ตกทริปอยู่เงียบๆ ที่บ้าน แม้จะปวดร้าวในใจเพียงใด ที่เพื่อนจะขยัน up status ว่า ฉันอยู่โน่น อยู่ฉันอยู่นี้ ให้เพื่อนๆที่ไม่ได้ไปได้อิจฉา คงจะเป็นความสุขบนความเจ็บปวด แต่ตัวเองกลับเจ็บปวดยิ่งขึ้นเมื่อ ต่างคนต่างแย่งกันเที่ยว แย่งกันกิน แย่งกันอยู่ ชีวิตมันไม่ได้เหมือนอยู่ต่างจังหวัด มันเหมือนกับเราย้ายกรุงเทพออกไปด้วย ตั้งใจไว้ว่า ต้นปี ขอเที่ยว สามอย่าง คือ ไอหนาว หมอกสวย ภูเขางาม ดอกไม้สวยเท่านั้นก็พอ เอ๊ะ ไม่ใช่สามแล้วซิ

 

เรานัดหมายกันที่ สถานีรถไฟฟ้า BTS ทริปนี้ จัดเฉพาะคนชื่นชอบการถ่ายรุป ทำให้เราคาดหวังไว้ว่า ต้องได้มุมดี แสงสวยๆ คุณสมบัติคนขับรถตู้ ต้องไม่ใช่คนขับรถธรรมดา ต้องถ่ายรูปเป็นด้วย เพราะงานปัจจุบันพี่คนขับรถ ทำงานที่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ขับรถแนวขำๆ ได้เที่ยวด้วย ได้ถ่ายรูปด้วย แถมถ่ายรูปสวยอีกต่างหาก เรียกว่าเจอมุมสวย พี่แกจอดทันที่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องหามุม หน้าที่ของลูกทริปคือถ้าแกจอด ต้องเตรียมอาวุธประจำกายให้พร้อม คือกล้องถ่ายรูป ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แต่ละคนจะ Alert แค่ไหน

เริ่มต้นทริปแรกแห่งปี ที่ผมไปเที่ยวโดยไม่รู้จักใคร ไม่มีใคร ไม่มีใครชวน และไม่ได้ชวนใคร เพราะฉะนั้น ฉันจึงทรนง ในศักดิ์ของตนไม่สนใจใคร.... คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง.....

มีความรู้สึกว่าใกล้จะหลับที่ไร พี่คนขับก็มักชอบแวะเข้าปั๊มเข้าห้องน้ำตลอดทาง เรียกว่าเข้าเกือบ 5-6 ที่ เห็นจะได้ เราก็ดัน นั่งติดประตู ที่ต้องนั่งติดประตูเพราะ มีที่นี้หละ มีที่เดียวไม่ต้องคิดมาก ดังนั้น หากรถจอดที่ไร หน้าที่เราโดยปริยาย คือ Door Man ต้องเปิดปิดประตู

เรามาถึงเชียงใหม่ตอนเช้าตรู ทานอาหารเช้า ร้านโจ๊กสมพร คนเยอะมาก ก็ต้องลองตามชื่อร้านคือโจ๊กแล้ว แต่กินไปแล้ว บอกได้คำเดียวว่า.... ไม่อร่อยเลย  หลังจากนั้นก็ล้างหน้า ล้างตาเข้าห้องน้ำ ก่อนขึ้นไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยน

 

เส้นทางไปขุนช่างเคี่ยน คือเส้นทางเดียวกับทางขึ้นดอยสุเทพ เห็นคนขี่จักรยานขึ้นดอยสุเทพหลายคัน นึกขึ้นได้ว่า เคยขี่จักรยานขึ้น ไปดอยปุย แล้วลง Down hill มาขุนช่างเคี่ยน ลงมาแม่ริม ความรู้สึกเริ่มบอกว่า ฉันเคยมาแล้ว

 

จากทางสองเลนเหลือเลนเดียว เมื่อแยกเข้าขุนช่างเคี่ยน อย่างนี้ถ้าช่วงเทศกาลปีใหม่ รถเข้าออกคงติดน่าดู สำหรับใครอยากมาเที่ยวที่นี้ ไม่มีรถ ไม่ยากเลย มาเหมารถสองแถวที่ตีนดอยสุเทพ ขึ้นไปเที่ยวได้เลย สะดวกเลย ระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ มีเสียงโอ๊กอ๊ากของผู้ติดตามตากล้องบางคน เริ่มผลิตโจ๊กมาอย่างเมามันส์...

