ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
4 สาวโสดล่องอีสานพิชิตภูกระดึง กับเส้นทางการเดินเท้า 3 วัน 2 คืน อุทยานแห่งชาติภูกระดึง (Phu Kradueng National Park) จ.เลย
    • โพสต์-1
    Namee •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    4 สาวโสดล่องอีสานพิชิตภูกระดึง กับเส้นทางการเดินเท้า 3 วัน 2 คืน

    สวัสดีทุกคน ทริป “ภูกระดึง” เป็นเส้นทางที่ 4 ของการเดินป่า
    โดยพวกเราออกทริปกันวันที่ 6-8 มกราคม 2560 (3 วัน 2 คืน)
    เที่ยวแบบเดินทางกันเอง  แบกกระเป๋าเป้กันเอง (ไม่มีตัวช่วยไม่ใช้สแตนอิน)

    #ชีวิตสาวโสดมีดีที่โหมดอิสระนะจ๊ะ

     

     

    >>พวกเราออกเดินทางในคืนวันที่ 5 มกราคม 2560 ด้วยรถโดยสารประจำทางซึ่ง ขึ้นที่หมอชิต 2 จองได้เที่ยวไป 20.00 น. ขากลับได้เที่ยว 20.00 เช่นเดียวกันแต่คนละบริษัท **การจองรถแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลย บางคนจองขาไปอย่างเดียว ส่วนขากลับรถเที่ยวไหนประเภทไหนผ่านมาขึ้นได้หมด  ส่วนพวกเราจองทั้งขาไปและขากลับ เป็นรถทัวร์ VIP (เน้นนอนสบาย) ก็นอนยาวมาถึงผานกเค้า ตอน ตี 2.30 น.

    สถานีขนส่งหมอชิต 2

     

    >>ต่อด้วยนั่งรถสองแถวเข้าอุทยานฯ ประมาณ 15 นาที ค่ารถ 300 บาทต่อคัน รถคันหนึ่งนั่งได้ 10 คน เท่ากับค่ารถคนละ 30 บาท ก็รอจนคนเต็มคันรถถึงออก

    สองแถวที่ให้บริการระหว่างเส้นทางผานกเค้า - อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

     

    >>ถึงอุทยานฯ ก็นั่งรอ นอนรอกันไปจนอุทยานเปิด ซึ่งเปิดตอน 8.00 น. จากนั้นทุกคนก็ทำเรื่องติดต่อขอขึ้นตาม ขั้นตอนการปฏิบัติก่อนพิชิตยอดภูกระดึง กันได้เลย


    ขั้นตอนการปฏิบัติก่อนพิชิตยอดภูกระดึง

    1. ซื้อบัตรค่าบริการบุคคล ติดต่อช่องหมายเลข 3

          อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ

    • ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
    • ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท

    2. ติดต่อสำรองที่พัก (บ้านพัก, เต็นท์, พื้นที่กางเต็นท์) ผ่านทางเว็บไซต์ของอุทยานฯ ติดต่อช่องหมายเลข 1 หากไม่ได้สำรองที่พักผ่านทางเว็บไซต์ ติดต่อช่องหมายเลข 2 เพื่อสำรองที่พักบนยอดเขา

    3. นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเอง ติดต่อช่องหมายเลข 4 เพื่อชำระค่าพื้นที่การเต็นท์ (30 บาท/คน/คืน)

    4. โครงการมัดจำบรรจุภัณฑ์ ติดต่ออาคารหมายเลข 3

    5. จ้างหาบสัมภาระขึ้นเขา ติดต่ออาคารหมายเลข 4 (อัตรากิโลกรัมละ 30 บาท)

                    ขั้นตอนการปฏิบัติในการติดต่อลูกหาบ

                    1. ซื้อบัตรติดสัมภาระกับเจ้าหน้าที่ ตามจำนวนชิ้นที่จะว่าจ้าง และรับคิวชั่งน้ำหนัก

