สวัสดีหัวหินกับการเดินทางมาที่นี่ครั้งที่แสน โอ๊ยเว่อร์ๆๆ ฮ่าๆๆ แต่มาแต่ละครั้งก็ยังไม่เบื่อนะคะ

โดยเฉพาะครั้งนี้มาหัวหินกับประสบการณ์ใหม่ มีคนพาเที่ยวไม่ต้องเตรียมแพลนอะไรทั้งนั้น

เพราะโชคดีได้รับรางวัลพิเศษสุดๆจากกิจกรรม Amari Discovery Huahin

ของโรงแรม Amari และ Thetrippacker

ทริปนี้กินหรูอยู่สบายในสไตล์ Amari สุดๆค่ะเลยพาแม่ไปด้วยจะสนุกจะสบายแค่ไหนไปชมได้ในรีวิวกันเลยค่ะ

 

ทริปนี้ไม่ได้รับเพียงแค่ที่พักที่อมารีหัวหินแต่ทางอมารียังพาเราเที่ยวตลอดทั้งทริป

เอาเป็นว่าไม่ต้องพกเงินไปสักบาทอมารีส่งรถมารับถึงหน้าปากซอยบ้านเลยค่ะ

ทั้งกินทั้งเที่ยวฟรีหมดทริปนี้เลยตัดสินใจพาคุณแม่ไปสัมผัสความสะดวกสบายกับเราด้วย

เริ่มวันแรกด้วยราชรถที่มาเกยถึงหน้าปากซอยบ้าน

หลังจากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ทิศใต้แวะสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกที่คิดว่าเกิดเป็นคนไทยไม่รู้จักละก็แปลกนัก

ไปกันมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย คือเริ่มมาหัวหินครั้งแรกๆต้องผ่านด่านที่นี่ก่อนนะคะไม่งั้นถือว่าผิดสเตป

ที่นี่ก็คือ “พระที่นั่งมฤคทายวัน” พระที่นั่งสักทองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ไม่ได้มานานมากแล้ว กลับมาอีกทีก็ยังชอบสถานที่แห่งนี้เดินไปนึกจินตนาการภาพตามถึงสมัยที่

เจ้านายในสมัยก่อนมาพักผ่อนกันที่พระราชวังแห่งนี้ และที่ทางอมารีหัวหินพาเรามาที่นี่

นอกจากที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญแล้วการในดีเทลของการออกแบบโรงแรมอมารีหัวหิน

สถาปนิกก็ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถานที่แห่งนี้ด้วยโดยนำดีเทลบางส่วนไปใส่ในการออกแบบโรงแรมอีกด้วย

 

 

 

ชมความงามย้อนอดีตไปกับพระที่นั่งมฤคทายวันกันแล้วก็ออกเดินทางต่อเพื่อเช็คอินที่โรงแรมค่ะ

พอถึงโรงแรมก็นั่งรอเช็คอินสักพัก แต่แปบๆก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว

มื้อนี้ทางอมารีได้จัดอาหารให้เรารับประทานที่ห้องอาหารรีฟ เดลี่ แอนด์ ไวน์ เลาจน์

ระหว่างรออาหารเราก็สั่งเครื่องดื่มแต่ไม่ใช่ไวน์นะคะ ถามคุณเจี๊ยบว่ามีเครื่องดื่มอะไรแนะนำมั้ย

คุณเจี๊ยบแนะนำแก้วนี้ค่ะ แอปเปิ้ลลิ้นจี่ ปกติเราไม่ค่อยชอบนะคะเครื่องดื่มแบบนี้ที่แบบนำผลไม้มารวมกันหลายชนิด

แต่พอชิมเท่านั้นแหละ โอ้มายคอมบุ ทริปนี้สั่งแอปเปิ้ลลิ้นจี่ไปทั้งหมด 4 แก้ว ขากลับสั่งใส่แก้วมาทานในรถด้วย

คุณคิดว่ามันอร่อยมั้ยละ? ครั้งหน้าถ้าไปหัวหินต้องแวะไปซื้อแน่นอน

 