ถึงแล้ว ขุนช่างเคี่ยน หรือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่   ตั้งอยู่ใน เส้นทางเดียวกับ พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิวเศน์ และบ้านม้งดอยปุย สถานีเกษตรที่สูง ขุนช่างเคี่ยนเป็น 1 สถานี เกษตรฯ ของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ภาพเบื้องหน้าที่ทุกคนเห็นสองข้างทางคือ ดอกนางพญาเสือโคร่งที่บ้านเต็มสองข้างทาง แต่ละคนในรถเริ่มออกอากาศอยู่ไม่สุข กระวนกระวายว่าเมื่อไร รถจะจอดสักที่

พอรถจอดเท่านั้น แต่ละคนต่างทะยานออกไปเก็บภาพถ่ายตามที่ตนเองถนัด ใครพาสาวๆ มาด้วย ก็ต้องรับบทหนัก ต้องถ่ายรูปสาวๆที่มาด้วย สำหรับผมไม่ได้พาใครมาก็ถ่ายภาพ ดอกไม้ วิว ตามสบาย พอหนุ่มเผลอ ก็แอบถ่ายรุปสาวๆ ที่เขาพาด้วยเสียเลย คุ้มมาก ...

 

ผมเก็บรูปอยู่ในบริเวณนั้นสักพักเริ่มสงสัยว่า ทำไม รถตู้หายไปไหน คนมาด้วยในทริปหายไปไหน โชคดีเจอสมาชิกในทริป บอกว่า สมาชิกเดินลัดเลาะตามเส้นทางข้างหน้าไปรอขึนรถที่ร้านกาแฟ....พร้อมกับชี้นิ้วไป

 

แม่เจ้า เกือบโดนทิ้งแล้ว ว่าแล้ว ผมก็เดินจ้ำอ้าว ตามกลุ่มไปทันที่ เห็นสมาชิกในทริปกลุ่มใหญ่ ต่างอวดภาพในกล้องกันให้ดูอย่างยกใหญ่  ผมนั่งสักพัก สงสัยจะยาว ลองเดินหามุมถ่ายรูปดีกว่า

 

เดินถัดไปสักนิด เห็นดอกพญาเสือโคร่ง ต้นนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยที่ขุนช่างเคี่ยนนั้นมีลักษณะเป็นดงอยู่รวมกันสีของซากุระนั้นบานเป็นสีชมพูสดใส แถมบางช่วงยังบาน แทรกตัวอยู่ในบ้านพัก ดูแล้วมีชีวิตชีวาน่ายลยิ่งนัก ขุนช่างเคี่ยนถือเป็นแหล่งชมดอกพญาเสือโคร่งที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุดซึ่งใน ดงดอกซากุระดอยที่ขุนช่างเคี่ยนมีความสวยงามไม่แพ้ใคร แม้ปัจจุบันจะมีหลายที่มีดอกพญาเสือโคร่งมาแทนหลายที่

เรามีเวลาเต็มอิ่มในการเก็บภาพอย่างเต็มอิ่ม นี้คือข้อดีของคนชอบถ่ายภาพ ไม่ต้องเร่งรีบในการเที่ยว เพราะเน้นถ่ายรูป  เที่ยงแล้วเราเดินทางไปอ่างขาง  คือเป้าหมายต่อไป แต่กว่าจะถึงก็ช่วงเวลาเกือบเย็นแล้ว  

 หากท่านใด อยากจะซึมซับบรรยกาศแห่งนี้ แบบใกล้ชิด สามารถพักที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยปุยได้เลย ที่นี้ มีเต็นท์และอุปกรณ์ให้เช่าอย่างครบครัน มีอาหารจำหน่ายด้วยนะ ลองเดินดูแล้ว น่าพักมากๆ ถ้ามาเชียงใหม่ มาพักค้างแรมบนที่ทำการนี้ ไม่เลวเลย

เย็นแล้ว ยัง ยัง เรายังไม่เข้าที่พัก คนนำทริปบอก เราจะเก็บแสงสุดท้ายของวันก่อน ....ไร่ชา เอาซิเริ่มมันส์แล้ว ไหนๆ ก็มาแล้ว เก็บภาพก็เก็บ ว่าแล้ว ขาตั้งกล้องของแต่ละคนก็นำออกมาถ่ายรูปกันเป็นแถว ยิ่งเย็น อากาศยิ่งเย็นขึ้น...แต่แล้วก็พกกับความผิดหวังไป เพราะพระอาทิตย์ขี้อาย หายเข้ากรีบเมฆมุดลงดินไปซะอีก

