เล็กๆ เราไม่..ใหญ่ๆ เราไป.. นาคาใหญ่ ยาวใหญ่ ไม่ไปไม่ได้แล้ว
เมื่อก่อนผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบไปเที่ยวทะเลสักเท่าไร ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น แดดร้อน อากาศร้อน คิดว่าทะเลไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ่ายรูปออกมาก็จะเห็นเพียงน้ำทะเลตัดกับเส้นขอบฟ้า ทำให้รู้สึกว่าทะเลไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งหมด จนเมื่อ 2-3 ปีมานี้ ผมเริ่มใช้ “ใจ” ค่อยๆ ทำความรู้จักกับทะเลมากขึ้น ทำให้รู้ว่าทะเลแต่ละแห่งนั้นมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน ทะเลทำให้จิตใจผมสงบ การได้มานั่งทอดอารมณ์ ฟังเสียงคลื่น มันทำให้ผมได้ลืมความวุ่นวายหลายสิ่งอย่างให้หมดไปจากหัวสมอง
ตอนนี้จะบอกว่าผมเป็น “ทะเลลิซึ่ม” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเมื่อมีเวลาว่างเมื่อใด ผมจะเสาะหาสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลอยู่ตลอด เริ่มหาสถานที่พักผ่อนริมทะเล ทั้งทะเลฝั่งตะวันออกอย่าง ระยอง จันทบุรี ตราด หรือจะเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทย รวมถึงทะเลฝั่งอันดามัน ได้เห็นโฆษณาของหลายๆ รีสอร์ทผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางนิตยสารหรือสื่อออนไลน์ และหนึ่งในไม่กี่โฆษณาที่สะดุดตา เป็นภาพของเตียงชายหาดไม้ตั้งเคียงคู่กันบนสระว่ายน้ำภายใน Villa ที่มองออกไปเป็นวิวทะเลสีฟ้าครามแบบสุดสายตา ภาพนี้แหล่ะที่ติดตาตรึงใจ จนทำให้ผมต้องเก็บรีสอร์ทแห่งนี้มาไว้ในลิสต์รีสอร์ทในฝัน ที่สักวันจะต้องมาสัมผัสให้ได้ และรีสอร์ทที่ว่านั้นนั่นคือ The Naka Island, a Luxury Collection Resort & Spa, Phuket
ยิ่งได้เห็นภาพ The Naka Island ยิ่งทำให้ผมอยากจะไปพิสูจน์ไวๆ ว่า ภาพสวยงามที่ได้เห็น กับสิ่งที่เป็น จะเหมือนหรือแตกต่างกันเพียงไหน อีกหนึ่งอึดใจเท่านั้น ผมก็จะไปเป็นหนึ่งชีวิตเล็กๆ บนเกาะนาคาใหญ่แล้วครับ
หลังจากที่ล้อเครื่องบินแตะ Runway ของสนามบินภูเก็ต สายฝนก็โปรยปรายในทันที จากสนามบินผมจะต้องเดินทางต่อไปยัง Ao Por Grand Marina เพื่อไปขึ้นเรือข้ามไปยังเกาะนาคาใหญ่ จากสนามบินไปยัง Ao Por Grand Marina ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงครับ
จากสนามบินเราสามารถเดินทางไปยัง Ao Por Grand Marina ได้หลายวิธี อาจจะใช้บริการของ Taxi หรือใครต้องการความสะดวกก็สามารถใช้บริการรถลีมูซีนจากทางรีสอร์ทก็ได้ จริงๆ แล้วหากใครซื้อโปรโมชั่นแบบแพคเกจ 2 คืน ก็จะรวมบริการรถรับส่งสนามบินไว้แล้ว (ตามเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชั่น) สำหรับผมเลือกแบบสะดวกและประหยัด เลยให้พี่เพอะ หนึ่งในสมาชิกร่วมทริปที่ขับรถมาจากหาดใหญ่ แวะมารับที่สนามบินภูเก็ตและไปยัง Ao Por Grand Marina พร้อมๆ กัน
