ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
เที่ยวเชียงใหม่แบบไม่มีรถส่วนตัว :: ดอยชัวร์ญ่า กิ่วแม่ปาน แม่กำปอง กิ่วแม่ปาน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    esbowwy •  ธันวาคม 10 , 2559

    Chiangmai is always a good idea :D

    ทริปนี้เราเดินทางไปกันแค่ 2 คน 

    การเดินทางไปกลับเชียงใหม่ ในตอนแรกตั้งใจจะนั่งรถไฟตู้นอนไปเชียงใหม่แบบชิคๆ แต่ปรากฏว่าตั๋วเต็ม เหลือแต่แบบนั่ง ซึ่งพิจารณาจากสังขารแล้วคงชิคๆ นั่งไปไม่ไหวแน่ ก็เลยต้องตัดใจจองตั๋วเครื่องบิน ไปกลับในราคา 2100 บาท 

    ออกเดินทางตอนเที่ยงของวันที่ 5 ในสภาพอ่อนเปลี้ยเพลียร่าง เพราะเมื่อคืนทำงานถึงเช้าไม่ได้นอน ไปถึงสนามบินเชียงใหม่ตอนบ่ายโมงกว่าๆ อากาศไม่ร้อนมาก กำลังเย็นสบาย เราจองที่พักไว้กับ isleep guesthouse ราคาจริงๆ คือ 850 บาท แต่เราเข้าพักวันที่ 5 ธ.ค พี่เจ้าของเขาลดราคาให้เหลือ 500 บาท ดีไปอีก :)

    การเดินทางจากสนามบินเข้าไปในเมืองสามารถใช้บริการรถแดง หรือสามล้อแถวนั้นได้ เราเรียกรถแดงประมาณ 3 คันก็ไม่มีคันไหนรับเราเลย 55 ก็เลยตัดสินใจไปกับสามล้อในราคาที่ อื้อหือออ TT แต่ ณ เวลานั้นหิวมากรอต่อไปไม่ไหวแล้ว 

    คืนแรกเราแค่ไปเดินเที่ยวในนิมมานต์ ไม่ได้มีแพลนอะไรมาก พอดีเป็นวันหยุดผู้คนก็เลยไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับเงียบเหงาเกินไป 

    เช้าวันต่อมาเราตั้งใจจะขึ้นไปที่ดอยสุเทพ มาเชียงใหม่ทั้งทีก็ต้องขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่ซะหน่อย เราออกเดินเท้าจากที่พักไปที่หน้า มช. ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที แวะกินข้าวซอยร้านหน้ามอ แล้วเดินไปที่คิวรถขึ้นดอยสุเทพ รถจอดอยู่แถวๆ หน้ามอ กับตรงหน้าสวนสัตว์ เป็นรถแดงพาเที่ยว มี option ให้เลือกว่าจะไปดอยสุเทพอย่างเดียว หรือจะไปดอยปุย กับพระตำหนักภูพิงค์ด้วย เราเลือกไปแค่ดอยสุเทพเพราะไม่มีเวลามากเท่าไหร่ ราคาไปกลับตกคนละ 80 บาท

    ขากลับพี่คนขับจะถามเราว่าไปลงที่ไหน เราบอกจะไปลงที่ประตูเชียงใหม่ พี่เขาบอกเดี๋ยวไปส่ง คิดเพิ่มคนละ 20 เรากับเพื่อนเลยโอเค จะได้ไม่ต้องต่อรถหลายรอบ 

    ไปถึงประตูเชียงใหม่ พี่เขาจอดให้ลงหน้าเซเว่น เราเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง เพื่อไปขึ้นรถเหลืองเชียงใหม่-จอมทอง รถที่นี่ถ้าคนเต็มก็ออกเลย ส่วนใหญ่รถก็ออกเร็วนะคะ ไม่ได้นั่งรอนานมาก คุณลุงคนขับก็ใจดี ไปถึงจอมทองใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ค่ารถคนละ 35 บาทเท่านั้น 

    การต่อรถเรายังไม่จบแค่นั้นนะ พอไปถึงจอมทองจะมีพี่คนขับรถมาถามว่าจะเหมารถขึ้นดอยอินทนนท์มั้ย ราคานู่นนี่นั่นก็ว่าไป แต่เรามากันแค่ 2 คนให้เหมาไปก็ไม่ไหว ต้องใจแข็งค่ะ เดินหารถเหลืองจอมทอง-แม่แจ่ม คิวรถจะอยู่เลยวัดจอมทองมานิดหน่อย ถามคนแถวนั้นก็ได้ค่ะ ไปถึงรถเราบอกพี่คนขับว่าไปลงดอยชัวร์ญ่า พี่เขาบอกว่ารถไม่เข้าไปข้างในนะ ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 1 กิโล แต่ถ้าจะให้เข้าไปส่งคิดคนละ 100 (จากปกติ 70) ก็เลยตัดสินใจให้พี่เขาขึ้นไปส่งที่ดอยชัวร์ญ่าเลย เพราะกลัวว่าจะเดินไปกันเองไม่ไหว 55

