ปลายทางของเราสูงกว่าเขาลูกไหน ๆ ในเทือกนี้ .. มองหาไม่ยากเป็นยอดที่มีองค์พระธาตุตระหง่านฟ้าอยู่บนนั้น ตัวเลข 3.8 กิโลเมตร คือระยะทางที่เราต้องเดิน และปีนป่ายสู่การผจญภัย หากพร้อมแล้ว! รางวัลอันล้ำค่ากำลังรอเราอยู่บนนั้น มาร่วมเป็นหนึ่งในผู้พิชิต เขาเลอกวาเดาะ ไปด้วยกันเลยนะครับ ...
ในส่วนของโปรแกรมท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน แบบคร่าว ๆ จะเป็นดังนี้ครับ...
- วันแรก เตรียมความพร้อม นอนที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย
- วันที่สอง เดินขึ้นเขา และนอนบนเขาเลอกวาเดาะ
- วันที่สาม เดินลงเขา อาบน้ำที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย แล้วเดินทางกลับ
ว่าแล้วก็มาเริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ของเรากันเลย เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงอำเภอท่าสองยาง วันแรกเราจะค้างกันที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย กันก่อน 1 คืน ซึ่งที่นี่มีทั้งบ้านพักอุทยานฯ และลานกางเต็นท์ (มีห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำไว้ให้บริการ) จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของที่นี่ก็จะมี ม่อนครูบาใส ที่มีเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อยากแนะนำ ส่วน ม่อนพูนสุดา และ ม่อนกิ่วลม เหมาะกับการชมทะเลหมอกสวย ๆ ในยามเช้า นอกจากนี้ก็ยังมี น้ำตกชาวดอย และ น้ำตกแม่ระเมิง ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดกลางที่สามารถแวะพักลงเล่นน้ำกันได้แบบฟิน ๆ (ค่าเข้า อุทยานแห่งชาติแม่เมย ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท และ ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท)
ในเช้าวันต่อมาเราต้องจอดรถกันไว้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่เมย ซึ่งเป็นระเบียบที่ทาง อบต.แม่วะหลวง ได้ขอไว้เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องข้อขัดแย้งในการแย่งนักท่องเที่ยวระหว่างหมู่บ้านใกล้เคียง รวมถึงข้อจำกัดของบริเวณลานจอดรถของหมู่บ้าน ทั้งยังเป็นการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เกิน 50 คน / วัน ได้อีกทาง (ค่าใช้จ่ายรถรับ-ส่ง อช.แม่เมย-หมู่บ้านเกร๊ะคี อยู่ที่ 3,000 บาท / นักท่องเที่ยวไม่เกิน 10 คน)
จากที่ทำการอุทยานฯ ถึงหมู่บ้านเกร๊ะคี มีระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงจุดสตาร์ทที่ทีมลูกหาบรอชั่งน้ำหนักสัมภาระอยู่ โดยลูกหาบ 1 คนจะช่วยเราแบกสัมภาระทั้งขาไป และขากลับได้ไม่เกิน 25 กิโลกรัม (ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,000 บาท / ลูกหาบ 1 คน)สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมน้ำดื่มมาให้เพียงพอนะครับ อย่างน้อย ๆ ซัก 1.5 ลิตร / คน เพราะในช่วงที่สองของเส้นทางเราจะเริ่มเหนื่อย และกระหายน้ำถี่ขึ้น การจิบน้ำทีละนิดจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้มากเลยทีเดียว เหลือบดูเวลานี่เราเดินกันมาได้เกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เรามาถึงจุดที่เป็นห้องน้ำ ซึ่งถือว่าสะอาดสะอ้านเลยทีเดียว (เป็นแบบส้วมซึมนั่งยอง) น้ำที่เอาไว้ใช้ถูกสำรองไว้ในแทงค์ขนาดใหญ่ พี่เจ้าหน้าที่ที่นำทางบอกว่าอีกอึดใจเดียวเท่านั้น เดี๋ยวเราก็จะถึงจุดกางเต็นท์กันแล้ว เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเราก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ออกเดินจนมาถึงจุดพักแรมกันเสียที