เที่ยวถิ่นงานศิลป์ @ ราชบุรี เมืองนี้มีดีที่ความอาร์ต

“ชุมชนคนอาร์ต” นิยามเก๋ไก๋ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มอบให้ราชบุรี ที่ถือเป็นหนึ่งใน 12 จังหวัด เมืองต้องห้ามพลาด เชื่อไหมครับว่าตั้งแต่คลอดแคมเปญนี้ออกมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนราชบุรีเพื่อสัมผัสความอาร์ตที่ว่าเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว และเพื่อพิสูจน์ว่าเมืองนี้อาร์ตจริงหรือเปล่าก็ต้องไปเยือนให้เป็นกับตาสักหน่อย

การเดินทางครั้งนี้เป็นภาคต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวสมุทรสงครามเมื่อต้นเดือนสิงหาคม (ภาคแรก > http://bit.ly/1VWkYKe) ร่วมกับ ททท. กลุ่มสารสนเทศการตลาด ภายใต้ชื่อทริป Chill Out Thailand สมุทรสงคราม-ราชบุรี โดยผสมกับการท่องเที่ยววิถีไทย กลายเป็นทริปเที่ยวชมศิลปะไทยๆ  เน้นสามอำเภอคือ เมืองราชบุรี โพธาราม และ บางแพ ที่ล้วนเป็นชุมชนเก่าแก่ทั้งสิ้น

พูดถึงศิลปะไทยที่ราชบุรี โด่งดังและมาแรงมากช่วงสองสามปีที่ผ่านมาย่อมหนีไม่พ้นการแสดงหนังใหญ่วัดขนอน อำเภอโพธาราม (ปัจจุบันเหลือคณะหนังใหญ่เพียงสามคณะในประเทศไทย คือที่วัดขนอน ราชบุรี วัดบ้านดอน ระยอง และวัดสว่างอารมณ์ สิงห์บุรี) ที่นี่เขาสร้างพิพิธภัณฑ์และโรงละครสวยงามสะดวกสบาย มีการแสดงเบื้องต้นให้ชมฟรี ทุกวันเสาร์ 10.00 น. และวันอาทิตย์ 11.00 น. แต่หากต้องการติดต่อให้แสดงรอบพิเศษ หรือเต็มรูปแบบก็มีค่าใช้จ่ายสักหน่อย เริ่มต้นที่ประมาณ 2,500 บาท ถือเป็นการปันรายได้ให้เหล่าเยาวชนนักแสดง... อ้อ หนังใหญ่นั้นเขาเล่นเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์นะครับ ไม่มีเล่นเรื่องอื่น

แน่นอนว่ามาถึงราชบุรีทั้งทีเราย่อมไม่พลาดชมหนังใหญ่ แต่ก่อนถึงเวลาแสดงไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นที่รวบรวมตัวหนังใหญ่กันก่อน คำว่า “หนัง” ในหนังใหญ่ไม่ได้หมายถึงละคร หรือภาพยนตร์ หรือลีลาการแสดงนะครับ แต่หมายถึงหนังวัวซึ่งเอามาฉลุลวดลายกลายเป็นตัวละครต่างหาก ซึ่งพิพิธภัณฑ์ที่วัดขนอนเก็บตัวหนังใหญ่ซึ่งมีอายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ไว้หลายร้อยตัว ได้รับการบูรณะและรักษาอย่างดี ส่วนที่นำไปเล่นบนเวทีเป็นตัวหนังใหญ่ที่จัดทำขึ้นใหม่

เดินชมพิพิธภัณฑ์และทำความรู้จักกับหนังใหญ่พอหอมปากหอมคอแล้วค่อยเข้ามานั่งในโรงมหรสพรอชมการแสดงสักที

