ไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ที่ "สังขละบุรี" ไปรับรู้ความรู้สึกดีดีที่ "บ้านกกกอด"

ไป "กาญจนฯ" บ๊ เฮา ??

เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในกลุ่มสาวอีสานสามนาง หลังจากที่นัดกันว่าจะไปเที่ยวด้วยกัน แต่ทริปก็ล่มมาหลายครั้งหลายคราแล้ว รวมๆก็สองปีเห็นจะได้ 55555 เราทั้งสามคนต่างก็ทำงานแล้ว กว่าจะมีเวลาที่ว่างตรงกัน เลยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนกระทั่งเราตัดสินใจตอนต้นปี 2559 ว่า เอางี้ เรานัดวันเลย แล้วเคลียร์งานให้เรียบร้อย ด้วยความที่เราอยากไป บ้านกกกอด (ซึ่งจองยากมากกก หลายวันหยุดที่เราเอามาเป็นตัวเลือก นับตั้งแต่ ก.พ. เรื่อยมา) เราเลือกเอาวันหยุดตามปฏิทินและวันที่ที่พักว่างตรงกัน และวันที่ได้คือวันวิสาขบูชา ตรงกับวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2559 แล้วต่อด้วยวันหยุดสุดสัปดาห์ คือเสาร์ อาทิตย์ที่ 21-22 พฤษภาคม 2559 รวมเป็น 3 วัน 20-22 พฤษภาคม 2559

 

 

ท ริ ป ใ น ตำ น า น ที่ "กาญจนบุรี"

นอกจาก "บ้านกกกอด" ซึ่งเป็นสถานที่ที่จุดประกายความอยากไปนอนเล่นชมธรรมชาติด้วยกันแล้ว อีกหนึ่งที่ที่เราอยากไปสัมผัสมนต์เสน่ห์สักครั้งนั่นก็คือ "สังขละบุรี" ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า ทริปครั้งนี้ ทริปที่เราพลาดแล้วพลาดอีก ทริปที่รอมานาน เราจะไปกันที่ "กาญจนบุรี"

 

19 พฤษภาคม 2559

23.45 น. รถทัวร์นครชัยแอร์ ออกเดินทางจากสถานีขนส่งขอนแก่น มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร

 

Go go!!

เผื่อหิววว (บริการดุจนั่งเครื่องบิน ให้หลายโพดดดด บ่มีหม่องสิเก็บ 5555555)

 

20 พฤษภาคม 2559

ประมาณตีห้าครึ่ง เราก็ถึงจุดหมายปลายทาง

"โอ้โห นี่หรือบางกอก ผิ๊ดกับบ้านนอกตั้งหลายศอกหลายวา..." 555555 ฝ้ายแค่คิดในใจนะไม่ได้ร้องเปล่งเสียงออกมาหรอก

เราสามคน ใช้บริการ Taxi ค่ะ จากศูนย์นครชัยแอร์ ไปลงที่สถานีรถไฟธนบุรี (ค่าเสียหาย 120 บาท) ระหว่างทางพี่คนขับ (ผู้หญิง) ชวนคุยเยอะมาก ถามนู่นถามนี่ แนะนำนี่นั่น คุยกันสนุกยามเช้าดีค่ะ หายง่วงเลย หัวเราะ มีรอยยิ้มตลอดเส้นทาง ก่อนถึงพี่เค้าแนะนำร้านโจ๊กเจ้าอร่อยของสถานีด้วย เป็นระยะทางและเวลาสั้นๆ กับการสนทนาที่เน้นฮาไว้ก่อน อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่า การต้อนรับแรกของการเดินทางจากคนแปลกหน้า ก็เป็นมิตรและอบอุ่นไม่น้อยเลยทีเดียว ^^

05.45 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ก็ถึงสถานีรถไฟธนบุรี 

เราเดินไปรับตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋ว ยื่นบัตรประชาชนพร้อมแจ้งว่าจะลงที่สถานีไหน (ธนบุรี - น้ำตก) เราเลือกลงที่ สถานีกาญจนบุรีค่ะ  เจ้าหน้าที่ก็ออกตั๋วให้ รอบที่เราไปเป็นรถไฟขบวนบริการสังคม (ฟรี)

ได้ตั๋วมาล้าวววว   

 