ไม่นานอาหารจานแรกก็มาเป็นหมูสะเต๊ะ ตามด้วยกุ้งผัดซอสมะขามและสุดท้ายเมนูไฮไลท์

“ไก่ระกำ” ชื่อดูรันทดแต่ซดเกือบหมดถ้วย 5555555

เป็นเมนูที่เชฟของอมารีใช้ในการแข่งขันรายการเชฟกระทะเหล็ก

แล้วชนะเชฟกระทะเหล็กอาหารไทยมาแล้วนะคะ การันตีขนาดนี้อยากสั่งมาลองกันมั้ยละ

ไม่ได้ดีแค่คุณสมบัติรสชาติก็อร่อยสมกับตำแหน่งที่ได้จริงๆ

 

 

 

ของคาวเสร็จของหวานก็ตามมาเป็นขบวนเลยค่ะ โอ้แม่เจ้าจะเอาไปไว้ตรงไหนของกระเพาะเนี่ย

สุดท้ายต้องชิมชิ้นละเล็กน้อยอร่อยทุกชิ้นจริงๆ แต่ชิ้นที่ติดใจไม้แพ้น้ำแอปเปิ้ลลิ้นจี่คือ

บลูเบอรี่ชีสชิ้นที่สองจากทางซ้ายค่ะชิ้นกลมๆนั่นแหละ ร้องโอ้มายคอมบุอีกแล้ว

เราชอบทานบลูเบอรี่ชีสมากเพราะฉะนั้นทานมาหลายที่ ยอมรับเลยว่าอร่อยจริง

สุดท้ายซื้อกลับบ้านอีกแล้วครับท่านแต่จะเป็นชิ้นใหญ่นะคะ ส่วนชิ้นอื่นก็อร่อยค่ะแต่เราชอบบลูเบอรี่ชีสที่สุด

อร่อยทุกชิ้นเลยเสียดายที่กระเพาะน้อยๆรองรับไม่ไหวจริงๆ ถ้าเป็นวันสุดท้ายคงขอห่อกลับบ้าน ฮ่าๆๆๆๆ

ดูเหมือนอาหารจะมีไม่กี่อย่างแต่ทานแค่สองคนก็พุงจะแตกนะคะแม่เราก็ทานน้อยมาก

ทานอาหารเสร็จแล้วก็แยกย้ายกับคุณเจี๊ยบไปพักผ่อนตามอัธยาศัย รางวัลของได้พักที่ห้องDeluxe Pool View

 

 

 

 

 

 

ห้องขนาดกะทัดรัดกำลังดีแต่เหมาะสำหรับสองคน ตกแต่งด้วยโทนสีที่อบอุ่น สบายตา

แค่เห็นโทนสีของห้องก็อยากพักผ่อนละคะ ยิ่งถ้าลงไปนอนที่เตียงแล้วละก็ไม่อยากจะลุกเลย

เตียงดูดวิญญาณชัดๆ เอ้อรู้ล่ะทำไมเค้าถึงชอบมานอนโรงแรมติดดาวกันทุกอย่างมันสะดวกสบายแบบนี้นี่เอง

อ้าวๆๆ อย่าลืมว่าต้องเก็บภาพไปมาฝากเพื่อนๆ ก่อนลุกซิลุก

ตึกที่เราพักระเบียงห้องจะไม่ได้หันไปทางทะเลนะคะเลยดูแต่วิวคอนโดข้างไปก่อนแล้วกัน

ช่วงนี้เป็นช่วงบ่ายๆ มองลงไปจากห้องก็จะเห็นแขกที่มาพักก็ออกมาว่ายน้ำกันเยอะค่ะ

เพราะที่นี่ไม่ได้อยู่ติดทะเลสระว่ายน้ำของที่นี่จึงมีขยาดใหญ่และถูกออกแบบให้มีลักษณะลาดเอียงคล้ายๆชายหาด

 

 

 

 

นอกจากสระใหญ่แล้วยังมีสระอีกด้านเป็นสระเล็กสำหรับเด็กๆ อีกด้วย แต่สังเกตก็ไม่ค่อยมีเด็กมาเล่นเท่าไหร่

เพราะสระใหญ่ก็มีส่วนที่ตื้นอยู่เด็กๆก็สามารถเล่นตรงนั้นได้และบริเวณสระว่ายน้ำมาบาร์สำหรับนั่งจิบชิลๆริมสระ

บรรยากาศดีแต่เสียดายเราไม่มีเวลามานั่งชิลๆเลยขนาดลงสระยังไม่เลยลงเลยค่ะไม่รู้มัวแต่ทำอะไรอยู่นะคะเนี่ย

 

 