ปกติการแสดงให้ชมฟรีวันเสาร์-อาทิตย์ เขามักเล่นตอนที่ หนุมาน องคต และชมพูพาน เหล่าวานรทหารเอกของพระรามนำทัพต่อสู้กับยักษ์ปักหลั่น ที่สระโบกขรณี เล่นเบ็ดเสร็จประมาณยี่สิบนาที แม้จะเป็นเวลาไม่นาน แต่ขอบอกว่าเล่นเอาหัวใจเต้นรัว นักแสดงโยกย้ายเคลื่อนตัวหนังใหญ่อย่างดุดัน ประกอบกับเสียงวงดนตรีปี่พาทย์เร้าใจ และการพากย์ที่สนุกสนาน ทำให้เป็นการแสดงที่ต้องยกนิ้วโป้งให้ทั้งสองข้างเลย

ที่นี่มีเทศกาลหนังใหญ่ประจำปีในช่วงวันสงกรานต์ด้วย เดี๋ยวนี้ถือเป็นงานของอำเภอโพธารามเชียวแหละ หลังจากได้ชมแบบหอมปากหอมคอมาแล้ว สงกรานต์ปีหน้าผมจะไม่ยอมพลาดมาร่วมงานแน่นอน

ไม่ไกลจากวัดขนอน มีวัดน่าสนใจแห่งหนึ่งชื่อวัดม่วง บริเวณนี้เป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีการสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วง รวมเรื่องราวชาวมอญ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นอย่างดี น่าเสียดายว่าความน่าสนใจในการนำเสนอยังน้อยอยู่สักหน่อย เลยดึงความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่ได้มาก แต่หากใครชอบเรื่องราวเหล่านี้แวะเข้าไปชมกันได้ไม่เสียหาย เข้าชมฟรีครับ สามารถช่วยเหลือเป็นค่าบำรุงพิพิธภัณฑ์ หรือเป็นรายได้กับไกด์เยาวชนท้องถิ่นตามสะดวก

ยังอยู่ในอำเภอโพธาราม และอีกชุมชนชาวมอญที่วัดคงคาคาม วัดชื่อแสนจะธรรมดานี้เป็นแหล่งเก็บสมบัติล้ำค่าทางวัฒนธรรมที่ไม่อาจประเมินค่าได้เชียว การเที่ยววัดคงคารามแบ่งเป็นสองส่วนครับ ส่วนแรกคือการชมภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ฝีมือช่างมอญภายในพระอุโบสถ

ว่ากันว่าความสวยงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังให้ดูที่ความอ่อนช้อย ลายเส้น ซึ่งบอกตามตรงว่าผมดูไม่เป็นหรอก รู้เพียงว่าจากสองตาเพ่งมองแล้วเป็นงานวาดเขียนที่สวยมากๆ ถึงแม้หลายส่วนจะลบเลือนและเสียหายตามกาลเวลาก็ตาม

ภาพจิตรกรรมเหล่านี้เล่าพุทธประวัติ ชาดก ความเป็นอยู่ชาวบ้าน เหมือนวัดอื่นทั่วไป แต่ที่นี่มีจุดเด่นชนิดทำให้หลายคนขมวดคิ้วคือมีความ “อีโรติค” แฝงอยู่หลายจุด ซึ่งอาจมาจากอารมณ์ขันของช่าง หรือสะท้อนความคิดของคนในยุคก่อน ตีความกันเอาเองแล้วกัน

ภายนอกพระอุโบสถกำลังสวย หามุมเก็บภาพสักหน่อย

อีกส่วนคือพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดคงคาราม จัดแสดงวัตถุโบราณ สิ่งของเครื่องใช้ชาวมอญ น่าชมกว่าที่วัดม่วงพอสมควร แต่สำคัญกว่านั้นคือเป็นที่เก็บรักษาคัมภีร์ใบลานภาษามอญอายุหลายร้อยปี มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง รวมทั้งคัมภีร์ใบลานซึ่งเป็นวรรณกรรมหรือนิทานคติคำสอนของพระอาจารย์อะเฟาะภิกษุชาวมอญผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพกวีศรีรามัญอีกด้วย ขอบอกว่ามีไม่กี่คนบนโลกนี้แล้วนะครับที่สามารถอ่านภาษามอญเก่าแก่ในคัมภีร์อย่างแตกฉาน ปัจจุบันกำลังมีการร่วมมือแปลวรรณกรรมของพระอาจารย์อะเฟาะให้เป็นภาษาอังกฤษอยู่