หลังจากที่เรารับตั๋วแล้วเราก็หาที่นั่งพักกันค่ะ (จริงไม่ต้องหานะ เวลานี้ โล่งมากกกกกกกกกก) ผลัดกันเฝ้าสัมภาระกับเข้าห้องน้ำ (ล้างหน้าแปรงฟันจักหน่อยเด้อจ้าา) เสร็จสิ้นธุระส่วนตัวเราก็ถามลุงเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่า ลงไปถ่ายรูปกับรถไฟได้มั๊ย ลุงเค้าบอกว่าได้ครับ ตามสบายเลย แต่อย่างเพิ่งขึ้นไปบนรถไฟนะ เดี๋ยวลุงโดนดุ พร้อมกับชี้นิ้วว่า นั่นๆ ถ่ายตรงนั้นสวย แหม่ะ ลุงนี่ก็หัวศิลป์ไม่เบา ฮ่าๆ

เฝ้าวนไปค่าาาา

มาๆเธอ เราถ่ายให้ อ่ะ 1 2 3 แชะ

คนเริ่มมากันเยอะขึ้นเรื่อยๆ สถานีคึกคักเลยทีเดียว พอดีกับเราเองก็ถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ก็เลยไปหาอะไรกิน แน่นอนว่าเราไปลองชิมโจ๊ก ร้านที่พี่คนขับ Taxi แนะนำมา (ร้านอยู่ตรงหัวมุมตรงข้ามกับสถานีเลยค่ะ แต่ฝ้ายจำชื่อร้านไม่ได้ แง่ววว)

รับโจ๊กสักชามมั๊ยค๊าาาา (ถามว่าอร่อยมั๊ย ก็ดีค่ะ เพราะปกติฝ้ายม่ า ย กินโจ๊ก 555555)

เพิ่มพลังเสร็จแล้ว ก็ใกล้ได้เวลารถไฟเข้าเทียบชานชาลาพอดีค่ะ ตอนนี้คนแน่นสถานีเลย... รอ ร๊อ รอออ

รอสักพัก รถไฟก็มาถึงค่ะ ด้วยความเร็วดุจลิงของน้องสาวฝ้าย (ฝาแฝดฝ้ายเอง) ก็ขึ้นไปจับจองที่นั่งได้ตามที่ตกลงกันไว้ คือ ที่นั่งฝั่งซ้ายนั่นเอง (อ่านรีวิวมา เค้าบอกว่าฝั่งซ้าย ไม่แดด และวิวสวย จัดไปสิคะ) ฝ้ายกับเพื่ออีกคนก็ตามมาติดๆ เราจัดการเก็บสัมภาระอย่างเรียบร้อยแลัเป็นระเบียบ เพื่อมีที่นั่งให้สำหรับคนอื่นๆด้วย ซึ่งคนอื่นที่ขึ้นมาบนรถไฟแล้วก็ทำเช่นเดียวกัน

มาแล้วๆๆๆๆ

ถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยยยย ครั้งหนึ่งฉันเคยนั่งรถไฟ ฮ่าๆๆๆๆๆ

รถไฟวิ่งไปตามรางเรื่อยๆ จอดตามสถานีรายทางต่างๆ  เราสามคนก็หลับๆ ตื่นๆ เรื่อยๆเช่นกัน ฮ่าๆ ฝ้ายมองหาข้าวกระทง 10 บาท ของขึ้นชื่อจากรีวิวอื่นๆ แต่ผ่านไปหลายสถานีก็ไม่เห็นมีมา มีมาแต่ข้าวเหนียวหมูหวานแทน ก็เลยเอาซะหน่อย 

ข้าวเหนียวหมูหวาน 30 ค่าาา

ผ่านไปสองสถานี เฮ่ยยยยย!! ข้าวกระทง มาแล้วเว้ย แต่ฝ้ายไม่ได้ซื้อ เพราะจุดที่นั่งและของที่ถือไม่สะดวกต่อการซื้อมากิน เลยขอผ่านค่ะ นอกจากข้าวกระทงแล้ว ยังมี น้ำ ผลไม้ ข้าวอย่างอื่นด้วย "ปู๊นๆๆ ปู๊นๆ ฉึกฉัก ฉึกฉักอยู่บนรถไฟ บนรถไฟมีแต่คนขายข๊องงง โอเลี้ยงมั๊ยครับๆ คุณครับขนมปังปอนด์ ดึกๆกาแฟร้อนๆ เงาะ กระท้อน ฮอลล์ ไข่เค็ม"  55555 เพลงแล่นเข้ามาในหัวอีกละ คือเห้ยยย บนรถไฟเค้าขายของเจงๆๆๆ