พักผ่อนได้แป๊บบบบเดียวได้เวลาทานอาหารเย็นกันอีกแล้วตามแพลนแล้วเราต้องไปทานอาหารแถวๆเขาตะเกียบ

แต่เมื่อตอนทานอาหารกลางวันได้นั่งคุยกับคุณเจี๊ยบเรื่องสัพเพเหระนู่นนี้ไปๆมาๆ

เข้าเรื่องร้านอาหารแล้วไปถึงคาเฟ่น้องหมาได้อย่างไรไม่ทราบ ไปๆมาๆ มื้อเย็นเราเลยขอคุณเจี๊ยบไปร้านอินุคาเฟ่

คาเฟ่น้องหมาสายพันธุ์ชิบะ คนรักน้องหมาคงรู้จักสายพันธุ์นี้น่าตาน่ารักและไม่ได้หาเจอกันง่ายๆตามวัด

เหมือนไอ้ด่างบ้านเราส่วนเราก็ชอบหมาอยู่แล้วก็เลยเข้าทาง แต่พี่คนขับรถเค้าบอกเค้าก็ยังไม่เคยมาที่นี่เลย

เราก็เลยต้องช่วยกันหาซึ่งตอนนั้นพิมใน google map แล้วไม่ขึ้นค่ะลำบากทีเดียวเลยร้านไป 1 รอบ

เพราะร้านจะอยู่ในซอยแนะนำให้เพื่อนๆพิมพ์ใน google map ตามนี้นะคะ Inu Cafe' หัวหิน

ร้านอยู่ในซอยแนบเคหาสน์ 8 สังเกตง่ายๆร้านถั่วเย็นจะอยู่ปากซอยถ้ามาจากทางเขาตะเกียบจะอยู่ก่อนถึงรฤกหัวหิน

ร้านอยู่ฝั่งเดียวกับรฤกหัวหินค่ะ ร้านจะเป็นเหมือนบ้านคนปกติต้องสังเกตนิดนึงค่ะเข้าซอยมาบ้านจะอยู่ซ้ายมือ

 

นอกจากที่นี่จะมีน้องหมาชิบะน่ารักๆแล้ว อาหารที่ก็ไม่ธรรมดา

คุณเจี๊ยบได้จัดการโทรมาสั่งอาหารไว้ให้เราแล้วน่ารักที่สุด

อาหารมาอลังการราวกับทาน 10 กว่าคนจำไม่ได้แล้วว่าอะไรมาก่อนมาหลังแต่จะมารีวิวรสชาติของแต่ละจานนะคะ

จานแรกเป็นเนื้อหมูชิ้นหนานุ่มคลุกกับส่วนผสมอะไรบ้างเราไม่รู้หรอก 555555

เราจำชื่อเมนูไม่ได้จริงๆขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

แต่ออกมาอร่อยจะมีกลิ่นสมุนไพรจะเข้มข้นมากแบบอร่อยเลยจานนี้เราชอบมากๆ ทำไปหิวนะคะ

 

ต่อมาก็มีพิซซ่าตอนเสิร์ฟมานี้ชีสเยิ้มๆเลยแป้งนี่จะบางกรอบค่ะเป็นชิ้นเล็กๆ

อีกจานข้าวโปะไข่ด้านในเป็นข้าวผัดกับสมุนไพรคือรสชาติแบบเป็นเอกลักษณ์มากไม่เคยเจอที่ไหนเลย

มันจะหอมมากแต่คนที่ไม่ชอบกลิ่นสมุนไพรหรือไม่ทานเครื่องเทศไม่ต้องสั่งมานะคะคิดว่าคงไม่ชอบแน่

แต่ใครทานได้สั่งมาค่ะแปลกใหม่ดีมาก ถือว่าเป็นจานที่น่าลองทีแรกเห็นเป็นข้าวห่อไข่นึกว่าจะธรรมดาๆซะอีก

ส่วนจานบนสุด (ในรูป) เป็นเบอร์เกอร์น่าทานมากแนะนำให้ทานตอนร้อนๆจะอร่อยมาก

เราทานไม่ทันเลยเสียดายจริงๆ

กลับมาทานอีกทีก็เย็นแล้วชีสก็จะแข็งแล้วค่ะ และจานซ้ายมือ (ในรูปที่สอง) เป็นข้าวหน้าหมูยอดฮิต

