ว่ากันด้วยเรื่องของฤดูแห่งความรักในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลาย ๆ คู่คงมีแพลนพาหวานใจไปสวีทที่ไหนสักที่อย่างแน่นอน  ส่วนผมพอเห็นว่าเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์แถมเกาะทางใต้ช่วงนี้อากาศกำลังดี ก็เลยแพลนว่าทริปนี้ผมจะพาทุกท่านไปสัมผัสความโรแมนติค ส่วนตัว และเป็นธรรมชาติของเกาะแห่งหนึ่งใน จังหวัดภูเก็ต ไม่ต้องบอกก็รู้จะเป็นเกาะไหนไปไม่ได้ นอกจาก "เกาะไม้ท่อน" นั่นเอง และขอบอกว่าการมาเที่ยวเกาะไม้ท่อนครั้งนี้จะพิเศษกว่าครั้งไหน เพราะเราจะค้างคืนที่เกาะนี้ด้วย อย่าเพิ่งสงสัยไปว่ามีที่พักด้วยหรอ ตามมาดูให้จบก่อนแล้วคุณจะอยากค้างคืนบนเกาะนี้สักครั้งอย่างแน่นอน

เกาะไม้ท่อน หรือ  Honeymoon Island  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเก็ต อยู่ห่างจากภูเก็ตประมาณ 9 กิโลเมตร สามารถเดินทางด้วยเรือสปีทโบ๊ทเพียง 15 นาทีเท่านั้นเอง ใครชอบเมาเรือไม่ต้องห่วง แป๊บเดียวก็ถึงแล้วยังไม่ทันจะเริ่มเมาเลยด้วยซ้ำ ส่วนที่มาของเกาะไม้ท่อนแห่งนี้ เมื่อเรามองจากมุมสูงจะมีลักษณะคล้ายท่อนไม้เรียวยาว มีชายหาดยาว ทรายขาว น้ำใสสมคำล่ำลือ แถมต้นไม้ และธรรมชาติบนเกาะยังอุดมสมบูรณ์เปรียบดังโอเอซิสกลางทะเลอันดามัน 

ด้วยความที่เป็นเกาะส่วนตัวจึงทำให้มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเกาะนี้ได้น้อย และยังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ไม่เกิน 500 คน / วัน ทำให้ธรรมชาติของเกาะยังสวยงาม เเนวปะการังใกล้หน้าหาดยังเต็มไปด้วยดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมายหลากหลายชนิดแหวกว่ายต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เราไปชมกัน นอกจากนี้เกาะไม้ท่อนยังเป็นจุดที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำนำหอยมือเสือมาเพาะพันธุ์ และมีการปลูกปะการังเทียมเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย เล่าถึงประวัติมานานถึงเวลาเรียกขึ้นเรือซะแล้ว เจอกันบนเรือนะครับ

ท่าเรือของเราคือ ท่าเรือ Dolphin ท่าเรือนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยทีเดียว ใครยังไม่ได้ทานมื้อเช้ามาจะมาสั่งที่นี่ทานก็ได้ ทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ต่าง ๆ มีพร้อม เรียกว่าตรงคอนเซ็ปต์ของความพรีเมี่ยมอย่างแท้จริง ใกล้เวลาเรือออกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติก็ทยอยมาต่อแถวเตรียมขึ้นเรือ การเดินทางไปเกาะไม้ท่อนของเราครั้งนี้เราไปกับเรือ Catamaran ลำใหม่เอี่ยมของ Maiton Private Island ที่แสนสะดวกสบาย และหรูหรา เรือลำนี้มีขนาดใหญ่มาก สามารถจุคนได้กว่า 40 คนเลยทีเดียว ข้อดีของเรือแบบนี้คือเป็นเรือสองกาบที่จะช่วยลดการกระแทกของคลื่นในทะเลได้เป็นอย่างดี ล่องเรือไปแบบนิ่ม ๆ ชมวิวได้รอบ มีมุมถ่ายรูปสวยเก๋แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และไม่ได้เหมาะกับแค่คู่รักเท่านั้น ครอบครัวไหนมีเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุก็สามารถพามาได้สบายเลย แถมบนเรือก็มีเครื่องดื่ม Soft Drink ไว้คอยบริการดับกระหายคลายร้อนกันอีกด้วย