                    2. กรอกข้อมูลนักท่องเที่ยวหรือผู้ว่าจ้าง และวันที่ลงบนบัตรสัมภาระทั้ง 3 ส่วน

                    3. เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว เจ้าหน้าที่จะกรอกรายละเอียด น้ำหนัก ของสัมภาระแต่ละชิ้น และชื่อลูกหาบ

                    4. เมื่อเดินถึงยอดดอยให้ไปติดต่อขอรับสัมภาระจากลูกหาบ ณ บริเวณอาคาร รับ-ส่ง สัมภาระ

     

    ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

     

    >>ด้านแรกที่ต้องรอ คือติดต่อขอใช้บริการในทุกๆ ช่องบริการเพื่อชำระเงิน ขอแนะนำว่าถ้ามากันหลายคนควรแยกย้ายหรือแบ่งหน้าที่กันไปต่อคิวเพื่อรับบริการในแต่ละช่องบริการ

    จุดบริการติดต่อสำรองที่พัก และซื้อบัตรค่าบริการบุคคล 

     

    อาคารหมายเลข 3 โครงการมัดจำบรรจุภัณฑ์

     

    อาคารหมายเลข 4  ติดต่อจ้างหาบสัมภาระขึ้นเขา 

     

    กำหนดให้ปิด-เปิดการท่องเที่ยวเฉพาะบนยอดเขาภูกระดึง

    1. ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
    2. เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี

     

    ข้อกำหนดในการเดิน
    1. การเดินทางขึ้นภูกระดึง อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00 - 14.00 น. ของทุกวัน

    2. หลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้เดินขึ้นหรือลงเขา เพราะในการเดินเท้าต้องใช้เวลา ประมาณ 4-5 ชั่วโมง อาจเดินขึ้นเขาหรือลงเขาไม่ทันก่อนเวลาก่อนพลบค่ำ

     

    การเดินทาง : รถโดยสารประจำทาง

    เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต 2) สายกรุงเทพ-เมืองเลย ลงรถที่ผานกเค้า หรือสถานีขนส่งอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สอบถามข้อมูลรถโดยสาร โทร.0-2936-2852-66 อัตราค่าโดยสาร

    • รถปรับอากาศ VIP 24 ที่นั่ง ราคา 590 บาท
    • รถปรับอากาศ VIP 32 ที่นั่ง ราคา 449 บาท
    • รถปรับอากาศ ชั้น 1 ราคา 258 บาท
    • รถปรับอากาศ ชั้น 2 ราคา 280 บาท

    หมายเหตุ : ลงรถที่ผานกเค้า จากนั้นต่อรถสองแถวจากผานกเค้า - ถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ราคา 30 บาท/คน

     

    จองที่พักและบริการออนไลน์ : http://nps.dnp.go.th//reservation.php
    หมายเหตุ : นักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ขอให้ติดต่อ สอบถาม หรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้า ทั้งที่พักประเภทเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติและพื้นที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเองตามแผนผังจุดพักแรม ก่อนเดินทาง ได้โดยตรง ณ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์หมายเลข 0-4281-0833 และหมายเลข 0-4281-0834 (ในเวลาราชการ)

     

    สิ่งอำนวยความสะดวก : มีบริการเช่าเต็นท์นอน ขนาด 3 คนนอน ราคา 225 บาท/คืน,  ถุงนอน  30 บาท/คืน, แผ่นปูนอน ผืนละ  20 บาท/คืน, หมอน 10 บาท/คืน, ผ้าห่มใหญ่  50 บาท/คืน,  ผ้าห่มเล็ก  30 บาท/คืน, มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการ, มีร้านอาหารให้บริการอย่างเยอะ (ราคาแพงกว่าท้องตลาดทั่วไปเนื่องจากการขนส่งค่อนข้างลำบาก อยากกินอาหารราคาท้องตลาดต้องขนขึ้นไปเองจ๊ะ) และจุดพักเต็นท์และจุดชมวิวมีสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือค่าย

     

    สถานที่ติดต่อ
    อุทยานแห่งชาติภูกระดึง หมู่ที่ 1 บ้านศรีฐาน ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย 42180
    โทรศัพท์ : 042-810833
    จองบ้านพัก : 042-810834
    อีเมล์ : pkd_11@hotmail.co.th