ริมลำน้ำแม่กลองฝั่งขวาในเขตอำเภอบ้านโป่งรอยต่อกับโพธาราม เรามีโอกาสชมจิตรกรรมฝาผนังอีกแห่ง ณ วัดใหญ่นครชุมน์ ไม่ใช่ภาพเก่าแก่โบราณเหมือนวัดคงคารามนะครับ มองปุ๊บก็รู้เลยเพราะช่างเขากำลังขะมักเขม้นเขียนอยู่ตรงนั้นไง แม้ไม่ใช่ของเก่า ทว่าจิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถที่วัดใหญ่นครชุมน์ก็สวยงามมาก

เป็นหนึ่งวันในการเที่ยวชมศิลปะความงามตามวิถีท้องถิ่นที่อิ่มเอมมาก พักสักนิดแล้วพรุ่งนี้ว่ากันใหม่

วันถัดมา ขยับจากอำเภอโพธารามมายังอำเภอบางแพกันบ้าง ผมเคยมาเที่ยวเองหลายครั้ง แนะนำที่เที่ยวเด่นๆ สามแห่งไม่ไกลกันคือ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม สุนทรีแลนด์แดนตุ๊กตา และอุทยานกล้วยไม้ เดอะ บลูม แต่โชคไม่ดีตอนที่เราไปอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามกำลังปิดปรับปรุง เลยอดเข้าชม (อีกครั้ง) อย่างน่าเสียดาย

ไม่เป็นไร สนุกกับที่เที่ยวอื่นดีกว่า ที่แรกคือสุนทรีแลนด์แดนตุ๊กตา สาวๆ ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดครับ รวมครั้งนี้เท่ากับผมมารอบที่สามแล้ว แต่ไม่รู้สึกเบื่อเลยครับ กลับยิ่งมายิ่งชอบเพราะเขาจัดแสดงตุ๊กตาหมีน่ารักไว้เพียบในธีมต่างๆ เยอะมาก ถ่ายรูปสนุกสนานเหลือเกิน ตุ๊กตาไทยฝีมือคนไทยน่ารักไม่แพ้ของเมืองนอก

ครั้งนี้มีพิเศษขึ้นคือมีการทำโซนใหม่ ชื่อว่า “โลกนิทานยามราตรี” โซนนี้ไม่ได้มีเฉพาะตุ๊กตาหมี แต่เน้นไปที่ตุ๊กตาเจ้าหญิง เจ้าชาย นางฟ้า อัศวินในนิทาน แล้วยังมีตุ๊กตาปีศาจในเวอร์ชั่นน่ารัก ดูยังไงก็น่ากระโดดกอดมากกว่ากระโดดหนี ใครพาสาวหรือหวานใจมาเที่ยวถ่ายรูปบอกเลยว่าเตรียมเวลามาเยอะหน่อยนะ

ไปต่อกันครับ มาดูงานศิลปะอีกแนวบ้างที่อุทยานกล้วยไม้ หรือ เดอะ บลูม ออร์คิด ปาร์ค ใครจะเถียงว่าการแต่งสวนไม่ใช่หนึ่งในงานศิลปะ? เดอะ บลูม ร่มรื่นน่าเดินเที่ยวมาก เขาแต่งสวนในรูปแบบสวนป่า พื้นที่กว้างขวาง มีร้านกาแฟ มีฟาร์มแกะน่ารักๆ เด็กๆ คงชอบ

เริ่มต้นจากเพาะพันธุ์ทำสวนกล้วยไม้เพื่อธุรกิจ จนปัจจุบันกลายเป็นสวนกล้วยไม้ใหญ่โตสวยงามอย่างที่เห็น แถมพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงนิเวศ มีการสาธิตการปลูกกล้วยไม้ โรงเรือนสำหรับวิจัย คนรักกล้วยไม้ห้ามพลาดเด็ดขาด