และเกาะนาคาใหญ่ ตามตำนานบอกว่าเป็นส่วนลำตัวของพญานาคครับ
สิ้นสุดสะพานไม้ที่ทอดยาวมาจากกลางทะเลก็เริ่มเข้าสู่พื้นที่ของเกาะนาคาใหญ่แล้วครับ
Welcome drink มาพร้อมกับดอกกล้วยไม้ครับ
จากจุดนี้น้องพนักงานหน้าตาจิ้มลิ้มคนเดิมพาผมนั่งรถบักกี้ไปยังห้องพักเพื่อทำการ Check in เธอขับลัดเลาะไปตามเส้นทางสายเล็กๆ ที่คดเคี้ยวไปมา พร้อมกับเอ่ยปากบอกว่า เส้นทางคดเคี้ยวหน่อยนะคะ เพราะว่าตอนที่สร้างเส้นทางและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทางรีสอร์ทพยายามรักษาต้นไม้ใหญ่เอาไว้ เส้นทางบางช่วงบางตอนเลยต้องลัดเลาะไปมา บางช่วงของเส้นทางก็มีความลาดชันบ้าง เนื่องจากพื้นที่ในโซนห้องพักจะอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ครับ
รถบักกี้มาจอดที่ด้านหน้าห้องพักของผม ห้องพักตลอด 2 คืนเป็นแบบ Seaview Pool Villa ครับ
แต่ถ้าเป็นในส่วนของน้ำดื่ม กาแฟ และของขบเคี้ยวที่อยู่ในโหลเล็กๆ บนโต๊ะอ่านหนังสือ ทานได้เลยครับ ตอนแรกผมเองก็กังวลกับเรื่องน้ำดื่ม เพราะผมเป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะมาก เกรงว่าทางรีสอร์ทจะมีให้จำนวนจำกัด หากซื้อเพิ่มคงโดนชาร์จอีกเยอะ ก่อนข้ามเกาะเลยแวะซื้อน้ำดื่มขวดใหญ่และแบกข้ามมาด้วย ท้ายสุดคือต้องหิ้วไปกินที่เกาะยาวใหญ่แทน
ทางรีสอร์ทได้เตรียมน้ำดื่มไว้ให้เยอะมาก (ประมาณ 8 ขวด) ดื่มได้ดื่มไปเลยครับ ถ้าหากหมดก็สามารถโทรขอเพิ่มได้ แต่ถ้าไม่หมด ช่วง Turndown Service พนักงานจะมาเติมน้ำดื่มให้อีกรอบ และมาพร้อมกับโหลคุ๊กกี้ที่ให้ทานก่อนเข้านอนด้วยครับ
ผ้า” ออกแบบเป็นรูปบวบ เก๋เชียวครับ
Plan หลักๆ ของ Villa แต่ละหลัง ประกอบด้วย ส่วนที่เป็นห้องนอน ห้องน้ำ ศาลาพักผ่อน อ่างอาบน้ำ และสระว่ายน้ำ ในพื้นที่ขนาด 450 ตารางเมตรครับ
มาพักที่นี่สุขทั้งกาย สุขทั้งใจจริงๆ
ดูบรรยากาศภายใน Villa กันมาเยอะแล้ว ไปชมบรรยากาศโดยรอบรีสอร์ทกันบ้างครับ
Activities ที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้กับแขกที่มาพักก็มีหลากหลายเลยทีเดียว กิจกรรมบางอย่างก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น เพ้นท์ร่ม เพ้นท์ผ้าบาติก สกรีนเสื้อ แต่หลายอย่างก็สามารถร่วมกิจกรรมได้ฟรี เช่น โยคะ มวยไทย พายคายัค เพ้นท์หน้า โดยสามารถสอบถามตารางเวลากับทางรีสอร์ทได้เลย แต่ถ้าหากต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น สอนมวยไทยตัวต่อตัว ก็สามารถใช้บริการได้เช่นกัน แต่ในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ
สำหรับผมแล้ว ขอทำกิจกรรมแบบง่ายๆ เบาๆ ดีกว่า ด้วยการปั่นจักรยานเที่ยวชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาะนาคาใหญ่ ซึ่งทางรีสอร์ทมีจักรยานให้ยืมปั่นกันฟรีๆ ครับ
