ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
หลีเป๊ะ สวยเป๊ะเว่อร์...ตอนที่ 1 จาก ตรัง สู่ หลีเป๊ะ เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา (Koh Lipe Tarutao National Park) จ.สตูล
    • โพสต์-1
    KACHEN •  พฤษภาคม 14 , 2557

    เกริ่นนำ

    ย้อนไปเมื่อกลางปีที่แล้ว แอร์เอเชียได้ออกโปรตั๋ว 0 บาทซึ่งคนแห่เข้าไปจองจนเว็บล่ม แน่นอน ตั๋ว 0 บาทผมไม่ได้ เพราะจองไม่ทัน 55555 แต่ก็ได้ราคาถูกใจ ไปกลับถูกกว่ารถทัวร์ก็โอแล้วนะ 

    นานแล้วนะที่ไม่ได้ไปทะเลอันดามัน... ตั๋วไปตรังราคาไม่แพง เลยไลน์ไปถามเพื่อนว่าสนใจไหม เพื่อนตอบมาทันใดว่าไปเลย... ก็เลยจัดซะ 5 วัน 4 คืน

    วันเวลาผ่านไปไวเหมือนฝัน ก่อนเดินทาง 1 เดือนผมก็มานั่งวางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนดี 5 วันอยู่ตรังทั้งหมดคงไม่เวิร์ค นั่งคิดไปคิดมา ไอเดียบันเจิด หลีเป๊ะเรายังไม่เคยไปนอนบนเกาะเลยนี่หว่า เคยมาเหยียบแว๊บ ๆ เมื่อ 8 ปีก่อน ตอนนั้นก็นอนที่เกาะอาดัง บรรยากาศดีแต่ร้อนไปหน่อย คราวนี้ขอลองสำรวจหลีเป๊ะนอนแอร์เย็น ๆ กะเขาบ้าง การเดินทางทริปนี้ก็เลยเกิดขึ้น...

    ก่อนเดินทางก็ทำการจองทุกอย่างไว้ให้พร้อม จะได้ไม่พลาด 

    ที่พัก
    คืนที่ 1 - Moutain Resort (รีสอร์ทวิวสุดอลัง ฝั่ง Sunset ที่เหมือนเป็นโลโก้เกาะนี้ไปแล้ว) จองผ่าน agoda
    คืนที่ 2 - บันดาหยารีสอร์ท (เปลี่ยนไปนอนที่หาดพัทยา ฝั่ง Sunrise ดูบ้าง) จองผ่านงานไทยเที่ยวไทย 57

    Speedboat : ใช้บริการของ บันดาหยารีสอร์ท จองพร้อมโรงแรมในงานไทยเที่ยวไทย

    • ArMuay  เราพักที่ mountain resort 3 วัน 2คืน ซื้อเป็นแพคเกจเหมาทุกอย่าง
      ตั๋วเครื่องบินใช้ นกแอร์ บินตรงหาดใหญ่
      16 พฤษภาคม 2557 11:56:17
    • โพสต์-2
    KACHEN •  พฤษภาคม 14 , 2557

    จาก ตรัง ไป ท่าเรือปากบารา

    หลังจากเที่ยวตรังสองวันเต็ม ๆ ก็ถึงเวลาย้ายจุดมุ่งหมายไปหลีเป๊ะ..

    การเดินทางตรังไปหลีเป๊ะไม่ยากครับ ออกจากโรงแรม ก็โบกมอเตอร์ไซค์ หรือรถตุ๊ก ๆ หัวกบ ให้ไปส่งที่ บขส ตรัง ที่ บขส ตรังจะมีรถตู้จากตรังไปสตูล รถออกทุก ๆ 1 ชม. บอกคนขับรถตู้ว่าลง อำเภอละงู เสร็จแล้วก็นั่งรอขึ้นรถ 

    ผมจองเรือของบันดาหยาสปีดโบทไว้ เรือออก 11.00 น ซึ่งก็ควรมาถึง บขส ไม่เกิน 9.00 น เป็นอย่างช้า เพราะจากตรังไปละงู ใช้เวลานั่งรถ 1 ชมนิด ๆ แล้วต้องต่อรถสองแถวจากละงูไปท่าเรือปากบาราอีก ถ้าพลาดรถเที่ยว 9 โมง โอกาสเสี่ยงตกเรือสูง 

    เช้านี้ผมก็เลยรีบตื่นแต่เช้า นัดลุงคนขับรถตุ๊ก ๆ หัวกบให้มารับที่โรงแรมเจ็ดโมงเช้า (เจอลุงที่ถนนคนเดินตรัง) ให้ลุงพาไปซื้อหมูย่างตรังที่ตลาดตุนไปกินที่หลีเป๊ะ หลังจากนั้นลุงก็ไปส่งที่ บขส. ทันรถเที่ยว 8 โมงพอดี 