     

    • โพสต์-2
    Namee •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    ออกเดินให้สนุก... ให้มีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำ

    "ภูกระดึง" เป็นภูเขาหินทราย ที่มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างใหญ่คล้ายรูปใบบอน ประกอบด้วยเนินเตี้ยๆ  ยอดสูงสุดคือ บริเวณคอกเมย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ  1,316 เมตร

     

    ระยะทางในการเดินเท้า

    1. จากจุดเริ่ม – หลังแป ระยะทางการเดินเท้าประมาณ 5.5 กิโลเมตร เส้นทางการเดินขึ้นมีทั้งทางราบ และทางชัน ส่วนใหญ่เป็นทางชัน ลักษณะเส้นทางส่วนมากเป็นพื้นดินปนหินทราย

    2. จากจุดหลังแป – ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (วังกวาง) ระยะทางการเดินเท้าประมาณ 3 กิโลเมตร เส้นทางการเดินเป็นทางราบ ลักษณะเส้นทางการเดินเป็นพื้นดินปนทราย

    3. บนยอดภูเป็นพื้นที่ราบกว้างใหญ่คล้ายรูปใบบอน เส้นทางในการเดินไปดูจุดชมวิวแต่ละจุดมีระยะทางไม่เท่ากัน จุดชมวิวที่อยู่ไกลที่สุด คือ ผาหล่มสัก ใช้ระยะทางในการเดินเท้าประมาณ 9 กิโลเมตร จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทุกจุดชมวิวจะมีเส้นทางเดินลัดถึงกันได้

     

    >>เมื่อคนพร้อม สัมภาระพร้อม ทุกอย่างพร้อม พวกเราออกสตาร์ทกันตอน 7.30 น. ระหว่างเดินก็จะเจอจุดพักเหนื่อยในแต่ละซำ ซึ่งก็จะมีทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่มให้บริการนักท่องเที่ยวกัน แต่ละซำราคาก็จะแตกต่างกันออกไปตามระยะทาง จากที่สังเกตมาเห็นมีที่พักเหนื่อยด้วยกัน 9 จุด แบ่งออกเป็นช่วงๆ

     

    >>การเดินขึ้นระดับความชันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทาง Go Go Go ออกเดินกัน

    จุดเริ่มต้นของการออกเดิน

     

     

    >>จุดพักแรกของพวกเรา "ซำแฮก" วิวสวย

     

    >>จุดพักของแต่ละซำก็จะมีอาหารคล้ายๆ กัน

    อาหารหลักสากลของภูกระดึง

     

    >>เดินทางกันต่อ หนทางอีกยาวไกล แต่วิวสวย บรรยากาศดี ก็ทำให้หายเหนื่อยได้เยอะเลย

     

    >>ระหว่างที่เดินจะสวนกับพี่ๆ ลูกหาบตลอดทางทั้งขาไปและขากลับ

    อีกหนึ่งอาชีพที่น่านับถือ เป็นแรงงานที่ต้องใช้ความพยายาม และความอดทนมากๆ

     

    >>ระยะทางช่วงใกล้ถึง "หลังแป" เริ่มชันและโหดขึ้นเรื่อยๆ 

    ขนาดเด็กๆ ยังออกมาพิชิตภูกระดึงเลย

     

    >>หลังแป หลังแป เดินถึงมาหลังแปแล้ว ด้วยระยะทาง 5.5 กิโลเมตร มาดูบรรยากาศบนหลังแปกัน

     

    >>มาถึงหลังแปพวกพี่ๆ ลูกหาบก็จะสบายหน่อย เพราะต่อไปจะเป็นทางราบ พวกพี่เขาก็จะถ่ายสัมภาระต่างๆ ใส่รถเข็น และทำการเดินเข็นกันต่อไป 

     

    >>และชีวิตพวกเรายังไม่หยุดอยู่แค่นี้ ต้องเดินทางราบต่อ ใช่จ๊ะเดินกันต่อ ด้วยระยะทางอีก 3 กิโลกว่า เพื่อไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 