    จากจอมทองไปถึงดอยชัวร์ญ่าก็ประมาณ 1 ชม. ไปถึงก็บ่ายสามแล้ว บรรยากาศก็ดูอึมครึมเหมือนฝนจะตก เรารีบไปติดต่อเรื่องกางเต๊นท์ ได้เต๊นท์ราคา 400 บาท + ชุดเครื่องนอนอีกคนละ 100 จนท.จะให้เราเลือกจุดกางเต๊นท์เอง อยากนอนตรงไหนเลือกเลยน้อง เดี๋ยวพี่เอาเต๊นท์ไปกางให้ 

    พอเก็บของเข้าเต๊นท์เรียบร้อยก็ออกเดินสำรวจสถานที่กันหน่อย 

    ด้านหน้าเต๊นท์จะหันหน้าเข้าหาภูเขา มองไปไกลๆ จะเห็นน้ำตกอะไรก็ไม่รู้ 55 สวยดี ได้ยินเสียงมาถึงเต๊นท์เลย ตอนกลางคืนนี่ก็นอนฟังเสียงน้ำตก ฟินไปอีก

    เรากับเพื่อนเดินลงไปถึงจุดกางเต๊นท์ของอุทยาน ระยะทางก็ประมาณกิโลนึง ขาลงไม่เท่าไหร่เพราะเป็นทางลงเขา แต่ขาขึ้นนี่สงสารร่างกายตัวเองมาก 555 

    วิวจากดอยชัวร์ญ่ามองลงไปก็จะประมาณนี้ เห็นแปลงปลูกดอกไม้เรียงเป็นแถวๆ สวยดี ตอนกลางคืนเขาก็จะเปิดไฟให้ดอกไม้ มองลงไปสวยมาก

    พอเริ่มเย็นอากาศก็หนาวขึ้น แน่นอนว่าอากาศหนาวๆ บนดอยต้องคู่กับหมูกะทะ !!! นั่งกินหมูกะทะท่ามกลางบรรยากาศบนดอยมันฟินมากกกก หมูกะทะชุดเล็ก 400 บาท อิ่มกำลังพอดี กินเสร็จรีบไปอาบน้ำแล้วมานอนค่ะ ถึงอากาศจะหนาวเย็นแค่ไหน แต่เราก็ต้องอาบน้ำ เพราะพรุ่งนี้เราจะไม่อาบน้ำ 555

    สำหรับคนที่นอนเต๊นท์ทางที่พักจะมีบริการให้ชาร์จแบตมือถือ แบตกล้อง ราคา 20 บาท ชาร์จได้ถึง 4 ทุ่ม ถ้าหลังสี่ทุ่มต้องมารับอีกทีตอนเช้า เพราะจุดบริการจะปิดตอนสี่ทุ่ม 

    สำหรับโปรแกรมในวันพรุ่งนี้คือ เราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วแม่ปาน เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่กิ่วแม่ปาน แล้วขึ้นไปที่ยอดดอยอินทนนท์ เราเหมารถเที่ยวกับทางที่พัก เขาจะติดต่อรถเหมามาให้ ถ้าไม่เกิน 6 คน คิด 800 

    เราไปเจอกับรุ่นน้องที่รู้จักพอดี แต่รวมแล้วเป็น 7 คน ราคาตามเรตมันจะต้อง 1200 แต่คุณลุงลดราคาให้เหลือ 1000 บาท ช่วงที่เราไปพักคนก็มาเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ อยากจะขอติดรถเขาไปเหมือนกันนะ แต่ไม่กล้า แฮ่ๆ 

    คุณลุงคนขับนัดเจอกับเราตอน 5.30 น. การตื่นเช้าในวันที่อากาศหนาวมากมันเป็นอะไรที่ทำใจยากจริงๆ แต่เราก็สามารถขุดร่างตัวเองขึ้นมาจากผ้าห่มจนได้ ออกเดินทางขึ้นไปที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปานใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไปถึงยังมืดอยู่เลย อากาศไม่ต้องพูดถึง หนาวมากกกกกกกกกกก รีบเดินไปซื้อโจ๊กร้อนๆ มาซดให้ร่างกายอบอุ่น (และอิ่ม)

    พอกินเสร็จรีบเดินไปจับจองจุดชมวิว ยืนขาสั่นรอตั้งนานพระอาทิตย์ก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น วันนั้นหมอกเยอะมาก จนเกือบเจ็ดโมงเช้าหมอกเริ่มจาง แต่พระอาทิตย์ขึ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เซ็ง 