    คิวรถตู้ที่สถานีขนส่ง จังหวัดตรัง

    จาก บขส. ตรัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.กว่า ๆ ก็ถึงคิวรถตู้ที่ละงู จากละงูไปท่าเรือปากบาราไม่ไกล สามารถนั่งรถสองแถวไปได้ แต่ที่ขึ้นรถสองแถวต้องเดินออกจากท่ารถตู้ไปนิดนึง (แต่ถ้าใครขี้เกียจเดินก็สามารถให้เจ้าหน้าที่ที่คิวหารถให้ไปส่งที่ปากบาราได้เลย ราคาอาจจะแพงกว่านิดหน่อย) แต่ช่วงที่ผมไป รถเขาวิ่งไปส่งคนอื่นอยู่ซึ่งรอนานกว่าจะกลับมา ผมก็เลยเดินไปขึ้นสองแถวดีกว่า 

    หน้าคิวรถตู้ละงูรถสองแถวไปท่าเรือปากบาราไม่ผ่านนะจ๊ะ ต้องข้ามฝั่งไปทางฝั่งวัดในรูป จากนั้นเลี้ยวขวา เดินตรงไปจะเจอสี่แยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปเรื่อย ๆ จนเจอเซเว่น ยืนรอโบกรถได้เลย ค่ารถคนล่ะ 30 บาท

    • โพสต์-3
    KACHEN •  พฤษภาคม 14 , 2557

    ท่าเรือปากบารา

    เมื่อมาถึงท่าเรือปากบารา ให้รีบไปเช็คอินตั๋วเรือกันก่อนเลย ยิ่งเช็คอินเร็ว ก็จะได้ลำดับขึ้นเรือต้น ๆ ถ้ามาสายอาจได้ลงเรือหลัง ๆ ที่นั่งดี ๆ ก็จะถูกจับจองไปหมด ขนาดผมไปถึงตั้งแต่ 9 โมงกว่า ๆ ยังได้คิวที่ 30 แต่โชคดียังมีที่นั่งดี ๆ เหลือพอให้เลือกนั่งนะ

    รถแดงจะจอดส่งเราตรงนี้ ให้หันหลังกลับก็จะเจอบริษัททัวร์เต็มไปหมด ว่าแล้วก็เดินหาบริษัที่เราจองไว้

    บันดาหยา Speed Boat ป้ายเด่นเป็นสง่า เดินเข้าไปเช็คอินกันเลย... เข้าไปแจ้งชื่อที่จองไว้ พนักงานจะถามเราว่าจะไปเรือแบบไหน มีให้เลือก 2 แบบ

    1. ตรงดิ่งไปหลีเป๊ะไม่แวะไหน อันนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนมาบ่อย ไม่อยากแวะ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม นิด ๆ 
    2. แวะถ่ายรูปเกาะตะรุเตากับเกาะไข่ ใครยังไม่เคยมาเที่ยวควรเลือกชอยส์นี้ ใช้เวลาเดินทางเดินทางนานกว่าแบบแรก แต่ก็คุ้มนะ ได้แวะเพิ่มตั้งสองเกาะในราคาเท่ากัน 

    ผมเลือกแบบที่ 2 เพราะเพื่อนเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ส่วนตัวผม ถึงจะเคยมาครั้งนึงแล้ว แต่ก็นานเป็นชาติ...>_<

    หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จ พนักงานจะให้สติกเกอร์เอาไว้แปะเสื้อพร้อมกับบัตรคิวลงเรือมา จากนั้นก้อเดินหาอะไรหม่ำ ซื้อของใช้ที่จำเป็น แล้วเข้าไปรอที่ท่าเรือด้านในกันเลย

    เรือลำที่เห็นในรูปบน อันนี้เป็นเรือเฟอร์รี่ติดแอร์เย็นฉ่ำ อ่านในรีวิวเขาบอกว่านั่งสบายแอร์เย็นจนหลับเลย ใจก็อยากไปลำนี้นะ แต่มันไม่แวะไหนเลย เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน

    เรือมาแล้ว ๆ ... ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องแย่ง ๆ เขาจะเรียกลงตามคิว ไม่มีบัตรคิว ไม่มีสิทธิ์ลงนะจ๊ะ 

    • โพสต์-4
    KACHEN •  พฤษภาคม 14 , 2557

    อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา

    เรือแล่นมา 30 นาที ก็มาจอดแวะที่เกาะตะรุเตา ให้เวลาถ่ายรูป 15 นาที อ่อ อย่าลืมจ่ายค่าเข้าอุทยานคนล่ะ 40 บาทด้วยน่ะ ^_^

    อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในทะเลอันดามัน บริเวณช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย ในเขตจังหวัดสตูล อุทยานประกอบไปด้วยเกาะจำนวน 51 เกาะ มีพื้นที่ประมาณ 931,250 ไร่ หรือ 1,490 ตารางกิโลเมตร มีชื่อเสียงที่โด่งดังทางด้านธรรมชาติ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาที่มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นซึ่งยังมีพรรณไม และสัตว์ป่าที่น่าสนใจจำนวนไม่น้อย และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นป่าชายเลน นอกจากนี้ยังมีอ่าวน้อยใหญ่ที่มีชายหาดสวยงามอยู่หลายแห่ง และในท้องทะเลของเกาะตะรุเตายังมีพันธุ์ปลามากมายหลายชนิดรวมทั้งเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ 4 ชนิด คำว่า “ตะรุเตา” นี้ เพี้ยนมาจาก คำว่า “ตะโละเตรา” ในภาษามลายูแปลว่า มีอ่าวมาก (ที่มา : http://th.wikipedia.org/)

    << ไปดูรูปสวย ๆ ต่อด้านล่างเลย >>>

    • โพสต์-5
    KACHEN •  พฤษภาคม 14, 2557
    • โพสต์-6
    KACHEN •  พฤษภาคม 14 , 2557

    เกาะไข่

    เกาะไข่อยู่ห่างจากเกาะตะรุเตาไปทางทิศตะวันตก ใช้เวลาเดินทางจากเกาะตะรุเตาประมาณ 40 นาที เหมือนเดิม ให้แวะเที่ยวถ่ายรูป 15 นาที ที่เกาะไข่ค่อนข้างร้อนแดดแรง ใครไม่ประสงค์จะโดนแดดรออยู่ในเรือได้นะจ๊ะ แต่ก็นะ เกาะสวยน้ำใสไฮโซขนาดนี้ จะมากลัวแดดมันไม่ใช่เรื่องนะ ว่าแล้วก็สะพายกล้องโดดลงไปถ่ายรูปกันดีกว่า ทรายที่นี่สะท้อนแสงแดดดีมาก ทำให้เวลาเก๊กท่าตาอาจหยีเป็นอาตี๋ไป แนะนำให้ติดแว่นกันแดดเท่ห์ ๆ ไปสักอัน นอกจากจะเป็นพร๊อพที่ดี ก้อช่วยกันแสงถนอมสายตาอีกด้วย จำได้ว่ามาเกาะไข่ครั้งก่อน ถ่ายไปสิบกว่ารูป ภาพสวยน้ำใสองค์ประกอบดี ติดแค่คนตาหยี จบกัน...T_T มาครั้งนี้ไม่พลาด แว่นพร้อม...^_^

    เกาะไข่เป็นเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่งในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกประมาณ 25 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่าง เกาะตะรุเตา และ เกาะอาดัง เสน่ห์ของ เกาะไข่ อยู่ตรงประติมากรรมธรรมชาติอย่าง ซุ้มประตูหิน อันเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา

    ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะมีหาดทรายสีขาวนวลและละเอียด น้ำทะเลใสสีมรกตเห็นผืนทรายใต้น้ำได้ชัดเจน เหมาะสำหรับการเล่นน้ำและชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะ ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติกลางทะเลอันดามัน ทะเลรอบ ๆ เกาะไข่ มีแนวปะการังอยู่โดยทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปะการังเขากวาง เนื่องจากเป็นเกาะที่เงียบสงบ ทุกปีในอดีต ช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก (ที่มา : kapook.com)

    << ยังมีรูปสวย ๆ ที่เกาะไข่อีกเยอะ ลงไปดูต่อด้านล่างเลยจ้า >>

    • โพสต์-7
    KACHEN •  พฤษภาคม 14, 2557
    • โพสต์-8
    KACHEN •  พฤษภาคม 15 , 2557

    ถึงแล้ว หลีเป๊ะ

    ออกจากเกาะไข่มา 30 นาที เรือก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะ เรือจะไม่วิ่งไปส่งเราถึงชายหาดนะ แต่เขาจะส่งเรามาลงที่โป๊ะลอยน้ำนี้แทน จากนั้นค่อยแยกย้ายนั่งเรือหัวโทงเข้าฝั่งอีกที 

    พอลงจากเรือปุ๊บ ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเราพักที่ไหน เขาก็จะจัดเรือหัวโทงไปส่งเรา พร้อมจ่ายค่าเรือ คนล่ะ 50 บาท