     

    >>พวกเราเดินมาถึงตอนเที่ยงกว่าๆ ก็ทำการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเรื่องพื้นที่ ที่ได้ทำเรื่องจองสำหรับกางเต็นท์ เต็นท์นอน และถุงนอน ซึ่งพวกเราจองผ่านออนไลน์เจ้าหน้าที่ก็จัดเตรียมพร้อมกางเต็นท์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

     

    >>เข้าที่พัก หาข้าวหาปลากิน และก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย เพื่อรอเวลาไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่  “ผาหมากดูก”  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนัดเวลาเพื่อเตรียมตัวออกเดินตอน 4 โมงเย็น 

    ที่พักของพวกเราอยู่ในโซนร่มไม้ โชคดีเลยไม่โดนอยู่กลางแดด

     

    เพื่อนบ้านของเรา แล้วแต่ว่าใครจะเลือกทำเลกางเต็นท์กันตรงไหน

     

    มื้อแรกของพวกเรากับอาหารบนภู อาหารตามสั่งราคาอยู่ที่จานละ 60 บาท น้ำขวดละ 50 บาท

     

    >> 4 โมงเย็น เวลาของการเดินทางก็มาถึง ออกไปดูพระอาทิตย์ตกที่ " ผาหมากดูก"

    ป้ายบอกทางในการไปจุดชมวิวต่างๆ ไป "ผาหมากดูก" เลี้ยวซ้าย

     

    "ผาหมากดูก"  อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 2.5 กิโลเมตร เป็นผาที่มีลานหินกว้างขวาง เป็นจุดสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก และเป็นสถานที่ที่ใกล้กับที่พักมากที่สุด

    ปิดท้ายด้วยอาหารมื้อค่ำแบบง่ายๆ กับอุณหภูมิหลัก 10 กว่าๆ

     

    • โพสต์-3
    Namee •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    เดินกัน 20 กิโลเมตร ถ้าขาเธอไหว ใจฉันก็สู้...

    >>วันที่ 2 พวกเราตื่นกันตอนตี 4 ครึ่ง เพื่อเตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ผานกแอ่น” โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำทางเพื่อพาพวกเราไป ทุกคนที่จะไปต้องไปรวมตัวกันที่หน้าอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พร้อมไฟฉายเพื่อใช้ในการส่องทางเดินด้วยนะจ๊ะ

     

    "ผานกแอ่น" อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นลานหินเล็กๆ มีสนขึ้นโดดเด่นริมหน้าผาต้นหนึ่ง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่ง เทือกเขา หมู่บ้านได้ และสามารถเห็นผานกเค้าได้ชัดเจน

     

    >>หลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นแล้ว สามารถเดินไปลานวัดพระแก้วกันต่อได้ ซึ่งอยู่ห่างไปเพียง 500 เมตร

     

    "ลานวัดพระแก้ว" เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2463 บริเวณลานหินที่กว้างขวางมีพรรณไม้ดอกพวกดุสิตา เอื้องม้าวิ่ง ขึ้นอยู่ทั่วไป

     

    >>หลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น และเที่ยวลานวัดพระแก้วเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินกลับมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อหาข้าวกินและเตรียมเสบียงมื้อเที่ยงสำหรับเดินทางไปยังจุดชมวิวอื่นๆ ต่อ

    ศูนย์อาหารของภูกระดึงจะมีให้บริการสองฝั่ง

     

    อาหารมื้อเช้าข้าวราดแกง 2 อย่าง ราคา 70 บาท

     

    >>ต่อด้วยกาแฟสดยามเช้า ชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้จริงๆ ร้านนี้เลยลองมาแล้ว 2 เช้า

     

    >>ตามด้วยปลาท่องโก๋ ของแก้มคู่กาแฟ แบบร้อนๆ

     

    >>และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเตรียมเสบียงไว้กินมื้อเที่ยงระหว่างเดิน

