สวัสดีค่ะ

เขาคิชฌกูฏเปิดแล้วนะ....รู้ยัง????

ช่วงนี้คงไม่มีทริปไหนร้อนแรงเท่ากับการเดินทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จันทบุรีอย่างแน่นอนค่ะกำหนดการเปิดเขาในปีนี้คือระหว่างวันที่ 25 มกราคม - 24 มีนาคม 2563

ใครที่กำลังหาข้อมูลที่พัก ที่เที่ยว รีวิวนี้มีคำตอบให้ค่ะ ตามมาเล้ยยยยย

 

Peggy's Cove Resort
44 หมู่ 7 สนามไชย นายายอาม จันทบุรี
☎️ 039-460 345
✉️ https://www.facebook.com/peggyscoveresort/?ref=page_internal
LINE @ http://goo.gl/VeRvn1
⏰ 7:00 น.- 21:00 น.

 

 

 

ที่เราเลือกพักที่นี่เพราะเพื่อนร่วมทริปอีก 2 คนจะเดินขึ้นทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาทในคืนนี้ 

ข้อดีของที่นี่คืออยู่ไม่ไกลจากเขาคิชฌกูฏ สามารถนอนพักเอาแรงได้ยาวๆ

โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางเลยค่ะ

 

ตอนนี้ทางรีสอร์ตมีโปรโมชั่นขึ้นเขาเอาใจสายบุญ

****เฉพาะวันธรรมดา****

==> ห้องพักพร้อมอาหารเช้า เริ่มต้น 3300 บาท (ขึ้นอยู่กับ Type ของห้องพัก)

==> ห้องพักรวมอาหารเช้าและอาหารเย็น เริ่มต้น 3780 บาท (ขึ้นอยู่กับ Type ของห้องพัก)

==> พิเศษสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ห้องพักแบบ Grand Deluxe Pool Villa

หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น พร้อมสระส่วนตัว และอาหารเย็นซุ้มไพรเวทที่สนามหน้าห้องพัก

บรรยากาศโรแมนติคสุดๆ (ราคาสอบถามกับทางรีสอร์ตอีกครั้งนะคะ)

 

 

พร้อมแล้วเข้าไป Check in กันเลยค่ะ 

เปิดประตูเข้ามาต้องร้องว้าวเลยทีเดียว  Lobby ต้นแบบมาจากโบสถ์ที่หมู่บ้านเป็กกี้โคฟ ประเทศแคนาดา  หลังคายกสูงทำให้ดูโล่งกว้าง

ด้านในตกแต่งได้น่ารักมาก

 

 

 

มุมนี้จะรวบรวมรูปถ่ายต้นแบบของ Peggy's Cove ค่ะ

 

 

 

ข่าวดีสำหรับผู้ใช้บัตร PT Max สามารถใช้คะแนนแลกรับส่วนลดได้ด้วยนะคะ....ดีไปอี๊กกกกก

 

 

 

ดื่ม Welcome drink เย็นๆ แล้วเข้าห้องพักกันดีกว่าค่ะ



ที่นี่จะมีรถกอล์ฟบริการรับ - ส่ง ภายในรีสอร์ท น้องพนักงานจะบริการขนกระเป๋า พร้อมอธิบายรายละเอียดทั้งหมดภายในห้องพักให้เราทราบ

 



รีสอร์ทกลิ่นอายหมู่บ้านชาวประมง ที่จำลองมาจากโนวาสกอตเทียร์ แคนาดา 

โดดเด่นด้วยสถาปัตย์ทรงแปลกตาและสีสันสดใส ห้องพักที่นี่มีอยู่ 4 Type คือ

➡️ Deluxe Room

➡️ Deluxe Pool Access

➡️ Deluxe Jacuzzi Villa

➡️ Grand Deluxe Pool Villa

อยากรู้ว่าสวยขนาดไหนตามเข้ามาด้านในเลยค่าาาา


 


 

ที่พักของเราในทริปนี้คือ Deluxe Room แม้จะเป็นห้องพัก Type เริ่มต้น

แต่ความสะดวกสบายก็ครบครันค่ะ

 

 

 