    จากนั้นเราก็ไปติดต่อไกด์นำทางเพื่อเดินขึ้นไปชมวิวที่กิ่วแม่ปาน ราคาไกด์กลุ่มละ 200 พวกเราไปรวมกลุ่มกับกลุ่มอื่นได้ 11 คน ก็ออกเดินทาง เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรกว่า ด้วยความที่อากาศหนาวเราก็เดินไปไม่ได้ถึงกับเหนื่อยอะไร เดินชมวิวชิวๆ ระยะทางกิโลเมตรแรกจะเดินเข้าไปในป่า แต่ว่ามีทางเดินสะดวกค่ะ ไม่ต้องห่วง

    พอเข้ากิโลเมตรที่สองจะเริ่มเป็นสันเขาและหน้าผา ซึ่งจุดนี้แหละคือจุดที่วิวสวยที่สุด 

    จากตรงนี้มองเห็นพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริอยู่ในสายหมอก เป็นภาพที่สวยมาก สวยจนเราต้องเก็บกล้องแล้วยืนซึมซับบรรยากาศเอาไว้ด้วยตาตัวเอง เพราะถ่ายไปก็ไม่สวยเท่าตาเห็น

    บริเวณกิโลเมตรที่ 2 จะมีกลุ่มต้นกุหลาบพันปีขึ้นตามริมหน้าผา ออกดอกสีแดงสวยมาก

    เราใช้เวลาเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานประมาณ 3 ชม. หลังจากบอกลาพี่ๆ สมาชิกที่รวมกลุ่มไปด้วยกัน คุณลุงก็ขับรถพาเราขึ้นไปที่ยอดดอยอินทนนท์ วันที่เราไปอุณหภูมิยอดดอย 6 องศาแต่ตอนที่เราไปถึงก็เกือบ 11 โมง อุณหภูมิก็อยู่ประมาณ 10 องศา อากาศเย็นๆ แวะกินวาฟเฟิลร้อนๆ แป๊บ 

     เราใช้เวลาที่ยอดดอยอินทนนท์ไม่นาน คุณลุงก็พาเรามาที่พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ ตอนที่ไปถึงหมอกเยอะมาก อากาศก็หนาว เราเดินๆ ถ่ายรูปดอกไม้ซะส่วนใหญ่ จากนั้นก็ได้เวลากลับแล้ว เพราะจุดหมายต่อไปของเราก็คือหมู่บ้านแม่กำปอง 

     

    พอลงจากดอยอินทนนท์ก็เกิดปัญหาว่า เราจะกลับเข้าเชียงใหม่ยังไงดี เพราะส่วนใหญ่คนเขาก็จะเหมารถขึ้นมาแบบไปกลับ ไม่ก็มีรถส่วนตัวมา เรากับเพื่อนคุยกันว่าจะไปรอโบกรถเหลืองแม่แจ่ม-จอมทอง สายที่เรานั่งขึ้นมา ถ้าไม่มีรถจริงๆ จะโทรหาคุณลุงที่นำเที่ยววันนี้ให้ไปส่ง ระหว่างที่ยืนรอรถเหลือง ก็ลองเสี่ยงโบกรถที่ขับผ่านไปบ้าง ซึ่ง เงียบฉี่ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนใจดี 5555 เศร้า TT

    เวลาผ่านไปเกือบ ชม. ก็มีเทวดามาโปรด 55 พี่ที่ทำงานแถวนั้นเขาจอดรถถาม บอกว่าเห็นพวกน้องรออยู่นี่นานแล้ว พี่เขาจะไปจอมทองเดี๋ยวให้ติดรถลงไปด้วย เย้ ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ พี่เขาจอดให้เราลงที่ศาลารอรถที่จอมทอง นั่งรอสักพักก็มีรถบัสเล็กๆ สีฟ้าสายเชียงใหม่-จอมทอง-ฮอด-ดอยเต่า ผ่านมา ค่ารถเข้าเชียงใหม่คนละ 34 บาท เรานั่งไปลงที่ประตูเชียงใหม่ เพื่อที่จะไปเช่ารถมอเตอร์ไซด์ไปแม่กำปอง

    จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะขับมอเตอร์ไซด์ไปเองหรอก เพราะจากที่คุยกะพี่ๆ ที่ร่วมทริปเดินกิ่วแม่ปานด้วยกัน พี่เขาบอกเส้นทางก็โหดอยู่ ประมาณปางอุ๋งเลย แต่เราลงจากดอยไปถึงเชียงใหม่ก็บ่ายสามแล้ว ซึ่งไปไม่ทันรถตู้ที่จะเข้าแม่กำปอง (มีสองรอบต่อวัน 7.30 กับ 11.30) เราเลือกเช่ารถที่ร้านแถวๆ คิวรถไปจอมทอง ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้แล้ว 55 แต่เป็นร้านใหญ่ อยู่ติดกับ CMC hospital 

    เราเช่ารถในราคา 200 บาทต่อวัน + เติมน้ำมันเต็มถัง 100 บาท มีค่ามัดจำอีก 2000 จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปแม่กำปอง

    ...........

