ทริปนี้หน้าฝน ผมนั่งคิด นอนคิดว่า เห้ย!!! หน้าฝนทั้งที อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนดิ ต้องหาเรื่องออกไปนอนตากน้ำฝน แล้วผมก็แพลนว่าหน้าฝนต้องนอนตามเขาตามน้ำตกมันถึงจะอิน เลยนึกได้กาญจนบุรีเนี่ยแหละน่าจะเหมาะ เขากับน้ำตกเยอะดี ว่าแล้วก็เก็บของแล้วอีกวันสองวันก็ออกเดินทางเลยครับ ความจริงก็แอบหลอนใจฝ่อๆเหมือนกันครับ ก่อนหน้านั้นไปดู jurassic world มา หลอนว่าในโลกนี้ยังมีไดโนเสาร์อยู่และที่กาญจน์อาจมี เห็นมีป่าเยอะแยะ (คิดไปได้เนาะผม) กลัวจะโดนคาบไปกินตอนกางเต็นท์นอนคนเดียว 555 แต่จะกลัวอะไรละวัยรุ่นนนนนน!!! ก็ลุยเลยเซซซซซซซซ้!!! ตามสไตล์อีกละครับ ทริปนี้กางเต็นท์นอนตามอุทยานแห่งชาติเหมือนเคย
นี่เป็นแผนการเที่ยวคร่าวๆครับ ผมวางไว้ที่ละวันสองวัน ความจริงทริปเกือบล่มละ ก่อนเดินทางผมต้องไปส่งน้องที่แพร่ ขับรถเช้าไปเย็นกลับ อีขากลับเนี่ยแหละแวะซื้อกรอยกิน พึ่งรู้ว่าแพ้กรอย เมากรอยแทบแย่ อ้วกแตกอ้วกแตน ถึงบ้านผมรีบนอนเลย เด็กๆจำได้ครูสอนว่า เวลานอนร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอนตั้งแต่เย็นเลยครับ ตื่นมาสามทุ่ม โอเค สภาพร่างกายฟื้นฟูแล้ว ผมจองตั๋วรถไปกรุงเทพฯไว้รอบสี่ทุ่ม
วันที่หนึ่ง 16/06/58 ผมออกจากสุโขทัยด้วยรถรอบสี่ทุ่มไปถึงหมอชิตประมาณตีสี่ เดินถามหารถไปกาญพักนึงก็เจอครับ ได้รอบหกโมงครึ่ง 130 บาท ก็กะว่าจะนอนพักสักหน่อย เอาจริงๆก็ไม่ได้นอนหรอกครับ เดินดูโน้นดูนี้ คุยกับคนข้างๆไปเรื่อยเปื่อย
หกโมงครึ่งรถออก ผมมาถึงกาญจนบุรีประมาณเก้าโมงครึ่ง มาถึงก็เดินสำรวจเลยครับ ว่ามีรถไปที่ไหนบ้าง
ผมวางแผนไว้ว่าจะไปที่ไหนบ้าง แต่ไม่ได้คิดว่าจะไปไหนก่อนหรือหลังดี ปัญหาใหญ่เลยคราวนี้ เดินดูไปเรื่อยก็เจอตารางเดินรถที่จะไปน้ำตกเอราวัณ เอาวะ!! ไปเอราวัณก่อนก็ได้
ผมได้รถรอบสิบโมงครึ่ง อากาศตอนนั้นมันจะร้อนไปไหนนิ ผมนี่นึกว่าฝนมันจะตกจะได้เย็นๆ อันนี้โคตรจะร้อน นั่งรอในรถไม่ไหวต้องออกมารับลม เดี๋ยวเป็นลมก่อนได้เที่ยวไปซะก่อน นั่งสักพักก็ถึงเพลา 10.30 น. แล้ว รถก็ล้อหมุนทันที ค่ารถไปน้ำตกเอราวัณ 50 บาทครับ เค้าส่งถึงหน้าที่ทำการอุทยานเลย ตอนนั่งไปก็สนุกสนานดีครับ เหมือนเค้าจะรู้จักกันทั้งลำรถ คุยสนิทสนมกันทั้งคัน มันดีครับนั่งฟังนั่งคุยแจมไปกับเค้าด้วย ก่อนเข้าอุทยานจะมีด่านเก็บค่าเข้า ค่าเข้าอุทนยานก็ 100 บาทต่อคนครับ ถ้ามีบัตรนักศึกษาลด 50%
มาถึงปุ๊บผมก็ตรงไปจุดกางเต็นท์เลย อย่างไกลอะครับ เป็นเนินอีก อีขาไปมันลงเนินพอไหวแต่อีขาขึ้นเนี่ยแหละ ตอนเดินไปมีน้องนักศึกษามารถคันเดียวกับผมด้วยคนหนึ่งครับ น้องเค้ามานอนเต็นท์คนเดียวเหมือนกัน พอเดินไปถึงจุดกางเต็นท์ผมกับน้องก็ไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อทำเรื่องขอกางเต็นท์ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องไปลงทะเบียนที่ที่ทำการที่ลงมาเมื่อกี๊ แม่เจ้า!!! ไปก็ไป วางสัมภาระไว้ก่อน ต้องเดินขึ้นเนินอีกละ ก่อนจะถึงเนินเนี่ยแหละมันจะมีสะพาน สภาพเหมือนจะพัง ผมนี่ต้องค่อยย่องเวลาข้าม
ลงทะเบียนเสร็จผมก็ลงมากางเต็นท์ น้องนักศึกษาก็กางใกล้ๆกันแหละครับ ตอนนี้ทั้จุดกางเต็นท์มีพวกผมสองคน แต่กว่าจะหาที่กางได้ก็พักใหญ่ๆ มดมันเยอะ ย้ายมาสามที่ แต่กางตรงไหนก็มีแต่มดเลยไม่ย้ายละ มันเป็นมดที่ตัวดำๆอะครับ เลยไม่มีปัญหา ตอนนอนนี่ไต่กันทั้งเต็นท์ แต่ไม่เป็นไรคิดซะว่ามีเพื่อนจะได้ไม่เหงา
กางเสร็จน้องนักศึกษาเค้าขอตัวไปลุยน้ำตก ส่วนผมก็นอนเล่นสักพัก นี้เป็นภาพบรรกากาศจากภายในเต็นท์ครับ ที่พักวิวสุดหรูในราคาคืนละ 30 บาท
นอนได้แป๊ปหนึ่งก็วูบหลับเลยผมอะ ภาพตัดตื่นมาอีกทีเย็นๆ น้องเค้ากลับมาพอดี ผมก็ถาม “ไง ไปชั้นเจ็ดเหนื่อยไหม” น้องบอก “พอได้ครับ” เดี๋ยวพรุ้งนี้เช้ารู้เลยว่าพอได้นี่ได้ขนาดไหน และแล้วฝนก็ตก ผมเลยต้องย้ายเต็นท์ไปนอนบนศาลา น้องนักศึกษาคนนั้นก็มาด้วยครับ เพราะแถวที่ผมเลือกมันเงียบหน่อย ตอนบ่ายๆมีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์แถวที่นอนที่เดิมสิบกว่าคน คาดว่ากลางคืนจะมีปาร์ตี้รอบกองไฟผมกับน้องเลยปรีกวิเวกมาแถวนี้
ฝนตกได้แป๊ปหนึ่งก็หยุด ตอนตกก็ตกแบบปรอยๆด้วย ตกอย่างนี้นี่ไม่ได้ช่วยให้เย็นขึ้นเลยยยยย ร้อนอบอ้าวกว่าเก่าอีก ช่างมันร้อนก็ถอดเสื้อนอนเอา แล้วผมก็ออกไปเดินสำรวจจุดกางเต็นท์ครับว่ามีห้องน้ำไหม มีร้านสวัสดิการไหม ปรากฏว่าห้องน้ำอะมีครับ แต่ร้านสวัสดิการกับร้านอาหารอยู่เลยที่ทำการไปอีกนิดนึง เอาอีกละเดินขึ้นเนินไปอีกละ กลัวไรละวัยรุ่น แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย ไปเลยซิครับกินข้าวกินปลาซื้อน้ำมาให้พร้อม พร้อมนอนนะครับ ไม่ใช่ไปลุยน้ำตก เพลียจากการเดินทางกับเมากรอย แล้วก็น้ำตกเจ้าหน้าที่เค้าเปิดแปดโมงถึงสี่โมงครึ่งด้วยครับ
เริ่มเย็นละครับ เก็บภาพบรรยากาศนิดนึง เก็บมากเดี๋ยวแบตหมด เสร็จแล้วผมก็ไปอาบน้ำเตรียมนอน เอาจริงๆก็นอนไม่ค่อยหลับหรอกครับ ตื่นมาบ้าง เพราะมันร้อน ร้อนจนเสื้อเปียก จะออกมานอนข้างนอกก็ยุง ส่วนในเต็นท์ก็มดเพรียบ เอาวะเจอมดดีกว่าเจอยุง