ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
หยุดกายพักใจไว้ที่....ลำปาง "เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา" จังหวัดลำปาง (Lamphang Province) จ.ลำปาง
    • โพสต์-1
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    หยุดกายพักใจไว้ที่....ลำปาง "เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา"

    ไป...ไปเต๊อะไปแอ่ว ไปเต๊อะไปแอ่ว...ฟังจบปุ๊บ คิดทันทีว่าจะไปไหนดีในช่วงฤดูหนาวนี้ ใจก็อยากไปแอ่วเชียงใหม่แต่ติดที่ไปบ่อย และคนน่าจะเยอะ จึงตัดสินใจไปจังหวัดน้องของเชียงใหม่แทนก็ได้ นั่นคือ "จังหวัดลำปาง" ลำปางทริป 3 วัน 2 คืน จึงเริ่มต้นขึ้น

    DAY 1 บ้านเสานัก วัดพระธาตุลำปางหลวง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตลาดกองต้า

    เราออกเดินทางกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ามืดเพื่อให้ไปถึงลำปางช่วงเช้าอยู่จะได้ไม่เสียวันเที่ยวมากนัก พอลงเครื่องก็มุ่งหน้าตรงไปที่สถานีรถไฟนครลำปางกันก่อนเลย ตั้งใจจะฝากท้องไว้ที่ก๋วยจั๊บเจ้าเด็ดครบเครื่องเลื่องชื่อของที่นี่ ร้านนี้ไม่มีสาขานะครับ พออิ่มก็เดินทางต่อ จริง ๆ แล้วเมืองลำปางนี่เป็นเมืองที่เงียบสงบดูสโลวไลฟ์ดีนะ มองเพลิน ๆ ก็ไปสะดุดตาที่เจ้ารถม้าริมถนนที่จอดรอนักท่องเที่ยวอยู่ มาเที่ยวเมืองรถม้าก็ต้องลองนั่งซักหน่อย รถม้าที่จอดอยู่แต่ละจุดเราสามารถเลือกเส้นทางได้ตามใจเรา จะนั่ง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงก็ได้ แต่ละเส้นทางก็จะมีจุดแวะให้เราลงไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศในเมือง อย่างเส้นทางที่เราเลือกนี้ก็จะผ่านทั้งบ้านเสานัก และวัดพระธาตุลำปางหลวง ส่วนใครรู้สึกว่ารถม้ามันช้าไม่ทันใจ เมืองลำปางก็ยังมีรถเหลือง หรือรถสองแถวไว้บริการด้วย จะเหมาทั้งลำ หรือไปตามรอบก็ได้ทั้งนั้น

    จุดแวะแรกของรถม้าที่เรานั่ง คือ บ้านเสานัก ภาษาเหนือ แปลว่า “บ้านเสามาก” เพราะว่าเป็นบ้านเรือนไม้สักที่มีเสาจำนวนมากถึง 116 ต้น มีลักษณะการก่อสร้างเป็นแบบศิลปะพม่าผสมล้านนา เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น  และด้วยลักษณะที่โดดเด่นของบ้านเสานักจึงมีนิตยสารจากทั้งไทย และต่างประเทศเข้ามานำข้อมูลไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้ แต่ที่นี่ไม่มีผู้อาศัยอยู่แล้ว จึงเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวมาชมความงามที่ยังหลงเหลืออยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน ในบ้านเสานักนี้มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ เช่น แหย่งช้างของเจ้าหลวงลำปาง หีบโบราณ เครื่องอัดกลีบผ้าม่วง กำปั่นเหล็ก เครื่องเขิน เครื่องเงิน ที่ผนังติดภาพเจ้าดารารัศมี และภาพของเจ้าของบ้านรุ่นแรก ๆ ทำให้เวลาเดินคนเดียวก็มีขนลุกบ้างบางจังหวะ

    ถัดจากบ้านเสานัก เราก็มาแวะไหว้พระต่อที่ "วัดพระธาตุลำปางหลวง" สถานที่แห่งนี้ถือเป็นมนต์เสน่ห์ของลำปางขนานแท้เลยก็ว่าได้  เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ และเป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย อีกทั้ง พระธาตุลำปางหลวง ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู ที่นี่มีความสวยงาม และอลังการด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในแนวกำแพงใหญ่ ส่วนบันไดด้านหน้าเป็นนาคสองชั้น หัวนาคชั้นแรกเป็นมังกรคล้ายนาคตามคตินิยมทางเหนือ สำหรับสุกภาพสตรีที่ต้องการเข้าชมวัดนี้ไม่ควรนุ่งขาสั้นนะครับ แต่ถ้าเผลอนุ่งมาทางวัดก็มีผ้าถุงให้ยืม ขนาดลายผ้าถุงก็ยังสวยงดงามคงความเป็นสาวเหนือไว้อีกด้วย ในพระธาตุลำปางหลวงแห่งนี้จะประกอบด้วย วิหารหลวง เป็นวิหารประธานของวัด ตั้งอยู่บนแนวเดียวกับประตูโขง และองค์พระธาตุเจดีย์ ภาพเขียนสีโบราณเรื่องชาดก, องค์พระธาตุเจดีย์, วิหารพระพุทธ, วิหารน้ำแต้ม, ซุ้มพระบาท, กุฎิพระแก้ว และ พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปวัตถุจากที่ต่าง ๆ ที่หาชมได้ยาก เช่นสังเค็ด ธรรมาสน์ คานหาบ ตู้พระไตรปิฎก รายละเอียด และรีวิวเพิ่มเติมของ พระธาตุลำปางหลวง สามารถอ่านได้ ที่นี่ ครับ