    ง่ายๆ สไตล์ข้าวเหนียวหมูทอด ชุดละ 60 บาท

    • โพสต์-4
    Namee •  กุมภาพันธ์ 03, 2560
    • โพสต์-5
    Namee •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    เดินกัน 20 กิโลเมตร ถ้าขาเธอไหว ใจฉันก็สู้... (ต่อ)

    >>พวกเราวางแผนการเดินกันไว้ว่าจะเดินเก็บให้ครบเกือบทุกสถานที่บนภู ที่พวกเราสามารถจะเดินไปถึงได้ตามแผนที่ ที่มีอยู่ เพื่อให้ทันเวลาภายในหนึ่งวัน และกลับมาให้ถึงที่พักก่อนมืด หลังจากที่กินข้าวเสร็จพวกเราเริ่มออกเดินทางกันตอน 10 โมงครึ่ง การเดินทางเริ่มจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว >>  ไปลานพระศรีนครินทร์ >>  ไปน้ำตกวังกวาง>>  ไปสระอโนดาต >>  ไปน้ำตกถ้ำสอเหนือ >>  ไปผาหล่มสัก >>  ไปผาแดง >>  ไปผาเหยียบเมฆ >>  ไปผานาน้อย

    แผนที่ราคา 10 บาท มีขาย ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

     

    พวกเราเลือกไปเที่ยวจุดชมวิวต่างๆ ด้วยการเดิน

     

    มีบริการเช่าจักรยานปั่นเที่ยวรอบภูด้วยนะ จักรยานมีหลายแบบราคาก็แตกต่างกันออกไป
    ราคาตั้งแต่ 200 -300 บาท มีทั้งแบบเช่ารายชั่วโมง และเช่าแบบทั้งวัน

     

    จุดที่ 1 ลานพระศรีนครินทร์

    "ลานพระศรีนครินทร์ (องค์พระพุทธเมตตา)" เป็นที่ประดิษฐ์องค์พระพุทธเมตตา ทุกวันที่ 18-19 เมษายน ของทุกปี ชาวบ้านจะขึ้นมาสักการะ และสรงน้ำองค์พระ เป็นลานหินราบ มีหินตะปุ่มตะป่ำบริเวณรอบ พื้นที่รวมประมาณ 2,500 ตรม. บริเวณโดยรอบประกอบไปด้วยป่าสนเขา

     

    จุดที่ 2 น้ำตกวังกวาง

    “น้ำตกวังกวาง”  เป็นน้ำตกอยู่ใกล้กับที่พักมากที่สุดในบรรดาน้ำตกบนภูกระดึง ระยะทางเพียง 750 เมตร จากจุดเริ่มต้นตรงบริเวณบ้านพัก ลักษณะน้ำตกเป็นผาหินสูง 7 เมตร ตัดขวางลำธาร ธารน้ำไหลลงยังวังน้ำเบื้องล่าง ซึ่งมีลักษณะคล้ายโพลงถ้ำมุดลงไปและบริเวณป่าใกล้ๆ ก็เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงกวางมักจะลงมากินน้ำอยู่เสมอๆ จึงเรียกว่า “วังกวาง” บริเวณน้ำตกมีที่กว้างขวางให้ได้นั่งพักสบายๆ หลายมุม เพราะน้ำตกอยู่ไม่ไกล สามารถลงเล่นน้ำได้

    ช่วงต้นเดือนมกราคม ยังพอมีน้ำตก และใบเมเปิ้ลหลงเหลืออยู่ให้เห็นนิดหน่อย
    อย่างน้อยก็ไม่เสียเที่ยวที่เดินมา

     

    จุดที่ 3 สระอโนดาต

    “สระอโนดาต” อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 3.4 กิโลเมตร เป็นสระน้ำตามธรรมชาติมีน้ำตลอดปี มีต้นสนสองใบและสามใบขึ้นตามรอบสระ ใกล้กันยังมีลานกินรีซึ่งเป็นสวนหินธรรมชาติที่อุดมไปด้วยพรรณไม้ทั้งพวกกินแมลงอย่างดุสิตา หยาดน้ำค้าง หรือเฟิน เช่น กระปรอกสิงห์ บนหินยังมีไลเคนขึ้นอยู่เต็มไปหมด

