รับลม ชมวิว พักเที่ยวแบบชิลล์ๆ ที่ Kept Bangsaray

วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หากใครกำลังมองหาที่พัก ที่เที่ยว แบบชิลล์ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก “บางเสร่” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ขับรถเล่นไปเรื่อยๆ ประมาณสองชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
“สำเหร่” เดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ขึ้นอยู่กับตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อหมู่บ้านขยับขยายตัวเพิ่มมากขึ้น จึงขอแยกออกมาจากตำบลนาจอมเทียน แล้วมาตั้งเป็นอำเภอใหม่ในชื่อ “บางเสร่” เมื่อปี 2523 ด้วยเหตุที่บางเสร่เป็นที่ราบสลับภูเขา ติดต่อกับทะเล ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพทำสวน ค้าขาย และประมง
ใครที่เคยไปเที่ยวพัทยาก็คงรู้นะครับว่าพัทยานับเป็นศูนย์รวมความเจริญ ความบันเทิงหลากหลาย มีสิ่งล่อตาล่อใจมากมาย จึงทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศต่างแห่แหนกันมาเที่ยวที่พัทยากันอย่างไม่ขาดสาย จนทำให้บางทีผมรู้สึกว่าพัทยาเป็นเมืองแห่งความวุ่นวาย แต่ใครจะรู้บ้างว่า ห่างจากพัทยาออกไปเพียง 20 กิโลเมตร ในตำบลบางเสร่ เราจะได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตช้าๆ ในวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ของชาวบางเสร่ ถึงแม้ว่าชายหาดที่บางเสร่สวยสู้ชายหาดพัทยาไม่ได้ แต่ผมว่าใครชอบแนว Slow life ต้องประทับใจกับบางเสร่อย่างแน่นอน
สำหรับทริปนี้ผมเน้นเที่ยวแบบชิลล์ๆ ไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ โดยจุดหมายแรกอยู่ที่ไร่องุ่น Silverlake ไร่องุ่นแห่งนี้เป็นของคุณสุพรรษา เนื่องภิรมย์ อดีตนางเอกชื่อดังของเมืองไทยครับ








ออกจาก Silverlake เลี้ยวซ้ายมานิดเดียว ก็มาถึงยังเขาชีจรรย์
จุดเด่นของเขาชีจรรย์อยู่ที่การสร้างพระพุทธรูปโดยวิธีแกะสลักบนหน้าผาเขาชีจรรย์ด้วยการยิงเลเซอร์ ในลักษณะพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นพระพุทธรูปแบบประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลที่ 9 น้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติปีที่ 50 ของในหลวงครับ ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่ 06.00-18.00 น.
เตร็ดเตร่จนเวลาบ่ายกว่าแล้ว เห็นทีต้องแว๊บเข้าที่พักแล้ว ทริปนี้ผมปักหมุดเข้าพักที่ “เคปบางเสร่” (Kept Bangsaray)โรงแรมชิคๆ ที่มีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปเพียบ แถมบรรยากาศดีอีกต่างหาก












มี Welcome Fruit เป็นแอปเปิ้ล 2 ผล ห้องพักโดยรวมถือว่าโอเคเลยครับ เตียงนอนนุ่ม หลับสบาย ผมติดที่เรื่องบันไดวนอย่างเดียว ที่เล็กไปสักหน่อย
สำรวจห้องพักกันแล้ว ไปสำรวจบรรยากาศโดยรอบโรงแรมกันบ้างครับ








ถึงแม้ว่าที่เคปบางเสร่จะไม่มีชายหาดสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่น ไม่มีแสงสีสิ่งล่อตาล่อใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ที่นี่มีบรรยากาศที่ดีมากๆ มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย มากจนทำให้มองข้ามในสิ่งที่ขาดหายไป ใครที่ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอนเสพบรรยากาศสวยๆ แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดครับ
เวลา 17.00 น. ของทุกวันในวันที่ฟ้าฝนเป็นใจ ทางโรงแรมจะมี Boat Trip พาแขกที่พักในโรงแรมไปนั่งเรือชมบรรยากาศโดยรอบกันฟรีๆ ใครสนใจสามารถแจ้งความประสงค์ตอน Check in ได้เลย แล้วใกล้ๆ เวลาน้องพนักงานจะโทรศัพท์เข้าห้องพักเพื่อนัดแนะเวลากันอีกทีครับ



จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเกาะเป็ด คนเรือบอกว่าแต่ก่อนบนเกาะนี้มีเป็ดมากมาย เกาะนี้เลยได้ชื่อว่าเกาะเป็ด แต่เดี๋ยวนี้หาเป็ดไม่เจอแล้ว เจอแต่ลิงเต็มเกาะเลยครับ คนเรือเล่าต่อว่าลิงที่นี่ว่ายน้ำเก่งมาก บางทีว่ายน้ำมาขออาหารจากนักท่องเที่ยวที่อยู่บนเรือด้วยครับ
ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ขึ้นฝั่งเวลา 18.00 น. พอดี พนักงานยืนรอต้อนรับพร้อมเสิร์ฟคอกเทลแก้วเล็กๆ และผ้าเย็นอีกคนละ 1 ผืน ที่สำคัญบริการให้ฟรีครับ
ได้เวลาที่จองโต๊ะสำหรับมื้อค่ำแล้ว ผมไม่รอช้า เพราะตั้งใจจะรีบทานและไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก









กลับเข้าห้องพักมีพนักงานมา Turn Down Service ให้เรียบร้อย พร้อมชอคโกแลตวางไว้ที่โต๊ะทำงานครับ เป็นอันว่าจบวันด้วยความอิ่มเอมใจ
มาเติมพลังกับมื้อเช้าที่ Kept Marine ให้บริการตั้งแต่เวลา 06.30 ถึง 10.30 น. ครับ



ถึงแม้ว่าเมนูอาหารอาจมีให้เลือกไม่มากนัก แต่เรื่องวัตถุดิบที่นำมาใช้ถือว่าคุณภาพดีเลยทีเดียว รสชาติอาหารโดยรวมก็ถือว่าดีครับ
หลังอาหารเช้า ยังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ผมเลยใช้บริการจักรยานของทางโรงแรมที่เตรียมไว้ให้แขกได้ใช้ฟรี ไปปั่นชมวิถีชีวิตชาวบางเสร่กันสักหน่อย หลังจากที่พลาดไปเมื่อคืนครับ
ระยะทางการปั่นก็ไม่ไกลครับ ปั่นไปช้าๆ ชมบรรยากาศกันไป สองข้างทางมีร้านค้ามากมาย สามารถปั่นไปชมท่าเรือ ไปชมตลาดเช้าก็ได้นะครับ ในตลาดมีทั้งของสดและของแห้ง ให้ซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือฝากคนที่บ้านได้ครับ
สำหรับการเข้าพักที่ Kept Bangsaray โดยรวมแล้วถือว่าประทับใจครับ มาพักที่นี่เหมือนได้มาเที่ยว 2 บรรยากาศ คือได้เที่ยวทั้งทะเล และได้สัมผัสกับชุมชนเก่าที่ยังคงวิถีชีวิตแบบช้าๆ ไปพร้อมๆ กัน ห้องหับก็น่ารัก มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย อาหารอร่อย และที่สำคัญน้องๆ พนักงานให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ใครที่ชอบบรรยากาศการพักผ่อนแบบเงียบๆ มาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ถ้าหากใครชอบที่พักริมทะเลมีชายหาดสวยๆ ให้เดินเล่นหรือเล่นน้ำทะเล ที่นี่อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณครับ
หากใครสนใจที่จะเข้าพักที่นี่ ลองสอบถามหรือดูบรรยากาศห้องพักได้จาก http://keptbangsaray.com/th/ ครับ ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 7 Room Type รวมทั้งหมด 25 ห้อง วันที่ผมเข้าพักแขกค่อนข้างเยอะเลยครับ
ผมมาปิดทริปที่สวนนงนุชครับ จำได้ว่ามาสวนนงนุชครั้งสุดท้ายเกือบจะ 10 ปีแล้ว มารอบนี้ที่นี่เปลี่ยนไปอย่างมาก การบริหารจัดการดูดีขึ้นเยอะ ที่สำคัญมาที่นี่แต่ละครั้งเดินได้แป๊บเดียวเพราะสู้อากาศร้อนไม่ไหว รอบนี้มาช่วงฤดูฝน อากาศไม่ร้อนมากมาย เลยสามารถเดินสำรวจบรรยากาศภายในสวนนงนุชได้มากกว่าทุกครั้ง
เดิมทีเดียวสวนนงนุชเป็นสวนผลไม้ แต่เมื่อคุณนงนุช ตันสัจจาได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แล้วประทับใจในความสวยงามของสวนต่างๆ เลยเกิดความคิดที่จะจัดสวนให้คนมาเที่ยวชม จึงตัดสินใจเปลี่ยนสวนผลไม้ให้เป็นสวนสำหรับการท่องเที่ยว โดยได้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด จัดแต่งให้ออกมาในรูปของสวนสวย และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2523 ครับสำหรับค่าเข้าสวนนงนุช หากชมสวนอย่างเดียว ค่าบัตร 200 บาท แต่ถ้าจะชมการแสดงต่างๆ ด้วย ค่าบัตรจะมีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ option ที่เราเลือกครับ