ห้องพักตกแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ห้องกว้างมากกกกกก





ด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ แยกส่วนแห้งส่วนเปียก พร้อมอ่างจากุชชี่

ที่เก๋คือกระจกใสที่สามารถมองเห็นเตียงนอน

 

 

 

Amennity ก็มีมาให้ครบ

 

 

 

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้า และ Complimentary water set ค่ะ



เตียงนอน Twin bed อยู่ด้านใน มาพร้อมอาณาจักรหมอนที่มีหมอนขนเป็ดให้นอนหนุนแบบนุ่มๆ

ปลายเตียงจะมีทีวีเครื่องใหญ่พร้อมกระจกเงาเก๋ๆ

 

 

 

ด้านข้างจะเป็น Sofa ไว้ให้นอนเล่นช่วงบ่าย

 

 

หรือถ้าใครชอบบรรยากาศ out door จะนั่งเล่นที่ระเบียงหลังห้องก็ไม่เลวค่ะ 

จากระเบียงหลังห้องเปิดประตูเดินไปไม่ถึง 10 ก้าวก็ถึงสระว่ายน้ำแล้ว

 

 

 

สระว่ายน้ำของที่นี่จะมี 2 ส่วนนะคะ 

ส่วนแรกเป็นสระจำลองอยู่ติดกับบ้านพัก สามารถใส่ชุดไพรเวทลงเล่นน้ำได้เลย

 

 

 

สระที่ 2 จะเป็นสระใหญ่ของรีสอร์ท อยู่ด้านหน้าใกล้ Bamboo Bar มี Bean bag และที่นั่งไว้บริการ 

ใครที่ชอบถ่ายรูปโซนนี้ก็มีกราฟิตี้น่ารักๆด้วยนะคะ

 

 

 

ที่ชอบอีกอย่างคือเวลา 16.00 - 18.00 น. จะมีไอศครีม ***ฟรี*** ไว้บริการด้วยค่ะ

 

 


บรรยากาศโดยรอบที่เชื่อว่าหลายคนคงชอบ เพราะมีมุมถ่ายรูปสวยๆเยอะมาก

 

 

 

สำหรับคนที่ยังลังเลไม่รู้จะเลือกมุมไหนดี แนะนำให้มองหาสัญลักษณ์ "รูปกล้องถ่ายรูป" เลยค่ะ

รับรองว่าได้ฉากหลังสวยๆแน่นอน

 

สำหรับมื้อเย็นทริปนี้เราฝากท้องไว้ที่ Ligth House Bar & Grill 

ร้านอาหารฟิวชั่นที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของรีสอร์ท ติดถนนเลียบหาดคุ้งวิมานเลยค่ะ 

เปิดบริการอาหารเช้า 7.00-11.00 น.
และอาหารกลางวัน-เย็น เปิดถึง 21.00 

แขกที่ไม่ได้พักที่รีสอร์ทก็สามารถมาทานอาหารที่นี่ได้นะคะ

 

 



ร้านตกแต่งด้วยกระจกใส ให้บรรยากาศโปร่ง สบาย สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้อย่างชัดเจน


 

 

ที่นั่งจะมีทั้ง In door และ Out door ถ้าไปช่วงวันหยุดแนะนำให้โทรจองโต๊ะก่อนดีที่สุดค่ะ

 

 

 

บรรยากาศดี วิวดี ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยขึ้นไปอีก
จานแรกของเราเบาๆด้วย "Pizza seafood"  พิซซ่าแป้งบางอัดแน่นมาด้วยทะเลรวมแบบไม่ให้เสียชื่อเมืองแห่งทะเลกันเลยทีเดียว

 

 

 


ตามมาด้วย "หมึกเท็มปุระซอสเป็กกี้"ปลาหมึกและผักหั่นเป็นชิ้นพอดีคำชุปแป้งทอดกรอบๆ ทานคู่กับซอสสูตรเฉพาะของที่นี่ รสชาดลงตัวอย่างที่สุด

 

 


