ทริปใกล้กรุง | ชมวิว ฟินกุ้ง ดูอาร์ท

หนึ่งวันธรรมดาๆ ที่บรรดา 'สายอาร์ท' จะฟินเวอร์ 

'การเดินทาง' ดูจะเป็นช่องทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ง่ายที่สุดสำหรับเราไปเสียแล้ว แค่เริ่มต้นด้วยการพาตัวเองออกจากบ้าน 'เปิดใจ' กว้างๆ แล้วใช้ 'ตาดู' กับ 'หูฟัง' แค่นี้เราก็ได้สัมผัสอะไรใหม่ๆ แล้วล่ะ

ส่วนเดือนนี้ เดือนเมษายน เดือนที่ร้อนที่สุดของปี ในวันที่ไม่อยากนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านให้เปลืองแอร์ แถมน้ำมันยังลดราคาให้เกิดกิเลส (เอ...เกี่ยวกันไหม?) ก็เลยผุดแพลนเที่ยวด่วนๆ แบบขับรถไปเอง เกิดเป็น ทริปวันเดียว กับจังหวัดที่อยู่ใกล้ๆ แค่...ปลายจมูก 

 

: : ทริปใกล้กรุง | ชมวิว ฟินกุ้ง ดูอาร์ท : : 

จังหวัดอยุธยา ไม่ได้เป็นแค่เมืองเก่า ที่มีแต่วัดวา ของโบร่ำโบราณ หรือแค่ขนมสายไหม [ ริมทาง ] ไม่ได้เป็นแค่เมือง [ใกล้ ] กรุง ที่เราจะใช้แค่ผ่านทางไปยังจังหวัดอื่นเท่านั้น การเดินทางวันนี้ทำให้เราพบว่าหนึ่งวันที่นี่ไม่ธรรมดา ฟัง 'เขาเล่าว่า...' มานานนมแล้ว วันนี้จะไม่ฟังอย่างเดียวแต่จะชวนหลบร้อน ไป Join ความฟินที่ว่าให้เห็นกับตากันซะเลย :)  

"ออกจากกรุง ไปดู 'อาร์ท' ที่อยุธยากันเถอะ" 

Road Trip คือ การเดินทางโดยการขับรถไปเอง สะดวกต่อการขับไป...เที่ยวไปแบบนี้ดีนะ ยิ่งสถานที่ใกล้ๆ ที่มีระยะทางแค่ 73 กิโลเมตร ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึง ออกจากบ้านแป๊บเดียว อากาศที่ระอุร้อนใจกลางตึกสูงของกรุงเทพฯ ก็เปลี่ยนไปเป็นทุ่งนา ที่ราบกับต้นไม้เขียวๆ ให้พอชุ่มชื่นดีเหมือนกัน

ที่หมายแรกของเรา คือ อำเภอบางไทร จังหวัดอยุธยา เล่าเส้นทางคร่าวๆ จากกทม.- อยุธยาก่อนนะ เราใช้วงแหวนรอบนอก [ ตะวันออก ] สายที่ไปออกสายเหนือ/อีสาน ขับไปตามถนนกาญจนาภิเษก [ บางปะอิน-อยุธยา ] เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 9 ให้ยูเทิร์นแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 3309 เท่านี้เอง

ตอนนี้ที่หมายอยู่ทางซ้ายมือของเราแล้วล่ะ หาไม่ยาก มาก็ง่ายจริงๆ นะ :) 

 

SACICT GALLERY | 

The Support Arts and Crafts International Centre of Thailand 

วันนี้ขอฉีกแนวจากการเที่ยวอยุธยาจากคนอื่นเขา ไม่ได้มาดูเมืองเก่า [ ของเรา...แต่ก่อน ] ไม่ได้พาไปชมวัดวา ไหว้พระ แต่มาดูงานอาร์ทล่ะ และตอนนี้เราก็ขับมาถึงแล้ว 

: : SACICT Gallery  เป็นหอนิทรรศการที่มีการรวบรวมงานอาร์ท งานฝีมือเน้นประเภทหัตถศิลป์ ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม ตั้งแต่งานของครูศิลป์ ครูช่าง ของโบราณไปจนถึง Innovative Craft Art สมัยใหม่นู่นเลย โดยจัดแสดงไว้ทั้งหมด 5 หอนิทรรศการ บริเวณชั้น 1 และ 2 ของตัวอาคาร

อ้อ! มาถึงแล้ว เลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานจอดใต้ตัวตึกได้เลย ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 1 จะเจอโถงกว้างๆ โปร่งๆ อลังการเชียวล่ะ รอบๆ เป็นส่วนของหอนิทรรศการ และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นล็อคๆ ละลานตาดี ในส่วนของการช้อปรอแป๊บนะ ป่ะ! ไปทางนี้กันก่อน