เข้าใกล้สถานีทุ่งทอง เกิดเหตุตะเตือไตขึ้น ฝุ่น!!ฝุ่นค่ะฝุ่น ตลบอบอวลเลย หน้าเน่อผมเผิมนี่ไปเหมิดดด เพิง พัง หมดกันๆ ฮ่าๆๆๆๆ 

10.45 น. รถไฟเข้าจอดที่ชานชาลาสถานีกาญจนบุรี ทันทีที่ลงรถมา ก็มีลุงเดินมาถามว่าไป บขส. มั๊ย เราเลยถามไปว่า จะไปขึ้นรถตู้ไปสังขละบุรี ต้องขึ้นที่ไหน ลุงบอกที่ บขส. เราเลยตกลง ค่ารถ คนละ 10 บาท (บนรถเราได้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วยสองกลุ่ม กลุ่มนึงไปสังขละเหมือนกัน อีกกลุ่มไม่รู้ว่าจะไปไหน ลืม 5555)

ไปโลดดดดด

ถึง บขส. เราไปกินข้าวก่อนค่ะ แล้วค่อยไปซื้อตั๋วรถ เพราะรถมีออกทุกๆครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ 07.00-16.00 น. 

เราได้ตั๋วรอบ 11.50 น. แต่คนเต็มเร็ว รถก็ออกเลย 11.30 น. 

ป่ะ!! เฮาา

สังขละบุรี 196 กม. นั่งวนไปค่าาา ระหว่างทางมีด่านตรวจบัตรผู้โดยสารด้วยนะ สองสามด่านมั๊ง (หน้าใกล้เคียงพม่าก็เงี๊ยะแหล่ะ ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ละ) แวะเติมน้ำมันบ้าง จอดจุดพักรถบ้าง หลับบ้างตื่นบ้าง เรื่อยๆๆ ๆ ๆ

สังขละบุรี 4 กม.

ว้าวววว กลิ่นอายนี่มาเลยค่ะ

15.00 น. "สังขละบุรีจ๋าาาาาา ฝ้ายมาแล้วจ้ะ"

รถจอดที่ท่ารถตู้ เราถามคนขับรถตู้ว่า ที่พักชื่อ "Coffee Berry" อยู่ไกลจากที่นี่มากมั๊ยคะ พี่แกบอกว่าไม่ๆ ตรงไปเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาก็ถึง เราเลยเลือกเดิน ไม่นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เดินไปสักพัก เฮ่ยยย นี่ก็ไม่เรียกใกล้นะแกรร ฮ่าๆๆ พอดีตลาดเย็นเค้ากำลังเปิดพอดี เลยแวะซะหน่อย แล้วก็ไปต่อจ้าาา เดินต่อจ้ะ 

เดินไปไกลเติบบบ ในที่สุดกะฮอดจ้าาาาา

"Coffee Berry" คุ้มกับเดินไกลค่ะ ที่พักน่ารักมาก ชอบๆๆ

http://www.coffeeberrysangklaburi.com/th/rooms.html

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา หลังจากเข้าที่พักเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็เดิน ไปสะพานมอญกันเลยค่ะ ห่างจากที่พัก 300 เมตร 

โปรแกรมวันนี้ คือ นั่งเรือชมวัดจมน้ำ

ที่สะพานจะมีเรือให้เหมาชมวัด อัตราค่าบริการคือ (1-6 คน/ลำ) 1 วัด/300 บาท และ 3 วัด/500 บาท 

เราสามคนทำเป็นยืนเอ๋อๆ งงๆ ตกลงกันไม่ได้ ลุงคนรับเหมาเลยบอกว่า งั้นเอางี้ ลุง 3 วัด 400 บาท ตกลงค่ะ!! ฮ่าๆๆๆ ร้ายกาจไปอีก ลุงส่งต่อเราให้กับพี่อีกคนซึ่งเป็นเจ้าของเรือ 

