ตามหา "แผนที่ประเทศไทย" ใน อ.เนินมะปราง

ใครรัก ใครชอบผจญภัย เที่ยวถ้ำวันนี้เรามี ถ้ำ Unseen มาแนะนำ..

          ทริปนี้เหมาะสำหรับผู้รักการผจญภัยเชิงอนุรักษ์และเที่ยวชมถ้ำ ซึ่งใครที่รู้ตัวว่าไม่ชอบความคับแคบหรือ ข้อเข่าไม่ดี อาจต้องเบรกการตัดสินใจกันก่อนก็เป็นได้ เพราะบอกก่อนว่า งานนี้ผู้ที่จะมาต้องเลอะเทอะ และเป็นสายย่อกันหน่อย เพราะเราจะต้องทั้งเดิน คลาน มุด ลอดผนังและเพดานถ้ำ ซึ่งมีลักษณะเพดานที่ต่ำมากๆ คือทุกคนต้องเดินในแบบย่อตัวกันเลยทีเดียว

          จุดหมายการเดินทางของเราครั้งนี้อยู่ที่ “เขาผาหลวง” บ้านคลองซับรัง ตำบลไทรย้อย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ด้วยการนำพาของพี่ชายใจดี “คุณพี่ตุ่น” พิษณุชัย ทรงพุฒิ จากศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเนินมะปรางและเป็นจิตอาสาด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มรักษ์เนินมะปราง เมื่อพี่ตุ่นบอกว่า จะพาไปตามหาแผนที่ประเทศไทยกันถึงในถ้ำ สำหรับเราแล้ว ไม่คิดรีรออะไร ตัดสินใจไปทันที เพราะเป็นคนชอบลุยๆ อยู่แล้ว และเมื่อมาถึงบ้านคลองซับรัง พี่ตุ่นแนะนำให้รู้จักกับ พี่สกนและกลุ่มท่องเที่ยวไทยไทรย้อย ซึ่งเป็นทีมคนในท้องถิ่นนักสำรวจถ้ำที่มีหัวใจอนุรักษ์ในทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่นของตนเอง พี่สกนบอกว่า ถ้ำแห่งนี้ยังคงเป็น ถ้ำเป็น (ถ้ำ อันมีลักษณะการเกิดและก่อตัวของหินงอก หินย้อยที่ยังคงสมบูรณ์อยู่ คงความเป็นธรรมชาติ ไม่มีวัตถุหรือสิ่งก่อสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกใดๆ)  ภายในถ้ำจะค่อนข้างมืด ดังนั้น ไฟฉาย จึงเป็นสิ่งจำเป็น และที่สำคัญจะต้องมีผู้นำทางเข้าไปชมเท่านั้น ไม่สามารถเดินเข้าไปลำพังเองได้ ผู้ที่เข้าชมก็จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ข้อแนะนำ: สำหรับนักท่องเที่ยวในการมาชมถ้ำ ไฟฉาย ที่ว่าสำคัญ ก็คงไม่เท่ากับการนำ "จิตสำนึกที่ดี" ในการมาเที่ยวชมธรรมชาติภายในถ้ำ อันนี้สำคัญที่สุด

 

          ระยะทางที่เราจะเข้าสำรวจและชมถ้ำเพื่อตามหาแผนที่ประเทศไทยนั้น โดยประมาณ 120 เมตร (ไม่รวมการเดินเท้า) เมื่อทุกคนพร้อมกันแล้ว พี่สกนก็นำเราเดินทาง โดยปากทางเดินขึ้นไปยังปากถ้ำ จะเริ่มต้นที่บริเวณวัดถ้ำผาหลวง แล้วเดินเท้าต่อเข้าป่าไปไม่ไกล จากเส้นทางเรียบ ก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นเส้นทางชันของเขาหินปูน มีหินก้อนน้อยใหญ่ที่เราจะต้องใช้กำลังขาปีนป่ายก้อนหินขึ้นเขาไปให้พอได้เหงื่อ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว  บริเวณก่อนถึงปากถ้ำ พี่สกนและพี่ตุ่นพาเราแวะชมร่องรอยบริเวณที่เคยขุดค้นพบซากกระดูกที่ถูกทับถมรวมกันอยู่เป็นจำนวนมากในชั้นดิน ซึ่งอดีตเคยมีพระธุดงค์และชาวบ้านได้เข้ามาพบและขุดเจอ แต่ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญใดๆ เข้ามาสำรวจและศึกษาอย่างละเอียดว่ากระดูกที่พบเหล่านี้ เป็นกระดูกของสิ่งมีชีวิตชนิดใดกันแน่ ถึงวันนี้ชาวบ้านก็ยังได้แต่หวังว่า สักวันหนึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสำรวจและทำการศึกษาเพื่อที่จะได้ให้ความรู้กับชาวบ้านและเป็นความรู้ทางธรณีวิทยา ในการบอกกล่าวนักท่องเที่ยวและผู้สนใจต่อไป