ก็อร่อยอีกแล้วค่ะหมูที่นี่จะนุ่มค่ะอร่อยไม่เหนียวปกติเราจะไม่ค่อยชอบกินหมูแต่นี่โอเค รสชาติเข้มข้นอีกแล้ว

ที่นี่จะทำอาหารหนักเครื่องค่ะอาหารส่วนใหญ่ออกมารสชาติเลยจะเข้มข้น เรากินจนกินกันไม่ไหวจริงๆ

ก็เลยบอกให้เก็บโต๊ะเถอะค่ะไม่ไหวแล้วขอโทษด้วยเสียดายอาหารมากๆคืออร่อยปากแต่ลำบากกระเพาะค่ะ

คิดไว้ว่าครั้งหน้าไปหัวหินจะกลับไปทานอีกนะคะ เก็บโต๊ะยังไม่ทันเสร็จของหวานมาต่อค่ะ

อย่างแรกมาเป็นถ้วยเล็กๆน่ารักมากๆเป็นไอศกรีม แหนะอย่าคิดว่าจะธรรมดาค่ะไอศกรีมที่นี่ต้องบีบมะนาวใส่ลงไป

ท๊อปปิ้งด้านบนเป็นกล้วยตากค่ะแปลกมั้ยละรสชาติก็แปลกดีน่าลองค่ะ ส่วนของหวานจานต่อมา

จริงๆเรียกถาดต่อมาเป็นขนมปังหน้ามูส 4 แบบทีแรกเราเห็นก็แบบธรรมดามากๆ ไม่กินแล้วได้มั้ยอ่ะอิ่มมาก

แต่ชิมแล้วอร่อยชอบเลยมาแล้วควรสั่งนะคะ ด้านหน้าจะมีทั้งหมด 4 รส เราจำรสที่เราชอบมากที่สุดไม่ได้แล้ว

แต่ทานไปเถอะค่ะรสที่คุณชอบกับเราชอบอาจไม่เหมือนกันก็ได้

 

 

อวดแต่อาหารลืมไปรึเปล่าร้านนี้เป็นคาเฟ่น้องหมานะพันธุ์ชิบะซะด้วย ก็ต้องมีหน้าตามาดูกันหน่อย

น้องหมาที่นี่ไม่ได้ออกมาโชว์ตัวทุกตัวนะคะบางตัวก็อยู่ในบ้าน ออกมาเฉพาะตัวที่เค้ารับแขกได้

ไปดูความน่ารักกันเลยดีกว่าเราจำชื่อน้องๆเค้าไม่ได้เลยจริงๆ เพราะหน้าตาคล้ายๆกันมาก

 

สำหรับที่นี่โดยส่วนตัวเราชอบนะคะ อาหารถือว่ารสชาติดี

แต่อย่างที่บอกคนไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรก็เลือกสั่งบางเมนูนะคะ ตัวร้านเป็นเหมือนบ้านเพื่อนนะคะ

อย่าวาดภาพว่าเป็นร้านอาหารใหญ่ๆนะคะที่นี่เน้นบรรยากาศกันเองค่ะ ส่วนน้องหมาจะออกมาเป็นบางตัวนะคะ

เพราะแต่ละตัวนิสัยเค้าก็ไม่ได้รับแขกได้หมด ไปถึงน้องหมาไม่ออกมาหมดก็อย่าไปโวยวายนะคะไม่ดีค่ะไม่ดี

 

 

 

 

 

เมื่อวานนี่อิ่มหนำสำราญมากๆ ทั้งอิ่มท้องอิ่มใจได้ไปหาน้องหมาน่ารักๆมาแล้ว

วันนี้ตามแพลนเราจะไปถ้ำพระยานครกันแต่อากาศไม่เป็นใจคลื่นลมแรงมากก็เลยคิดหาสถานที่ใหม่

เลยตัดสินใจกันว่าจะไปบึงบัวสามร้อยยอดแล้วกันเพราะมาประจวบก็หลายทียังไม่เคยไปเลย

จากหัวหินมาบึงบัวนี้ก็ไกลอยู่เหมือนกันนะคะสามารถหลับได้ 1 ตื่น

ที่บึงบัวสามร้อยยอดในสมัยก่อนเค้าเล่าว่ามีดอกบัวเต็มบึงไปหมดเราเคยเห็นภาพที่คนเคยถ่ายไว้สวยงามทีเดียว

แต่ตอนนี้แทบไม่มีแล้วค่ะเค้าว่ากันว่าเป็นผลจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยค่ะ