ที่ท่าเรือข้างสะพานมีแพบ้านพักกับแพร้านอาหารให้บริการด้วย เยอะเลย 

ชูชีพพร้อม ไปเลยยยยยย

หน้านี่เหนอะไม่ต้องสืบเลยค่ะ ผมนี่พันเป็นเป็นฝอยขัดหม้อเชี๊ยะ แหม่ก็นะ ทั้งฝน ทั้งชื้น ทั้งลม มาค่ะมาให้หมด ฮ่าๆๆๆๆๆ แนะนำเลยค่ะ ให้ชมวัดตอนเย็นก่อนอาบน้ำ จะได้ไม่เป็นภาระความงามยามเช้า 55555

พี่คนขับเรือเอาหลังคาลงให้ บอกว่า เห็นพวกน้องชอบถ่ายรูป แสงจะได้สวยๆ (แล้วฝนก็ตกกกก)

วัดแรกคือ วัดศรีสุวรรณ(เก่า) ในความโชคร้ายมีความโชคดีค่ะ ช่วงที่เรามาน้ำลดทำให้ไม่เห็นว่าเป็นวัดจมน้ำ แต่... เราก็สามารถลงไปชมความงามและไหว้พระด้านในได้ค่ะ ^^

วัดที่สองคือ วัดสมเด็จ(เก่า) วัดนี้จากจุดจอดเรือต้องเดินต่อไปอีกหน่อย (มากกก) ทางขึ้นวัดมีร้านค้าเล็กๆหลายร้าน ขายของกิน ลูกชิ้นทอด น้ำแข็งใส ปลาหัวยุ่ง แป้งทะนาคา แล้วก็ดอกไม้ธูปเทียนค่ะ (แม่ค้าที่นี่ใจดีน่ารักมากค่ะ ตอนจะกลับฝนเริ่มตก เราเลยขอซื้อถุงเพื่อใส่กล้อง เค้าบอกเอาไปเลยหนูไม่เอาตังค์หรอกพร้อมรอยยิ้มที่เต็มใจมากๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ^^)

เดิน เดิ๊น เดินนน 

ลูกแม่ค้า ตาหว๊านหวานนน

จัดไปแก้วนึงค่ะ นี่ก็หว๊านหวานนน

ดอกไม้สวยจัง แปลกดี

วัดนี้ตั้งอยู่ที่สูงหน่อย องค์พระเลยยังสวยงามค่ะ

ระหว่างทางตอนเดินกลับลงมา เจอป้าๆยายๆกำลังถอดใจ เราเลยบอกไปว่าอีกนิดเดียวค่ะ ฉู้ๆนะค้าาา ^^

วัดที่สามคือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) วัดนี่เราไม่ได้แวะลงไปชมความงามใกล้ๆค่ะ เพราะฝนตก พี่คนขับเรือเลยพาไปเทียบท่าใกล้ๆให้เราไหว้และถ่ายภาพ แอบเสียดายเหมือนกันค่ะแต่คิดบวกๆไว้ ยังดีกว่าไม่ได้มาเห็นน้อออ ^^

ตอนนั่งเรือกลับมีเหตุการณ์ประทับใจด้วยค่ะ ฝนตกระหว่างทางแล้วหลังคารั่วตรงที่ฝ้ายนั่งพอดี พี่เค้าไม่พูดอะไร แต่เอามือ (ข้างนึงอีกข้างขับเรือ) ขึ้นไปดันผ้ายางหลังคาเพื่อให้น้ำไหลไปลงตรงที่พี่เค้านั่งแทน เฮ่ยยยย ปาดติโท้ 

เราถามพี่เค้าว่าช่วงนี้คนมาเที่ยวมั๊ย พี่เค้าบอกว่าเยอะ เราเลยว่า งี้คงได้รับเหมาหลายรอบเน๊าะ พี่แกบอกว่าไม่ครับ คนเยอะเรือก็เยอะเหมือนกัน อาทิตย์นี้พี่เพิ่งได้เที่ยวนี้เที่ยวแรก เราเลยว่า อ้าวแล้วนี่พี่หาลูกค้าผ่านนายหน้า กว่าจะถึงคิดก็แย่ดิ ไม่หาลูกค้าเองเลย ทำได้มั๊ย พี่เค้าบอกว่าได้ แต่พี่พูดไม่เก่ง หาไม่เป็น เลยต้องอาศัยเค้า เราก็ อ้ออออ ค่ะ 

