนมาไม่ถึงสุพรรณบุรี เลยจัดไปตามคำบอก เราออกเดินทางออกจากไร่ข้าวฟ่างประมาณ 11 โมงเช้า ขบวนรถยังขับตามกันไปแต่มีหลายคันที่ขอแยกไปตามทางของตัวเอง ประมาณ 113 กิโลเมตรจากตะเพินคี่ถึงตัวเมืองสุพรรณบุรี ถึงที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหารประมาณบ่าย 3 โมง เรามีเวลา 1 ชั่วโมงในการกราบไหว้นมัสการ "หลวงพ่อโต"

    วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี  รอบๆ วิหารของหลวงพ่อโต มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน เนื่องจากในวรรณคดีมีอ้างอิงว่าพลายแก้ว (ขุนแผน) ได้มาบวชที่วัดนี้ 

    เสียดายที่มีเวลาแค่ 1 ชั่วโมง เดอะแกีงฯ ยังไม่อิ่มใจในการเดินชมจิตรกรรมฝาผนังนั้นเลย แต่ไม่เป็นไรในเมื่อสมาชิก 1 ในเดอะแก๊งฯ มีบ้านอยู่สุพรรณบุรี ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะกลับมาเยี่ยมเยือนอีกหลายๆ ครั้ง ^^