และช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตก ใครอยากจะมาจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมกับชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตก ต้องมาที่ Zbar เลย บรรยากาศดีมากๆ เลยครับ
เนื่องจากพื้นที่ภายในรีสอร์ทกว้างมากๆ การจะไปยังแต่ละจุดสามารถโทรเรียกรถบักกี้ให้ไปรับ-ส่งได้ครับ
หลังพระอาทิตย์ตก ก็คงได้เวลาอาหารค่ำแล้ว ค่ำนี้ผมมาฝากท้องที่ห้องอาหาร My Grill
ระหว่างเคลียร์บิล จะมีชอกโกแลตมาเสิร์ฟให้ปิดท้ายพร้อมผ้าเย็น โดยรวมแล้วอาหารที่นี่เน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบ เรื่องรสชาติอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าจะติดไปทางฝรั่งมากกว่า สำหรับเรื่องราคาบอกเลยว่าแรงใช้ได้เลยครับ อีกอย่างที่จะลืมกล่าวถึงไม่ได้ คือการให้บริการของพนักงาน ที่จะคอยแวะเวียนมาสอบถามพูดคุยถึงเรื่องรสชาติอาหารว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมแจ้งไปว่าเสียดายที่น้ำจิ้ม Seafood ยังไม่ค่อยจัดจ้านสักเท่าไร น้องพนักงานก็มาชี้แจงว่าห้องอาหารนี้จะเน้นรสชาติแบบฝรั่ง ซึ่งไม่เน้นเรื่องความเผ็ดจัดจ้านของรสชาติมากนัก และยังแนะนำเพิ่มว่าที่ห้องอาหาร Tonsai รสชาติอาหารจะจัดจ้านกว่าที่ My Grill จากนั้นน้องพนักงานหายไปสักพักและกลับมาพร้อมกับน้ำจิ้มจากห้องอาหาร Tonsai เธอนำมายื่นให้กับผมพร้อมรอยยิ้มและบอกว่าน้ำจิ้มนี้น่าจะเหมาะกับผมมากกว่า บริการแบบนี้เอาใจผมไปเลยครับ
อีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความสุข เห็นจะเป็นมื้อเช้านี่แหล่ะครับ ที่เราจะเลือกทานได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องพะวงกับเงินในกระเป๋าเลย อาหารเช้าจะจัดไว้ที่ห้องอาหาร Tonsai ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 06.30 - 11.00 น. ครับ (ห้องอาหาร Tonsai จะเปิดบริการทั้งวัน โดยมื้อเช้าให้บริการแบบ Buffet สำหรับมื้อเที่ยงและมื้อเย็น ให้บริการแบบ a la carte ครับ)
Naka Island Caramelized French Toast
อาหารเช้าโดยรวมแล้วถือว่าดีงามมากๆ ทั้งความหลากหลายของเมนู คุณภาพของวัตถุดิบ และรสชาติอาหารที่ถูกปาก ผมใช้เวลาดื่มด่ำกับอาหารมื้อเช้านานร่วมชั่วโมง เรียกได้ว่าอิ่มหนำจนไม่ต้องทานมื้อกลางวันกันเลยทีเดียว
นับเป็นช่วงเวลาดีๆ ตลอด 2 คืนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ การที่เราได้มาพักผ่อนแบบเงียบๆ ไร้สิ่งรบกวน ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มันเหมือนเป็นการชาร์จไฟให้กับชีวิต พร้อมที่จะออกไปเผชิญกับสิ่งต่างๆ ที่จะได้พบเจอ หากใครกำลังมองหาที่พักเพื่อใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อนฝูงแบบส่วนตัว ท่ามกลางสวนป่าธรรมชาติในบรรยากาศริมทะเล เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ขอบอกเลยว่า The Naka Island, a Luxury Collection Resort & Spa, Phuket นี่แหล่ะคือคำตอบที่คุณกำลังค้นหาอยู่