พี่เค้าชื่อ สมบูรณ์ ค่ะ ถ้าใครอ่านรีวิวนี้แล้วมีโอกาสได้ไป ลองใช้บริการพี่เค้าได้นะคะ บริการดี สุภาพ (086-2825399) บอกเค้าว่ารู้มาจากฝ้าย พี่เค้ารับปากว่าจะลดราคาให้ค่ะ ถ้าจำได้นะ 55555 

ขึ้นฝั่งปุ๊ปเราก็หาของกินเลย เสียดายไม่ได้ข้ามไปชิมอาหารฝั่งมอญ ฝนยังตกอยู่ แต่ไม่เป็นไร ฝั่งไทยก็มีค่ะ ลูกชิ้นทอด อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว น้ำหวาน ข้าวหมูปิ้ง ฯลฯ เราเลือกกินก๋วยเตี๋ยวกับชาเย็นค่ะ กินเสร็จแล้วเราก็เลือกซื้อของฝากค่ะ 

พอดีวันนั้นเป็นวันวิสาขบูชา ตั้งใจอยากจะไปเวียนเทียน เราเลยถามคนแถวนั้นว่า มีวัดบนฝั่งใกล้มั๊ย เค้าบอกว่ามี แต่อยู่ฝั่งมอญ พอดีกับฝนหยุดแล้ว เราเลยตกลงกันว่าจะไปค่ะ ระหว่างทางเราก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ สะพานเดินยากนิดนึง เพราะดูเหมือนว่าวันนี้เค้าเพิ่งทาสี (จริงด้วย กลับมาเห็นข่าวที่ห้องพักค่ะ ว่าชาวบ้านช่วยกันทาสี) ฝนก็เพิ่งหยุดตกไป น้ำกับน้ำมันจากสีเลยทำให้ไม่ค่อนข้างลื่น...

ค่อนๆกลางสะพาน มีพี่คนนึงนั่งเล่นดนตรีเปิดหมวกด้วย เราเดินผ่านไป พี่เค้าเลยถามว่าขอเพลงได้นะครับ ฝ้ายก็พูดไปเสียงดังฟังชัดว่า "ขอเวลาลืม" ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ปากไวมา พอดีกำลังฮัมเพลงนี้ตอนเดินอยู่พอดีไง
เราข้ามไปถึงฝั่งมอญ ร้านค้าปิดใกล้จะหมดแล้ว เราถามคนแถวนั้นว่าวัดอยู่ไหน เดินไปได้มั๊ย เค้าบอกมันไกลเดินไปไม่ได้หรอก เอ๋าาาาาาาาสู ย่างมาบักไกล บัดสิวาแมะ กลับสิคะ รออะไร ฮ่าๆๆๆๆๆ 

เรากลับถึงที่พัก ก็เม้าท์มอย อาบน่ำ ดูรูป แล้วก็สลบใครสลบมันอันเนื่องมาจากเพลียจากการเดินทางมาทั้งวันค่ะ...

 

21 พฤษภาคม 2559 

"อรุณสวัสดิ์นะ สังขละบุรี"

เช้านี้ฝนก็ตกอีกเช่นเคย เจ้าของที่พีกเตรียมร่มไว้ให้เราด้วยค่ะ น่ารักมาก เราเดินไปที่สะพานมอญอีกครั้งนึง เราตรงไปฝั่งมอญเลยค่ะ เพื่อไปให้ทันใส่บาตรตอน 06.30 น. ที่นั่นคนเยอะมากกกก เราใส่บาตรเสร็จก็กลับฝั่งไทยเลยค่ะอยากชิมอาหารที่นั่นเหมือนกัน แต่น่าเสียดาย คนเยอะเกินกว่าจะรอคิวไหว 

ระหว่างทางเราก็แชะภาพไปด้วยค่ะ...