    ถึงเวลาอำลาน้องม้าไปต่อกันที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย กันบ้าง ที่นี่จะรวบรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับช้างไว้ แถมยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นสถานที่ดูแลช้างต้น หรือช้างสำคัญของพระมหากษัตริย์ถึง 6 ช้างด้วยกัน แต่จู่ ๆ เราจะไปชมเลยไม่ได้นะครับ เพราะช้างของพระมหากษัตริย์ก็ต้องได้รับอนุญาติให้เข้าชมจากกษัตริย์เท่านั้นเราเลยจะชมการแสดงช้าง และอาบน้ำช้างกันครับ (รอบการแสดงช้างที่นี่จะมีอยู่ 3 รอบ รอบแรกเวลา 10:00 น. รอบสอง 11:00 น. และรอบสุดท้าย 13: 30 น. ส่วนการแสดงช้างอาบน้ำจะเริ่มกันตอน 09:45 น. และรอบสองเวลา 13:15 น. ) ที่บึงอาบน้ำช้างนี้ก็จะมีควาญช้างพาช้างของตัวเองมาต้อนรับนักท่องเที่ยว ใครจะให้อาหารช้างก็เชิญได้เลยครับ แอบบอกว่าช้างตัวเด็กจะเน้นข้าวโพดเป็นหลัก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีลานแสดงช้าง การสาธิตทำไม้ด้วยช้าง และโชว์วาดรูปจากช้างศิลปินประจำศูนย์ หรือใครชอบความตื่นเต้นจะลองนั่งช้างดูก็ได้รับรองว่าไม่เหมือนนั่งอยุธยาแน่นอน อันนี้มีพาลงน้ำเข้าป่าของจริงด้วย

    ตามแพลนของเราจุดหมายสุดท้ายของวันนี้คือ กาดกองต้า เหนื่อยกับม้า และช้างมาทั้งวันก็เดินหย่อนน่องพักผ่อนที่ถนนคนเดินของลำปางกันหน่อย แต่ถ้าจะเดินถนนคนเดินที่นี่ต้องมาในวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วง 17.00 – 23.00 น. เท่านั้นนะ ส่วนบ้านเรือสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ก็สามารถมาชมได้ทุกวันตามปกติ กาดกองต้า หรือตลาดจีน เป็นย่านตลาดเก่าตั้งอยู่ขนานกับลำน้ำวัง  มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปี ปัจจุบันได้ตกแต่งบูรณะฟื้นฟูให้อาคารเก่ากลับมามีชีวิตชีวา กลายเป็นถนนสายวัฒนธรรมที่สวยงามมีเอกลักษณ์ หรือถนนคนเดินแห่งเมืองลำปาง มาดูกันเรื่องของขายก็มีแทบทุกอย่าง อีกทั้งยังมีขนมแปลก ๆ ที่หากินได้ยากในปัจจุบัน ทั้งขนมข้าวปั้นโบราณที่หน้าตาเหมือนขนมถ้วยแต่ไม่ใช่ ไข่ป่ามในกระทงใบตอง ลูกชิ้นจัมโบ้ก็มี ส่วนคุณสาว ๆ จะช้อปปิ้งที่นี่ก็มีให้เลือกทั้งผ้ามัดย้อมแบบเมืองเหนือ ชุดวินเทจ ผ้าทอ ผ้าพื้นเมือง เดินเพลินได้ทั้งคืนเลยรับรอง

    • โพสต์-2
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    DAY 2 วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง - อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน

    เช้าวันใหม่หลังจากได้เต็มอิ่มจากการพักผ่อน เราก็ตื่นกันแต่เช้ามืด วันนี้เราตั้งใจขึ้นไปชมความงามแบบ 360 องศาที่ วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง หรือ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ นี่เอง แต่ถามใครเขาก็บอกว่า "อ๋อ วัดหลวงพี่แจ้ส 4G รึเปล่า" จริง ๆ ก็น่าจะใช่เพราะเค้าก็ถ่ายทำกันที่วัดแห่งนี้นี่แหละ มาพูดถึงไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของที่นี่กัน วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องความงดงามของเจดีย์เล็ก ๆ สีขาวสร้างขึ้นบนภูเขาสูงเสียดฟ้า ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาสูง ซึ่งสร้างจากแรงศรัทธาของมนุษย์ เป็นภาพที่ดึงดูดให้ใครหลายคนอยากเดินทางไป และที่นี่ยังมีรอยพระพุทธบาท ประดิษฐานอยู่ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาว อำเภอแจ้ห่มมาอย่างยาวนาน แต่การเดินทางขึ้นไปชมนั้นอาจไม่ง่ายเท่าไหร่ เพราะต้องออกแรงเดินขึ้นดอยไปสู่ชั้นบนสุด ลัดเลาะขึ้นไปตามภูเขาประมาณ 1 กิโลเมตร โดยทางวัดทำบันไดเหล็กให้เดินขึ้นได้อย่างสะดวก แต่สภาพเส้นทางที่ค่อนข้างชัน ค่อย ๆ เดินไปพักไปก็จะดีที่สุดครับ แล้วก็เดินตอนสว่างง่ายกว่าตอนที่มืดอยู่แน่นอน แต่ขึ้นไปรับรองว่าคุ้มจนลืมเหนื่อยกันเลยทีเดียว