    นั่งรอเพื่อนร่วมเรือไม่นาน เรือก็ออก ลำที่ผมนั่ง มีแค่ 4 คน นั่งสบาย ๆ 

    ชายหาดฝั่งนี้ มีชื่อเรียกว่าหาดพัทยา บรรยากาศคึกคัก ทั้งกลางวันและกลางคืน

    ชายหาดฝั่งนี้น้ำจะใส ทรายละเอียด เหมาะสำหรับการเล่นน้ำ 

    ตอนแรกคิดว่าเรือจะวิ่งอ้อมฝั่งไปส่งเราหน้ารีสอร์ทเลย แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เรือจะไปจอดส่งเราข้าง ๆ ทางเข้าถนนคนเดิน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จาก Moutain Resort มารอต้อนรับเราหน้าชายหาดเลยทีเดียว แค่แจ้งชื่อที่จองไว้ 

    เม้าเท่นรีสอร์ทจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหาดพัทยา ซึ่งต้องซิ่งรถกระบะไปอีกนิดนึง 

    ถนนบนเกาะหลีเป๊ะจะเป็นถนนดินเล็ก ๆ 

    << ไปดูรูปน้ำใส ๆ ที่หาดพัทยา ด้านล่างเลยจ้า >>

    • โพสต์-9
    KACHEN •  พฤษภาคม 15, 2557
    • โพสต์-10
    KACHEN •  พฤษภาคม 16 , 2557

    Moutain Resort

    รถขับลัดเลาะ ไต่ขึ้นเนินเขาเล็ก ๆ ไม่นานก็มาถึง Moutain Resort เมื่อก้าวลงจากรถ เดินไป 15 ก้าว ผ่านซอกตึก ไปก็จะมาโผล่ตรงทางเดินไปล๊อบบี้ โอ้ว แม่เจ้า สตั๊นไปกับวิว 10 วิ น้ำทะเลสวยใสมาก ๆ ว่าแล้วก็หยิบกล้องออกมาถ่ายรูปรัว ๆ ถ่ายเพลินจนเพื่อนมาสะกิดให้รีบไปเช็คอิน เพราะเป็นเวลาบ่ายสองแล้ว ข้าวเช้าย่อยสลายหมดไปกะการวิ่งถ่ายรูปสองเกาะก่อนหน้า ตอนนี้หิวขนาดกินช้างได้ทั้งตัว น่ากลัวจริง ๆ 

    ผมจองที่พักผ่าน agoda ก็ยื่นใบจองให้เจ้าหน้าที่ที่ลอบบี้ไป หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ส่งมอบกุญแจให้พร้อมพนักงานนำทาง 1 คน เดินพาไปส่งยังห้องพัก 

    เจ้าหน้าที่ก็พาเดินลัดเลาะผ่านบ้านพักแบบ Deluxe Seaview ไปไม่นาน ก็จะถึงบันได้ทางขึ้นที่พักของเรา บ้านพักที่ผมจองไว้เป็นแบบ Deluxe Garden View ซึ่งจะไม่เห็นวิวทะเล บ้านพักจะปลูกเรียง ๆ ไล่ระดับขึ้นไปบนเนินเขาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ หันหน้าออกไปจะเป็นวิวสวน


    บันไดทางขึ้นบ้านพักแบบ Deluxe Garden View ถ้าได้พักหลังบนสุดแนะนำให้เดินทางเดินที่เเห็นด้านขวาจะเหนื่อยน้อยกว่านะ

    ผมโชคดีมาก agoda เป็นห่วงสุขภาพ เลยเลือกบ้านหลังที่อยู่บนสุดเนินเขาให้  เพื่อที่จะได้ออกกำลังกายโดยการเดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ เตรียมความพร้อมไว้สำหรับดำน้ำพรุ่งนี้ โอ้วว เหนื่อยโฮก....

    จริง ๆ ไม่เกี่ยวกับอโกด้านะครับ 555 ผมลองถามที่ลอบบี้ดูว่าทำไมผมได้หลังบนสุด ขอเปลี่ยนหลังได้ไหม พนักงานก็บอกว่าวันนี้เต็มหมดเปลี่ยนไม่ได้  ด้วยความสงสัยก็เลยสอบถามไปว่า ทำไมผมได้หลังบนสุด พนักงานตอบว่าเขาจะบุ๊กตามลำดับการจอง ใครจองก่อนก็จะได้หลังที่เดินใกล้หน่อย และก็ไม่สามารถระบุได้ว่าจะจองหลังไหน ซึ่งผมจองก่อนเดินทางแค่ 1 อาทิตย์ ซึ่งอาจจะนานไม่พอเลยได้หลังสุดท้ายเลย เหอ ๆ ^_^ 


    หน้าบ้านพัก Deluxe Garden View 

    << เข้าไปดูในบ้าน บ้านพักแบบอื่น ๆ บรรยากาศรอบ ๆ รีสอร์ท ด้านล่างเลยครับ >>

  1. โหลดเพิ่ม