ตอนนี้ก็อาจจะเรียกว่าบึงต้นธูปฤษีแทนก็ได้นะคะ 555555 ถ้าคาดหวังว่าจะเจอบัวตามชื่อก็คงจะผิดหวังนะคะ

แต่ถ้าจะมาเที่ยวชมวิวแบบแปลกตาถ่ายภาพวิวสวยๆก็มาค่ะมาเดินเล่นบนสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านบึงนี้ได้

 

ออกจากบึงบัวสามร้อยยอดเดินทางกลับหัวหินและพาเราไปที่

อุทยานราชภักดิ์ ชมความยิ่งใหญ่ของพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ 7 พระองค์ของไทยเรา

ต่อไปที่นี่คงเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งของหัวหินเลยนะคะ แต่ละพระองค์ยิ่งใหญ่และสง่างามมาก

ก่อนกลับเข้าโรงแรมทางอมารีพาแวะทานอาหารที่ร้านโสภาซีฟู้ดริมเขาตะเกียบ

ออกตัวเลยว่าเรื่องร้านอาหารเราไม่ชำนาญเลยมาหัวหินก็หลายครั้งแต่ใครมาถามว่าร้านไหนอร่อยเราก็คงตอบว่าไม่รู้

แต่โชคดีสวรรค์ส่งคุณเจี๊ยบมาดูแลเราคุณเจี๊ยบเป็นสาวชอบทานค่ะ จึงรู้จักร้านอร่อยๆมากมาย

และร้านนี้ก็อร่อยสมกับที่คุณเจี๊ยบแนะนำค่ะใครมาหัวหินครั้งหน้ามาลองร้านนี้ดูนะคะ

โดยเฉพาะปลาหมึกแดดเดียวอร่อยจริงระดับมิชลินห้าดาว เอาภาพไปชมหน้าตาปลากหมึกแดดเดียวจานเด็ด

 

ส่วนเมนูอื่นๆ อร่อยทุกจานค่ะเรานี่เสียดายเป็นคนทานน้อยเสียดายจริงๆเหลือทุกอย่างเลย

ครั้งหน้ามาหัวหินเราก็มีร้านโปรดที่ต้องแวะอีกร้านแล้วละตอนนี้

อิ่มหนำสำราญบานตะทัยกันเสร็จแล้วก็กลับไปพักน้ำย่อยกันที่รีสอร์ท

เตรียมตัวไปทำสปาสวยๆที่บรีซสปาดีกว่า อุ๊ยต๊ายชีวิตดี๊ยดี พอกลับมาถึงโรงแรมขึ้นห้องนอนเล่นสักพัก

ก็ลงมาทำสปากันที่ บรีซสปาค่ะ จริงๆวันแรกที่มาคุณเจี๊ยบได้พาเรามาดูที่นี่แล้วครั้งนึง

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปกลิ่นหอมก็โชยมาเป็นกลิ่นจากผลิตภัณฑ์ของบรีซสปา

หอมมากค่ะแต่ไม่ใช่หอมรุนแรงเป็นกลิ่มหอมที่ทำให้เราผ่อนคลาย

ก็ใช่นะซิก็เค้าเป็นสปานิเธอ ค่ะเอาเป็นว่าหอมมาก

 

บรรยากาศภายในบรีซสปาจะสลัวๆหน่อย จัดแสงให้เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกผ่อนคลาย

โทนของบรีซสปาจะเป็นสีฟ้าและไม้ของการตกแต่งของบรีซสปานะคะ ดูแล้วรู้สึกผ่อนคลาย

และได้รับความรู้สึกสดชื่นมากๆเมื่อเข้ามาใช้บริการที่บรีซสปา

 

ภายในห้องทำสปาตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ทีเด็กคือเตียงของที่นี่เป็นเตียงขนแกะและสามารถปรับอุณหภูมิได้ด้วย

ซึ่งพี่ที่ทำสปาให้เราบอกว่าในหัวหินมีที่นี่ที่เดียวนะคะ

 

หนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาทีนี้เป็นช่วงเวลาสบายมากๆ จนเหมือนแปบเดียวแต่พอออกมาข้างนอกก็มืดแล้วค่ะ

มื้อเย็นวันนี้เราทานที่รีฟ เดลี่ แอนด์ ไวน์ เลาจน์ ก็เลยไม่ขึ้นห้องแล้วนั่งรอเวลาอาหารเย็นที่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม

ก็เลยเดินเล่นไปชมฟิตเนสของที่นี่เสียดายที่ไม่มีเวลามาเล่นเลย ติดกับห้องฟิตเนสมีคิดส์รูมไว้สำหรับเด็กๆด้วย

ห้องอาหารเดลี่เลาจ์เป็นห้องอาหารแบบผสมผสานมีอาหารทั้งอาหารไทยและอาหารต่างประเทศ

มีที่นั่งทั้งโซนด้านในและด้านนอกใกล้ๆกับสระว่ายน้ำ

โดยส่วนตัวชอบการตกแต่งของที่นี่โดยเฉพาะฝูงปลากลางห้องที่พอกลางคืนแล้วจะมีแสงไฟสีฟ้าส่องมา

เหมือนท้องทะเลเลยจินตนาการสูงดีมั้ยเรา ^_^

 

ถ่ายรูปจนเพลินอาหารจานแรกก็มาเป็นซุปเห็ดของสารภาพว่าเราไม่ชอบซุปเห็ดเอาซะเลย

เพราะเคยทานแล้วมันไม่ใช่แต่เพื่อจะได้มารีวิวให้เพื่อนอ่านก็เลยต้องชิมแต่ผิดคาดค่ะอร่อยมาก

ใส่ถุงกลับบ้าน 2 ค่ะพี่เชฟขาอร่อยอ่ะทำยังไงค่ะไปสอนร้านแถวบ้างซิจะได้มีกินใกล้ๆบ้าน

อร่อยอ่ะชอบเลยตกลงนี้เราได้รางวัลเส้นทางนักเที่ยวหรือนักชิมค่ะเนี่ย รู้สึกว่าจะได้ทานแต่ของอร่อยทุกมื้อเลย

แถมตอนทำนี่บอกเลยว่าคิดอาหารทุกจานที่ทานในทริปนั้นถ้าอยู่ในกรุงเทพละก็คงต้องไปทานแน่ๆ

จานต่อมาเป็นสลัดส่วนเมนคอร์สชื่อเมนูอะไรไม่แน่ใจแต่เป็นปลาหิมะอร่อยมาก

ทานเข้าไปละลายในปากแต่ไม่ละลายในมือ นั่นมันเอ็มแอนด์เอ็มรึเปล่าค่ะคุณพี่ขา

แต่อร่อยจริงๆค่ะ โอ๊ยทำรีวิวไปหิวไปค่ะเพื่อนๆขา ทรมานจริงๆกับรีวิวนี้

คืนนี้อิ่มหนำเปรมปรีหลับฝันดีราตรีสวัสดิ์เหมือนเคยกินหรูอยู่สบายจริงๆ

ตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากก็วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้วนะคะ

เวลาของซินเดอเรล่าจะหมดแล้วเหรอเนี่ยว้า เช้านี้ลงไปทานอาหารเช้าทั้งน้ำตา (เว่อร์มาก)

เดี๋ยวพาไปดูไลน์อาหารเช้าของที่นี่กัน อาหารที่มีหลากหลายค่ะ ไทย จีน ฝรั่ง อยากทานแบบไหนจัดไปค่ะ

โดยเฉพาะเบเกอรี่อลังการมากนึกว่าร้านขายเบเกอรี่ยกมาเปิดซะอีก

 

ส่วนการตกแต่งห้องอาหารโมเสคจะเน้นสีสันและผสมผสานความเป็นไทย

โดยนำดีเทลมาจากพระราชวังมฤคทายวันด้วยนั่นก็คือระแนงไม้แบบนี้ที่เราจะเห็นอยู่ตามด้านบนของพระราชวัง

ส่วนที่โดดเด่นอีกอย่างนึงก็คือด้านบนที่ดูแล้วเหมือนซุ่มจับปลาที่เอามาทำเป็นโคมไฟได้สวยทีเดียว

 

ทานอาหารเช้าเสร็จเก็บของเตรียมตัวเช็คเอ้าท์แล้วค่ะ ระหว่างที่รอเช็คเอ้าท์เราไปนั่งที่ Coral Lounge ที่นี่ตกแต่งเป็นสไตล์แบบท้องทะเลค่ะก็สมกับชื่อของห้องอาหารเค้านั่นแหละค่ะ

