รถไฟฟรี...เที่ยวกาญฯ คนเดียวก็เพลินได้ด้วยราคา 902 บาทถ้วน

รถไฟฟรี...เที่ยวกาญฯ คนเดียวก็เพลินได้ด้วยราคา  902 บาทถ้วน

เวลาการเดินทาง 7-8/11/15

นั่งปลดปล่อยความคิด ไปกับลมกับฟ้า
ให้ใจที่มันอ่อนไหว จากความรัก ได้พักผ่อนคลายเสียบ้าง
จะได้ไตร่ตรองดูให้ดี สิ่งที่อยู่ในใจคั่งค้าง
ฉันควรทำอย่างไร กับรักที่ไม่มีทาง....

 

ทริปนี้อาจเป็นทริปกระทันหัน อ่านรีวิวเที่ยวกาญฯปุ๊บ จองที่พักปั๊บ

แค่คิดว่าเราอยากไปเที่ยวที่ไหนซักที่ ที่เราสามารถไปได้ด้วยตนเองแบบชิลล์ และ Slow Life

การเดินทางของเราเริ่มจากการโทรไปถามที่ รฟท. (โทร.1690) ว่ามีรถไฟฟรีไปกาญฯ ไหมคะ เสาร์นี้ ในช่วงเช้าวันพฤหัสฯ (5/11/15)

เจ้าหน้าที่รับสายใจดีมากเลยค่ะ แจ้งว่า...”เสาร์นี้มีค่ะ แต่ต้องไปขึ้นที่สถานีธนบุรีนะคะ รอบเช้าสุด 7.50 น.” เราจึงถามเจ้าหน้าที่ว่า ถ้าขากลับวันอาทิตย์มีเที่ยวกี่โมงบ้างคะ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่ามีรอบเช้ากับรอบบ่าย ซึ่งรอบบ่ายประมาณบ่ายสองกว่าๆ (แหะๆ เราจำเวลาไม่ได้เอง เนื่องจากเราตั้งใจแล้วว่าจะกลับรถตู้ จะได้ไม่เหนื่อย)

จากนั้นเราก็รีบจองที่พัก ตอนแรกเราก็โทรไปถามที่เกสต์เฮ้าส์ก่อนว่าอยู่ตรงไหน จองแบบไหนดี แต่สุดท้ายเราก็จองผ่าน Agoda เนื่องจากขี้เกียจไปโอนเงิน

หลังจากนั้นเราก็นับเวลารอการเดินทาง (เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์นะ!)

ทุกคนถามว่ามิ้มไปกับใครหรอ....อ๋อ! ไปคนเดียวค่ะ

แต่ไม่มีใครเชื่อ แถมยังบอกเราว่า...บ้าป่าว...ติ๊สเกิ๊น

 

เช้าวันเสาร์ที่ 7 พ.ย. การเดินทางได้เริ่มขึ้น แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่การเดินทางคนเดียวครั้งแรกของเรา แต่เราก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ (นี่ขนาดเคยไปสิงคโปร์คนเดียวมาแล้วนะ!)...ตีสี่ครึ่งลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปสถานีรถไฟธนบุรี ถึงสถานีรถไฟประมาณหกโมงครึ่ง เราก็ไปรับตั๋ว และนั่งรอรถไฟออก ที่สถานีมีคนมากมายที่พร้อมจะออกเดินทางเหมือนกับเรา

 

7.50 น. รถไฟมาแล้วจ้า...ทุกคนต่างเร่งรีบที่จะขึ้นรถ ด้วยความที่เรามาคนเดียว เราจึงสังเกตผู้คนรอบข้าง พยายามยิ้ม แสดงท่าทีว่า...ข้างๆ นั่งได้นะคะ 555

 

ตอนแรกกะว่าจะนั่งไปลงแค่กาญจนบุรี แต่ก็คิดอีกทีไหนๆ ก็มาแล้วไปให้สุดทางเลยดีกว่า กลางวันที่กาญฯ อาจไม่มีอะไรทำ ดังนั้นปลายทางของรถไฟวันนี้คือ “สถานีน้ำตก”

 

เมื่อถึงสถานีน้ำตกก็ประมาณบ่ายโมงครึ่ง ท้องก็เริ่มหิว (เพราะเราไม่กล้ากินอะไรบนรถไฟ เรากลัวท้องเสีย และต้องเข้าห้องน้ำ) พอลงรถไฟเท่านั้นแหละ..ห้องน้ำอยู่ไหนจ้ะ...ร้านอาหารอยู่ไหนจ้ะ...กินอะไรดีนะ 5555 แต่ก่อนที่เราจะไปทำภารกิจดังกล่าว เราก็รีบไปเช็คตั๋วรถไฟเพื่อกลับกาญฯ ก่อน (เดี๋ยวตกรถไฟ)

 

หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินเล่นถ่ายรูปรอรถไฟขบวนที่จะพาเรากลับไปกาญฯ ซึ่งประมาณบ่ายสามครึ่งถึงรถไฟจะออก

(เซลฟี่กับตัวเอง)

 

15.30 น. รถไฟออกจากสถานีน้ำตก (เย้,,,ได้กลับไปพักแล้ว) แต่การเดินทางของเราช่างยาวนานเหลือเกิน เพราะกว่าจะถึงสถานีกาญฯ ก็ประมาณ 18.30 น. (หิวอีกแล้วววววว)

 