ภาพถ่ายสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ แต่ภาพถ่ายไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกได้ ผมอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาสัมผัสกับ The Naka Island, a Luxury Collection Resort & Spa, Phuket ด้วยตัวของเพื่อนๆ เอง แล้วจะรู้ว่า “สวรรค์อยู่ไม่ไกล” เลยครับ
หากใครฝันที่จะมาพักที่ The Naka Island เช่นเดียวกับผม แอบกระซิบว่าให้เกาะติดหน้าเพจของ The Naka Island, a Luxury Collection Resort & Spa, Phuket (https://www.facebook.com/thenakaisland) ไว้ได้เลย เพราะจะมีโปรโมชั่นราคาห้องพักเด็ดๆ ออกมาอยู่เรื่อยๆ ครับ
งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากเกาะนาคาใหญ่ ผมไม่ลืมที่จะตีฆ้องเพื่อบอกลาและขอบคุณพญานาคที่ช่วยคุ้มครองดูแลตลอดเวลาที่ผมอยู่บนเกาะนาคาใหญ่นี้ เรือมุ่งหน้าสู่ Ao Por Grand Marina เกาะนาคาค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ จากสายตา แต่เกาะนาคาจะยิ่งใหญ่อยู่ในใจผมตลอดไป
เมื่อขึ้นเรือจาก Ao Por Grand Marina แล้ว ผมมุ่งหน้าต่อสู่ท่าเรือบางโรง ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงท่าเรือบางโรงครับ
ก่อนจะถึงท่าเรือจะมีชาวบ้านเปิดบ้านให้เป็นที่รับฝากรถ บางเจ้าคิดค่าบริการ 50 บาท/คืน บางเจ้าก็จะคิดค่าบริการ 100 บาท/คืน ยังไงลองสอบถามราคาก่อนที่จะใช้บริการดูนะครับ
เมื่อหันหน้าเข้าสู่ท่าเรือ จุดจำหน่ายตั๋วไปยังเกาะยาวใหญ่ จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ค่าโดยสารคนละ 200 บาท (พิมพ์ไม่ผิดครับ ค่าโดยสาร 200 บาท แต่ที่ป้ายแสดงราคาตรงจุดจำหน่ายตั๋วเขียนว่า 300 บาท) ส่วนจุดจำหน่ายตั๋วไปยังเกาะยาวน้อย จะอยู่ทางด้านขวามือ ทั้งสองจุดตั้งอยู่ตรงข้ามกันครับ
จากท่าเรือบางโรง ใช้เวลานั่ง Speed Boat ประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงเกาะยาวใหญ่ครับ การมาเกาะยาวใหญ่รอบ 2 ของผมนี้ ผมตั้งใจจะมากินอาหารทะเลที่บ้านริมน้ำเรสเทอรองอีกครั้งเพราะยังติดใจในเสน่ห์ปลายจวักของแม่ครัวที่นี่ นอกจากนี้ยังต้องการมาเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวจุดอื่นๆ ที่ยังไม่เคยแวะครับ
ผมให้บังณีแวะเที่ยวที่แหลมหาดเป็นจุดแรก เพราะอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก แหลมหาดในวันนี้ยังคงความสวยงามและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย หาดทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวลงไปในทะเล ความสวยงามของแหลมหาดการันตีด้วยการเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์ The Mechanic Resurrection ครับ มาแหลมหาดครั้งนี้ยังคงประทับใจอยู่เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือได้ภาพมุมสูงของแหลมหาดมาฝากเพื่อนๆ ให้ได้ชมกันด้วยครับ