ปิดท้ายที่สะพานเชือกครับ บริเวณนี้เป็นสวนที่จัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกนานาชนิดตามฤดูกาล และยังมีสะพานเชื่อมระหว่างสวนดอกไม้กับสวนตะบองเพชร มีฝูงรูปปั้นนกฟรามิงโก้เพิ่มความสวยงามให้กับสวนสวยด้วยครับ
หากต้องการอรรถรสในการชมสวน ผมแนะนำว่าให้ใช้การเดินจะได้ซึมซับกับบรรยากาศมากที่สุด อยากจะหยุดแวะถ่ายรูปตรงไหนก็แวะได้ รวมถึงการเดินบน Sky walk ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนยอดไม้ ได้เห็นสวนสวยในมุมสูง บอกเลยว่าคุ้มค่ากับความเมื่อยขาจริงๆ ครับ แต่ถ้าใครมีเวลาน้อย แนะนำให้นั่งรถบริการ ซึ่งการนั่งรถจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากบัตรเข้าชมครับ และถ้าใครไปช่วงฤดูร้อน แนะนำให้ติดอุปกรณ์กันร้อนไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นหมวก ร่ม ขนไปให้เต็มสตรีมครับ
สวนนงนุชเป็นแหล่งเก็บรวบรวมพันธุ์ไม้ในเขตร้อนมากกว่า 18,000 ชนิด เป็นศูนย์กลางของสวนพฤกษศาสตร์ระดับโลกภายใต้แนวคิดรักษ์ต้นไม้ ลดโลกร้อน ปัจจุบันสวนนงนุชพัทยาถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในระดับแนวหน้า ที่มีพื้นที่กว่า 1,700 ไร่ จนได้รับการยกย่องให้ติด 1 ใน 10 ของสวนที่สวยที่สุดในโลก โดยได้รับการการันตีจากเว็บไซต์ทั่วโลก พร้อมรางวัลเกียรติยศมากมาย สวนนงนุชเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ครับ
ถือว่าเป็นทริป 2 วัน 1 คืนที่โอเคเลยครับ ไม่เหนื่อย ไม่ต้องขับรถไกล แถมยังได้เที่ยว ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หยุดนี้ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่มีโปรแกรมไปไหน จะลองตามรอยทริปนี้ดูก็ได้นะครับ ขอให้มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อนครับ
ท้ายสุดนี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปให้กำลังใจและติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt นะครับ





































