"สปาเก็ตตี้คาโบนารากุ้ง" สปาเก็ตตี้เส้นเหนียมนุ่มทานคู่กับซอสรสเข้มข้น ที่ออนทอปด้วยกุ้งตัวโต เนื้อแน่นๆ เคี้ยวเพลินเลยค่ะ

 

 


ปิดท้ายด้วย "ข้าวผัดแซลม่อน" จานนี้คุณแฟนชอบมาก  ข้าวผัดแห้งเป็นเม็ดสวยงาม รสชาดกลมกล่อมกำลังดีมาจานสุดท้ายแต่หมดก่อนใครเลยค่ะ

 

 



ทานมื้อเย็นเสร็จ  เพื่อนที่จะขึ้นเขาคิชฌกูฏคืนนี้ตอน 2 ทุ่ม  ก็ไปเตรียมตัวเดินทาง

ส่วนเราขอไปนอนแช่น้ำอุ่นในอ่าง พร้อมจิบเครื่องดื่มเบาๆปิดท้ายก่อนนอนคืนนี้ค่ะ







Day 2: 

เช้านี้เราตื่นเช้าตามปรกติ ส่วนคุณเพื่อนที่เพิ่งกลับจากแสวงบุญก็ยังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง

ข้อดีของที่นี่คือห้องอาหารเช้าเปิดถึง 11.00 น. 

สามารถนอนได้ยาวๆ แล้วค่อยตื่นมาทานอาหารเช้าก่อนกลับก็ได้ค่ะ






ห้องอาหารจะอยู่บนชั้น 2 ของLigth House Bar & Grill

 

 

 

 ไลน์อาหารเช้าของที่นี่ถือว่ามีให้เลือกเยอะพอสมควร 






ใครที่ชอบอาหารไทย แนะนำ "ข้าวต้มปลากระพง" ค่ะ เนื้อปลาสดๆ ชิ้นโตๆ รับรองว่าต้องมีเติม


 

 

 

อันนี้ "ไก่ต้มใบกระวาน" น้ำซุปกลมกล่อมเอาไว้ซดร้อนๆ คล่องคอ



 


มาเมืองจันทร์ก็ต้องห้ามพลาด "เส้นจันผัดปู" ซอสรสชาดจัดจ้านที่ทานได้อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเลย 




ปิดท้ายมื้อเช้าด้วยเครื่องดื่มสักแก้วที่ "Coffee Cove"

 

 

ร้านเปิด เสาร์-อาทิตย์ 8.00-19.00 น.

วันธรรมดา เปิด 10.00-19.00 น. ค่ะ

 

 

 

 

 

คาเฟ่รูปทรงประภาคารที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับห้องอาหาร โดดเด่นเห็นมาแต่ไกลเลยค่ะ

ที่นี่จะมีบันไดวนให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ด้วยนะคะแต่วันที่เราไปปิดปรับปรุง 

เลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ชมค่ะ


 

 

 

ด้านหน้าคาเฟ่ มีกราฟิตี้สวยๆอีกแล้ว แวะเก็บภาพกันได้ค่ะ

 

 

 


บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าขาว ล้อมรอบด้วยกระจกให้แสงสาดเข้ามาให้บรรยากาศสบายๆเหมือนกำลังนั่งอยู่ริมหาดเลยค่ะ

 

 


เมนูที่เราเลือกวันนี้คือ "น้ำส้มอัญชัญ" เครื่องดื่มสุขภาพ ที่ปลุกความสดชื่นในตอนเช้าได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

ส่วนอีกแก้วเป็น "Late Oreo" กาแฟรสละมุน เพิ่มความฟินด้วยชิ้น oreo ให้เคี้ยวกันเพลินๆ

 

 

 

ปิดท้ายทริปนี้ที่ "จุดชมวิวเนินนางพญา" หนึ่งจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อของจันทบุรี

 

 

 

วันที่เราไปคนค่อนข้างเยอะ แต่พื้นที่กว้างขวาง สามารถยืนหลบมุม ชมวิวสวยๆได้

จบทริปเมืองจันทร์แบบอิ่มพุง อิ่มบุญ และอิ่มสุข ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ

#ไปเที่ยวด้วยกันน๊า

#เที่ยวนอกบ้าน

#TravelAndOutdoors