เมืองกาญ "ไปคนเดียว ใครว่าเหงา" KANCHANABURI ALONE

ลองออกไปผจญภัยกับ "ตัวเอง" สักครั้ง แล้วจะรู้ใจตัวเอง     มาเริ่มกันเลย !!! การเดินทาง เป็นช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ช่วงที่ใครๆก็ออกหาที่เที่ยวกันทั้งนั้น   แต่ผมกับเบื่อการเดินทางในช่วงเทศกาล จึงเลือกที่จะเดินทางหลังจากวันที่ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ   ซึ่งแน่นอนไม่มีใครไปกับผมได้ จึงเกิดกระทู้นี้ขึ้นมา ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า  

 

VDO การเดินทาง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ทริปนี้ เป็นทริปของผมที่ไม่มีแพลน ไม่มีแผน อะไรเลย เพียงแค่เกิดความคิดว่า อยากไปกางเต๊นท์นอนเก็บบรรยากาศที่ไหนสักแห่ง   จึงเปิด google แล้วหาแหล่งที่จะไป ก็ไปสะดุดตากับที่ๆหนึ่ง คือ ป้อมปี่ กาญจนบุรี พอเปิดเข้าไปดู   เฮ้ย!!! สวยน่าไป ทำไมไม่เคยได้ยิน จึงจัดการเก็บข้าวเก็บของเตรียมออกเดินทาง  

 

 "ป้อมปี่"   ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี


DAY1 
          06.00 น. ผมเดินทางออกจาก กทม. โดยไปขึ้นรถตู้ กทม. - กาญจนบุรี ที่สายใต้ใหม่ นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็มาถึงสถานีขนส่งกาญจนบุรีประมาณ 07.45 น. ก็เดินหาของกินก่อนเลยเป็นมื้อเช้า
หลังจากนั้นก็เดินหารถเมล์แดงที่จะนั่งไปป้อมปี่ ขึ้นเมล์แดงที่ขึ้น สายกาญจนบุรี-สังขละบุรี ซึ่งจอดอยู่ช่องสุดท้ายของสถานี ติดกับห้องน้ำเลย ถ้าจำไม่ผิดอยู่ช่อง B9 ผมก็ไม่รีรอเดินไปที่รถถามพี่คนขับให้แน่ใจ ว่าไปป้อมปี่ใช่ไหม พอพี่เขาบอกว่าไช่ก็ขึ้นรถเลย เดินไปนั่งหลังเลยครับ ชิลดี มีพื้นที่วางของ              

          รถเริ่มออกจากสถานีประมาณ 08.30 น. พอรถออกสักพักพี่กระเป๋ารถเมล์คนสวย ก็เดินมาเก็บเงินค่าโดยสารครับ (รายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งเดี๋ยวแปะไว้ข้างล่างทีเดียวเลยนะครับ) ตลอดการเดินทาง รถจะจอดรับผู้โดยสารตลอดทาง ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนาน แต่ก็ได้เห็นวิถีชีวิตการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านเช่นกัน พอนั่งรถมาถึงตลาดทองผาภูมิ เวลาประมาณ 12.00 น. พี่กระเป๋ารถเมล์คนสวย ก็มาบอกว่าพักรถ พักทานข้าว 20 นาทีค่ะ หลังจากนั้น ก็เดินทางต่อ ซึ่งเส้นทางมาป้อมปี่ เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างลาดชันมาก ซึ่งรถจะขับช้ามาก (หากใครขับรถมาเองต้องใช้ความชำนาญ และระมัดระวังให้มากขึ้นนะครับ) 
          ผมเดินทางมาถึงทางเข้าป้อมปี่ ซึ่งเลยจากตัวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมมาหน่อย ประมาณ 13.30 น. โอ้วแม่เจ้า เกือบ 6 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นไรครับ สายชิล ฮ่าๆๆๆ (ถ้ามีเวลาน้อยขึ้นรถตู้จาก บขส.กาญจนบุรี จะใช้เวลาประมา 3 ชั่วโมงครับ)
ลงรถแล้ว เราต้องใช้เวลาเดินเข้าไปตรงจุดชมวิวป้อมปี่อีก 1 กิโลเมตรครับ แต่ผมเดินมาประมาณ 50 เมตร โชคดีมาครับ มีพี่เจ้าหน้าที่จากอุทยานขับรถมาพอดี ผมเลยกระโดดขึ้นรถไปกับพี่เจ้าหน้าที่เลย สบายเลยเรา ^_^