          จากจุดค้นพบกระดูก เราเดินทางกันต่อ ปีนป่ายก้อนหินกันเป็นว่าเล่น ขึ้นเขาไปอีกนิด ก็ถึงปากถ้ำกันแล้ว ทางเข้าถ้ำจะเป็นทางลงที่ค่อนข้างชัน แต่ไม่มาก ก็ต้องระวังกันซักหน่อย ตอนนี้ไฟฉายในมือที่เตรียมกันมาก็พร้อมใช้งาน ที่สำคัญค่อยๆ เดินเรียงแถวตามๆ กันไป อย่ารีบร้อย พยายามเดิมตามเส้นทางเดินของผู้นำทาง หากมาในช่วงฤดูฝนเหมือนเราในครั้งนี้  ภายในถ้ำอาจชื้นและลื่นบ้างเป็นบางจุด สำหรับถ้ำแห่งนี้เดิมก็คือ ถ้ำเขาผาหลวง ระหว่างทางก่อนที่จะไปถึงจุดไฮไลท์ที่เราตามหา ได้พบเห็นค้างคาวที่อาศัยอยู่ภายในถ้ำอยู่พอสมควร สักพักพี่ตุ่นและพี่สกนได้พาเราแวะชมความงดงามของธรรมชาติอย่างหินงอก หินย้อย และหินที่มีลักษณะคล้ายชั้นน้ำตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุดซากฟอสซิลของหอยดึกดำบรรพ์ที่ฝังตัวอยู่ตามผนังถ้ำ อันเนื่องจากด้วยความที่พื้นที่เนินมะปรางในอดีตเมื่อหลายร้อยล้านปี เคยเป็นทะเลมาก่อนและเขาหินปูนทั้งหมดในพื้นที่ก็มีมากว่า 360 ล้านปี เราจึงได้พบกับซากฟอสซิลดังกล่าวฝังตัวอยู่หลายจุดทีเดียว

          หลังจากชมซากฟอสซิลและความงดงามของหินงอก หินย้อยกันไปแล้ว พี่สกนบอก ได้เวลาที่ทุกคนจะต้องเปลี่ยนจากการเดินตัวตรงปกติ กลายเป็นมนุษย์สายย่อกันแล้ว “ท่าเดินเป็ด” ที่ใช้ในตอนเด็กๆ ตอนนี้ได้เวลาจะนำกลับมาใช้กันใหม่ เพราะเส้นทางข้างหน้าต่อไปนี้ เราจะต้องมุด ลอดไปตามช่องและเพดานถ้ำ ซึ่งค่อนข้างเตี้ยและแคบ สำคัญที่สุดคือ ขณะที่เราย่อตัวเดินลอดเพดานถ้ำไป ขอให้ระมัดระวังหินงอก หินย้อยที่อยู่ตามเพดานถ้ำด้วย ทุกคนปฏิบัติตามที่ผู้นำทางบอกด้วยความทุลักทุเล แต่สนุกและได้รสชาติการผจญภัยไม่น้อย ชาวคณะเราบางคนไม่ขอเป็นสายย่อ แต่ขอคลานไปเลยก็มี เพราะเห็นทีว่าจะสะดวกกว่าเยอะ ทำเอาเรียกเสียงฮากันใต้เพดานถ้ำอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่ากว่าจะถึงจุดไฮเลท์นี่ สุดๆ เลยทีเดียว

