ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    ม่อนจุก •  กรกฎาคม 04 , 2560

    น่าน ... ฤดูฝน ไปเถอะแล้วจะหลงรัก ♥

    " น่าน " 
    .
    .

    จังหวัดเล็กๆที่แสนจะเงียบสงบ เรียบง่ายและ Slow Life

     

    ถ้าพูดถึงเมืองน่าน หลายๆคนคงจะติดภาพอากาศเย็นๆและสายหมอกในฤดูหนาว

    แต่จริงๆแล้ว น่านยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมายและสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู

    ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนต้นปี ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวน่านมาครั้งนึงแล้วและประทับใจจังหวัดนี้มากๆ

     

    ใครอยากตามรอยทริป 2 วัน 2 คืนแบบไม่ต้องลางานเข้าไปดูกันได้ที่ 

    https://th.readme.me/p/7445


     

    แต่ทริปครั้งนี้ผมไปน่านเมื่อกลางเดือน มิ.ย. 60 

    ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนเต็มตัว ถามว่าทำไมถึงมาฤดูฝน?

    ง่ายๆเลย พอดีจองตั๋วโปรของหาแดงได้ ไป-กลับ 600 บาท ฮ่าๆๆๆ 

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากไปเที่ยวแล้วได้เห็นวิวที่มันเขียวๆ เห็นแล้วสดชื่น

    ซึ่งแน่นอนฤดูฝนเป็นช่วงคุณจะเห็นต้นไม้และพืชต่างๆ แบบเขียวขจีแน่นอน

     

    และในช่วงฤดูฝนยังเป็นฤดูที่ชาวนาจะเริ่มทำนากันแล้วด้วย

    แต่ในช่วงที่ผมไปเพิ่งจะเริ่มทำกันบางพื้นที่เท่านั้น 

     

    โดยครั้งนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันแบบ 3 วัน 2 คืน

     

    ปัว - โรงเรียนชาวนา - กาแฟบ้านไทลื้อ - 

    วังศิลาแลง - ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ - วัดภูเก็ต - 

    น้ำตกสะปัน - อุ่นไอมาง - บ่อเกลือ - ถนนลอยฟ้า

     

    ที่พักคืนแรก - โรงเรียนชาวนาตำบลศิลาเพชร

    ที่พักคืนที่สอง - อุ่นไอมาง (Oun I Mang)


     

    เอาล่ะเกริ่นมาพอสมควร ตามไปเที่ยวน่านกันดีกว่าาาาาาาา

    หากชื่นชอบฝากติดตามผลงานกันได้ที่

    https://www.facebook.com/yaktieowtamma/

    เราออกเดินทางจาก กทม. โดย AirAsia ไปลงยังสนามบินน่าน
    เราถึงน่านกันแต่เช้า ซึ่งวันที่ไปฝนตกต้อนรับพวกเราตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว 
    ฮ่าๆๆ สมกับที่เป็นฤดูฝนจริงๆ 

    ทริปนี้เราเดินทางกัน 3 คน ผม แฟน และเพื่อนแฟน 
    ผมเช่ารถ Vios ขับจากสนามบิน ค่าเช่าวันละ 800 บาท (เป็นของ Local)
    โดยที่แรกที่เราไปแวะเมื่อได้รับรถก็คือ ...
    .

    .
    Hug Her Him นั่นเอง ... 

     

    เมื่อตอนต้นปีเรามาพักที่นี่แล้วได้รู้จักกับพี่บอม เจ้าของ Homestay นี้

    เลยซื้อของมาฝากและเยี่ยมเยียน แล้วก็ไปกันต่อยังเป้าหมายต่อไป

    ใครไปน่านแล้วอยากพักในเมืองแนะนำที่ Hug Her Him เลยครับ

    ที่พักห่างวัดภูมินทร์มากๆ เดินเที่ยวเล่นในเมืองได้สบายๆ

    https://www.facebook.com/hugherhimnan

     

    ขับรถตาม google map มาจากเมืองน่านประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ 