สนุกกับการดำน้ำในจุดแรกแล้ว ถึงเวลาที่จะได้เจอ เกาะไม้ท่อน จริง ๆ แล้ว แอบตื่นเต้นอยู่เหมือนกันครับ โดยเรือจะวนจากอ่าวน้ำห้องมาส่งเราที่ท่าเรือของเกาะไม้ท่อน ภาพแรกที่มาถึงเกาะ จะพบสะพานไม้ทอดยาวลงมาในทะเล จุดนี้ถือเป็นไฮไลต์ที่ห้ามพลาด หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเก็บความประทับใจได้เลย ใครมาเดี่ยวจะเซลฟี่ก็ได้ ใครมากันเป็นคู่ก็จัดภาพหวาน ๆ ไปหลาย ๆ ซ็อต หรือหากมาเป็นแก๊งค์ ก็ต้องมีงานภาพกระโดดกันบ้างล่ะ จากนั้นเราก็เดินตามสะพานมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอเก้าอี้สีขาวพร้อมป้ายบอกทางเก๋ ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปเช็คอินกัน เมื่อมองไปทางขวาจะเห็นชายหาดที่ทอดยาวสุดสายตา ทรายสีขาวเนียนนุ่มดูสะอาดน่าสัมผัส ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋วที่มองเห็นถึงพื้นทรายด้านล่างไล่เฉดสีสวยงาม และระหว่างที่ตะลึงกับความงามทั้งหมดนี้ก็ลืมไปว่าถึงเวลามื้อกลางวันแล้ว ต้องรีบไปจับจองโต๊ะเตรียมทานมื้อกลางวันกันก่อน โดยมื้อกลางวันของที่นี่จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีอาหารทั้งคาวหวานให้เลือกทาน ทั้งสปาเกตตี้ ข้าวผัด ไก่ทอด อาหารไทย รวมถึงบาร์บีคิวซีฟู้ดที่สดใหม่เหมือนเพิ่งขึ้นมาจากทะเล นอกจากนี้ยังมีน้ำผลไม้หลายชนิดไว้เพื่อดื่มให้ชื่นใจก่อนทำกิจกรรมต่อไป

พอบ่าย ๆ ก็เป็นช่วงฟรีสไตล์ ใครอยากนอนชิลล์ริมทะเลก็ได้ หรือจะไปนวดสปา นวดแผนไทย นวดน้ำมันที่นี่ก็มีให้บริการ หรือจะลงเล่นน้ำริมหาดก็มีบริการให้เช่าห่วงยางยูนิคอร์น ฟาร์มิงโก้ โดนัท และแบบอื่น ๆ ให้ลงไปเล่นด้วยนะ ไม่ต้องแบกมาเองให้เปลืองพื้นที่ในกระเป๋า ส่วนใครยังดำน้ำจากจุดแรกไม่จุใจก็สามารถดำต่อที่หน้าหาดได้เลย ขอบอกเลยว่าหน้าหาดนี้ความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก และใต้น้ำก็สวยไม่แพ้ที่ไหน ทั้งปะการังสีสวยงาม ปลาหลากชนิด แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ที่นี่มีพนักงาน หรือ Drive Master คอยดูแลความปลอดภัยอยู่ตลอดด้วย เพิ่มเติมสำหรับคนที่สนใจดำน้ำลึกก็มีบริการพร้อม และอุปกรณ์ก็มีพร้อมด้วยเช่นกัน