          หลังจากกระโดดขึ้นรถของพี่เจ้าหน้าที่มาแล้ว ก็มาปล่อยผมตรงจุด จำหน่ายตั๋วเข้าอุทยาน ผมเลยแจ้งว่านอน 2 คืนครับ ไม่รู้จะไปไหนหลังจากได้ตั๋วแล้ว ผมก็เดินเข้าไปที่จุดกางเต๊นท์อีกประมาณ 500 เมตร (หากใครนำรถมาเองสามารถนำรถไปที่จุดกางเต๊นท์ที่สามารถนำไปจอดด้วยได้ครับ) พอไปถึงที่ตรวจตั๋ว ก็มีจุดให้เช่า ชุดกางเต๊นท์ และเครื่องนอน แต่ผมเช่าแค่ เบาะรองนอนครับ เพราะนำเต๊นท์ และถุงนอนไปเอง แบบว่าเตรียมพร้อมมากๆไปไหนก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ ระหว่างที่รอทำการเช่าเครื่องนอน ผมก็ถามรายละเอียด ของการเดินขึ้นเขาสันหนอกวัว ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมเหมือนกัน ผมพยายามคุยและสอบถามเพื่อจะขึ้นในวันถัดไป แต่ไม่ได้ผล เพราะเต็มจริงๆครับ จึงบอกพี่เจ้าหน้าที่ว่าไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมมาใหม่ ไว้โทรมาจองก่อนครับ  
          พอได้เบาะรองนอนเรียบร้อย ผมก็เดินไปหาจุดกางเต๊นท์ ซึ่งมีพื้นที่กว้างมาก และหลายจุด พร้อมทั้งคนกำลังกลับ จึงมีพื้นที่ว่างมาก จึงเดินลงไปให้ใกล้ริมเขื่อนเขาแหลมติดแม่น้ำให้มากที่สุด แล้วก็ได้ทำเลที่ต้องการ แบบตื่นมาเจอแม่น้ำเลย คริๆ  หน้าจุดกางเต๊นท์ของผม ก็มีท่อนไม้ทำเป็นม้านั่ง เลยนั่งพักสักพัก ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 14.30 น. หลังจากนั้นก็เริ่มกางเต๊นท์เลย (เริ่มง่วงนิดๆ เพลียจากการเดินทาง) พอกางเต๊นท์เสร็จก็งีบไปสักชั่วโมง


  ม้านั่งหน้าเต๊นท์     วิวหน้าเต๊นท์  

          หลังจากนั้นตื่นมาก็มีพี่คู่หนึ่งมากางเต๊นท์ทางด้านซ้าย และแก๊งครอบครัวอีกครัวหนึ่งมากางทางด้านขวา แต่ไม่ได้ติดชิดกันมาก เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างมาก นั่งไปสักพักสังเกตุเห็นข้างๆเต๊นท์เขาทำโน่นทำนี่เหมือนมีปัญหา เลยถามไปมีอะไรให้ช่วยไหมครับ พอดีพี่ดันลืมเอาฟายชีทคลุมเต๊นท์มา แต่พี่เขาซื้อผ้าใบมาระหว่างทาง แล้วไปห่กิ่งไม้ทาทำเป็นเสาแทนได้ ก็โอเค เริ่มมีคนให้คุยด้วยแล้ว ฮ่าๆๆๆ
 