    >>พอเดินมาถึง “สระอโนดาต” ณ จุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่คนส่วนใหญ่เดินมาถึง มักนั่งพักเหนื่อยและพักกินข้าวกัน (สำหรับคนที่นำเสบียงติดตัวมาด้วยนะ) 

     

    >>Go Go Go ถ่ายรูปเสร็จก็เดินกันต่อ เป้าหมายต่อไปคือ “น้ำตกถ้าสอเหนือ”

     

    จุดที่ 4 น้ำตกถ้ำสอเหนือ

    “น้ำตกถ้ำสอเหนือ” อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 5.7 กิโลเมตร น้ำตกสูง 10 เมตร สายน้ำตกไหลผ่านแผ่นหินและตกลงกระทบหินก้อนใหญ่ด้านล่าง บริเวณเหนือน้ำตกมีดงกุหลาบแดงซึ่งในช่วงฤดูร้อนจะผลิดอกสร้างสีสรรค์ให้กับบริเวณนี้สวยงามยิ่งขึ้น

    ระหว่างทางมันช่างน่าหยุดถ่ายรูปไปซะทุกจุดเลย
    ทุกเวลาของพวกเราต้องคุ้มค่าที่สุดเพราะเดินเหนื่อย

     

     

    จุดที่ผาหล่มสัก

    "ผาหล่มสัก" อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตกดินอีกหนึ่งแห่ง ที่มีลักษณะแผ่นหินที่ยื่นออกมากับช่วงมุมโค้งกิ่งสน 

     

    >>พวกเราเดินมาถึง “ผาหล่มสัก“ กันตอนบ่ายโมงกว่าๆ จากเส้นทางที่เดินผ่านมามีที่นี่ละที่มีร้านอาหาร และห้องน้ำให้บริการ  และที่นี่ก็เป็นจุดพักกินข้าวของพวกเราด้วยแต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการร้านอาหารนะ เพราะพวกเราเตรียมเสบียงกันมาเอง

    อาหารกลางที่พวกเราเตรียมกันมา

     

    ร้านอาหาร ณ ผาหล่มสัก

     

    >>นั่งชิลๆ กันเกือบจะ 3 โมง ก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไป “ผาแดง”

     

    จุดที่ 6 ผาแดง

    “ผาแดง” เป็นหน้าผาหินทรายตัดตรงและมีก้อนหินเรียงราย บริเวณโดยรอบเป็นป่าสน มีพื้นที่ประมาณ 600 ตรม. มีความชันบริเวณรอบประมาณ 30 องศา

     

    >>ออกลุยต่อ ณ “ผาเหยียบเมฆ” เดินเส้นทางนี้แล้วรู้สึกไม่เปลี่ยวเลย เพราะมีแต่คนเดินสวนทางมาตลอดเพื่อจะไป “ผาหล่มสัก” ขนาด 4 โมงเย็นแล้ว คิดดูกว่าจะไปถึงแล้วต้องเดินกลับย้อนมาอีก 9 กิโลเมตร  เพื่อเดินกลับไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกกว่าจะถึงก็คงมืด  แต่ก็อย่างว่านะบางคนตั้งใจไปให้ถึงที่นั้นช่วงเย็นพอดีเพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกดิน

    >>ซึ่งต่างจากเส้นที่พวกเราเดินกันมาช่วงเช้าไม่ค่อยมีคนเดินสวนมาเท่าไร และก็ส่วนน้อยที่จะเดินไปเส้นนี้กัน ส่วนใหญ่จะเดินลัดไปผาอื่นๆ กัน แต่พวกเราเลือกที่จะเดินวนรอบ เพื่อไม่ไปซ้ำกับจุดชมวิวที่เคยไปมาแล้ว

     