ที่ชอบคือโคมไฟด้านบนโดดเด่นมากเหมือนปะการังชิ้นใหญ่

ที่กลางห้องมีโต๊ะหมากรุกและเกมส์ต่างๆให้แขกมานั่งนั่งเล่นกันได้ แต่ก็ไม่เห็นมีใครมาเล่นเลยแหะ

เราสั่งบลูเบอรี่ชีสกับน้ำแอปปเปิ้ลลิ้นจี่มากลับบ้านด้วยแบบติดใจมากบอกเลยอร่อยจริงๆ

เบเกอรี่ที่นี่รสชาตินี้การันตีค่ะอร่อยจริงๆ

ในระหว่างที่นั่งรอมีรายการมาถ่ายทำที่โรงแรม น่าจะถึงช่วงสัมภาษเชฟพอดี

เชฟมาพร้อมกับชุดอาฟเตอร์นูนทีในทริปนี้เราไม่ได้ทานค่ะหน้าตาน่าทานมากๆค่ะ เลยแอบถ่ายรูปมาโชว์

ใครไปหัวหินสามารถเข้าไปทานได้ที่ห้องอาหาร coral longe นะคะ

 

สุดท้ายต้องจากอมารีหัวหินแล้วแต่ทริปนี้ยังไม่จบค่ะอมารีดูแลเราจนสุดทริปจริงๆ

ก่อนกลับอมารีพาเราไปเที่ยวที่ไร่องุ่น Hua Hin Vineyard

จริงๆที่นี่เปิดมานานแล้วแต่เราก็ยังไม่เคยมีโอกาสมาเหมือนกัน

เดินทางจากหัวหินวิ่งมาทางวัดห้วยมงคลค่ะ ที่นี่นอกจากจะมีไร่องุ่นให้เราชมแล้ว

ยังมีร้านอาหารอีกด้วยมื้อกลางวันเราก็เลยทานกันที่นี่ค่ะ

ถ้าไม่สั่งไว้ล่วงหน้าอาหารที่นี่อาจต้องรอนานสักนิดค่ะ

เพราะแขกเยอะทีแรกก่อนมาเราก็ไม่คิดนะคะว่าคนจะเยอะขนาดนี้

ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติค่ะแต่ระหว่างรอก็ไม่เบื่ออะไรเดินไปถ่ายรูปที่ไร่องุ่น

บางแปลงกำลังออกลูกเป็นพวงสวยน่ากินเชียว อิอิ

 

 

วันนี้เราสั่งเมนูง่ายๆผัดไทกุ้งแม่น้ำ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า สเต็ก รสชาติผ่านค่ะอร่อยอีกแล้วมื้อนี้

กลับไปคงน้ำหนักขึ้นแน่ๆ อมารีเลี้ยงดีขนาดนี้ ^_^

 

 

 

หลังทานอาหารเสร็จเราก็นั่งรถชมไร่องุ่นกัน รถคลาสสิคมากเลยค่ะลองดูซิค่ะ

รู้สึกตัวเองเป็นสาวชาวไร่ขึ้นมาเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ

ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงที่องุ่นออกมาผลมากนะคะก็เลยจะเป็นต้นเปล่าและบางแปลงก็กำลังเริ่มปลูกใหม่

วิวที่นี่สวยใช่ได้ค่ะ นอกจากนั่งรถชมไร่แล้วก็มีกิจกรรมนั่งช้างชมไร่เหมือนกัน

ถ้าไปช่วงนี้อากาศเย็นๆด้วยคงฟินน่าดู

 

 

 

ทริป Discovery Hua Hin The Amari Way ก็จบลงแล้วหัวหินถึงจะมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ

แต่เอาจริงเรากลับยังไปไม่หมดด้วยซ้ำ ไม่น่าที่นี่ถึงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไม่ว่าใครๆก็ต้องมากันทั้งนั้น

ขอบคุณทาง Amari และ Thetrippacker มากๆค่ะที่จัดกิจกรรมแบบนี้

ไม่เคยได้รางวัลไหนดีงามพระรามแปดขนาดนี้เลย ฮ่าๆๆ

สบายที่สุดชีวิตดี๊ดี ทาง Amari ดูแลดีมากๆ ขอบคุณจริงๆค่ะ

ช่วงนี้เห็นแว๊บๆว่าที่ Amari มีโปรโมชั่นอยู่ใครสนลองเข้าไปดูที่หน้าเพจของ Amari นะคะ