ทริปนี้เป็นทริปส่งท้ายปี 2017 หากใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวรับลมหนาวทางภาคเหนือ แต่ไม่อยากเจอคนเยอะเหมือนที่เชียงใหม่ เราแนะนำให้ลองขยับออกมาอีกซักหน่อย ก็จะได้สัมผัสวิถีต่อนยอนสไตล์ในแบบที่คนกรุงอย่างเราใฝ่ฝันถึง และที่นี่ คือ "ลำปาง - ลำพูน" เมืองต้องห้ามพลาด ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง ตามมาชมกันได้เลยครับ
พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี ก่อตั้งโดย นายพนาสิน ธนบดีสกุล ทายาทรุ่นที่ 2 ของนายอี้ (ซิมหยู) แซ่ฉิน ผู้ค้นพบแร่ดินขาว และผู้ก่อตั้งโรงงานเซรามิคแห่งแรกของลำปาง ที่นี่ได้รวบรวมเรื่องราว และตำนาน "ชามไก่แห่งธนบดี" ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเป็นโซนต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นกำเนิดก่อนจะมาเป็นชามไก่ ต้นกำเนิดเซรามิคของเมืองลำปาง และยังมีสาธิตการผลิตชามไก่แบบโบราณ รวมถึงสามารถชมกระบวนการผลิตเซรามิคสมัยใหม่ได้อย่างใกล้ชิด ที่นี่ยังมีเตามังกรโบราณ ที่อดีตเคยมีไว้สำหรับเผาเซรามิคตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม ซึ่งตอนนี้กลายเป็นโบราณสถานสำคัญของที่นี่ไปแล้ว อีกทั้งยังมีชามตราไก่จิ๋วที่หาดูได้ยาก รวมถึงชามตราไก่ที่ยังคงกระบวนการผลิต และเทคนิคการวาดลวดลายแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะการวาดลายด้วยการจับพู่กัน 3 ด้ามพร้อมกันที่นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่นี่เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าชมได้ลองวาดลายชามด้วยตัวเอง และนำกลับไปเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย
ข้อมูลสถานที่ : เปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-อาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์ มีค่าเข้าชมคนละ 50 บาท สามารถเข้าขมได้ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. โดยจะมีรอบนำชมแบ่งเป็นรอบ ๆ สามารถสามารถข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 054 351 099 ต่อ 103
บ้านศาลาบัวบก เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่นี่มีเซรามิคเป็นหัวใจสำคัญ แต่ที่พิเศษคือการนำเซรามิคมาประยุกต์ใช้ให้หลากหลาย เน้นเอาใจคนรักสุขภาพ คนที่ชอบการบำบัด หรือนวดผ่อนคลาย เช่น การทำสปาเท้าด้วยเซรามิค โดยที่นี่จะใช้เซรามิคปั้นเป็นเม็ดขนาดเท่าลูกชิ้น แล้วนำมาใส่ในอ่างดิน เติมน้ำต้มสมุนไพรนานาชนิดลงไป ขณะที่เราแช่เท้าในน้ำอุ่น ๆ ที่หอมสมุนไพร เราสามารถผ่อนคลายได้อีกด้วยการนวดเท้าของเราวนไปกับลูกเซรามิค รับรองว่าแช่กันเพลินรู้ตัวอีกทีน้ำก็เย็นซะแล้ว ส่วนใครเป็นสายนวดแผนไทย ที่นี่ก็มีบริการนวดคลายเส้นโดยใช้เซรามิคมาช่วยประคบเพิ่มความผ่อนคลาย นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมมอื่น ๆ ให้เราได้ทำ เช่น การปั้นเซรามิค การทำน้ำคลอโรฟีลด้วยตัวเอง ตั้งแต่ขึ้นตอนการหั่น คั้น กรอง และลองชิม หรือใครอยากหัดทำลายผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติก็มีให้ทอลองฝีมือโชว์ไอเดียกันเต็มที่ เรียกได้ว่ามาที่เดียว มีกิจกรรมเพื่อสุขภาพให้ทำมากมาย แถมยังผ่อนคลาย หายเหนื่อยจากการเดินทางอีกด้วย
ข้อมูลสถานที่ : หากต้องการเข้าไปเยี่ยมชม และทำกิจกรรมในชุมชน สามารถติดต่อล่วงหน้าได้ที่ ผู้ใหญ่บ้านสายหยุด กันทะเสน เบอร์โทร 095 451 3991