เต๊นท์ด้านซ้าย     เต๊นท์ด้านขวา      
          เริ่มเย็นแล้ว เริ่มหิวล่ะสิ มาเที่ยวรอบนี้ไม่ได้เอาเตาแก๊สเดินป่ามาด้วย เพราะมีร้านค้าสวัสดิการของอุทยาน  ผมจึงเดินไปที่ร้านค้า โชคดีที่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยังพอมีคนมาเที่ยวอยู่บ้างร้านเลยเปิด และยังมีอาหารขายอยู่บ้าง (ราคาปกติทั่วไป ไม่ได้ชาร์ทเพิ่มมากเกินไป) ผมก็เลยซื้อ ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด และเครื่องดื่มมาตุนไว้ที่เต๊นท์ ฮ่าๆๆ กลัวไม่อิ่มซื้อมาเยอะมาก แล้วก็มานั่งกินที่เต๊นท์ (เหลือสิครับ เก็บไว้กินได้ 3 มื้อ)  ตกเย็น อากาศเริ่มเย็น บรรยากาศเริ่มเข้าที่ ทุกคน หยิบกล้อง หยิบมือถือ ไปตั้งรอถ่ายพระอาทิตย์ตกที่ริมแม่น้ำ ผมก็เช่นกัน 
          เขาว่ากันว่า ที่นี่เป็นปางอุ๋งของเมืองกาญ และเป็นอีกที่หนึ่งที่ถ่ายพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด จะรออะไรละครับ ตั้งกล้องรอเลย ส่วนผมไม่ได้เอากล้องไป เลยเอา iphone ตั้งเป็น Time lapse ไว้เครื่องหนึ่ง อีกเครื่องถ่ายภาพนิ่งครับ ทุกคนต่างหามุมของตัวเอง ผมก็ได้มุมของผมที่คิดว่าสวยแล้วล่ะ แต่พอถึงเวลาพระอาทิตย์ตก เจ้ากำเมฆดันมาบังซะงั้น เลยได้ภาพกันไม่เป็นที่ต้องการเท่าไหร่ แต่บรรยากาศไม่ต้องพูดถึงครับ อยากให้ลองมาสวยมาก ฟินมาก เมื่อเห็นด้วยตาเปล่า อากาศก็ดี
          หลังจากพระอาทิตย์ตก ผมก็ไปอาบน้ำ ซึ่งที่นี่ดีมาก มีห้องน้ำให้ หลายจุด สะดวกพอสมควร แบบว่าเหมาะกับสุภาพสตรี และครอบครัวเลยทีเดียว หลังจากจัดการภาระกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนั้นมืดมาก แต่ยังมีพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ และดาวอีกหนึ่งดวง จะเรียกว่า "ดาวเคียงเดือน" ก็ได้สวยมาครับ ถ่ายรูปสิครับ และแล้ว ผมก็มีเพื่อนคุยในคืนนั้น ไม่ใช่แค่คุยสิ เรียกว่าปาตี้เล็กๆได้เลย เมื่อพี่ข้างๆเต๊นมาชวนไปดื่มกันเล็กน้อย ฮ่าๆๆ เราก็คุยโน่นนั่นนี่กัน ซึ่งก็ดึกพอสมควร หลังจากนั้นก็แยกย้ายนอนครับ จบภารกิจวันแรกที่ชิลๆมากมายก่ายกองเลยครับ 
  ดาวเคียงเดือน  