กล้วยไม้สวยๆ ที่นี่มีหมุนเวียนให้ชมตลอดทั้งปี สายพันธุ์ไทย สายพันธุ์เมืองนอก หรือกระทั่งกล้วยไม้ป่า แต่สวยมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฤดูกาลนะครับ เพราะเวลาเขาออกดอกออกช่อไม่เหมือนกัน ผมเดินชมจนทั่วแล้วประทับใจมาก สดชื่น สบายตาสบายใจ แนะนำให้ลองมาเที่ยวกันดูครับ

เย็นวันนี้มีโอกาสขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกที่เขาแก่นจันทร์ ตัวเมืองราชบุรี เลยเก็บภาพมาฝากกันเล็กน้อย

เอาล่ะ วันสุดท้ายกับการเยือนถิ่นเมืองศิลป์ ราชบุรี มาตะลอนในตัวเมืองกัน หลายคนอาจไม่รู้ว่าราชบุรีคือเมืองแห่งสายน้ำจังหวัดหนึ่งเพราะวิถีชีวิตผูกพันกับแม่น้ำแม่กลองมาอย่างยาวนาน เพียงแค่ภาพอาจไม่ชัดเจนเหมือนเพื่อนบ้านอย่างสมุทรสงครามเท่านั้นเอง

ทั้งอำเภอบ้านโป่ง โพธาราม เมืองราชบุรี มีชุมชนเก่าแก่ริมน้ำแม่กลองมากมาย ปัจจุบันในเมืองราชบุรีทำการปรับภูมิทัศน์ตลิ่งริมแม่น้ำให้กลายเป็นที่พักผ่อน มีการเอางานศิลปะ ประติมากรรม เก๋ๆ มาจัดแสดง กระซิบว่าทีเด็ดอยู่ตอนเย็นครับ มีร้านนวดแผนไทยนวดฝ่าเท้าริมแม่น้ำราคาประหยัดให้บริการอยู่ น่าเสียดายที่คราวนี้ไม่ได้มาเที่ยวเองเลยไม่ได้กลับมาใช้บริการ

ริมตลิ่งแม่กลองยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี อาคารสีชมพูหวานแหวว แต่ก่อนเคยเป็นศาลากลางจังหวัด เติมความเก๋ด้วยประติมากรรมเครื่องปั้นดินเผาเคลือบเซรามิคซึ่งเปรียบเสมือนสินค้าสัญลักษณ์ของจังหวัด

ต่อมาขยับไปไม่ใกล้ไม่ไกลที่วัดมหาธาตุ วัดสำคัญประจำเมืองราชบุรี โดดเด่นด้วยประปรางค์สี่ยอดบนฐานเดียวกัน พระปรางค์แบบนี้ชัดเจนว่าเป็นศิลปะขอม แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลขอมขยายไกลมาถึงราชบุรี โดยองค์ปรางค์ประธานดั้งเดิมสร้างตั้งแต่สมัยขอม ส่วนบริวารสามองค์สันนิษฐานว่าสร้างเพิ่มสมัยอยุธยา

มาเยือนวัดมหาธาตุวันนี้ โชคดีสองอย่าง อย่างแรกคือได้เห็นพระอาทิตย์ทรงกลดเหนือพระปรางค์ ส่วนอีกหนึ่งโชคดีคือได้เข้าไปสักการะพระชัยพุทธมหานาค (หลวงพ่อพันปี) และหลวงพ่อทวารวดี สองพระพุทธรูปเก่าแก่ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในพระปรางค์แบบใกล้ชิดกว่าปกติ