หากใครอยากมาสัมผัสวิถีการกินแบบต่อนยอนสไตล์ต้องลองมาที่ ถนนสายวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนถนนวังเหนือ เข้าทางวัดประตูต้นผึ้ง หรือเข้าทางสะพานรัษฎาภิเศก ซึ่งเป็นแนวกำแพงเมืองเดิม โดยทางเทศบาลนครลำปางได้จัดเป็นถนนคนเดินในทุกเย็นวันศุกร์ ที่นี่เราจะได้ลองทานอาหารเหนือ หรือของว่างแบบคนเมืองแบบนั่งยองบนเก้าอี้เล็ก ๆ นั่งกินไป คุยกับคุณลุง คุณป้าเจ้าของร้านไปเพลิน ๆ รู้ตัวอีกที ชามที่เรียงต่อ ๆ กัน ก็สูงขึ้นมาเป็นคืบแล้ว นอกจากอาหารที่มีให้เลือกมากมายแล้ว ยังมีเสื้อผ้า ของใช้แบบล้านนาที่กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อยากลองแต่งตัวเป็นสาวชาวเหนือเดินเล่นถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันดูซักครั้ง พอฟ้าเริ่มมืด บริเวณช่วงกลางของถนนคนเดินจะมีเวทีการแสดงที่จะมีน้อง ๆ จากโรงเรียนต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำการแสดงให้ผู้มาเยือนถนนคนเดินแห่งนี้ได้ชม เรียกได้ว่าทั้งเดินเพลิน กินเพลิน และชมเพลิน ครบเครื่องในที่เดียว แนะนำให้มาครับ
เจดีย์พุทธคยาจำลอง ณ วัดจองคำ พระอารามหลวง นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนลำปาง เมื่อหนึ่งในสี่สังเวชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ถูกยกมาสร้างที่วัดจองคำพระอารามหลวง อำเภองาว จังหวัดลำปาง โดยพุทธคยาองค์นี้ถูกจำลองด้วยขนาดเท่าองค์จริงประเทศอินเดีย สร้างเพื่อรำลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และให้ชาวพุทธในประเทศไทยเข้ามาสักการะเพื่อเป็นศิริมงคล พระมหาเจดีย์พุทธคยา ก่อสร้างด้วยหินทรายสีนํ้าตาลนวล มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยอดแหลมคล้ายยอดพระเจดีย์ทั่วไป มีความสูงประมาณ 53 เมตร ส่วนด้านในเองก็งดงามไม่แพ้ภายนอกเลย น่าเสียดายที่เราไปในครั้งนี้ในส่วนของวัดจองคำ พระรามอารามหลวง มีการปิดปรับปรุงซ่อมแซมวิหารไม้เก่าแก่อยู่ในขณะนี้
ข้อมูลสถานที่ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 18.00 น. และกรุณาแต่งตัวสุภาพ
หล่มภูเขียว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่คล้ายปล่องภูเขาไฟ สันนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัวของผิวดิน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักกันในชื่อ "หลุมยุบ" โดยรอบของหล่มภูเขียวมีลักษณะเป็นป่าดิบแล้ง รายล้อมไปด้วยหน้าผาที่เกิดจากภูเขาหินปูน ที่นี่เงียบสงบเป็นอย่างมาก และยังมีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนไฮไลต์ของที่นี่ก็คือภายในหลุมหรือแอ่ง ซึ่งจะมีแหล่งน้ำที่มีความใส นิ่ง และลึกมากจนไม่สามารถระบุได้ สามารถมองเห็นพื้นน้ำเป็นสีฟ้าไปจนถึงสีเขียวมรกตงดงามสมชื่อ แถมยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลายชนิด และขอบอกว่าแต่ละตัวไม่ใช่เล็ก ๆ เลยครับ ที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดอันซีนที่น่าแวะไปชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติที่แอบซ่อนอยู่กลางป่าเป็นอย่างมาก
ข้อมูลสถานที่ : เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ห้ามลงเล่นน้ำ และห้ามให้อาหารปลา และไม่นำปลามาปล่อย และสำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท โทร. 083 203 7330 และ 054 220 364