กินข้าวกันเต๊อะ แง่มๆ

กินแล้ว อิ่มแล้ว ก็กลับโน๊ะ

เรากลับที่พัก เก็บสัมภาระแล้ว Check out ค่ะ แต่คราวนี้เราไม่เดินกลับไปที่ท่ารถตู้แน่ ที่พักมีเบอร์โทรติดต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างไว้บริการด้วย เราใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ ค่าบริการคันละ 20 ถึงเร็วอ่ะ รู้งี้เมื่อวานไม่น่าเดินเล้ยยย 

เราได้ตั๋วรถรอบ 10.00 น. มุ่งหน้าสู่กาญจนบุรี (ขากลับระหว่างทางแวะเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคนขับแวะซื้อเงาะ!!)

14.00 น. สวัสดีเมืองกาญจนฯ 

เช่นเดิมทุกการเดินทาง ถึงปลายทางเราก็มุ่งหน้าหาของกินค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ 

น้ำตาลสด จดจื้นมากกก

กินเสร็จ เราก็เหมารถไป "บ้านกกกอด" ค่าบริการคือ 600 บาท( ทั้งนี้ราคาเพิ่มลดตามแต่ว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ต่อราคาได้เก่งแค่ไหนด้วย ฮ่าๆ) พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเพิ่ม ตั้งใจจะไปกกกอดเลย แต่ลุงคนขับบอกทางผ่านมี สะพานข้ามแม่น้ำแคว แวะหน่อยดีมั๊ย ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว ไม่คิดตังค์เพิ่มหรอก เลย โคเคคร่าาา (ทำไมเรา งก 55555)  หลังจากบันทึกภาพเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางเลยค่ะ... นั่งรถวนไปค่าาา

แท๊แด๊มมมมม 16.00 น. 

"บ้านกกกอดจ๋าาาาา ฝ้ายมาแล้วจ้ะ"

พี่เจ้าของบ้านพัก สามีภรรยา พูดจาต้อนรับด้วยความน่ารักมากๆ พี่ผู้ชายแนะนำสถานที่ต่างๆ ส่วนพี่ผู้หญิงก็สอบถามเรื่องอาหารมื้อเช้า (พรุ่งนี้) และมื้อเย็น (คืนนี้) ที่นี่ไม่มีส่วนของร้านอาหาร แต่ถ้าลูกค้าต้องการอาหารเย็นพี่เค้ารับฝากสั่งซื้อให้ค่ะ หรือถ้าใครมีรถส่วนตัวจะไปกินที่ร้านปากทางเข้าก็ได้ หรือจะซื้อเข้ามาด้วยก็ได้ แล้วแต่สะดวก 

หลังจากตกลงเรื่องอาหารกันเสร็จสับ พี่เค้าก็เดินนำไปห้องพัก ระหว่างเดินไป พี่ก็แนะนำส่วนต่างๆอีกครั้ง แจ้งด้วยว่าที่นี่มีห่าน บางทีมันจะวิ่งไล่ ไม่ต้องตกใจนะคะ (เอออ๋าวววว) 

ห้องพักคือดีงามมมม

ห้องที่ฝ้ายเลือกพักคือแบบวิวเขื่อน บ้านกอดน้ำค่ะ เป็นบ้านพักไม้ไผ่แต่สงบ เป็นห้องน้ำรวมแต่สะอาด  คือชอบบบบ

http://www.baankokkod.com/

หลังจากเข้าที่พักเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็เปลี่ยนชุดไปถ่ายรูป ชมวิว เล่นน้ำกันเลยค่ะ...

คิดจะหลับกลางน้ำ พี่ต้องมั่นใจว่าพี่จะไม่จม 555555

เล่นน้ำ ชมวิว สมใจอยากแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืด เราเลยพากันกลับห้องพัก อาบน้ำเสร็จ กับข้าวก็มาถึงพอดี เรากินข้าวกันที่หน้าบ้านพัก กินไปเม้าท์ไป ดูรูปไป เสร็จแล้วก็เข้ามุมใครมุมมัน แล้วหลับไปค่าาาาา

 

22 พฤษภาคม 2559 

"อรุณสวัสดิ์นะ กกกอด"

ชมวิวหน้าบ้านพักยามเช้า อาบน้ำ แล้วไปกินข้าวกันเถอะ

กินข้าวเสร็จ เราก็เดินชมที่นี่อีกคร้ัง...