ภายในพระวิหาร ก่อนเข้าสู่ประปรางค์เป็นที่ประดิษฐานพระมงคลบุรีและพระศรีนัคร์ แปลกตามากครับเพราะเป็นพระพุทธรูปสององค์หันหลังชนกัน องค์พระเก่าแก่ไม่มีประวัติความเป็นมามากนัก แต่แน่นอนคือสมัยก่อนมีสีดำ เพิ่งลงรักปิดทองจนสวยงามเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

และพลาดไม่ได้เมื่อมาเยี่ยมชมศิลปะที่ราชบุรี... โอ่งมังกรยังไงล่ะ

เถ้าฮงไถ่ เป็นโรงงานทำเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิคซึ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของราชบุรี นักท่องเที่ยวชอบแวะมาถ่ายรูปในสวนหย่อมที่ประดับด้วยประติมากรรมเคลือบเซรามิคมากมาย เด่นที่สุดเป็นไฮไลท์ก็คือเจ้าหมายลายจุด (เห็นมากันแล้วที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ) กับเอเลียนสีขาว กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของราชบุรีไปเรียบร้อย

หากอยากพบความพิเศษต้องเดินเข้าไปอีกครับในโรงงานผลิต ชมการปั้นโอ่งมังกร และขั้นตอนการทำเครื่องเคลือบ เครื่องปั้น เห็นกันชัดๆ เต็มสองตากันทีเดียว ที่นี่ยังมีจัดกิจกรรมหรือคลาสเรียนศิลปะถ่ายทอดให้กับเด็กๆ เยาวชน และผู้สนใจทั่วไปด้วยนะ มาเป็นกรุ๊ปเป็นหมู่คณะลองติดต่อเข้าไปได้เลย

และที่สุดท้ายของทริปคือการเดินทางไปยังวัดโขลงสุวรรณคีรี ที่ตั้งของเมืองโบราณบ้านคูบัว และจิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นที่ดีที่สุดของราชบุรีครับ ทั้งนั้นในความหมายของคำว่าพื้นถิ่นนะครับ แต่ก็ยังต้องยอมรับว่าเรื่องความน่าสนใจหรือน่าเที่ยวชมยังค่อนข้างขาดความดึงดูดอยู่พอสมควร

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดขึ้นด้วยความคิดริเริ่มของ ดร.อุดม สมพร ซึ่งต้องการสร้างสถานที่สืบทอดภูมิปัญญา มรดกทางวัฒนธรรมของชาวไท-ยวน ให้แก่ชนรุ่นหลัง ภายในแบ่งจัดแสดงเป็นสองชั้น รวมความรู้และของเก่าแก่มีคุณค่าไว้เพียบ รวมทั้งผ้าจกทอมือ ซึ่งเป็นผลผลิตเอกลักษณ์ของชาวไท-ยวน แห่งบ้านคูบัว

ทั้งหมดนั่นแหละครับคือทริปการเดินทางเที่ยวไปเรียนรู้ไปในเมืองแห่งศิลปะ ราชบุรี เมืองที่จะหันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยความเป็นศิลปะ ทั้งศิลปะของวิถีชีวิต ศิลปะทางศาสนา ศิลปะธรรมชาติ ศิลปะจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ สมกับที่ใครหว่าบอกว่าศิลปะล้วนโอบล้อมรอบตัวเราจริงๆ

----------------------------------------------------------------------------------

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงานเพชรบุรี (เพชรบุรี-ราชบุรี) โทร. 0-3247-1005-6
พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน โทร. 0-3223-3386
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี โทร. 0-3232-1513
จิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว โทร. 0-3271-7165
เดอะ บลูม ออร์คิด ปาร์ค โทร. 08-6111-0084, 08-7111-4436
สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา โทร. 08-2024-2888, 08-2021-7888
เถ้าฮงไถ่ โทร. 0-3233-7574, 0-3232-3630 

----------------------------------------------------------------------------------

อยากคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องท่องเที่ยว สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) หรือชวนเที่ยว ยินดียิ่งนะครับ

www.facebook.com/alifeatraveller

หรือ

alifeatraveller.wordpress.com

----------------------------------------------------------------------------------