จากแหลมหาด บังณีพาเลาะเที่ยวไปเรื่อยๆ จากด้านเหนือมุ่งหน้าลงทางใต้ของเกาะยาวใหญ่ครับ
จากแหลมล้าน นั่งรถต่ออีกนิดหน่อยก็มาโผล่ที่อ่าวทราย อ่าวนี้สวยใช้ได้เลย เงียบ สงบ เหมาะกับการมานั่งทอดอารมณ์มาก ที่อ่าวทรายนี้สามารถเล่นน้ำทะเลได้ ถึงแม้ทรายจะไม่ขาวเท่าแหลมหาดแต่ก็ละเอียดนุ่มเท้าไม่แพ้กัน ที่ด้านหัวและท้ายหาดจะเป็นกลุ่มหินเพิ่มความมีเสน่ห์ให้หาดนี้ขึ้นอีกเยอะเลยครับ
จากอ่าวทราย บังณีพามุ่งหน้าไปฝั่งทิศตะวันตกของเกาะ เพื่อไปเที่ยวชมอ่าวหัวนอนครับ
ผมมาปิดโปรแกรมของวันที่อ่าวโล๊ะปาเหรดครับ อ่าวโละปาเหรดในวันที่ผมไปเยือนน้ำขึ้นจนมองไม่เห็นชายหาดเลย เอกลักษณ์ของอ่าวโล๊ะปาเหรดเห็นจะเป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวสู่กลางทะเลนี่แหล่ะครับ มองออกไปเห็น “เกาะสก” อยู่ริบๆ (ทางด้านขวามือของภาพ) คำว่า “สก” เป็นภาษาใต้ แปลว่า “คู่กัน” เกาะสกจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักครับ
ของกินที่อ่าวโล๊ะปาเหรดราคาค่อนข้างสูงเลยครับ แอบไปถามราคาทุเรียนมา (ในสภาพผลแตกและงอมมาก) ขายลูกละ 500 บาทกันเลยทีเดียว อาหารทะเลแถวนี้ก็แพงมากเช่นกัน เหตุเพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน ที่อ่าวโล๊ะปาเหรดขึ้นชื่อเรื่องโรตี เสียดายที่ผมไปช่วงถือศีลอดของชาวมุสลิม เลยไม่ได้ลิ้มลองโรตีของเด็ดของดังของที่นี่เลยครับ
แล้วเวลาที่ลอยคอ เอ๊ย รอคอยก็มาถึงกับอาหารมื้อเย็นที่บ้านริมน้ำเรสเทอรองครับ
ทานข้าวเคล้ากับบรรยากาศริมทะเล มันยิ่งเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารมื้อนั้นเข้าไปอีก ฝนที่นี่มาไวไปไวจริงๆ ตกไม่เกิน 10 นาทีก็ไปซะแล้ว ถึงแม้ฝนจะตกแต่ก็ยังส่งรุ้งมาสร้างสีสันให้กับอาหารมื้อเย็นของผมด้วยครับ
ถ้าหากใครมาเที่ยวเกาะยาวใหญ่แล้วสนใจจะมาฝากท้องที่บ้านริมน้ำเรสเทอรองเหมือนกับผม ร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือคลองเหีย เปิดตั้งแต่ 11.00-19.00 น. สามารถโทรจองที่นั่งกันก่อน ที่ 081-9562141 นะครับ เผื่อลูกค้าแน่นร้าน จะได้ไม่เสียเวลารอครับ รับรองว่าอร่อยเด็ดทุกเมนู แถมราคาไม่แรงด้วยครับ
ได้เวลาอันควร คงต้องเข้าที่พักกันแล้ว คืนนี้ผมเข้าพักที่ Betterview Bed Breakfast & Bungalow ครับ
Betterview Bed Breakfast & Bungalow ตั้งอยู่ที่อ่าวทิวสน ทางเข้าของรีสอร์ทค่อนข้างแคบ ไม่มีที่จอดรถยนต์ แต่สามารถจอดรถมอเตอร์ไซด์ได้ บังณีต้องขับถอยหลังพาพวกเราเข้ามาส่งยังรีสอร์ทเนื่องจากด้านในไม่มีที่กลับรถครับ สำหรับแผนกต้อนรับค่อนข้างเรียบง่าย มีบาร์เล็กๆ ตั้งอยู่เคียงคู่กัน ด้านหลังของส่วนต้อนรับจะเป็นห้องอาหารครับ
Welcome Drink เป็นน้ำลิ้นจี่ปั่น จิบแล้วสดชื่นมากๆ ครับ
ผมจองห้องแบบ Bungalow ไว้ ภายนอกอาจจะดูเก่าไปสักนิด แต่ภายในนี่...