ที่นี่ได้ขึ้นชื่อว่าบ้านกกกอด เพราะรายล้อมไปด้วยต้นกกนั่นเองค่ะ

โอ้โหววววว หลงรักที่นี่เข้าอย่างจังเลยค่ะ ที่นี่สงบ สะดวก สบาย ส่วนตัว อบอุ่น คุยกันกับเพื่อนว่าต้องมาอีกแน่นอน มาคราวหลังมานอนเล่นสักสองคืนเลย 

สำหรับที่นี่ไม่มีคำอธิบายบรรยายอะไรมาก แบบไม่รู้จะอวดยังไงดี เอาเป็นว่าอยากให้มาสัมผัสความรู้สึกเหล่านี้ด้วยตัวเองนะคะ ^^

ประมาณ 08.30 น. เราก็กลับบ้านพัก เก็บข้าวของสัมภาระเตรียมตัวอำลาที่นี่กันค่ะ (แงๆๆๆ ไม่กลับได้มั๊ย ฮ่าๆๆๆ) เมื่อวานตอนเหมารถมาที่นี่เราได้นัดกับลุงคนขับไว้ค่ะมาให้มารับด้วย ค่าเสียหาย 600 บาทเท่าเดิม (เผื่อใครอยากใช้บบริการ ลุงชื่อ ลุงเล็ก นะคะ นี่เบอร์ลุงค่ะ 061-5562392) 

09.00 น. ลุงเล็กก็มาถึง เรา Check out และกล่าวชื่นมชมพี่เจ้าของที่พัก พี่เค้าก็กล่าวขอบคุณพวกเราเช่นกัน เรากับพี่เค้านัดกันไว้ว่าจะกลับมาพบกันอีกค่ะ (จริงๆแล้วพี่ผู้ชายบอก 10.00 น. จะไปส่งที่สามแยกบ้านโป่งปัด แล้วต่อรถประจำทาง(รถหวานเย็น) ค่าโดยสารประมาณ 50 บาท แต่เรากลัวจะไม่ทันรถกลับขอนแก่นเลยต้องขอปฏิเสธไปค่ะ)

ถึงเวลาไม่อยากจากก็ต้องจากน๊าาา (ประเด็นคือมื้ออื่นวันจันทร์ ฮะ!! วันจันทร์ ความสุขกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป)

ใช้เวลาเดินทางจากบ้านกกกอดถึงตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง

10.00 น. เราก็ถึง บขส. ถึงปุ๊บมีรถตู้รอบ กาญจนบุรี-หมอชิต พอดี เราเลยต่อเลยเดินทางต่อเลยค่ะ ค่าโดยสาร 120 บาท 

ประมาณเที่ยงกว่าๆๆ หลังจากหลับๆตื่นๆมาตลอดทางเราก็ถึงจุดหมายปลายทางแล้ววว พอดีพี่คนขับรถตู้ใจดี เสร็จจากส่งผู้โดยสารลงป้ายสุดท้าย (หมอชิต) พี่เค้าเลยบอกเดี๋ยวไปส่งที่ศูนย์นครชัยแอร์เลย จะได้ไม่ต้องต่อ Taxi อีก แต่จ่ายเพิ่มคนละ 30 บาท ไปมั๊ย ไปสิคะ!! ไปเลยค่ะพี่...

เรามาถึงก่อนเวลา 2 ชั่วโมง ตั๋วที่เราจองไว้คือรอบ 15.00 น. (เสียดายง่ะ รู้งี้อยู่กอด กกกอดต่ออีกหน่อยก็ดี แฮร่ๆ)

กินข้าว เข้าห้องน้ำ นั่งเล่น หาอะไรกิน เข้าห้องน้ำ นั่งเล่น วนไปค่ะ พนักงานก็ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นรถได้ 

15.00 น. มุ่งหน้าสู่มหานครขอนแจ๊นนนน "ถ้าอยากจะไปภูเขา...(ไม่ว่าระยะทางจะใกล้รึไกล) ไปเดินชมนก ชมไม้ ชมดาว อยากจะไปทะเลกว้างใหญ่ไปเดินเลียบชายหาด... ให้คลื่นและลมพัดใส่เรา ก็ไม่ต้องกลัวจะเหงา (แม้ว่าการเดินทางมันจะนานเท่าไหร่) ไม่ต้องกลัวว่าการเดินทางนั้นจะว่างเปล่า สนุกจนใจฉันต้องร้องว้าววววว... กี่ครั้งก็สุขใจ กับ นครชัยแอร์" 555555555 ฟังเพลงวนไปจ้าาาา หาความไพเราะไม่มี หาความพอดีไม่ได้ แต่ตรูก็เผือกจำได้น้อออ 

21.00 น. สวัสดีจ้ะ ขอนแก่นที่ร๊ากกก...