ประมาณบ่ายสามโมง นักท่องเที่ยวแบบ One Day Trip รอบแรกก็ทยอยกลับ ความเงียบสงบของเกาะก็เริ่มมีมากขึ้น จนเมื่อถึงห้าโมงเย็น ทั้งเกาะแทบเป็นของเรา นักท่องเที่ยวทุกกรุ๊ปเดินทางกลับไปหมด เหลือแต่เราเท่านั้นที่ได้มีโอกาสพักแบบ Overnight ทั้งเกาะเงียบสงบมากจริง ๆ มีเพียงหาดทราย สายลม และเสียงคลื่น เราเช็คอินเข้าไปเก็บของที่ห้องพัก เตรียมออกมารับประทานอาหารเย็น ระหว่างนี้เราจะพาไปชมห้องพักกันก่อน ห้องพักบนเกาะเป็นแบบ Beachfront Pool Villa สามารถเข้าพักได้ทั้งแบบคู่รัก หรือจะมากันเป็นครอบครัวก็ยังได้ ซึ่งแพคเกจนี้จะรวมตั้งแต่การนั่งเรือ อาหารเช้า กลางวัน เย็น รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ บนเกาะ เรียกได้ว่าแค่มาให้ถึงท่าเรือฝั่งภูเก็ตก็พอ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับแพคเกจนี้จะขึ้นอยู่กับช่วงฤดูการท่องเที่ยว สามารถสอบถามล่วงหน้ากับทางรีสอร์ทได้เลย แต่ละห้องจะมีลักษณะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ใครชอบแบบมีจากุชชี่ในห้องก็มี การตกแต่งเน้นเรียบง่าย สบายตา เฟอร์นิเจอร์ครบครัน เหมือนบ้านพักตากอากาศริมทะเลดี ๆ นี่เอง 

**เพิ่มเติมสำหรับใครที่สนใจแพคเกจ Overnight ต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้นนะครับ** 

มื้อเย็นของที่นี่เราสามารถเลือกได้ว่าจะทานในห้อง หรือริมทะเล ใครชอบกินข้าวไปชมวิวไปแนะนำริมทะเลเลยครับได้บรรยากาศสุด ๆ ยิ่งได้ทานกับคนรู้ใจแล้วล่ะก็ ฟินจนบรรยายเป็นคำพูดได้ไม่หมดจริง ๆ อาหารจะเสิร์ฟเป็นเซ็ทสำหรับสองคน ในปริมาณที่อิ่มกำลังดี ทานมื้อค่ำไปชมวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วย มื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษเลย และถ้าวันไหนฟ้าเปิดจะนอนดูดาวริมหาดก็โรแมนติคไม่แพ้นอนแช่อ่างในห้องเลยล่ะ  

เช้าแล้วหลังจากที่เมื่อคืนมีฝนตกนิดหน่อย แต่เช้านี้อากาศกลับปลอดโปร่งท้องฟ้าแจ่มใส มีแดดอุ่น ๆ ปลุกให้ตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นจากหน้าห้องพัก สักประมาณ 8 โมง อาหารเช้าก็มาเสิร์ฟถึงที่ห้องพัก ช่วงเช้า ๆ นี้ก็ยังคงเงียบสงบ และเป็นส่วนตัวอยู่เช่นกัน วันนี้เราลองเดินไปอีกฝั่งของเกาะที่มีชิงช้า และศาลาริมทะเลให้นั่งพักผ่อน นำมีหนังสือเล่มโปรดซักเล่มมานอนอ่านตรงนี้คงเพลินจนลืมเวลาไปเลย หาดฝั่งนี้จะเป็นโขดหินซะส่วนใหญ่ แต่ก็สวยแปลกตา นับเป็นมุมถ่ายรูปที่สวยงามไปอีกแบบ

กิจกรรมต่อไปสำหรับคนที่พักบนเกาะคือ การนั่งเรือออกไปชมโลมาที่มาเล่นคลื่น การชมโลมานั้นจะต้องนั่งเรือยางออกไปวนชมอย่างใกล้ชิด บางวันโลมาก็ขึ้นหน้าเกาะ บางวันก็ไปโผล่ที่หลังเกาะ มาทีก็จะมากันหลายฝูง ฝูงนึงก็มีหลายสิบตัว กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ผมชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งตื่นเต้น และสนุกมาก ไม่เคยได้ใกล้ชิดโลมาในทะเลขนาดนี้มาก่อน จริง ๆ แล้วโลมาเป็นสัตว์ขี้เล่น และน่ารัก แม้จะตื่นตัวง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็มีนิสัยที่ขี้สงสัย พอเห็นเรือแล่นผ่าน ก็เข้าว่ายมาเล่นใกล้ ๆ เป็นเวลานาน  ทำให้ได้ภาพน่ารัก ๆ ทั้งบนบก และใต้น้ำ ว่ากันว่าเจ้าโลมาก็เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเกาะไม้ท่อนด้วย