DAY2
          ตื่นมาเจอกับอากาศเย็นสบายครับ หลับฝันดีเลยครับเมื่อคืน อากาศค่อนข้างเย็น แต่ไม่หนาวมาก ออกจากเต๊นท์มา ก็ไปถ่ายรูปเล่นก่อนเลยครับ แสงกำลังดี คนน้อย        
          หลังจากถ่ายรูปเล่นสักพักก็เริ่มหิวละ เลยเดินไปสั่งข้าวต้มที่ร้านค้าของอุทยานกิน เบิ้ล 2 ถ้วยเลยครับ หิวมาก ฮ่าๆๆๆ กินเสร็จแล้วกลับมาที่เต๊นท์ อ้าวพี่เต๊นท์ข้างๆ เก็บของไปแล้วครับ ผมเลยเดินไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วก็ไปเดินเล่นรอบๆอุทยาน เก็บภาพ ก็ไปเจอสะพานแขวนของอุทยาน สวย และน่ารักมาก (คนกลัวกความสูงอาจเสียวได้) แดดดี ถ่ายรูปเล่นตามระเบียบ เนื่องจากเป็นสะพานแขวน ผมก็เลยวานเด็กๆแถวนั้นที่มาถ่ายรูปเช่นกันถ่ายให้ครับ เพราะตั้งกล้องไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆ (ขอบคุณน้องสุดหล่อด้วย)    


          วันนี้คนที่มาพักเริ่มกลับกันหมดละครับ เหลือจริงๆไม่ถึง 10 เต๊นท์ เงียบมาก ผมนอนต่อที่นี่อีกคืนครับ กิจกรรมก็เหมือนเดิม นอนกินลมชมวิว อ่านหนังสือ ฟังเพลงไปเรื่อยครับ และหาข้อมูลว่าไปสะพานมอญหาที่กางเต๊นนอนที่ไหนได้อีก เพราะส่วนใหญ่เป็นเกตเฮ้าท์ แต่ผมอยากกางเต๊นท์นอน และแล้วก็ได้ ผมเลยโทรไปสอบถามข้อมูลรายละเอียดไว้ก่อน แล้วไว้ค่อยเดินทางไปในวันถัดไปครับ ผ่านไปอีกวัน วันที่ 2 นอนชิลๆ อืดๆ ไป ก็มาคนเดีนวนี่นะ ^_^ ฮ่าๆๆๆ

DAY3
          ตื่นเช้าที่ป้อมปี่อีกวัน วันที่ 3 แล้ว แต่อากาศยังเย็นสบาย วันนี้ตื่นสายหน่อย 8 โมงกว่า รีบไปอาบน้ำ แล้วกลับมาเก็บเต๊นท์เตรียมเดินทางต่อครับ

 
ผมก็เดินเอาเบาะรองนอนไปคืนกลับเจ้าหน้าที่ และรอรับบัตรประชาชนคืน ประมาณ 09.00 น. ระหว่างนั้นผมก็พูดคุยกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง หรือจะเรียกว่าอ้อนวอนก็ได้ว่าขอขึ้นเขาสันหนอกวัวได้ไหม ฮ่าๆๆๆ วันนี้มีคนสละสิทธิ์ไหม ผมจะขอขึ้นแทน แต่ก็ไม่มีผลเหมือนเดิม แป่ววว ไม่เป็นไรครับ ผมขอบคุณเจ้าหน้าที่ แทบทุกคนที่เดินผ่าน ทุกคนเป็นกันเองมากคับ แล้วผมก็เดินออกจากจุดชมวิวป้อมปี่ เดินไปสักแปป พี่เจ้าหน้าที่ขี่รถมอเตอร์ไซด์มาพอดีเลยรับผมไปส่งปากทางเข้าเหมือนเดิม สบายอีกแล้ว พอลงรถพี่เขาถามว่าไปไหนต่อ ผมบอกไปสะพาญมอญครับ พี่เขาเลยแนะนำว่าให้โบกรถนักท่องเที่ยวไปด้วยเลย รอเมล์แดงมันจะนาน ผมเลยขอบคุณพี่เขาอีกรอบ และถ่ายรูปไว้อีกหนึ่งแชะ    
          ผมรอรถเมล์แดงสักพักก็ยังไม่มา ก็ครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ รอไปกินหนมไป เริ่มมีความลังเลแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ ผมจึงตัดสินใจโบกรถนักท่องเที่ยวที่เพิ่งออกมาจากป้อมปี่ แล้วไปสะพานมอญเหมือนกัน ติดรถไป ได้ผลแฮะ ต้องขอบคุณคุณพี่ที่ให้ติดรถมาด้วยมากๆ นั่งกระบะหลัง ลมตีหน้าเย็นสบายเลย