: : เอาจริงๆ ไม่รู้หรอกว่าจะเริ่มตั้งต้นจากตรงไหนดี เดาเอาแล้วก็เดินดุ่มๆ ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 2 เลย (ฝั่งเดียวกับห้องสมุดบรรณศิลปาคาร) ขึ้นไปปุ๊บก็เจอทางเข้าหอนิทรรศการ INNOVATIVE CRAFT GALLERY หรือ หอนวัตศิลป์ เป็นหอแรก หอนี้จัดแสดงผลงานหัตถศิลป์ซึ่งมีการผสมผสานระหว่างศิลปะและความคิดสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน 

นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบได้โมเดิร์น สอดรับกับยุคสมัยปัจจุบันและนำไปใช้ได้จริง เราเดินโซนนี้เพลินๆ เลยล่ะ เพราะมีผลงานให้ชมหลากหลายจริงๆ 

: : ผลงาน การกล่าวถึงประวัติและเกียรติคุณของบรรดาครูศิลป์ ครูช่างด้านศิลปหัตถกรรมของไทย จัดแสดงไว้ที่ HALL OF FAME หรือหอเกียรติยศ 

ภาพรวมของหอนิทรรศการ รวมถึงการตกแต่งยังคงคลุมโทนขาว สะอาดตา พร้อมด้วยการ Display ผลงานออกแบบและบอร์ดข้อมูล ส่วนห้องเล็กๆ ที่ติดตั้งจอกับที่นั่งเดาว่าเอาไว้ฉายวิดีโอนะ พอเข้ามาถึงโซนนี้จะพบเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์คอยให้ข้อมูลเพิ่มเติม และแจก Brochure ที่ให้เราไปอ่านข้อมูลต่อได้ที่บ้าน :)   

: : นิทรรศการหาดูยาก อย่าง GOLD AND TEXTILES GALLERY หรือ หอสุพรรณ-พัสตร์ เป็นส่วนนิทรรศการที่ 3 หลังออกจากหอเกียรติยศแล้วเดินมาอีกฝั่งหนึ่ง 

โซนนี้มีการปรับโทนให้ดูขลัง เข้มและขรึมขึ้นด้วยโทนสีดำ-แดง ตัดกับสีทองอร่ามของเครื่องทองไทย เครื่องประดับทอง รวมถึงจัดแสดงผ้าไทยและพัสตราภรณ์ ลายทอผ้าอันวิจิตรงดงามและผ้าโบราณ ใครชอบงาน Textiles ต้องบอกว่า 'อย่าพลาด' หอสุพรรณ-พัสตร์ แห่งนี้เลยล่ะ  :)

: : หอนิทรรศการ SACICT INTERNATIONAL CREAFTS GALLERY  หรือ หอหัตถศิลป์ระหว่างประเทศ 

จัดแสดงเรื่อง "ศิลปะแห่งโลกอิสลาม" (Arts of the Islamic World) เรื่องราวศิลปะ ประวัติศาสตร์งานหัตถศิลป์นานาชาติ ผ่านทาง...ลวดลาย สถาปัตยกรรม งานหัตถศิลป์ เช่น งานปั้น งานวาด จักสาน งานแกะสลักไม้ ซึ่งสื่อถึงความรุ่งเรืองและหลากหลายของวัฒนธรรมอิสลาม 

วันนี้เรามาทำความรู้จักโลกแห่งอิสลาม ผ่านงานศิลป์กันเถอะ :) 

: : หอนิทรรศการทั้งสี่ อยู่ที่บริเวณชั้น 2 ส่วนหอนิทรรศการสุดท้าย คือ หอศิลปาชีพ | SUPPORT GALLERY อยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งเป็นการจัดแสดงและเผยแพร่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้านการทรงงานศิลปาชีพทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และนำเสนอผลงานของครูศิลป์ ครูช่างของไทยค่ะ  

เดินชมมาครบทุกหอแล้ว ถึงแม้จะอ่านข้อมูลไม่ครบทุกบอร์ดก็เถอะ อย่างน้อยๆ ก็ได้ 'รู้' มากกว่า...ตอนที่เดินเข้ามาที่นี่แน่นอนค่ะ :) 

นอกจากหอนิรรศการแล้ว SACICT ยังมีห้องสมุดเฉพาะ ที่เน้นองค์ความรู้ทางด้านงานหัตถศิลป์ ที่ชื่อ ห้องสมุดบรรณศิลปาคาร (อยู่ฝั่งหอนวัตศิลป์) Arts and Crafts Library ภายในพื้นที่ค้นคว้าที่กว้างขวาง จัดวางชั้นหนังสือกับพื้นที่อ่านไว้อย่างน่าเข้าใช้เชียวล่ะ  

 

เราว่า...เป็นโชคดีนะ ที่มีการรวบรวมเอางานศิลป์ ดีๆ มาจัดแแสดงเป็นหอนิทรรศการให้ได้เข้าชมกันแบบฟรีๆ ย้ำว่า ฟรี นะ เป็นสถานที่ที่เดินกันได้แบบเพลินๆ ไม่ร้อน ไม่ต้องไปตากแดดที่ไหน แค่หนีร้อนมาเดินชิวล์...ชิวล์ ดูงานศิลป์แบบสบายๆ ที่นี่ 'อยุธยา' ใกล้ๆ แค่นี้เอง 

ปล. เข้าชมหอนิทรรศการ ได้ที่ SACICT ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  

หรือดูรายละเอียดได้ที่  www.sacict.net  

 

"ชมวิว ฟินกุ้ง ที่ร้านทองชุบ" 

มาจนถึงถิ่นเขา ไม่กินกุ้งเผาก็คงจะกระไรอยู่ จบจากการเดินและเดิน ทั่วทั้ง SACICT Gallery ความหิวก็มาเยือนทันที

ตอนนี้เราอยู่กันที่อยุธยา แต่เราจะพาไปฟินกับกุ้งที่สิงห์บุรี จังหวัดใกล้เคียงที่มีเขตติดต่อกัน อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เองค่ะ เรามุ่งหน้าไปทางจังหวัดสิงห์บุรี ยังไม่ถึงตัวเมืองให้เลี้ยวเข้าตามป้าย 'วัดตราชู' (อยู่ซ้ายมือ ขาเข้าสิงห์บุรี) จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ จะเจอวัดตราชู มีลานจอดเล็กๆ (ค่าจอด 10 บาท) ในบริเวณวัดนั่นเอง ตามป้ายร้านเข้าไปในชุมชนเล็กๆ ก็จะเจอร้านอาหาร กุ้งเผาทองชุบ ที่อยู่สุดทางนั่นไง

: : ร้านอาหาร กุ้งเผาทองชุบ เป็นบ้านไม้ที่ทอดตัวลงไปใกล้ๆ แม่น้ำ จึงได้บรรยากาศริมน้ำ ให้ความรู้สึกสบายๆ แบบนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน

พระเอกของมื้อนี้หนีไม่พ้น กุ้งเผาตัวโตกับมันกุ้งเยิ้มๆ คลุกกับข้าวสวยร้อนๆ อาหารอย่างอื่นที่ขึ้นชื่อก็มี ทอดมัน ปลาสลิดทอด ยำสะเดาที่รสชาติออกหวานๆ หน่อย จะคลุกมากับปลาทอดฟูๆ หอหมกปลาช่อน เนื้อปลาเน้นๆ และต้มยำปลาคัง น้ำใส รวมๆ รสชาติดีเลยล่ะ :)

ปล. กุ้งเผา กิโลกรัมละ 1,500 บ. (ขนาด 3 ตัว 1 กิโลกรัม) เป็นราคาที่สูงทีเดียวนะ ส่วนอาหารอย่างอื่นเป็นราคาใกล้เคียงร้านทั่วไป นอกจากนี้มีขนมไทยชนิดต่างๆ ขายในร้านด้วย 

สองฝั่งตลอดทางเดินเข้ามาที่ร้านทองชุบ เป็นชุมชนที่มีการตั้งร้านค้ากับเป็นบ้านพักอาศัย มีร้านของชำ ร้านขายยา ร้านขนมหากินยากอย่างถั่วทอด ที่กำลังทอดร้อนๆ ขนมบ้าบิ่นชิ้นโต ถึงเนื้อมะพร้าวอ่อน หอมๆ สุกใหม่ หรือจะเป็นปลาสลิดแดดเดียว น้ำตาลประเภทต่างๆ และผลไม้ที่คิดราคาย่อมเยาว์จนต้องซื้อกลับไปเป็นของฝาก 

มาถึงตอนท้ายของ ทริปวันเดียว [ จากอยุธยาถึงสิงห์บุรี ] สไตล์ MINDJourney กันแล้ว ทริปนี้จัดง้ายง่ายไปได้ทั้งครอบครัว งบไม่บาน ใช้เวลาไม่มาก แถมยังฟินกันตลอดทริปด้วยเนอะ  

ขอบคุณเพื่อนๆ สำหรับการติดตามจนจบทริป แล้วอย่าลืมไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ วันนี้...ขอกลับไปคิดแพลนครั้งหน้าก่อน บายค่ะ :) 

 

: : ถ้าเราเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนๆ กัน แวะพูดคุย แบ่งปันและแชร์เรื่องเที่ยวด้วยกันได้ ที่เพจ MINDJourney นะคะ : :