เราไปถึงที่พักอ่างขางเมาท์เท่นวิวรีสอร์ท ซะค่ำเลย ห้องพักแบ่งกันนอนห้องละ 4 คน ผมจับคู่ง่ายๆ ก้บน้องๆที่นั่งรถคันเดียวกัน ผมทิ้งปริศนาให้ทุกคนว่า ใครหลับก่อนถือว่าโชคดี ก่อนลงไปทานข้าว หลายคนนั่งสังสรรค์กันต่อ แต่ผมขอตัวมานอนก่อน เนื่องจากรู้สึกว่านั่งรถไม่ค่อยได้นอนเท่าไร....ว่าแล้วคืนนี้ ก็นอน....ครอกๆๆๆๆๆ

ตีห้าเช้ามืด เสียงปลุกของเพื่อนร่วมห้อง "ตื่นได้แล้วไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกัน" ในใจยังคิดว่า อากาศหนาวอย่างนี้ พระอาทิตย์ไม่ทำงานแน่นอน ขอนอนต่อได้ไหม แต่ในเมื่อเสียงข้างมากบอกว่าไป ก็ต้องไปนะ ว่าแล้วก็ไปมันทั้งชุดนอน หน้าตาไม่ต้องล้างกันเลย  เพราะเกรงใจคนอื่นที่ต้องมารอเรา 

ขึ้นมานั่งที่เดิมบนรถตู้ แล้วก็หลับต่อได้ทันที่ จำไว้ ถ้าอยากหลับต่อ ต้องใส่ชุดเดิมที่นอน และอย่าล้างหน้า ไม่รู้นะว่าเขาจะพาเราไปถ่ายรูปที่ไหน ความรู้สึกบอกว่ารถขึ้นที่สูงเรื่อยๆ จนกระทั้งรถตู้จอด  หน้าที่เราก็ต้องทำคือ Door Man เปิดประตู 

 หลายคนเมื่อลงจากรถเริ่มจับจองที่ถ่ายรูปกัน สำหรับเราขาเก๋า เอาขาไปวางไว้ แล้วก็มานั่งหลบหนาวติดเตาไข่ปิ้ง แหม ความรู้สึกประนึง นั่งติดเครื่อง Heater เลยเชียว เราถามชาวเขาที่มาปิ้งไข่ว่า ที่นี้ ที่ไหน ได้รับคำตอบว่า ไร่สตอร์เบอรี่ บ้านอแล

พอแสงอาทิตย์เริ่มจับขอบฟัา หลายคนเริ่มถ่ายรูป เสียงชัตเตอร์กระตุ้นทำให้เราอยากถ่ายรูปขึ้นมาทันที่ เสียง แป๊ก แป๊ก นั้นคือ ยี่ห้อนึ่ง ตามด้วยเสียง ตุ๊บ ตุ๊บ อ้อ เสียงนางแบบทุบตากล้องส่วนตัวข้างๆ สงสัย งอนอะไรกันอยู่

การวาดด้วยแสง คือ ศัพท์ที่ใช้ในวงการถ่ายภาพ เมื่อมีแสงก็มีมิติและมุม ผ่านวัตถุก่อให้เกิดจินตนาการมากมาย ยิ่งสายๆ คนก็เริ่มมามากขึ้น เมื่อคนมากขึ้นระเบียบวินัยก็เริ่มหดหายไป สัญชาติญาณดิบเริ่มออกมาใช้กันอย่างเต็มที่

" ยืนชมวิวได้แค่นี้นะ"ป้ายขอความร่วมมือของชาวเขาไร่สตอร์เบอรี่ บ้านนอแล เขียนไว้ ปักไว้หน้ารั้วไม้ไผ่กันลงไปไร่สตอร์บอรี่ด้านล่าง แต่พอแสงสว่างขึ้น สิ่งหนึ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของเราก็คือ ฉันอยากได้ไร่สตอร์เบอรี่ กับชาวไร่ ไม่ต้องการช่างภาพ ที่ลงไปถ่ายเจาะลึกด้านล่าง  

จริงแล้วสามารถใช้เลนส์เทเล หรือ เลนส์ช่วงยาวดึงเข้ามาได้ บางคนมีจิตสำนึกที่ดี ก็จะหยุดและถ่ายภาพบริเวณหน้ารั้ว เช่นสาวสวยวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่พึ่งมาเที่ยว เมื่อ หล่อนอ่านป้ายข้อความแล้ว ชี้ลงไปที่ช่างภาพด้านล่างแล้ว พูดได้ "นั้นได้ไง" แหม ประโยคนี้เหมือนคำต่อว่าจริงๆ แต่แล้วเธอก็พาเพื่อนเดินลัดเลาะ ลงไปข้างล่างอีกคน ...วินาทีนี้เองความสวยของเธอมะลายหายไปกับกริยาของเธอพริบตา