แต่...แต่...แต่....ระหว่าขากลับไปกาญฯ เราได้เจอเพื่อนร่วมทางอีก 3 คน ซึ่งเราก็คุ้นหน้าว่าเหมือนเดินทางมาจากสถานีธนบุรีเหมือนกัน เราได้พูดคุยกัน...เราได้เอาหน้าของเราไปใส่ในกล้องของเพื่อน5555+ สิ่งเหล่านี้ทำให้การนั่งรถไฟของเราไม่น่าเบื่อเลย พวกเราพูดคุยกัน ถ่ายรูปเล่นกัน แม้ว่ารถไฟจะจอดสลับรางเกือบชั่วโมง พวกเราก็ยังสนุกกันได้

(เพื่อนร่วมเดินทางแอบถ่ายแล้วส่งมาให้)

 

ข้อเสียของการนั่งรถไฟเราว่ามีอยู่อย่างเดียว คือ...นั่งนานเมื่อยก้น...รถไฟจอดสลับรางเป็นชั่วโมง (พี่เพลีย)

แต่ข้อดีของมันคือ...ได้ซึมซับบรรยากาศข้างทางแบบที่นั่งรถอื่นๆ ไม่สามารถทำได้...เราได้นั่งรถผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว...เราได้นั่งรถผ่านทางรถไฟสายมรณะ...เราได้นั่งรถผ่านนาข้าว...และอื่นๆ อีกมากมาย (ชีวิตดี๊ดี)

 

เมื่อถึงสถานีกาญฯ เราก็รีบไปที่เกสต์เฮ้าส์ เราพักที่ Nita Raft House

ที่นี่ไม่มีปลั๊กไฟในห้องนอน เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ ทุกคนจึงต้องออกมานั่งตรงพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อชาร์จแบตโทรศัพท์/Laptop/Power Bank เราเองก็เช่นกัน เพราะในคืนนั้นเราก็ต้องออกมานั่งในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน ตอนแรกเราก็คิดว่า..สงสัยเราจะเป็นคนไทยคนเดียวที่อยู่ที่นี่ เพราะรอบข้างเรามีแต่ฝรั่งเต็มไปหมดเลย (แต่ไม่ค่ะ เจ้าของเกสต์เฮ้าส์บอกว่ามีผู้ชายไทยอีก 2 คนค่ะ)

 

เย็นนี้เราได้นัดกับเพื่อนที่เจอบนรถไฟ 3 คนไปเดินถนนคนเดินด้วยกัน แต่พอไปถึงถนนก็เริ่มทยอยปิดร้านแล้ว หลังจากหาอะไรกินแล้ว พวกเราก็เดินถ่ายรูป เดินเล่นอีกซักพักก็แยกย้ายกันกลับที่พัก (เพื่อนอีก 3 คนพักคนละที่กับเรา)

 

พอถึงตอนเช้า พวกเรานัดกันว่าเดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านกาแฟสิทธิสังข์นะ

เราตื่นตั้งแต่เช้า...ออกมาถ่ายรูปเซลฟี่คนเดียว ที่เกสต์เฮ้าเงียบมาก เนื่องจากยังไม่มีใครตื่น เจ้าของบอกว่าส่วนใหญ่ฝรั่งจะตื่นกันสาย แต่เรานี่ลุกขึ้นมาตั้งแต่หกโมงเช้า (เพื่อไปถ่ายรูปกะว่าจะเจอหมอก) แต่บรรยากาศดีมากค่ะ มองออกไปแม่น้ำสวยมาก หน้าไม่ล้าง...น้ำไม่อาบ...พี่ก็เซลฟี่ได้ค่ะ 5555

(วิวจากเกสต์เฮ้าส์)

 

หลังจากนั้นเราก็ไปอาบน้ำ...ออกไปกินเตี๋ยว...เช่าจักรยาน...ออกไปชิลล์ร้านกาแฟ (สิทธิสังข์)...นัดเจอเพื่อนอีก 3 คน...ปั่นจักรยานไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว...ถ่ายรูป...หาข้าวกลางวันกิน...ไปบขส....ขึ้นรถตู้...กลับกรุงเทพฯ...ถึงอนุสาวรีย์โดยสวัสดิภาพ

(เพื่อนร่วมเดินทางที่บังเอิญเจอกัน และเราก็เป็นเพื่อนกัน)

 

จบทริปแล้ววววว....ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ เบยยยยยย

 

กลับมาเราได้เพื่อนกลับมา 3 คน...ได้มิตรภาพดีๆ...ได้รู้จัก...ได้เรียนรู้...ได้ค้นหา...ได้พบเจอในสิ่งที่ไม่เคยเจอ...เราประทับใจทริปนี้มาก^^

แล้วเจอกันทริปหน้านะคะ....

 

ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ทั้งหมด 902.00 บาท รายละเอียดดังนี้

ค่าที่พัก                         425      บาท (รวม VAT+Service Charge)

เสาร์ 7/11/15

ขนมปังมื้อเช้าวันเสาร์      24        บาท

มะม่วงมันบนรถไฟ          20        บาท

ข้าว+น้ำ ที่สถานีน้ำตก     60        บาท

รถสองแถวไปที่พัก           25        บาท

น้ำเต้าหู้ที่ถนนคนเดิน      8          บาท

ก๋วยเตี๋ยวอาหารเย็น         30        บาท

อาทิตย์ 8/11/15

ก๋วยเตี๋ยว+น้ำ                 50        บาท

กาแฟลาเต้                     50        บาท

ข้าว+น้ำมะพร้าว              80        บาท

ค่าเช่าจักรยาน                20        บาท

ค่ารถตู้กลับกรุงเทพฯ       110      บาท