ภายในค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว สภาพดูใหม่กว่าด้านนอกมาก อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มีโซฟาไว้ให้นั่งเล่นดูทีวีด้วย (แต่สัญญาณดาวเทียมดูไม่ได้เลยสักช่อง สอบถามผู้ดูแล แจ้งว่าอาจเป็นเพราะฝนตกเลยทำให้สัญญาณดาวเทียมขัดข้อง แต่เช้าอีกวันฟ้าแจ่มใส สัญญาณดาวเทียมก็ยังดูไม่ได้เช่นเดิม)
ภายในห้องน้ำค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว เปิดประตูเข้าไปด้านซ้ายจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบน้ำวนที่สามารถแช่น้ำไปชมวิวภายนอกไป (มู่ลี่เป็นมู่ลี่ไม้ไผ่แบบบางๆ คล้ายๆ ไม้เสียบลูกชิ้น ไม่สามารถเลื่อนเปิดปิดได้ ทำให้ช่วงกลางคืนหากเปิดไฟในห้องน้ำแล้วนอนแช่อ่าง คนที่อยู่ภายนอกห้องน้ำจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากเราจะทำกิจกรรมต่างๆ เช่นเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ โดยที่ไม่แช่อ่างอาบน้ำ เราสามารถปิดผ้าม่านที่อยู่ถัดออกมาจากอ่างอาบน้ำได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คนภายนอกมองเห็นด้านในห้องน้ำ)
แยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกัน นับว่าออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้ดีเลยทีเดียวครับ
สระว่ายน้ำส่วนกลางของรีสอร์ทตั้งอยู่กลางรีสอร์ทเลยครับ มองเห็นวิวทะเลได้ด้วย
บรรยากาศยามค่ำ เงียบสงบดีครับ
สำหรับอาหารเช้าจะเป็นข้าวต้ม มีข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มไก่ให้เลือก มีเมนูไข่ ขนมปัง แพนเค๊ก และผลไม้อย่างแตงโมและมะม่วงสุกครับ
ภาพรวมของ Betterview Bed Breakfast & Bungalow ถือว่าโอเคเลยครับ ห้องกว้าง เงียบสงบดีครับ
ที่ Betterview Bed Breakfast & Bungalow สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้ด้วยนะครับ
ที่อ่าวทิวสน นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยไม่แพ้ที่ไหนเลย ภาพดวงอาทิตย์กลมโตโผล่ขึ้นมาเหนือป่าเกาะ มีเรือประมงที่ออกแล่นไปมาเป็นฉากหน้า ช่วงเวลาเปลี่ยน ความสวยงามของท้องฟ้าก็เปลี่ยนแปลงตามเช่นกัน
พอสายหน่อยน้ำเริ่มลงครับ เมื่อวานช่วงที่มาถึงรีสอร์ท น้ำทะเลขึ้นสูงจนมองไม่เห็นชายหาด แต่เช้านี้กลับมีหาดทรายให้ได้เดินเล่นไปเรื่อยๆ มองออกไปริบๆ เห็นแหลมหาดด้วย
ก่อนกลับ บังณีพาแวะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงแพะ ตำบลเกาะยาวใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ทางเข้าแหลมหาดครับ
ภายในศูนย์มีผลิตภัณฑ์จากนมแพะนำมาแปรรูปเป็นแชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ โลชั่น และสบู่ก้อน นอกจากนี้ยังมีไข่เค็มใบเตย และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยจำหน่ายด้วย