 หลังจากขึ้นรถแล้ว ในที่สุดผมก็มาถึงอำเภอสังขละบุรี ผมลงจากรถใกล้กับที่จอดรถเมล์แดงเลย แล้วเดินไปหาพี่วินมอเตอร์ไซต์ ผมเดินไปถามพี่วินว่า พี่ครับๆรู้จัก "พี เกสต์เฮ้าส์" ไหมครับ พี่แกบอกว่าขึ้นมาเลยน้อง ระหว่างทางผมนั่งซ้อนท้ายพี่วิน ผมก็ถามพี่แกว่าไปสะพานมอญทางไหนได้บ้าง พี่แกก็บอกทาง แล้วบอกว่าจากที่พักน้อง เดินมาประมาณ 250 เมตร ก็ถึงแล้ว ผมนั่งวินมาลงหน้าเกสต์เฮ้าส์ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ลงรถ จ่ายเงิน คิดในใจถึงแล้วโว้ยยยย เดินเข้าไปที่เกสต์เฮ้าส์อย่างใจเย็นๆ เรื่อยๆ ผมเดินเข้าไปทะลุไปข้างหลังก่อนเพื่อดูวิว โอ้ววว วิวสวยน่าอยู่มาก แล้วผมก็เดินกลับมาเช็คอิน มีพนักงานหญิงเดินมาถามว่าพักอย่างไรคะ ผมเลยบอกไปว่ามากางเต๊นท์ครับ เขาเลยพาเดินไปดูที่กางเต๊นท์ก่อน โอเคเลย แล้วก็กลับมาทำเรื่องเช็คอิน จ่ายเงิน (ที่นี่เขาออกใบเสร็จให้เรียบร้อยเลยครับ ไม่ต้องขอ) หลังจากทำเรื่องเสร็จผมก็ลงไปจุดกางเต๊นท์ มีเต๊นท์กางอยู่ 2 หลัง ผมก็กางข้างๆเลยครับ จากจุดนี้สามารถมองเห็นสะพานมอญได้ชัดเจนเลยครับ
 

พี. เกสต์เฮ้าส์ แอนด์ คันทรี่รีสอร์ท          

แล้วผมก็เริ่มกางเต็นท์ครับ พอเสร็จก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อจะไปหาของกินที่สะพานมอญเลยล่ะ ต้องไปหาอะไรกินที่นั่นแน่นอน เพราะใกล้เที่ยงแล้ว อากาศค่อนข้างร้อน ไม่เย็นเหมือนที่ป้อมปี่ เดินไปเรื่อยๆไม่ไกลมากตามคำแนะนำของพี่วินก็ถึง "สะพาญมอญ" แล้วครับ


  ป้ายบอกทาง  
สะพานปูนเชื่อมต่อกับสะพานมอญ  
สะพานมอญ                  

เดินไปเดินมาก็มาถึงฝั่งมอญ ในตอนนั้นหิวมาก ผมก็เลยไปจัดขนมจีนน้ำยามาหนึ่งจาน กินไปกินมาจานที่สองขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วยสักหน่อย ลองของหน่อย รถชาติก็ดีใช้ได้เลยครับ แต่น้ำยาหยวกกล้วยจะจืดๆหน่อย เหมาะกับคนไม่กินเผ็ดครับ หลังจากนั้นก็ไปเดินดูของในตลาดฝั่งมอญครับ



ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นของชาวมอญ หนักไปทางของผู้หญิงเยอะครับ ผมก็เลยเดินดูรอบๆ ระหว่างเดินก็จะมีพวกลูกเรือชวนไปดูวัดต่างๆ บอกไปวัดโน่น วัดนี่ แต่ผมไม่ได้ไปหลอกครับ เลยเดินเล่นอยู่บนสะพาน มีเด็กกระโดน้ำจากสะพานลงไปที่แม่น้ำให้ดู ผมก็ให้ทริปไปเล็กน้อย 