    จุดที่ 7 ผาเหยียบเมฆ

    "ผาเหยียบเมฆ"  เป็นผาที่มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง เป็นจุดหนึ่งที่สามารถชมทะเลหมอกในยามเช้า เมื่อยืนอยู่บริเวณหน้าผาจะมองเห็นเมฆ หมอก ลอยปกคลุมทั่วหุบเขา ทำให้รู้สึกเหมือนยืนอยู่เป็นก้อนเมฆ ลักษณะโดยรอบเป็นหินทรายมีลานหินตะปุ่มตะป่ำ คล้ายก้อนเมฆ บริเวณโดยรอบเป็นป่าสน หน้าผามีความสูง มีความลาดชัน 30-35 องศา

     

    >>จาก “ผาเหยียบเมฆ” เดินกันต่อเพื่อมา “ผานาน้อย”  และ ณ จุดนี้ละที่พวกเราเลือกที่จะเดินลัดเพื่อไปยัง ”สระแก้ว” ไม่ไปต่อ “ผาจำศีล” และไม่ไปซ้ำ “ผาหมากดูก”  ซึ่งไปมาแล้วเมื่อวาน เพราะจากการคำนวณเส้นทางถ้าเดินไปต่อระยะทางไกลกว่าหากว่าจะกลับไปยังจุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (เราสัมผัสกับธรรมชาติมาทั้งวันแล้วอยากพัก 555++)

     

    จุดที่ 8 ผานาน้อย

    “ผานาน้อย” เป็นจุดถ่ายรูปและชมวิว ใช้เป็นที่หยุดพัก หน้าผาแห่งนี้อยู่กับหมู่บ้านนาน้อย ซึ่งอยู่เชิงเขา ลักษณะโดยรอบเป็นป่าสน มีลานหินอยู่ชิดริมหน้าผา พื้นที่โดยรวมประมาณ 350 ตรม. มีความลาดชัน 15 องศา

    เจอเด็กๆ บนภู ไม่ได้เลยพวกเรานางงามรักเด็กต้องรีบเอาหนมไปแจก 555++

     

    จุดชมวิวไม่ต่างกันเท่าไร

     

    จุดที่ 9 สระแก้ว (สุดท้าย)

    “สระแก้ว”  อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 1 กิโลเมตร อยู่ในส่วนต้นน้ำของลำธารสวรรค์ “ธารสวรรค์” ลักษณะเป็นวังน้ำลึกขนาดไม่กว้างนัก น้ำใสมากจนมองเห็นพื้นหินขาวสะอาด เป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่าจำนวนมาก ต่อจากบริเวณสระแก้วมีทางเดินชมธรรมชาติผ่านลานหิน ซึ่งมีดอกหรีดสีม่วงอมน้ำเงินเกสรสีเหลือง ขึ้นอยู่เป็นทุ่งไปจนถึงผานาน้อย แยกซ้ายไปจะพบกับผาจำศีล ซึ่งมีลานหินกว้างพอให้นั่งพักผ่อน จากผาจำศีลประมาณ 600 เมตร จะถึงผาหมากดูก หากแยกขวาจะผ่านผาเหยียบเมฆ และผาแดง แล้วก็จะถึงผาหล่มสัก

     

    >>เดินทางกันต่อกับเส้นทางตัดเพื่อเดินลัดกลับที่พัก ณ จุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และจะได้เดินผ่าน ”สระแก้ว” กันด้วย  ก็เดินกันไปอยู่พักหนึ่งไม่เจอ ”สระแก้ว” สักที ก็เดินกันไปถ่ายรูปเล่นกันไป ตอนนั้นเป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว

     

    >>เดินกันจนถึงเส้นทางตัดอีกหนึ่งทาง ก็ยืนดูป้ายบอกทางกันทำให้รู้ว่าพวกเราเดินผ่าน ”สระแก้ว” กันโดยที่ไม่รู้ว่านั้นคือ ”สระแก้ว” เพราะมันมีไม่ป้ายอะไรบอกเลยว่าถึง ”สระแก้ว” แล้ว  สมกับคำที่ว่าเดินผ่านจริงๆ  เพราะ  “สระแก้ว” เป็นลำธารเล็กๆ ที่ไหลผ่านเส้นทางเดิน พวกเราก็คิดว่าลำธารธรรมดา แต่ก็แวะล้างมือล้างหน้ากันอยู่