    เนื่องจากมีฝนตกปรอยๆตลอดทางเลยใช้ความเร็วมากๆไม่ได้ 

    อีกอย่างวิวข้างทางมันจะเขียวๆหน่อยทำให้เพลิดเพลินมากๆ

    แต่ไม่นานเราก็ถึงจุดแวะแรกตามแพลนของเราก็คือ

    " ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ " 

     

    ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ ต.ศิลาแลง อ.ปัว เป็นร้านกาแฟของร้านลำดวนผ้าทอชื่อดังแห่งปัว 

    นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอำเภอปัว และผ้าทอส่วนใหญ่เมื่อทอมาแล้วก็มีการจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน

     

     

     

    กาแฟร้านนี้รสชาติดีมากๆ เข้มข้น หวานมันและราคาเพียงแก้วละ 30-40 บาทเท่านั้น

     

     

     

    และที่นี่ทำให้เราเพลิดเพลินกับบรรยากาศแบบสุดๆ เพราะด้านหลังร้านจะมีศาลาและทางเดิน

    ที่วิวด้านหลังจะเป็นทุ่งนาและภูเขา เรียกได้ว่านั่งกิน นอนเล่นกันจนเพลินเลยล่ะ

     

     

     

    อิ่มหนำกับการถ่ายควายเอ้ยยย การดื่มแฟกันพอสมควร 
    เราออกเดินทางต่อไปยังบ้านพักในคืนแรกของเราวันนี้ที่

    " โรงเรียนชาวนา ต. ศิลาเพชร อ.ปัว "

     

    โรงเรียนชาวนา อยู่ห่างจากกาแฟบ้านไทลื้อไม่ไกล ขับรถประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

    การเดินทางไปยังโรงเรียนชาวนานั้น เราปักหมุด Google Map ไป 

    แต่ก็ต้องระวังนิดนึงเพราะมันจะพาเราหลงไปกลางทุ่งนา

    ถ้าตาม Map มามันจะพาเราไปเลี้ยวขวาที่ซอย 2 เราไม่ต้องเลี้ยว ให้ขับเลยมาอีกนิดจะเจอป้ายในรูปนี้

     

    ขับตามป้ายไปอีกนิดก็ถึงทางเข้าด้านหน้า ขับตามป้ายไปไม่หลงแน่นอน 

    ( ตอนแรกเราไปเลี้ยวซอย 2 ขับไปเรื่อยๆ ไปโผล่กลางทุ่งนากันเลย 5555 )


    ใครอยากไปพักที่นี่ลองติดต่อ โรงเรียนชาวนาตำบลศิลาเพชร 

    แต่อาจจะต้องจองล่วงหน้านานๆหน่อยนะครับ เพราะที่พักมีแค่ 4 หลัง

     

     

     

    อย่างที่บอกว่าโรงเรียนชาวนา นอกจากจะเปิดให้บริการที่พักแล้ว 

    ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำในช่วงที่เริ่มทำนา ให้ได้เรียนรู้กันอีกด้วย 

    เช่น สอนการทำนาตั้งแต่ ไถนา ดำนา เกี่ยวข้าว ฟาดข้าว เป็นต้น

    เเต่ช่วงที่เราไปยังไม่เริ่มทำนา ก็เลยได้แค่นอนพัก ถ่ายรูปเล่น ฮ่าๆ

     

    ซึ่งบ้านหลังที่เรามาพักนั้นชื่อ " เรือนรจนา "

     

     

     

     

    แต่ที่ฟิน ที่สุดก็คงเป็นห้องน้ำของที่นี่เนี่ยแหละ เปิดหน้าต่างออกไปวิวแบบว่า อาบไปฟินไปแน่ๆ 

    นอกจากนี้ผมยังไปเดินเล่นถ่ายรูปบ้านหลังอื่นด้วย เนื่องจากว่างมากๆ และไม่มีคนเข้าพัก

     

     

     

     

     

    หลังจากเช็คอินและพักผ่อนนอนเล่นกันสักพัก ก็เริ่มหิว
    มื้อบ่ายนี้เราฝากไปฝากท้องกันที่ร้าน

    " ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ " 
    ซึ่งที่นี่จะเป็นทั้ง Home stay และ ร้านอาหารอีกด้วย (ครัวปิด 18.30 นะจ้ะ)

     

     

     

     

     

    ถามว่าทำไมต้องมากินที่นี่ เพราะที่นี่จะมีทางเดินไปยังสถานที่ที่ผมอยากมาที่สุดในทริปนี้

    " วังศิลาแลง "

    แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะช่วงนี้ฝนตกพอดีและน้ำค่อนข้างเยอะ 

    ทำให้ได้ภาพมาแบบที่เห็นนี่แหละครับ T______T

     

     

     

    เราผิดหวังจากวังศิลาแลง ก็เลยกลับกันและท้องฟ้าก็ดูขมุกขมัวในวันนั้น

    ทำให้แพลนอีกที่นึงที่เราจะไปก็คือ

    " วัดภูเก็ต"

    เกือบจะยกเลิกไปเพราะท้องฟ้าไม่เป็นใจ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจขับรถไปลุ้นเอาดาบหน้า

     

    จากวังศิลาแลงขับรถประมาณ 15 นาทีก็มาถึงวัดภูเก็ต ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่วิวหลังวัด

    ซึ่งที่นี่ในช่วงที่ทำนาเต็มพื้นที่จะสวยมากๆ เขียวไปทั้งหมดนี่แหละ

    หลังจากถ่ายรูปกันพอสมควร ก็เดินทางกลับไปยังที่พักโรงเรียนชาวนา

     

     

     

     

     

    เช้าวันที่ 2

    เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศที่สดชื่นเย็นสบาย
    เพราะรอบๆบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยทุ่งนาและทุ่งดอกปอเทือง
    เป็นอะไรที่หลายๆคนคงแสวงหาที่พักแบบนี้ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ

    อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเราก็ออกไปทานอาหารเช้าที่ทางพี่นา เจ้าของจัดเตรียมให้เรา

    ฝีมือการทำอาหารของพี่นา ไม่ธรรมดาจริงๆ อร่อยจนอยากกลับไปกินอีกเลยล่ะ

     

     

     

    หลังจากอิ่มท้องแล้วเราเตรียมเก็บข้าวของเพื่อเช็คเอ้าท์ แต่ก่อนจะไปขอพาสาวๆไปถ่ายรูปเล่นหน่อยน๊

     

     

     

     

     

    ลาแล้ว โรงเรียนชาวนาไว้จะกลับมาเที่ยวใหม่นะ 

     

    ออกจากโรงเรียนชาวนา ในวันนี้เราจะไปต่อกันที่ อ.บ่อเกลือ 

    แต่ก่อนจะไปเราจะแวะไปทำภารกิจอย่างนึงที่

    "อุทยานแห่งชาติดอยภูคา"

     

    จากโรงเรียนชาวนาขับรถไปประมาณ 15-20 นาทีก็ถึงยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา

     

    ซึ่งภารกิจของเราในวันนี้ก็คือ ... ประทับตราสะสมของอุทยานนั่นเอง ฮาาาา 

    ประทับตราอุทยานเสร็จก็ไปแวะถ่ายรูปกันที่จุด ชมวิว 1715 ซึ่งดูภาพสิ...ขาวโพลนนนนนน 

    จริงๆที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคานี้มีที่พักเยอะมากและน่ามานอนพักด้วย

    แต่คงไว้โอกาสหน้าแล้วกันเพราะเราจะต้องไปต่อกันที่ อ.บ่อเกลือ และ น้ำตกสะปัน

     

    ซึ่งจากดอยภูคาไปยังบ้านสะปันนั้นระยะทางประมาณ 70 ก.ม.ใช้เวลาประมาณ 1.30 ช.ม.