   
แล้วก็ไปจบที่ร้านกาแฟตรงหัวสะพานฝั่งไทย จัดไปหนึ่งแก้วครับราคาทั่วไป แล้วอีกอย่างที่ไม่พลาดครับ เขียนโปสเตอร์ส่งกลับให้คนโน้นคนนี้ (ไม่รู้ได้รับกันยัง ฮ่าๆๆๆๆ) นั่งอยู่ที่ร้านเกือบชั่วโมง ตอนนั้นก็ประมาณ 15.00 น. แล้วล่ะครับ ผมก็เลยเดินกลับที่พักไปนั่งเล่น เอาขาแช่น้ำที่แพตรงที่พัก


          หลังจากนั่งเอาขาแช่น้ำไปสักพักก็เริ่มเย็น อากาศก็เริ่มเย็นลง พอดีมีพี่ๆที่มาพักเช่าเรือแคนนูนมาพายเล่นกัน ผมก็เลยถือโอกาสเก็บภาพไว้ซะหน่อย ผ่านไปประมาณชั่วโมงพี่เขาก็ชวนเล่นน้ำด้วยกัน ผมก็ลงไปเล่นกับเขาแหละ สนุกดี ทำความรู้จักกันไว้ ประจวบเหมาะมีเพื่อนเต๊นท์ข้างๆกลับมาพอดี เลยลงมาเล่นน้ำด้วยกัน ทำความรู้จักกันไปอีกกรุ๊ป พอพระอาทิตย์เริ่มตกทุกคนก็เริ่มขึ้นจากน้ำไปนั่งดู บ้างก็ถ่ายพระอาทิตย์ตก วันนี้พระอาทิตย์สวยมากครับ ไม่มีเมฆมาบังด้วย ก็เลยได้รูปสวยๆกันไปตามระเบียบ 

       
หลังจากนั้นก็แยกย้าย พอมืดผมก็ขึ้นไปกินข้าวที่ร้านอาหารของที่พัก ราคาพอสมควร แต่รสชาติใช้ได้เลยครับ ผมสั่งเป็นกับข้าวมากินครับ เบียร์อีกขวด ชิลๆไป มีฝรั่งนั่งเต็มร้าน สปีคอิงลิชกันไป ฮ่าๆๆๆ


หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วผมก็มานั่งกินเบียร์ชิลๆที่เต๊นท์ รอดูดาวตก ทีเขาบอกกันว่าจะตกวันนี้ นั่งไปสักพักเพื่อนเต๊นท์ข้างๆก็มานั่งแจมด้วยที่หน้าเต๊นท์ผมรอ นั่งกินไป คุยไป รอดูดาวตกไป ผ่านไปถึงเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นดาวตก เขาก็แยกย้ายกันไปนอนกันหมด เหลือผมไว้คนเดียว ฮ่าๆๆๆ อากาศตอนนี้เย็นมาก ผมนอนดูดาวที่หน้าเต๊นท์ได้สักพักก็หลับไปตรงนั้นแหละ ตื่นมาอีกที ตี 2 เกือบ ตี 3 ก็เลยเข้าไปนอนในเต๊นท์ จบไปอีกวันครับ ถึงไม่เห็นดาวตก แต่ก็เห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลยครับ


DAY4
          ตื่นครับ ตื่น ตื่น ตีห้าครึ่งแล้ว ไปล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวไปใส่บาตรที่สะพานมอญ เดินออกมาจากที่พักเจอพี่วินพอดีก็เลยให้พี่เขาไปส่งที่สะพานเลย ไม่เดินละครับ มืดกลัวโดนฉุด ฮ่าๆๆๆๆ พอถึงสะพานก็เดินงงๆ แบบว่าเมาขี้ตาอยู่แหละ เดินมาถึงกลางสะพานมานั่งตรงม้านั่งกลางสะพานแปป เจอน้องหมามานั่งด้วย เลยถ่ายรูปซะเลย 