          หลังจากมุด ลอด คลานเข่า เป็นสายย่อลอดมาตามเส้นทางใต้เพดานถ้ำ ก็ออกมาถึงห้องเล็กๆ ที่พอให้เราได้ลุกยืนคลายเมื่อยได้อย่างสบาย ค่อยยังชั่ว แต่! ห้องๆ นี้จุดคนได้เพียงแต่ 8-10 คน ดังนั้นเลยต้องทยอยกันเข้ามา ซักพักมีเสียงของพี่ภรณ์ หนึ่งในกลุ่มท่องเที่ยวไทยไทรย้อย ที่พาเราเข้ามาพูดขึ้นว่า “ไหนใครหาแผนที่เจอบ้าง” ทุกคนร้องว่า ถึงแล้วหรอ และต่างคนต่างกากันยกใหม่ ปรากฏว่าต้องนั่งลงและก้มมองย้อนไปใต้เพดานถ้ำที่เราเข้ามา ในที่สุดก็พบแล้วค่ะ “แผนที่ประเทศไทย” ไม่อยากจะเชื่อว่าธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ เพราะด้วยลักษณะของพื้นหินปูนที่ถูกน้ำกัดเซาะจนมีลักษณะคล้ายแผนที่ประเทศไทย เหมือนมากๆ ขอบอก และด้วยความเหมือนแผนที่ประเทศไทยนี้เอง ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ถ้ำแผนที่” จนติดปากมาถึงวันนี้ แต่ที่แน่ๆ เราอยากจะรู้เหลือเกินว่า ใคร? ช่างสรรหาเส้นทางและเป็นคนเข้ามาพบเจอ สืบไปสืบมาที่แท้คนที่เข้ามาเจอแผนที่ประเทศไทย ก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่พาเรามาสำรวจ และที่สำคัญก็เป็นภรรยาของพี่สกนเอง นั่นก็คือ พี่ภรณ์ หรือ พี่รัตนาภรณ์  ผู้ที่ให้เราตามหาแผนที่ ซึ่งพี่ภรณ์คนนี้ อายุปัจจุบันก็อยู่ในวัยกลางคนแล้วล่ะค่ะ แต่แกเป็นผู้หญิงที่ยังดูแข็งแรงมาก พี่ภรณ์เล่าว่า “ตอนพี่เข้ามาเจอ ตอนนั้นเพราะเกิดจากความดื้อ ความซนของตัวเอง เข้ามาตั้งแต่สมัยเด็กๆ 30 กว่าปีแล้ว ชอบเที่ยวป่า เที่ยวเขา ชอบเข้าไปเที่ยวถ้ำโน้นถ้ำนี้ในพื้นที่หมู่บ้าน ด้วยเป็นคนที่ชอบสำรวจและคิดว่าในเมื่อมันมีทางเข้า มันก็ต้องมีทางออก เลยเดินเที่ยวสำรวจถ้ำ บางทีก็มากับเพื่อน บ้างก็มาคนเดียว เที่ยวไปเที่ยวมาในถ้ำ อย่างที่เขาผาหลวงนี่ ตอนเข้ามาก็เลยมาเจอว่า พื้นหินบริเวณนี้มันมีลักษณะเหมือนแผนที่ ก็เลยเอาไปบอกต่อๆกัน”         ปัจจุบัน “ถ้ำแผนที่ประเทศไทย” แห่งนี้ ด้เป็นแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN อีกแห่งของ ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก นอกจากนี้การเที่ยวชมถ้ำในพื้นที่ตำบลไทรย้อยในเวลานี้ ก็กำลังจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวผจญภัยเชิงอนุรักษ์ต่อไป

               สุดท้ายทั้งพี่ตุ่น พี่สกน พี่รัตนาภรณ์และกลุ่มท่องเที่ยวไทยไทรย้อย เขาก็ได้ฝากไว้ให้กับนักท่องเที่ยวหลายๆ ท่านที่สนใจว่า หากมาเที่ยวถ้ำ ขอให้มาเที่ยวด้วยใจรักและอนุรักษ์ คือไม่ทำลาย การเข้าไปชมถ้ำต่างๆ ขอให้สัมผัสด้วยตา มืออย่าแตะ อย่าต้อง อย่าไปจับในส่วนของหินงอก-หินย้อยที่ยังคงเป็นอยู่ พูดกันภาษาชาวบ้านว่า “ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสีย” นั่นล่ะค่ะ เพียงเท่านี้ธรรมชาติที่เราได้มาเห็นในตอนนี้ ก็จะอยู่ต่อไปให้ลูกหลานเราได้ชมต่อไปอีกนานๆ

ขอขอบคุณผู้นำทางหัวใจอนุรักษ์

: พี่ตุ่น พิษณุชัย ทรงพุฒิ ศูนย์ประสานงานท่องเที่ยวเนินมะปราง โทร.08 5400 1727

: กลุ่มท่องเที่ยวไทยไทรย้อย โทร. 08 1044 2628

: พี่สกน และพี่รัตนภรณ์ กันนะราช