    ลำธารน้ำที่อยู่ด้านหน้าของพวกเรานั้นคือ สระแก้ว ไม่รู้เลยจริงๆ ไม่มีป้ายบอก

     

    >>ภาระกิจเดินเท้า 20 กิโล ผ่านไปได้ด้วยดี พวกเราเลยขอปิดจ๊อบของวันนี้ด้วยการกินจิ้มจุ่มร้อนๆ ให้นอนหลับสบายก่อนวันเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้

    ราคาหม้อละ 500 บาท         

    • โพสต์-6
    Namee •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    ลาก่อยภูกระดึง ม่วนหลาย หย่างรอบภูซาวโล น่องโต๊โต...

    >>เช้าของวันที่ 3 พวกเราวางแผนลงภูกันตอน 9 โมง แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ออกไปหาอะไรกินกัน อาหารเช้าพวกเรา "ร้านสุภาภรณ์ แกแฟสด"

    ร้านนี้อาหารอร่อย พ่อค้าชงกาแฟก็น่ารัก 555++
    No No No ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นมันอยู่ที่รสชาติของกาแฟล้วนๆ

     

    >>ท้องอิ่ม ทุกอย่างพร้อม 9 โมงครึ่งละ กลับๆ เช่าอะไรมาก็นำทุกอย่างไปคืน ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เช่นเดิม

    ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับป้ายกันหน่อย ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับป้ายที่อยู่ตรง "หลังแป" เหมือนไม่ได้มาภูกระดึง  

     

    >>ขาลงชิลมากๆ พวกเราใช้เวลาในการเดินลงประมาณ 3 ชั่วโมงได้ ถึงอุทยานฯ ตอน 12.00 น. พอดี

     

    การเที่ยวภูกระดึงไม่ง่ายสำหรับคนไม่กล้าที่จะลอง แต่ก็ไม่ยากสำหรับคนที่มีฝันว่าจะไป
    #อย่าให้คำว่าหากมาปิดกันความอยากของตัวคุณ

    1. หากคุณเป็นคนใจง่าย ลองออกไปพิชิตภูกระดึง เพราะมันไม่ง่ายอย่างใจของคุณ

    2. หากคุณอยากขึ้นภูกระดึงแบบสบายๆ ไม่ต้องพกอะไรไปมากมาย เพียงแค่พกตังค์ไปเยอะๆ เท่านั้นพอ

    3. หากคุณอยากเดินเที่ยวบนภูกระดึงให้สนุก คุณต้องเดินให้รู้สึกเหมือนกับตอนกำลังกิน แล้วคุณจะรู้สึกฟินถึงรสชาติ

    4. หากคุณคิดว่าภูกระดึงนั้นขึ้นง่าย  ใครๆ ก็ขึ้นได้ ความคิดของคุณเกือบถูกต้อง เพราะถ้าเทียบกับดอยอื่นๆ ภูกระดึงอาจขึ้นไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ที่ว่าง่ายคือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบไม่ต้องพกอะไรไปมากมายนอกจากเสื้อผ้า แถมเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคนที่มีฝันว่าอยากจะไป

    5. หากคุณอยากเป็นหนึ่งในผู้พิชิต ให้คุณคิดถึงคำว่า "เราคือผู้พิชิตภูกระดึง"

    #เราคือผู้พิชิตภูกระดึง  #ข้าฯขอสัญญาจะปกป้องผืนป่าตลอดไป

     

    สรุปค่าใช้จ่าย :  ตลอดทั้งทริปการเดินทาง 3 วัน 2 คืน ประมาณ 2,600 บาท/คน

    By : Namee Be Bear

    ขออภัยหากมีข้อมูลส่วนใดผิดพลาดไป และก็ขอโทษด้วยหากทำให้เมื่อยนิ้วในการเลื่อนดู
    ขอฝากเพจน้องใหม่ของเจ้าของรีวิวด้วยนะจ๊ะ ถ้าชอบให้กดไลน์ ถ้าถูกใจช่วยกดแชร์

    Fanpage : https://www.facebook.com/KanXengStudio/