สรุปค่าใช่จ่าย/คน (เฉพาะค่าโดยสารต่างๆ ค่าใช้จ่ายหลักๆ กับค่าที่พักนะคะ ส่วนค่าอาหารของฝากอันนี้แล้วแต่ใครแต่เขาโน๊ะ)

ค่ารถ ขอนแก่น-กรุงเทพฯ (First class) = 487 บาท

ค่า Taxi จากศูนย์นครชัยแอร์-สถานีรถไฟธนบุรี 120/3 คน = 40 บาท

ค่ารถไฟ ธนบุรี-น้ำตก = 0 บาท

ค่ารถสองแถวจากสถานีรถไฟกาญจนบุรี-บขส.กาญจนฯ = 10 บาท

ค่ารถตู้ กาญจนบุรี-สังขละบุรี = 175 บาท

ค่าที่พัก Coffee Berry 1300/3 = 434 บาท

ค่าเรือชมวัด ราคาเต็ม 500 บาท ต่อเหลือ = 400/3 = 134 บาท

ค่าชุดใส่บาตร (ฝั่งมอญ) = 99 บาท (ฝั่งไทยก็มีนะคะ ชุดละ 30 บาท)

ค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างจากที่พัก-ท่ารถตู้(สังขละ) = 20 บาท

ค่ารถตู้ สังขละบุรี-กาญจนบุรี = 175 บาท

ค่ารถสองแถว(สีส้ม) เหมาไปกลับ บ้านกกกอด = 600*2 =1200/3 = 400 บาท

ค่าที่พัก บ้านกกกอด =1700/3 = 567 บาท

ค่ารถตู้ กาญจนบุรี-หมอชิต = 120 + 30(ให้พี่คนขับไปส่งที่ศูนย์นครชัยแอร์) = 150 บาท

ค่ารถจาก กรุงเทพฯ-ขอนแก่น (Gold class) = 365 บาท

ค่ารถ Taxi จาก บขส.ขอนแก่น-รังนอนฝ้ายเองงง = 150/3 = 50 บาท

รวม 3,106 บาท

 

การเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่แสนพิเศษ ใช้เวลาในการเดินทางนานมากกกกกกก รถทัวร์-Taxi-รถไฟ-รถสองแถว-รถตู้-เรือ-มอเตอร์ไซค์รับจ้าง วนไปค่ะ ฮ่าๆๆๆ เจอกับทุกสภาพอากาศ แดด ลม หนาว ร้อน ฝนตก นี่ก็วนไปอีกค่ะ ถ้าถามว่าเหนื่อยมั๊ยเพลียมั๊ย ตอบเลยว่ามาก แต่อย่าลืมถามต่ออีกด้วยนะคะว่า สนุกมั๊ย มีความสุขรึเปล่า จะตอบเลยว่ามากกกกกกเช่นกันค่ะ 

ขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางด้วยน๊าาา ที่ร่วมเหนื่อยร่วมสุขไปด้วยกัน ไว้เราไปด้วยกันอีกน๊าาาา คุ้มค่าสมการรอคอยมาเนิ่นนานจริงๆเน๊าะ ^^

*ปล.ขอบคุณรูปสวยๆของเฟิร์น(แฝดผู้น้อง)และสตางค์ด้วยเน้อ ที่อนุญาตให้ฝ้ายนำมาใช้เพื่อเติมเต็มรีวิวครั้งนี้ให้สมบุรณ์จ้าาาาาาา 

*ปล.2 ที่กาญจนบุรี มีที่เที่ยวเยอะมากค่ะ น่าไปทั้งนั้นเลย น้ำตกเอย สุสานเอย ต้นจามจุรีใหญ่เอย ทองผาภูมิเอย เขื่อนเอย นอนแพแช่น้ำเอย  เสียดายที่เก็บได้ไม่หมด ถ้ามีโอกาสจะไปอีกน๊าาาาาาาาา