สงสัยไหมครับว่าทำไมต้องน้ำนมแพะด้วย เพราะน้ำนมแพะมีคุณสมบัติเป็นไลโพโซมธรรมชาติที่ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถต้านเชื้อแบคทีเรียได้ กระจายตัวได้ดี จึงสามารถดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย นมแพะมีกรดคาพรีลิคช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มีวิตามินเอช่วยสร้างเซลล์ผิวหนัง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวและผมแข็งแรง นอกจากนี้ยังสามารถต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย บำรุงผิวพรรณให้สดใสอยู่เสมอ ถ้าหากใครสนใจแวะไปอุดหนุนสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงแพะ ตำบลเกาะยาวใหญ่กันได้นะครับ
ยังพอมีเวลาเหลืออยู่อีกนิดหน่อย บังณีเลยพาผมขับรถเรื่อยไปจนถึงอ่าวคลองสน ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือคลองเหียประมาณ 10 นาทีครับ
ช่วงที่ไปถึงน้ำทะเลลงค่อนข้างเยอะเลย อ่าวคลองสนมีชายหาดที่ทอดยาวและมีแนวสนปลูกเป็นทิวเรียงรายอยู่ริมหาด
จากอ่าวคลองสน สามารถมองเห็นสันธิญารีสอร์ทได้ด้วยครับ
ปูลมตัวน้อยๆ ออกมาหากิน มาที่อ่าวคลองสนไม่ยักเจอปูลมตัวใหญ่ๆ เหมือนที่อ่าวหินกองครับ
น้ำลงค่อนข้างเยอะเลย ติดกับชายหาดคลองสน ยังมีป่าชายเลนด้วยครับ
ก่อนกลับ บังณีขับรถพาผมเข้าไปชมป่าชายเลนใกล้ๆ กับอ่าวคลองสน บริเวณนี้มีการเลี้ยงปลาในกระชังด้วยครับ
ถึงเวลาที่จะต้องอำลาเกาะยาวใหญ่แล้ว การมาเกาะยาวใหญ่ในครั้งนี้ ผมได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ความเจริญต่างๆ เริ่มคลืบคลานเข้ามายังเกาะยาวใหญ่ 7-11 มีผุดขึ้นมาอีก 1 ร้าน นอกจากนี้ยังมีรีสอร์ทน้อยใหญ่ผุดขึ้นมามากกว่าเดิม และแว่วๆ มาว่าจะมีโรงแรมหรูอย่าง Intercontinental มาสร้างบนเกาะยาวใหญ่ด้วย ผมคงได้แต่ภาวนาว่าความเจริญคงจะไม่มาทำให้วิถีชีวิตช้าๆ ของชาวเกาะยาวใหญ่ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
แอบโฆษณาให้บังณีสักหน่อยครับ เพราะผมประทับใจกับการให้บริการของบังณีเป็นอย่างมาก บังเป็นคนพูดง่าย จะให้ไปไหนอย่างไร รอผมถ่ายรูปนานแค่ไหน บังณีไม่เคยปริปากบ่น ใครสนใจจะใช้บริการบังณี ติดต่อได้ที่ 081-8931343 นอกจากรถเหมาแล้ว บังนียังเปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวได้เข้าพักด้วยนะครับ ในราคาห้องละ 800 บาท (บังบอกผมว่าจะนอนกี่คนก็ได้) บ้านบังนีอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือคลองเหียและยังเป็นมินิมาร์ทอีกด้วย หากใครกำลังมองหาที่พักบนเกาะยาวใหญ่ในราคาถูก ไม่ยึดติดเรื่องวิวทะเล บ้านบังณีเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยครับ
สำหรับทริปนี้นับเป็นอีกหนึ่งทริปที่ผมประทับใจมากๆ ใครที่อยากมาใช้ชีวิตช้าๆ ริมทะเลแบบผม แนะนำ 2 เกาะนี้เลยครับ นาคาใหญ่ ยาวใหญ่ ไม่ไปไม่ได้แล้ว...
ท้ายสุดนี้ เพื่อนๆ สามารถเข้าไปให้กำลังใจและติดตามผลงานของผมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/unclegreenshirt นะครับ