หลังจากถ่ายรูปเก็บภาพไร่สตอร์เบอรี่ได้อย่างจุใจแล้ว ยิ่งสว่างมากเท่าไร คนก็เริ่มเยอะ รูปชักไม่สวยแล้ว เราออกจากไร่ ไปทานอาหารเช้าที่บริเวณจุดชมวิวบ้านนอแล ตรงนี้ มีร้านขายกาแฟ ขายโจ๊กหลายร้าน แต่ต้องบอกว่า มีร้านเดียวที่อร่อย คือ ร้าน เฮง เฮง เฮง ผู้หญิงเป็นคนขายอร่อยมาก ปาทั่งโก้ อร่อยโครต (ข้อมูลจากการเปรียบเทียบของเพือนร่วมทริป)

ก้มดูเสื้อผ้า กางเกง และรองเท้าเลอะไปด้วยโคลนสีแดง เรากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เก็บสัมภาระ ก่อนจะไปเที่ยวสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ปากทางที่เข้าบอกว่า เมื่อคืนอุณหภูมิ 4 องศา ถึงว่าซิ ทำไม ถึงนอนไม่หลับ ทีแท้ อากาศเย็นมากอย่างนี้เอง

เข้ามาที่ศูนย์เกษตร ไม่ต้องไปแวะไกลเลย ไปสองที่ ที่แรก คือ ต้นซากุระ และต้นบ๊วย จุดเดียวจบ ไม่ต้องไปเทียวที่อื่นเลย

ถ้าใครชื่นชอบดอกไม้ มาที่นี้ ไม่ผิดหวังเลย

หลังจากที่เก็บภาพถ่ายเสร็จเราเดินทางไปม่อนแจ่ม มือกลางวันพักทานข้าวที่โรงเตี้ยมถ้ำง้อบ เจ้าของเป็นชาวจีนที่อพยพมาจากประเทศจีน สมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ขาหมู หมั่นโถว้ อร่อยมาก ข้าวเป็นกาละมัง จริงๆๆ

กินอิ่ม ก็ต้องเดินทางต่อ ไปม่อนแจ่ม ไปถึงเกือบเย็นแต่ก็ยังทันพระอาทิตย์ตก 

 

แปลงดอกไม้ที่ชาวบ้านสร้างไว้ เป็นโลเคชั่นได้อย่างดี ดอกไม้สวย แสงเหงา ไม่เลวเลยนะ

เหล่าผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ มักนิยมไม่ว่าพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก ต้องเก็บภาพทันที่ แต่เราเลือกเก็บเขาเหล่านั้น และดวงอาทิตย์ไว้ในความทรงจำ และภาพถ่ายตลอดไป

ที่นี้คือร้านอาหาร ตอนนี้เย็นแล้ว คงไม่มีใครมานั่งทานตรงนี้แน่ๆ เพราะลมเย็นมากๆ ตรงนี้เองจำได้ว่า เคยเห็นภาพคนมานั่งทานกาแฟ ด้านล่างเป็นทะเลมหมอกแสนสวยงาม

เราเดินกลับมาที่เก่าอีกครั้ง เพื่อจะเก็บภาพประทับใจซ้ำอีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไร จะได้มาอีกครั้ง สักพักมีการตามกันไปกินข้าวเย็น มาทริปถ่ายรูปนี้ เรื่องถ่ายรูปอันดับหนึ่ง เรื่องกินอันดับสอง เรื่องที่พัก ไว้หลังสุดเลย

เราเดินตามคนนำทางไปที่พักซึ่งเป็นเต็นท์ด้านล่าง ทางก็มืดรู้แต่ว่าเป็นทางลงเขา แต่ทางดีมากเขาทำเป็นทางเดินขั้น เสียแต่ว่าไฟไม่มี เดินเป็นแถวตามไปส่งแต่ละคน นอนเต็นท์ละ 2 คน เหลือแต่เรา คู่สุดท้าย เอาหละว้า เต็นท์สุดท้าย เลยไปไม่มีเต็นท์แล้ว นอนด้วยกันหละ เราก็ได้บัดดี้ นอนคืนนี้ด้วยกัน เป็นชายหนุ่ม แต่ดูความหล่อแล่วยังเป็นรองเรานัก