แล้วก็มีพวกไกด์เดินผ่านมา บอกว่าพระไม่เดินมากลางสะพาน ผมก็เลยเดินไปฝั่งมอญ คนเริ่มมาเยอะละครับ เดินไปเรื่อยๆแทบจะต้นทางที่พระบิณฑบาตร ผมก็ซื้อของใส่บาตรตรงนั้นเลย มีเก้าอี้ให้นั่งด้วย พอพระมาก็รีบใส่เลยครับ ชุดใส่บาตรชุดหนึ่งประมาณ 100 บาท ใส่เสร็จก็เดินมาถ่ายรูปชาวบ้านเขาล่ะครับ เก็บภาพสวยๆสักหน่อย

     
พอเช้าก็เริ่มหิวผมก็เดินไปร้านโจ๊กสั่งแบบเต็มที่มาก เอามากินกับปาท่องโก๋ หมี่กรอบ ฟินสุดๆ ปิดท้ายด้วยชาร้อน พอท้องอิ่มก็เดินลุยกันต่อ พระอาทิย์กำลังขึ้นพอดี คนเริ่มไปถ่ายรูปเล่นกลางสะพานเยอะแยะมากมาย เดินดูคนถ่ายรูปก็สนุกไปอีกแบบ


แล้วผมก็เดินกลับไปที่ที่พัก ไปนั่งกินกาแฟ แก้วละ 20 บาท ชงเองได้เลย แล้วกินลมชมวิวดูคนเดินบนสะพานมอญไกลๆ ดูพระอาทิตย์ขึ้นกระทบน้ำ ดูแสงอาทิตย์สะท้อนเจดีย์สีทอง สักชั่วโมงกว่าๆ หลังจากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัว เก็บเต๊นท์ เตรียมตัวเดินทางกลับ จบทริปละครับ

ค่าใช้จ่ายตลอดทริป
รถตู้ กรุงเทพฯ - กาญจนบุรี 100 บาท
รถเมล์แดง กาญจนบุรี - ป้อมปี่ 130
รถตู้ สังขละบุรี - กาญจนบุรี 175

ค่าธรรมเนียมอุทยานฯ
คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
รถจักรยาน คันละ 10 บาท มอเตอร์ไซค์ คันละ 20 บาท
รถยนต์เก๋ง คันละ 30 บาท
ค่าบริการกางเต็นท์ คืนละ 30 บาท/คน/คืน
ทางอุทยานฯ มีให้บริการเช่าเต็นท์ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ​ ได้


ข้อแนะนำ
บริเวณป้อมปี่ มีบริการร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว เปิดตั้งแต่ 8.00-19.00 น. บางครั้งที่ร้านปิด นักท่องเที่ยวอาจต้องเตรียมอาหารมาด้วย
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
ที่อยู่ ตู้ ปณ.15 ปท. อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 71180
โทร.034-510431

ค่ามอเตอร์ไซต์รับจ้างสังขละบุรี 20 บาท/รอบ
ค่ากางเต็นท์ พี เกสต์เฮ้าส์ แอนด์ คันทรี่ รีสอร์ท 150บาท/คืน
แบบห้องพักก็มีนะครับ
ราคาห้องพัก (ไม่รวมอาหารเช้า พักห้องละ 2 ท่าน)
ห้องแอร์ คืนละ 950 บาท (ห้องน้ำในตัว น้ำอุ่น TV)
ห้องพัดลม คืนละ 400 บาท (ห้องน้ำรวมแยกชายหญิง)
ชุดอาหารใส่บาตร 100 บาท

**ค่าอาหารแล้วแต่คนนะครับ กินมากจ่ายมาก กินน้อยจ่ายน้อย แต่ราคาปกติครับ ไม่สูงเกินไป
ตารางรถประจำทางกาญจนบุรี - สังขละบุรี



  Bye Bye Kanchanaburi

ติดตามตอนไป... (ภาค 2)

https://goo.gl/yojNkB