    ครึ่งชม. ต่อมา พวกเรายังคงขับรถวนเวียนอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ คือออ หาทางออกไม่เจอ หลงทางนั่นเอง 5555 ตลกชีวิตตัวเอง เราจอดรถถามทางเกือบสิบรอบกว่าจะหลุดออกมาได้ เรามาเส้นที่ผ่านสันกำแพง พออกจากเชียงใหม่มุ่งหน้าสันกำแพงก็ตรงไปตลอดทาง ถนนช่วงสันกำแพง-แม่ออนขับง่ายมาก มีเลนสำหรับมอเตอร์ไซด์และจักรยาน แต่ทางมันจะเริ่มขับยากตรงช่วงใกล้ๆ ถึงหมู่บ้านแม่กำปอง จะเป็นทางโค้งลาดชัน ต้องขับแบบระมัดระวังมากๆ กว่าจะขึ้นไปถึงหมู่บ้านแม่กำปองก็ตูดชา ตะคริวกินกันไปตามๆ กัน

     

    ด้วยความที่กว่าจะไปถึงก็เย็นแล้ว พอเก็บของเข้าที่พักคุณป้ารีเจ้าของที่พักก็บอกให้พวกเรารีบออกไปหาข้าวกิน ไม่งั้นจะไม่มีอะไรขาย เพราะพอมืดคนที่นี่ก็ปิดบ้านนอนกันหมดแล้ว วันแรกที่แม่กำปองของเราก็เลยยังไม่ได้ชีวิตดี๊ดี slow life อะไรมาก 55

    อากาศที่นี่หนาวมากกกกก กลางคืนนอนพลิกไปมาแย่งผ้าห่มกับเพื่อนทั้งคืน พอเช้าเราก็ต้องรีบตื่นทำเวลา เพราะวันนี้ต้องกลับไปขึ้นเครื่องตอนเที่ยงครึ่ง เราถือว่าทริปนี้พลาดตรงที่มาแม่กำปองเป็นที่สุดท้าย ทำให้เราไม่มีเวลา slow life อะไรมาก เป็นการมาแม่กำปองแบบชะโงกทัวร์ รีบถ่ายรูป รีบกิน รีบกลับ 55 เพราะเราขับรถช้า ใช้เวลาเกือบสองชม. 

    ข้าวซอยร้านป้ออุ้ย แม่อุ้ยอร่อยมากกกกก หอมกลิ่นมะนาว กับน้ำซุปเข้มข้น ต้องมาลอง ราคาแค่สามสิบบาทเท่านั้น 

    พอกินข้าวเสร็จก็เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศซะหน่อย

    ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่นี่ก็จะทำบ้านเปิดเป็นโฮมสเตย์กัน ค่าที่พักของแต่ละคนจะถูกหักเข้ากองทุนหมู่บ้านหัวละ 5% เพื่อเอาไว้ใช้เป็นกองทุนบำรุงหมู่บ้าน  นี่ไง ร้านลุงปุ๊ด ป้าเป็ง ถือว่าได้มาถึงแม่กำปองอย่างเป็นทางการแล้ว 55 ร้านเปิด 8.00 น. ไปรอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ได้คิวที่ 2 สั่งลาเต้มากิน 1 แก้ว แล้วออกเดินทางกลับเชียงใหม่ ถามตัวเองว่า อ้าวเห้ย มาแค่นี้เองเหรอวะแม่กำปอง

    จริงๆ เราชอบที่นี่มากเลยนะ บรรยากาศสงบเงียบ อากาศก็บริสุทธิ์ อยู่ห่างไกลความวุ่นวาย เสียดายที่เรามีเวลาน้อยไปหน่อย ยังซึมซับบรรยากาศได้ไม่เต็มที่ก็ต้องกลับซะแล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปอีก 

    นี่คือโฉมหน้าของยานพาหนะที่พาเราไปกลับอย่างปลอดภัย แอบมีช็อตหวาดเสียวเล็กน้อยตอนขากลับ เพราะทางลงลาดชันมาก ใครที่ขับรถไปเองระมัดระวังนิดนึงนะคะ ขับช้าๆ เพราะเดี๋ยวจะเบรคไม่ทัน >< ขากลับเราง่ายหน่อย ขับตรงจากแม่กำปองเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ได้เลย ไม่มีหลงทาง 555 

     

    ค่าใช้จ่ายในทริปนี้

    ค่าเครื่องบินไปกลับ กท-ชม. 2100

    ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในทริปคนละประมาณ 2500 บาท 

     

    • โพสต์-2
    Pat •  ธันวาคม 12, 2559