เต็นท์พักที่นี้ ไฮโซมาก มีการจัดเตรียมเครื่องนอนครบ ทั้งมีโคมไฟ ปลั๊กไฟไว้ชารต์ในเต็นท์ ใกล้ๆกัน มีห้องน้ำที่บริการสำหรับเราโดยเฉพาะ แบ่งออกเป็นสามห้อง ห้องแรก ห้องอ่างล้างหน้า ห้องที่สอง ห้องอาบน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างดี ห้องสุดท้ายคือ ห้องสุขา เป็นโถนั่งอย่างดี .... แค่นี้ก็สุโขแล้ว

มีศาลาไว้นั่งคุยกัน ข้อดีคือ จะได้นั่งซึมซับบรรยากาศได้เต็มที่ โดยไม่โดนน้ำค้าง

แต่ตอนนี้สภาพเหมือนอยู่คนเดียว คนที่นอนเต็นท์เดียวกัน ขอออกไปสังสรรค์กับเต็นท์เืพื่อนที่อยู่ข้างบน เหลือแต่เราอยู่คนเดียว แหม มีความสุขมากๆ เหมือนมาเที่ยวคนเดียวถ่ายรูปเสร็จ ก็ไปอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว แหม ดีจัง ไม่ต้องรีบ เหมือนกับเหมารีสอร์ทไว้นอนคนเดียวจริงๆ

ช่วงที่นอนหลับมีความรู้สึกว่า หนาวมากๆๆ ทั้งที่ทำเลที่พักอยู่หลังเขา น่าจะกันลมให้ แต่ไม่เลย ดูนาฬิกาตีสอง โอ้ยทำไม ผ้าห่มมันไม่อุ่นเลย ลองขยับหลายๆที่ก็ไม่อุ่น หนาวจนอนไม่หลับ ต้องเปิดไฟโคมดู อ้าว เราดันเอาผ้าห่มมาปูนอน เอาผ้าปูมาเป็นผ้าห่ม ดันกลับกันซะอีก ว่าแล้ว ก็เลยปูที่นอนเสียใหม่ คราวนี้ นอนหลับสบาย ยันเช้าเลย 

 

6.30 วันนี้ตื่นไม่ทันพระอาทิตย์แล้ว นั่งถ่ายรูปมันในเต็นท์นี้หละ เสร็จแล้วก็เดินออกถ่ายรูปบริเวณข้างเคียงกับที่พัก กลับมาอ้าว น้องที่พักด้วยกันเก็บของไปตั้งแต่เมื่อไร ตอนนี้อยู่คนเดียวของแท้เลย เฮ้ยยยยย เขาเดินทางกันกี่โมง ว่าแล้วรีบเก็บข้าวของขึ้นมาด้านบนเลย

ตอนเดินขึ้นด้านบน ผ่านเต็นท์เพื่อนร่วมทริป เห็นยังนอนอืดอยู่เลย สงสัยเมาฟุ๊บแถวหน้าเต็นท์แน่ๆ เลยถามคนที่ตื่นทราบว่า เวลานัดหมายคือ 9.30 น. อ้าว อย่างนั้น ขอกลับมานอนต่อ เอ้ย กลับมาทำธุระส่วนตัวนะซิ ก่อนที่จะขึ้นไปเที่ยวด้านบน

 

ที่ม่อนแจ่มใครมาเที่ยวไม่ลองขับรถสูตรหนึ่ง ติดโชคสปิงค์ ถือว่า มาไม่ถึงนะจะบอกให้

 

 

เราออกเดินทางจากม่อนแจ่ม ก็เวลาล่วงเกือบสิบโมงครึ่ง หลายคนเริ่มแวะหาซื้อของฝาก พี่คนขับบอกว่าเย็นนี้เราจะไปเก็บแสงสุดท้ายสิ้นสุดทริปที่สะพานจังหวัดตาก

เก็บภาพตะวัน ต้องลงมาใต้สะพาน เสาะหาทำเลดี ลำบากพอสมควร

 

และแล้วเราก็ได้ภาพสุดท้ายของทริปนี้ มาฝาก เป็น ส.ค.ส แด่ทุกท่าน ขอให้ทุกท่านที่เข้ารับชมมีความสุข ความเจริญ ในสิ่งที่ท่านคาดหวัง สุขภาพแข็งแรงไร้โรคภัยไข้เจ็บ ร่ำรวยตลอดปีและตลอดไป