สุดท้ายก่อนกลับก็มีกิจกรรม Jungle Tour ที่จะพาเรานั่งรถชมวิวตามจุดต่าง ๆ ของเกาะ ทั้งเขาช่องลม อ่าวเรือแตก อ่าวน้ำห้อง และจุดชมวิวองค์พระ หากใครไม่ได้เข้าพักแต่อยากนั่งรถชมวิว สามารถติดต่อได้ โดยค่ารถอยู่ที่ 1,200 บาท / คัน นั่งได้ 4 คน ถือว่าคุ้มนะ เพราะจุดชมวิวแต่ละจุดก็มีความงาม และลักษณะที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป อย่างจุดแรกที่อ่าวเรือแตก จุดนี้จะมีซากเรือเก่าที่ถูกคลื่นซัดมาอยู่ริมฝั่ง มีชายหาดเล็ก ๆ ให้เดินชม จุดที่สองคือ เขาช่องลม จุดนี้ไม่มีชายหาด เป็นวิวเขาที่เห็นเวิ้งอ่าวของเกาะไม้ท่อนที่สวยงาม จุดที่สาม อ่าวน้ำห้อง จุดนี้เองคือจุดที่เราดำน้ำในวันแรกที่มาถึงเพราะมีปะการังใต้น้ำที่สวยงาม มีชายหาดโค้งรับสองฝั่งลักษณะเป็นห้อง จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำห้องนี่เอง ส่วนจุดสุดท้าย คือจุดชมวิวองค์พระ สามารถเห็นวิวได้ถึง 3 จังหวัด ทั้ง ภูเก็ต พังงา และกระบี่ วันไหนฟ้าโปร่งสามารถมองทะลุเห็นเกาะพีพีของกระบี่ได้เลย ทุกจุดสวย และน่าประทับใจมาก แนะนำว่าห้ามพลาดถ้ามีโอกาศมาเที่ยวเกาะไม้ท่อนนี้

สำหรับการเดินทางมาเที่ยวเกาะครั้งนี้ถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เต็มอิ่มกับการดำน้ำอย่างจุใจ ไหนจะนั่งเรือชมโลมา ไหนจะนอนนวดสปาริมหาด อีกทั้งยังได้นั่งรถชมวิวของเกาะที่ส่วนตัวสุด ๆ แห่งนี้ด้วย คอนเฟิร์มเลยว่าเป็น Private Island อย่างแท้จริง หากใครมองหาความสงบ เป็นส่วนตัวบนเกาะที่ไม่ไกลจากภูเก็ตอยู่ละก็ รีบโทรจองห้องได้เลย รับรองว่าจะฟินจนไม่อยากกลับฝั่งกันเลยทีเดียว และยิ่งถ้าเราได้เห็นคนข้าง ๆ ยิ้มอย่างมีความสุขไปกับทริปนี้ด้วยแล้วล่ะก็ รับรองว่าเราคงอยากจะติดเกาะที่นี่ตลอดไป แล้วเจอกันใหม่ "เกาะไม้ท่อน"

ที่อยู่ : Maiton Private Island, Phuket 100 Moo 7, Vichit , Maung, Thailand 83000

GPS : 7.770434, 98.478869

เบอร์ติดต่อ :  085-835 3888 , 085-835 3456

Email : info@maitonprivateisland.com   

Website : http://www.maitonprivateisland.com

ช่วงเวลาแนะนำ : ควรไปเที่ยวช่วง High Season ระหว่างเดือน ธันวาคม - เมษายน

ไฮไลต์ : เป็นเกาะส่วนตัวที่แสนโรแมนติก เหมาะสำหรับคู่รัก หรือครอบครัวที่ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่

กิจกรรม : ดำน้ำชมปะการัง และความงามใต้ท้องทะเล , นั่งรถชมจุดชมวิวแต่ละอ่าวของเกาะ , พักผ่อนแบบส่วนตัวกับห้องพักสุดหรู

เริ่มจากตัวเมืองภูเก็ต ขับรถไปทางอ่าวมะขาม ไปยังท่าเรือ Dolphin Seaway ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีจากตัวเมือง มีที่จอดรถให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถมาเอง