ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    New •  มิถุนายน 23 , 2559

    วันที่ 1 ที่ภูเก็ต

    ผมเดินทางจากหาดใหญ่ด้วยมินิบัสของบริษัท วาระรัศมีมหาธานี จำกัด ราคาตั๋ว 350 บาท/คนครับ ออฟฟิตภูเก็ต 088-1694584, 091-1652425 และออฟฟิตหาดใหญ่ 084-6896565, 082-4230692 สามารถโทรจองได้นะครับ คิวรถที่หาดใหญ่จะอยู่ตรงข้ามห้างโลตัสสาขา 2 ขึ้นรถที่ออฟฟิตได้เลย และคิวรถที่ภูเก็ตจะจำหน่ายตั๋วช่อง 18 ที่บขส.ใหม่ขึ้นรถช่อง 21 ครับ การเดินทางเริ่มขึ้นใช้เวลายาวนานมากถึง 7 ชั่วโมง โดยออกจากหาดใหญ่รถเที่ยวแรก 07.00 น.ถึงภูเก็ต 14.00 น. มารู้สาเหตุที่ทำให้ล่าช้าเพราะการทำเส้นทางตรงแยกเกาะแก้วครับ ติดอยู่บริเวณนั้น 1 ชั่วโมง 40 นาที แม่จ้าวนานไปไหมครับแต่ก็มาถึงบขส.ใหม่เป็นที่เรียบร้อย

    มาถึงภูเก็ตผมต้องรีบไปบิ๊บงานถ่ายรูปที่จะไปในวันรุ่งขึ้น อ้อต้องบอกก่อนว่าผมมาครั้งนี้มาทำงานด้วยมาเที่ยวด้วยครับ แต่ทำงานถ่ายรูปแค่ครึ่งวัน ที่เหลือก็เป็นเวลาของการเที่ยวและทำรีวิวครับ ที่ภูเก็ตก่อนหน้าที่ผมจะไปฝนตกทุกวันครับ พายุเพิ่งจะเข้าถามจากคนในพื้นที่ พี่เค้าบอกว่าฝนเพิ่งจะแล้งวันนี้นี่แหละ ผมได้แต่ภาวนาพรุ่งนี้ขอให้ฝนอย่าตกนะครับ จะได้ถ่ายรูปงานออกมาสวยๆ ผมถึงสถานที่จัดงานบี๊บงานไม่นาน ผมลองติดต่อรุ่นน้องในพื้นที่ครับ เพื่อจะชวนไปหาอะไรกินกัน บวกกับให้น้องเค้าพาเที่ยวด้วยนั่นแหละ

    ผมกับรุ่นน้องเดินทางไปร้านนึงครับ รุ่นน้องแนะนำมาชื่อว่าร้าน "ตู้กับข้าว" เมนูที่เราสั่งกันเป็นเซตหมี่วุ้นแกงปูกับลูกชิ้นปลากราย และปลาทอดเครื่องแกงภูเก็ต ผมแนะนำเลยครับเมนูปลาทอดเครื่องแกงภูเก็ตอร่อยครับ แต่ถ้าเป็นแกงปูจะติดหวานไปหน่อย แต่รสชาติก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นนะครับ จริงๆมาภูเก็ตอาหารที่มีคนพูดถึงอีกอย่างคือ "หมูฮ้อง" ซึ่งหมูฮ้องที่นี่จะออกหวานหน่อย หมูติดมันเยอะไปหน่อย ผมไม่ได้สั่งมานะครับ เพราะเอาจริงๆผมทำหมูฮ้องขายด้วยครับ เลยไม่สั่งมาดีกว่า ที่รสชาติเพราะผมเคยลองชิมมาแล้วครับ แต่สำหรับใครที่มาภูเก็ตอยากลองชิมก็สามารถสั่งได้นะครับ ร้านนี้ก็มีให้ได้ลองกันครับ บรรยากาศภายในร้านแต่งสวยมากครับ หรูเชียวแหละ ได้ข่าวมาว่าที่นี่ตากล้องจะชอบมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันด้วยครับ และดาราที่มาเยือนภูเก็ตจะชอบมากันครับ แต่ร้านนี้ต้องบอกว่าราคาอาหารจะแพงหน่อยนะครับ

    หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว รุ่นน้องผมก็ถามว่าได้ขึ้นไปเขารังหรือยัง หลังจากที่เค้าปรับปรุงใหม่ ซึ่งผมต้องบอกว่ายังเลย พวกเราก็เลยขึ้นไปเขารังครับ จุดนี้จะเป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวเมืองภูเก็ต และมองเห็นไปถึงทะเลด้วยนะครับ ล่าสุดจุดนี้ได้สร้างหอเกียรติยศ 100 ปี ให้กับพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ.ระนอง) ขึ้นมาตรงนี้ได้เห็นวิวสวยๆ ก็สบายใจแล้วครับ ติดอย่างเดียวคือฟ้ามึดครึ้มเชียว ก็เป็นอีกมุมมองนึงนะครับ กับการมาเที่ยวช่วงหน้าฝนในภูเก็ตครับ

    • โพสต์-2
    New •  มิถุนายน 23 , 2559

    วันที่ 2 ของทริปนี้

    วันนี้ผมต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปถ่ายรูปก่อนในครึ่งวันเช้าครับ แล้วครึ่งวันบ่ายก็ถึงเวลาที่จะมาทำรีวิวกันต่อครับ ซึ่งหลังจากเสร็จงานในครึ่งเช้า ผมก็เล็งหาสถานที่จะไปถ่ายรูปต่อไป ซึ่งตอนนั้นฝนก็ตกลงมาโปรยๆแล้ว ผมจึงเข้าที่พักไปตั้งหลักก่อนครับ อ้อผมลืมบอกเรื่องที่พักเลยครับ ที่พักในครั้งนี้ผมเลือกพักที่ B2 Phuket ครับอยู่ถนนเทพกระษัตรีครับ อยู่ใกล้กับขนส่งใหม่เลยครับ และอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มาก แนะนำว่าถ้าจองที่พักให้จองผ่าน Agoda มาก็ได้ครับ ราคาช่วงนี้อยู่ที่ 460 บาท/คืนเองครับ แต่ถ้ามาจองที่โรงแรมเลยก็ได้ แต่จะได้ในราคาเริ่มต้นที่ 650 บาท/คืน

    ฝนตกทำให้ผมเผลอหลับไปพักใหญ่ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ใกล้ 5 โมงแล้วครับ บวกกับวันนี้มีหลาดใหญ่ด้วยแล้ว มีหรือจะพลาดเก็บภาพบรรยากาศของที่นี่ ผมก็เลยลองนึกๆดูนะว่ามีรุ่นน้องคนไหนอยู่ภูเก็ตอีกบ้าง ผมนัดรุ่นน้องได้อีกคนนึง ซึ่งไม่ได้เจอกันมานานมา ก็ถือโอกาสให้มานำเที่ยวด้วยเลย เรานัดกันช่วงเวลา 6 โมงเจอกันหน้าตลาดใหญ่ครับ ผมออกก่อนเวลาหลังจากที่นัดกันเรียบร้อย เพราะเผื่อเวลาไปหาที่จอดรถ เพราะมาครั้งนี้ขับรถยนต์ส่วนใหญ่ครับ ผิดจากเมื่อก่อนที่ใช้มอเตอร์ไซต์แว๊นรอบเมือง แต่ครั้งนี้ด้วยฝนตกบ่อยมาก แล้วต้องเดินทางออกพื้นที่รอบนอกลำพังจะเฟี๊ยวเหมือนแต่ก่อน ก็อันตรายเหลือเกินครับ จำนวนรถที่มากขึ้นทำให้การจราจรติดขัดมาก ทั้งในตัวเมืองแต่บริเวณรอบนอก แต่เอาจริงๆนะครับ ขับมอเตอร์ไซต์แว๊นสนุกกว่าเยอะ ถ้าฝนไม่ตกนะครับ มันซิ๊กแซ็กได้ไงครับ ไปตามตรอกซอกซอยสะดวกมาก วันนี้มีหลาดใหญ่แล้ว ที่จอดรถหายากมากครับ คนก็เยอะผมได้ที่จอดรถในวัดใกล้กับซอยรมณีย์ครับ มีที่ว่างให้จอดพอดี เลยเดินตัดมาถึงหลาดใหญ่บนถนนถลางครับ

    ผมว่าการมีหลาดใหญ่เป็นการส่งเสริมให้คนในพื้นที่มีรายได้นะครับ ดูจากที่ผมไปเดินดูแล้วได้เก็บภาพมา มีหลากหลายอาชีพเลยที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็ดูแล้วแปลกตาดี แล้วบางอาชีพสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ที่พบเจอด้วยนะครับ

    • โพสต์-3
    New •  กรกฎาคม 05 , 2559

    วันที่ 3 ของทริปนี้

    กลับมาแล้วกับรีวิววันที่ 3 ครับหลังจากที่หายไปหลายวันเลย กับภารกิจหลายเรื่องเลย วันที่ 3 ของทริปนี้ทีแรกตั้งใจไว้แล้วว่าจะมีนัดกับรุ่นน้องเจ้าถิ่นภูเก็ต จะให้รุ่นน้องพาเที่ยวครับ แต่เกิดเหตุฉุกเฉินทำให้รุ่นน้องมาไม่ได้ ทำให้ผมต้องแพลนการท่องเที่ยวเองทั้งหมด โดยผมเริ่มจากสะพานสารสินเลย ผมเริ่มออกเดินทางจากที่พักมุ่งไปสะพานสารสิน ระยะทาง 39 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่มีช่วงนึงกำลังทำถนนอยู่ตรงแยกเกาะแก้วทำให้เสียเวลาอยู่อีก 1 ชั่วโมง 40 นาที กว่าจะมาถึงสะพานสารสินเล่นเอาเหนื่อยเลยครับ แต่มาถึงที่สะพานสารสินได้เห็นวิว ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน หายเหนื่อยครับ ผมใช้เวลากับการถ่ายรูปอยู่จุดนี้ไม่นาน

    จุดต่อไปที่จะไปกันนั้นก็คือ วัดพระทอง (พระผุด) Unseenthailand ที่เล่าขานกันถึงประวัติความเป็นมาอันน่าสนใจ เกี่ยวกับความมหัศจรรย์ขององค์พระที่โผล่จากพื้นดิน ซึ่งพระทองที่เราเห็นจะมีแค่ครึ่งนึงให้ผู้คนได้สักการะกัน หลังจากได้มายังที่นี่แล้ว จุดต่อไปของผมคืออนุเสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรครับ ปกติมาภูเก็ตผ่านสะพานสารสินและอนุเสาวรีย์ก็จะไม่ได้ลงไปเพราะนั่งรถประจำทาง ครั้งนี้ผมเลยถือโอกาสลงไปเก็บภาพและแนะนำให้คนที่มาเยือนจังหวัดภูเก็ตได้รู้จักในสถานที่แห่งนี้นะครับ

    เข้าช่วงเที่ยงพอดีเลย ผมแพลนไว้ว่าจะเข้าไปหาร้านอาหารที่รุ่นน้องแนะนำมา "วันจันทร์" วันที่ไปตรงกับวันจันทร์พอดีเลยครับ ลองดูหน่อยแล้วกันครับ ร้านนี้อยู่บนถนนเทพกระษัตรีครับอยู่ใกล้กับร้าน B Cat cafe ก่อนจะเข้าไปถนนถลาง ร้านอยู่ทางซ้ายมือครับ ร้านนี้ขายอาหารพื้นเมืองภูเก็ต แต่เช่นเคยผมมาแค่คนเดียว ก็เลยขอเป้นจานเดียวแล้วกันครับ ผมลองสั่งข้าวผัดวันจันทร์มาลองทานดู มีความต่างกับข้าวผัดทั่วไปตรงที่มีสับปะรดภูเก็ตเข้ามาร่วมด้วย ก็อร่อยดีครับ

     หนังท้องตึงหนังตาหย่อนก็ได้เวลาออกไปเดินเล่นในตัวเมืองภูเก็ตแล้วสิครับ ผมมาภูเก็ตบ่อยนะรู้สึกชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเลยแหละ ผมชอบความคลาสสิคของเมืองนี้ ศิลปะสไตล์ชิโนโปรตุกีส พอดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน แล้วยิ่งมีหลาดใหญ่วันอาทิตย์ช่วงเย็นแล้วนะครับ แหล่มเลยแหละเสียดายผมมาคนเดียว ถ้าใครได้มีโอกาสมาแล้วก็มากับแฟนหรือมากับแก็งซ์เพื่อนๆนะครับ มีความสนุกรอคุณอยู่แน่นอน ผมได้ยินมาว่าช่วงหลังมีการทำภาพกราฟฟิตี้ในหลายจุดในภูเก็ตเลย ก็มีหลายแง่หลายมุมนะครับ ตามที่เป้นข่าวมุมนึงก็มองว่าขัดแย้งกับสถาปัตยกรรมที่มีอยู่มายาวนาน แต่อีกมุมนึงก็แปลกตาดีแล้วสงเสริมการท่องเที่ยวไปในตัว ซึ่งศิลปะภาพวาดเราก็สามารถเห็นได้จากที่ปินัง กับเมืองเก่าเช่นกัน ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าก็สวยดีนะครับ

    ถ้าพูดถึงเรื่องกราฟฟิตี้ที่มีอยู่ในแต่ละที่ในภูเก็ตแล้ว ผมบอกได้เลยว่ามีนักท่องเที่ยวหลายๆคนได้มารีวิวกันแล้ว พร้อมกับมีลายแทงให้ไปตามถ่ายรูปกันด้วย ในครั้งนี้ผมไปถ่ายมาได้ไม่กี่ที่นะครับ ด้วยเวลาบวกกับผมเพิ่งจะมาเจอลายแทงตอนจะกลับแล้วนี่สิ ทำให้ผมพลาดโอกาสเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆกันเลย แต่ไม่เป็นไรครับผมไปครั้งหน้าผมคงไปตามถ่ายรูปมาให้ชมกันนะครับ

    เดินถ่ายรูปในเมืองเก่าแล้ว นึกถึงร้านขนมอาโป๊งแม่สุณี เคยมีโอกาสได้เห็นร้านครั้งก่อนแต่ยังไม่ได้ชิมเลย มาครั้งนี้ลองสั่งดูคิวยาวหน่อยนะครับ ก็อะไรไงคิวเลยยาว ผมก็เรื่อยๆนั่งรอไปพลางๆ ขอถ่ายรูปไปด้วยเช่นกัน ขนมชุดละ 20 บาทเองครับ มีอยู่ 7 ชิ้นด้วยกัน ไม่แพงเลยใช่ไหมหล่ะ เสร็จจากร้านแม่สุณีผมก็คิดต่อว่าจะไปไหนดีนะ เค้าว่ากันว่ามาภูเก็ตต้องมากินโอ้เอ๋วครับ เดี่ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าคืออะไร

    โอ๋วเอ๋ว, โอ๊ะเอ๋ว หรือ โอ้เอ๋ว เป็นขนมหวานพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วยวุ้นใสๆ ราดน้ำเชื่อม ใส่ถั่วแดงต้มสุก รับประทานโดยใส่น้ำแข็งใส (อาจจะใส่เฉาก้วย น้ำหวานสีแดง นมแมว แล้วแต่ความชอบ) ลักษณะเด่นของโอ๋วเอ๋วก็คือตัววุ้นนี่แหละคะ ที่เห็นเป็นวุ้น ๆ ใสๆ นั่นไม่มีส่วนประกอบของผงวุ้นอยู่เลยนะคะ แต่ส่วนที่เป็นวุ้นจะได้จากเมล็ดโอ๊ะเอ๋ว (คล้ายเมล็ดแมงลัก ) ที่แช่น้ำ แล้วใช้เมือกโอ๋วเอ๋วมา ผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้า จากนั้นใส่เจี่ยกอเพื่อให้โอ๋วเอ๋วเกาะตัวเป็นก้อน มีสรรพคุณ กินแก้ร้อนใน และลดการกระหายน้ำ เป็นขนมหวานที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ แบบบ้านเราจริง ๆ ปัจจุบันมีร้านขายโอ๋วเอ๋วใหม่ๆ ผุดขึ้นมากมาย แต่ถ้าอยากทานร้านที่เป็นต้นตำรับกันจริงๆ ต้องยกให้ร้านเก่าร้านแก่ ร้านโอ้เอ๋วแป๊ะหลี่ ในซอยสุ่นอุทิศ ที่ขายมายาวนานกว่า 80 ปี ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เที่ยง ถึง 5 โมงเย็น ราคาก็มีตั้งแต่ 10 -15 บาท ถ้าธรรมดา ๆ ก็ 10 บาท ถ้าพิเศษเครื่องแบบจัดหนักจัดเต็มก็แค่ 15 บาท ได้ขนมหวานเย็น ๆ ชื่นใจ แถมสบายกระเป๋าอีกนะครับ  

    ร้านที่ผมไปกินแล้วติดใจอยู่ที่โรงหล่อบนถนนระนองครับ แถบนั้นมองดูมีร้านขายปอเปี๊ยะสดด้วยนะครับ โอ้เอ๋ว และขนมอาโป๊งเช่นกัน ขายอย่างเดียวที่มาภูเก็ตไม่ได้ถ่ายรูปมาก็คือหมี่ฮกเกี๊ยนต้นโพธิ คือผมได้ไปลองมาแล้วนะครับ แต่คนเยอะมากบวกกับต่างคนต่างรีบๆกินรีบลุก เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝาก ร้านหมี่ต้นโพธิหลายคนบอกว่ามาแล้วต้องไปกิน แต่ส่วนตัวผมคิดว่ารสชาติก็กลางๆ ขายแบรนด์มากกว่า อีกอย่างเรื่องราคาก็แพงด้วยครับ   เสร็จจากกินอิ่มแล้วเป้าหมายต่อไปคือแหลมพรหมเทพและจุดชมวิวสามหาด ซึ่งผมก็รีบไปให้ทันกะจะไปถ่ายพระอาทิตย์ตกที่นั่น แต่ที่ไหนได้ฝนชิงตกก่อนพระอาทิตย์ซะงั้นเลย ทำให้อดไปแหลมพรหมเทพได้มาแค่จุดชมวิวสามอ่าวครับในวันนี้ แต่ก็คิดในใจว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องมาเก็บภาพให้ได้

    จุดชมวิวสามอ่าว (Karon View point) เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางฝั่งตะวักตก เมื่อมาถึงภูเก็ตแล้วไม่ควรพลาดมาจุดชมวิวนี้ด้วยประการทั้งปวง จากจุดชมวิวนี้สามารถมองเห็นวิวหาดกะตะน้อย กะตะ กะรน เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว เกาะปู และเห็นแนวภูเขาได้อย่างชัดเจน เห็นการไล่โทนสีของน้ำทะเลตั้งแต่เขียวอ่อนบริเวณใกล้ชายหาด และเป็นสีน้ำเงินเข้มขึ้นเรื่อยๆ ที่ตั้งของจุดชมวิวสามอ่าว อยู่ริมถนน 4233 เส้นที่มุ่งหน้าไปแหลมพรหมเทพ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้ามาจอดที่จุดชมวิว และเดินขึ้นศาลาจุดชมวิวไปอีกนิดเดียวก็จะเห็นวิวได้ถึง 3 อ่าว มุมถ่ายรูปที่สวยที่สุดอยู่

    หลังจากได้ภาพจุดชมวิวสามอ่าวแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับไปยังที่พักรถติดมากครับ เพราะฝนตกลงมาด้วยกว่าจะถึงที่พักก็ทุ่มกว่าแล้ว แล้วมีแพลนต่อว่าเดี๋ยวจะไปหาร้านสักร้านรีวิวมื้อค่ำสักหน่อย มีเพื่อนๆในเฟสแนะนำร้านกล้วยน้ำว้ามาครับ แต่สุดท้ายไม่ได้ไปไว้ครั้งหน้าไปภูเก็ตจะไปรีวิวให้นะครับ ผมออกจากที่พักแวะไปโลตัสสามกองก่อน ระหว่างทางผ่านตลาดเปิดท้ายชื่อว่า "Chillva Market" ก็กะว่าเดี๋ยวไปซื้อของอะไรเสร็จจะมาแวะถ่ายรูปซักหน่อยแล้วกัน

    มาถึงตลาดก็ไม่รอช้าลงไปแชะภาพกันเลย ไปสะดุดร้านนึงครับขายเสื้อผ้าน่าจะมิือ 2 นะครับ แต่คนขายน่ารักเชียวแก็งซ์สาวๆๆ มีโอกาสก็ไปอุดหนุนสาวๆได้นะครับ ตลาดที่นี่คล้ายกับตลาดกรีนเวย์หาดใหญ่สมัยแรกๆเลยครับ ขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านเหล้า และมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมหลังตลาดด้วยนะครับ ตลาดนี้อยู่ใกล้กับโลตัสสามกองนะครับ ไปแถวนั้นก็แวะไปเดินชิวๆกันได้เลยนะครับ

    จบไปแล้วอีกวันกับการท่องเที่ยวคนเดียวแพลนเองเที่ยวเอง รีวิวเองครับเดี๋ยวพรุง่นี้จะมาเขียนต่อในอีกวันนะครับ ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ณ.โอกาสนี้ด้วยนะครับ

     

    • โพสต์-4
    New •  กรกฎาคม 06 , 2559

    วันที่ 4 ของทริปนี้

    ตื่นเช้ามาพร้อมกับความพร้อมที่จะไปต่อยมวยครับ วันนี้รุ่นน้องบอกเดี่ยวจะพาผมไปต่อยมวย และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายกับที่พัก B2 Phuket ครับ ผมเลยเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พักเลย แต่ยังไม่ได้แพลนว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหน ผมนัดกับรุ่นน้องไว้เวลา 07.00 น. ผมขับรถไปรับรุ่นน้องตามนัด เราไปกันที่ "Siam Muay Thai Academy" ครับ ที่นี่เคยเป็นสวนผีเสื้อเก่าครับ ต่อมาได้มาเปิดเป็นค่ายมวยครับ ภายในค่ายมวยมีคอร์สเรียนมวย โยคะ และฟิตเนตให้บริการด้วยนะครับ ได้ฟังจากรุ่นน้องผมที่ไปมาหลายค่าย บอกว่าที่นี่สะอาดและดูดีสุดแล้วในบรรดาค่ายมวยในภูเก็ตแล้วครับ ที่สำคัญที่นี่คนไทยเยอะสุด เราเริ่มพันมือและวอร์มร่างกายด้วยการวิ่งก่อนเลย ผมเพิ่งมาครั้งแรกยังไม่มีพื้นฐานอะไรเลย จึงต้องแยกไปฝึกเบื้องต้นก่อน ซึ่งในคอร์สช่วงเช้านี้มีน้องอีกคนที่มาวันแรกเช่นกัน จึงได้มาฝึกด้วยกันครับ

    ผมได้มีโอกาสเรียนรู้การต่อยมวย เตะ ถีบกระสอบทราย ก็สนุกดีนะครับ เราใช้เวลาในการฝึกตรงนี้ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ เสร็จจากนั้นผมจึงขอเจ้าของสถานที่ เก็บภาพนิดนึงเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ เผื่อมีใครสนใจไปภูเก็ตแล้วไม่รู้จะไปไหนดี ไปต่อยมวยไหมล่ะครับ

    เสร็จจากต่อยมวยถึงเวลาที่ผมต้องหาที่พักในคืนนี้แล้วสิครับ ผมหาข้อมูลในเว็บ Agoda ซึ่งมีอยู่ 2 ที่ในใจตอนนี้คือ อ้นหยา ภูเก็ต โฮเทล และ Blu Monkey Bed & Breakfast Phuket ครับ ผมเริ่มจากไปในที่แรกก่อน ไปถึงที่แรกปรากฎว่าที่พักเต็มครับ บวกกับไม่มีที่จอดรถด้วย ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนไปยังโรงแรมที่ 2 ซึ่งโรงแรมที่ 2 ที่ผมเลือกนี้คืออยู่แถวสามกองครับ ซึ่งใกล้กับร้านน้ำว้าซึ่งมีเพื่อนๆในเฟสแนะนำผมให้ไปลองกินดู ผมเลยเลือกพักที่โรงแรม Blu Monkey Bed & Breakfast Phuket ครับ ห้องพักที่นี่ในวันที่ผมไปพักราคา 900 บาท/คืนเชียวแหละ ซึ่งถ้าเราเช็คราคาจากเว็บ Agoda ราคาจะอยู่ที่ 600 บาท/คืนเองครับ ผมจึงอยากแนะนำคนที่ต้องการมาเที่ยวไม่ว่าที่ไหนนะครับ แนะนำว่าให้จองผ่านเว็บก็จะได้ราคาพิเศษ แต่ถ้ามาจองหน้างานเลย อาจจะเจอเหมือนผมก็ได้ ถามว่าแล้วทำไมไม่ไปพักที่อื่นหล่ะ ใจผมก็อยากจะไปพักที่อื่นนะครับ ที่ถูกกว่านี้แต่ด้วยความขี้เกียจบวกกับเคยได้อ่านรีวิวของที่พักที่นี่แล้ว มันทำให้ผมอยากจะรู้แล้วสิ ว่าที่เค้ารีวิวมาเป็นอย่างไร ผมจึงเลือกพักที่นี่ 1 คืนครับ

    มาด้วยการรีวิวที่พักเลยแล้วกันครับ ตอนแรกที่เดินเข้าไปผมว่าที่นี่ดูมีสไตล์เป็นของตัวเองดีนะ เก๋ไก๋ชอบกับลูกเล่นที่มีภาพลิงสีฟ้าในที่ต่างๆภายในโรงแรม ที่นี่ผมคอมเม้นเรื่องที่จอดรถอย่างเดียว มีน้อยไปหน่อยครับ แต่ส่วนอื่นผมมองว่าใช้ได้เลย มีอย่างนึงที่ผมมองว่าเป็นจุดขายของเค้าเลยนะ คือตอนเข้าไปอาบน้ำครับ มีขวดยาสระผมกับขวดครีมอาบน้ำ แต่เอาจริงๆไม่ได้เขียนบอกไว้เลย แต่มีสิ่งนึงที่บอกจุดต่างของ 2 อย่างนี้คือ รูปเจ้าลิงสระผม นั่นไงเค้าใช้สัญลักษณ์เป็นตัวบอก สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าธรรมดานี่นา แต่สำหรับผมนะผมมองว่าเค้าใส่ใจใช้ได้เลย ห้องพักที่นี่ก็โอเครนะครับ ช่วงเช้าจะมีอาหารเช้าฟรีบริการให้ด้วยครับ อาหารเช้าของที่นี่จะมีกาแฟ โอวัลติน ชา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง และขนมจีบ บริการครับ ล่าสุดเจอลายแทงภาพกราฟฟิคตี้ให้ได้ไปตามหาเพื่อถ่ายรูปด้วยนะครับ มีโอกาสก็แวะไปพักได้นะครับ ไม่ไกลจากตัวเมืองเลย หาของกินก็สะดวกด้วยครับ

    แผนที่ตามลิ้งนี้เลยครับ
    https://goo.gl/maps/7X6NjsN3USS2

    เบอร์โทรศัพท์: 076-212433

    เช็คอินกันเรียบร้อยแล้วครับ ฝนกระหน่ำลงมาเลยครับ ผมก็นั่งคิดเอาแล้วไง วันนี้คงไม่ได้ภาพแหลมพรหมเทพแล้วแน่ๆ วัดฉลองก็คงไม่ได้ พระใหญ่ก็ไม่ได้ ทำไงดีๆๆหวา นอนสิครับผมเผลอหลับไปแป็บนึง ตื่นขึ้นมาเอาเฮ้ยฝนหยุดครับ ล้างหน้าล้างตาเตรียมกล้อง รีบมุ่งหน้าไปวัดฉลองก่อนเลยครับ

    ฝนแล้งแล้วครับผมเริ่มออกจากที่พักบ่าย 3 โมงโดยประมาณ มุ่งหน้าไปยังวัดฉลองวัดที่ใครไปใครมาก็จะต้องไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกันหน่อย ซึ่งผมไปภูเก็ตทุกครั้งก็จะไปทุกครั้งเลย ภายในวัดก็มีนักท่องเที่ยวไปกันเยอะมาก ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และคนไทย ต่อจากวัดฉลองก็มุ่งหน้าไปยังแหลมพรหมเทพครับ ระหว่างทางฝนไม่เป้นใจอีกแล้ว ตกลงมาอีกจนได้แต่ตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้ามาภูเก็ตไม่ได้ภาพแหลมพรหมเทพกลับไปมันกะไรอยู่นะ ก็ไปถึงที่นั่นฝนเบาลงและแล้งให้แป็บเดียว ให้ลงไปได้แชะภาพ 2-3 แชะก่อนที่ทั้งลมทั้งฝนจะโหมกระหน่ำซัมเมอร์เซลลืกันมาอีกรอบนึง ผมโล่งใจแล้วครับที่ได้ภาพแหลมพรหมมาแล้ว ที่นี้ก็ต้องคิดว่าที่ต้องไปจะไปที่ไหนดี ผมนึกขึ้นมาได้ว่าระหว่างจะมาแหลมพรหมเทพ จะมีทางขึ้นไปพุทธอุทยานยอดเขานาคเกิด ที่มองเห็นแต่ไกลอยู่บนเขาที่จุดนั้นจะมองเห็นภูเก็ตแบบมุมกว้างได้เลยครับ แต่เวลาผ่านไป 2 ปีมีการพัฒนามากขึ้นที่จอดรถมีเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์วันนึงที่สร้างเสร็จจุดนี้คงเป็นอีกจุกที่สวยไม่แพ้เขารังเลยครับ

    ต่อจากพุทธอุทยานยอดเขานาคเกิด เริ่มรู้สึกหิวแล้วก็เลยตั้งใจว่าจะไปร้าน"กอจ๊าน" ร้านจะอยู่เรียบคลองบางใหญ่ หลังวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต สามารถเข้าได้ทั้ง2ทาง มาจากสะพานก๊อจ๊านก็ได้ วิ่งตามทางมาเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ซ้ายมือ หรือจะมาจากทางวิทยาลัย เลี้ยวมาทางหลังนิดเดียว อยู่ขวามือ สามารถหาที่จอดรถได้ริมถนนทั้ง2ฝั่งเลยครับ ร้านนี้ผมแนะนำเกี๊ยนทอด หอหมกมะพร้าวอ่อน ปลาผัดเครื่องแกง ราคาไม่แพงมากครับ แต่ครั้งนี้ผมมาคนเดียวเลยสั่งอาหารได้ไม่เยอะ ก็มีรูปเกี๊ยนทอดมาให้ได้ดูว่าหน้าตาน่ากินขนาดไหนนะครับ แต่รีวิวก็ไม่เท่าได้ไปลองเองนะครับ

    แผนที่ตามลิ้งนี้เลยครับ

    http://map.nostramap.com/NostraMap/share.aspx?lat=7.872537&lon=98.390863&lev=10

    เบอร์โทรศัพท์: 081-5975425

    อิ่มกันแล้วก็ยังไม่อยากกลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้จะกลับแล้วลองไปเดินเก็บภาพบรรยากาศสวยๆของตึกชิโนโปรตุกีสยามค่ำคืนดีกว่าครับ ผมขับวนไปในเมืองสะดุดกับตึกนึงสวยมาก เป็นตึกของธนาคารกสิกรไทย สาขาภูเก็ตซึ่งผมว่าธนาคารนี้สวยที่สุดในประเทศไทยแล้วมั้งครับ เยื้องกับธนาคารมีโรงแรมออนออน ที่มีความคลาสสิคสวยไม่แพ้ธนาคารเลยครับ ผมถ่ายรูปตรงนี้อยู่พักใหญ่เพราะลืมเอาขาตั้งกล้องมามือสั่น ได้แต่พยามสุดๆกว่าจะได้ภาพมาครับ ขับรถไปอีกหน่อยเข้าถนนถลาง ย้อนไปสมัยผมมาภูเก็ตครั้งแรกถนนเส้นนี้ยังมีสายไฟเต็มเลย บดบังตึกสวยๆนี้หมดเลย ผมยังคิดอยู่ว่าถ้าในอนาคตเข้าเอาสายไฟนี้ลงใต้ดินหมด ถนนเส้นนี้คงสวยไม่น้อยเลยครับ ซึ่งผ่านมาปัจจุบันสายไฟที่เกะกะตอนนี้ลงไปอยู่ใต้ดินหมดแล้วครับ ทำให้ถนนเส้นนี้สวยมาก และเป็นที่จัดถนนคนเดินหลาดใหญ่ด้วยนะครับ ถ่ายรูปไม่ได้มากมายอะไรอีกแล้ว ฝนเทลงมาอีกสู้ไม่ไหวแล้วครับกลับที่พักแล้วครับคืนนี้ ต้องทำใจมาช่วงหน้าฝนที่พักถูกจริง ก็ต้องลุ้นกันเอาเองว่าฝนจะตกหรือไม่ตก แต่ก็ได้ฟิวไปอีกแบบนึงนะครับ

     

    • โพสต์-5
    New •  กันยายน 01 , 2559

    วันที่ 5 ก่อนกลับ

    วันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว วันนี้ต้องเดินทางกลับหาดใหญ่แล้วสิครับ ใจหายเหมือนกันอยู่มาตั้งหลายวัน วันนี้ต้องเอารถไปคืนรุ่นน้องครับ รุ่นน้องบอกจะขอเลี้ยงติ่มซำหน่อย เพราะตั้งแต่พี่มายังไม่ได้เลี้ยงต้อนรับเลย ขอเลี้ยงส่งแล้วกันนะผมไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้วเรื่องนี้ ทีแรกรุ่นน้องบอกจะพาไปกินอีกร้านนึงอยู่แถวพูนผล แต่ร้านดันมาผิดซะอีกในวันที่เราตั้งใจจะไปกิน น้องก็บอกน้องไม่รู้จักร้านแล้วนะ เป็นหน้าที่ผมสิครับที่ต้องพาน้องไปร้านติ่มซำ ผมก็เคยไปกินร้านนึงพอกินได้ แต่ไม่ถึงกับที่สุดชื่อร้าน "ราชรสภูเก็ต" อยู่บนถนนเส้นจะไปโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ไปทะลุสามกองได้ครับ ถ้าถามถึงเรื่องหน้าตาอาหารบอกได้เลยว่าพอใช้ แต่ถ้าถามถึงเรื่องรสชาติ อาจจะเค็มไปนิด

    แผนที่ตามลิ้งนี้เลยนะครับ

     https://www.google.com/maps/dir//7.8911072,98.3859273/@7.8911072,98.3859273,17z

    เบอร์โทรศัพท์: 080-2634664

    เป็นอีกครั้งที่มาแล้วอยากมาอีก เพราะเมืองภูเก็ตแห่งนี้ผมชื่นชอบให้วัฒนธรรม และตึกในสไตล์ชิโนโปรตุกีส อาหารก็พอกินได้แต่ถึงกับเยี่ยมยอด ใครมีโอกาสก็มาเที่ยวกันได้นะครับ จังหวัดภูเก็ตครับ

    สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้อยู่ที่ 6,000-7,000 บาท รวมค่าที่พักและค่ากินเรียบร้อยแล้วครับ ไปคนเดียวค่าใช้จ่ายเยอะหน่อย แต่ถ้าไปเป็นก๊วนจะมีตัวหารเยอะหน่อย ซึ่งถ้าไปคนเดียวในทริปหน้าจะลดค่าใช้จ่ายให้มากกว่านี้ ขอบคุณที่ติดตามอ่านรีวิวของผมนะครับ เจอกันทริปหน้านะครับ

    ฝากติดตามผลงานกันได้ที่เพจนะครับ www.facebool.com/iamn2w ครับ