    เพราะเป็นทางที่ขับขึ้นลงเขา อาจจะต้องใช้ความระมัดระวัง และใช้ความเร็วได้ไม่มากนัก

    และเเล้วเราก็มาถึงทางเข้า

    "น้ำตกสะปัน"

     

    ซึ่งเราจะต้องจอดรถไว้ที่นี่และเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 700-800 เมตรก็จะถึงน้ำตกชั้น 3 

     

    นั่นไงไกลๆ นั่นแหละ เหมือนเข้ามาอยู่ในป่าพิศวงจริงๆ เขียวไปหมดดดดด 

    เดินขึ้นไปอีกหน่อย ก็มาอยู่ตรงหน้าน้ำตกแล้ว 

     

    เดินเล่น ถ่ายรูปที่น้ำตกสะปันกันพอสมควร เราก็เข้าที่พักในวันที่สองของเรา


    " อุ่นไอมาง " 

     

    อุ่นไอมาง เป็น Home Stay เล็กๆที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกสะปัน

    ตกแต่งแบบกลิ่นไอ สไตล์ญี่ปุ่น ผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว

    ด้านหลังยังมีแม่น้ำมางไหลผ่านที่พักอีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วที่พักที่นี่จะมีแบบกระโจมด้วย

    และจะมีสะพานไม้พาดผ่านแม่น้ำข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อไปยังกระโจม

    แต่โชคไม่ดีก่อนวันที่เราไปพัก มีฝนตกลงมาเยอะทำให้น้ำพัดสะพานและกระโจมจนพังไป

     

    อุ่นไอมาง ณ สะปัน

     

     

    เจ้าตัวนี้เป็นเจ้าถิ่นมาต้อนรับเราตั้งแต่มาถึงเลยล่ะ 

    บริเวณห้องพักที่เราพักกัน 

     

     

     

     

     

    จัดแจงเก็บของ เดินถ่ายรูป นอนเล่นจนหายเหนื่อย เราก็ไปขับรถเล่นรอบๆที่พักกัน

    ซึ่งเราแอบถามคุณป้าคนดูแลมาว่า ช่วงนี้ชาวบ้านสะปันเริ่มทำนากันเเล้ว เลยขับรถไปดูกัน

    จากอุ่นไอมางต้องขับรถขึ้นเนินมาหน่อย ประมาณ 1 กิโลเมตรจะมีจุดที่สามารถมองเห็นวิวทุ่งนาที่สวยมากๆ 

     

     

     

     

     

    จากจุดนี้เราใช้เวลาหยุดถ่ายรูปกันพอสมควรเพราะของจริงมันสวยมากๆๆๆๆๆๆๆ

    เป็นนาของบ้านสะปัน ที่ยังทำได้ไม่เต็มพื้นที่นักเนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นฤดูทำนา

    แค่นี้ยังสวยสุดๆ ถ้ามาช่วง ก.ค. - ส.ค. น่าจะเขียวสุดๆไปเลยล่ะครับ

     

    ชาวนากำลังเดินกลับกันแล้ว 

     

     

    มองจากด้านบน เราลองขับรถลงไปชมวิวนาด้านล่างกันบ้าง 

     

     

     

    คุณป้าท่านนี้กำลังดำนาแบบแข็งขันมากๆ 

    เราเดินเล่นชมวิถีชีวิตของชาวนาบ้านสะปันกันจนเต็มอิ่มและเหงื่อไหล

    พวกสาวๆเริ่มหิวแล้วกลับไปอาบน้ำอาบท่า ทานอาหารเย็นและนอนพักผ่อนกัน


     

    เช้าวันที่สาม

    วันสุดท้ายของทริป วันนี้เรามีเวลาไม่มากนัก
    เพราะไฟลท์กลับของเราจะต้องบินตอน 4 โมงเย็นเป๊ะๆ

    พวกเราเลยตื่นเเต่เช้า ไปทานอาหารเช้ากัน

     

     

     

     

     

    กินอิ่มก็กลับมาเตรียมตัวเช็คเอ้าท์ ระหว่างรอสาวๆแต่งหน้าก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย

     

     

     

    บอกลา "อุ่นไอมาง" ไปด้วยภาพวิวหลังที่พักยามเช้า ไว้จะกลับมาเที่ยวใหม่นะ 

     

    ออกจากอุ่นไอมางประมาณ 9 โมงเช้าเราไปแวะกันที่ หมู่บ้านบ่อเกลือสินเธาว์ภูเขาแห่งเดียวในโลก

    ซึ่งขับจากอุ่นไอมางมาประมาณ 15 นาที ก็ถึงยังหมู่บ้านและใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง

    เพราะจะต้องรีบขับรถกลับไปให้ทันเที่ยวบิน ซึ่งเสียดายมากๆ ที่นี่เป็นแหล่งถ่ายรูปชั้นดีเลยแหละ ฮ่าๆๆ

    ไว้ต้องหาโอกาสมาซ้ำแน่ๆ

     

     

     

     

    ออกจากหมู่บ้านบ่อเกลือมา เราขับมาทางเส้นถนนลอยฟ้า 1081 อ.สันติสุข - อ. บ่อเกลือ

    ซึ่งเวลามาเที่ยวช่วงหน้าฝนนี่คนน้อยมากๆ เรียกว่านับรถคันที่สวนมาได้เลยล่ะ

     

     

    เราขับรถเข้าตัวเมืองน่านมาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปบ่อยมาก 
    จนมาถึงตัวเมืองน่านใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ


    แต่ทริปของเรายังไม่จบ เพราะเราจะแวะไปไหว้พระกันที่

    "วัดภูมินทร์"

     

     

     

     

     

    เสร็จแล้วก็ข้ามถนนมายัง ซุ้มลีลาวดี ซึ่งตอนต้นปีมีแต่กิ่งก้าน ไม่มีใบสักต้น

    แต่ถ้ามาฤดูฝน ก็จะได้เห็นแบบนี้อ่ะนะ 

    อีกฝั่งก็คือ ข่วงเมืองน่าน นั่นเอง 

     

    ไหว้พระเสร็จก็ได้เวลากลับกันแล้ว แต่ขอแวะไปหาของกินร้านเด็ดของจังหวัดน่านก่อนนะ

    ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไร้เทียมทานกับเล้งชิ้นโต อร่อยเเซ่บ จริงๆ

     

    แล้วไปต่อกันด้วยไฮไลต์ปิดท้ายทริป 

    "ร้านของหวานป้านิ่ม" 

    ร้านนี้อยู่ตรงข้ามวัดศรีพันต้น เป็นร้านของหวานที่โด่งดังมากๆของน่าน

    ราคาอาจจะแพงไปหน่อย แต่ก็อร่อยและรับได้กับรสชาติ อีกอย่างเมนูแปลกไม่เหมือนใครดี

     

     

     

    ไอติมบัวลอย / ไอติมข้าวเหนียวมะม่วง / ลอดช่องสิงคโปร์ทับทิมกรอบ 

     

     

     

    กินเสร็จ อิ่มอร่อยกันไปก็รีบบึ่งไปสนามบินจนเกือบไม่ทัน ฮ่าๆ

    ปิดทริป 

    "น่าน..ฤดูฝน" 

    ไปแบบประทับใจสุดๆ กับการมาเที่ยวฤดูฝน

    ซึ่งได้ความรู้สึกแปลกใหม่ สดชื่น เย็นสบายและ เขียวขจีสบายตามากๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนสมองสุด ๆ 

    น่านยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย ที่ผมยังอยากไปอีกหลายที่ คงต้องหาโอกาสกลับมาเยี่ยมเยียน

    จังหวัดที่แสนสงบแห่งนี้อีกครั้ง

     

    บ๊าย บาย

    " น่านนคร " 

    • โพสต์-2
    Aranya •  กรกฎาคม 29 , 2561

    ความคิดที่อยากจะไปเที่ยวที่จังหวัดน่าน

    อยากจะมีโอกาสไปเที่ยวที่จังหวัดน่านอีกจัง มีอะไรในหลายๆที่ ที่นังไม่เคยสัมผัส และไปแวะเวียน ขอเวลาอีกนิด