    หลังจากเสียเหงื่อให้การเดินขึ้น-ลงเขาแล้ว เราก็แวะรับประอาหารที่อำเภอแจ้ซ้อนกัน อำเภอนี้พูดแล้วก็นึกถึงบ่อน้ำร้อนกันเลย อาหารขึ้นชื่อโด่งดังของที่นี่ จึงเป็น ยำไข่น้ำแร่ ที่เค้าว่ากันว่าไข่ที่นี่เอาไปต้มในน้ำแร่ที่อุณหภูมิพอเหมาะ ทานแล้วหวานอร่อยละมุนลิ้น นอกจากยำไข่น้ำแร่แล้วที่นี่ยังมีน้ำพริกแมคคาเดเมีย ส้มตำมะละกอทอดกรอบ ผัดผักกูด ไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

    ระหว่างทานมื้อนี้ก็ได้พุดคุยกับเจ้าของร้านไปด้วย เค้าก็เล่าถึงที่มาของไข่น้ำแร่ที่เราทาน จนเราต้องตัดสินใจว่าบ่ายนี้ยังไงก็ต้องไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนให้ได้ อีกอย่างก็อยู่ไม่ไกลกันพอดี อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับความนิยมสูง อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่ดำเนินงานตามแนวพระราชดำรัสในการใช้พลังงานน้ำธรรมชาติ มาประยุกต์การดำเนินงานอย่างสอดคล้องเป็นประโยชน์ แนะนำเลยว่าควรมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางไอระเหยจากน้ำร้อน รับรองว่าจะเป็นภาพที่สวยงามตราตรึงใจไปอีกนาน แต่ถ้ามาช่วงบ่าย-เย็นก็รอชมพระอาทิตย์ตกได้เหมือนกัน ฤดูที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและมีอากาศเย็นสบาย คือช่วงเดือน พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ นอกจากบ่อน้ำร้อนแล้ว ที่นี่ก็มีน้ำตกแจ้ซ้อน และเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เดินชม ถ้าเดินจนเมื่อยก็มีบริการนวดแผนไทยจากกลุ่มแม่บ้านแถวนั้น พอหายเมื่อยก็ไปแช่น้ำร้อนต่อได้มีทั้งแบบแช่เท้า  หรือจะแช่ทั้งตัวในห้องส่วนตัวก็ดี

    ที่พักคืนนี้ของเราเป็นแบบกึ่งโฮมสเตย์นิด ๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ชื่อว่า "โอโซนการ์เด้นท์" จะเน้นเรื่องสมุนไพรดูแลผิวหน้า และผิวกาย แถมยังมีบริการนวดแผนไทยถึงหน้าห้องพัก มื้อเย็นวันนี้ทางที่พักก็จัดขันโตกแบบฉบับชาวเหนือให้เราทาน ฟินก่อนเข้านอนกันเลยทีเดียว

    • โพสต์-3
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    DAY 3 หล่มภูเขียว - น้ำตกแม่เก้ - น้ำตกเกาฟุ

    ไม่รู้ใครเป็นเหมือนเราไหม ที่พอถึงวันสุดท้ายของการเดินทางแล้วรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก แต่เราจะมามัวใจหายให้เสียเวลาเที่ยวไม่ได้ เพราะดูจากแพลนวันนี้แล้ว เห็นทีต้องมีลุยกันหน่อย เส้นทางในวันที่สามเหมือนได้ท่องเที่ยวในสถานที่ลึกลับของลำปาง เรามั่นใจว่ายังไม่ค่อยมีใครรู้จักแน่นอน เริ่มจาก หล่มภูเขียว เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท  สันนิษฐานว่าแอ่งแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกในสมัยดึกดำบรรพ์ หรืออาจเกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน ล้วจมลงใต้น้ำ เรียกว่าหลุมยุบ ต่อมาจึงกลายเป็นแหล่งรับน้ำ และมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีเรื่องเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่าสมัยก่อนชาวบ้านจะนำขันข้าวพร้อมดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา โดยนำไปวางบนขอนไม้ และลอยไปกลางลำน้ำเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบึงน้ำ และได้เกิดปรากฏการณ์ขอนไม้จมลงไปใต้น้ำแล้วลอยขึ้นมาโดยที่เทียนยังไม่ดับ จึงเกิดความเชื่อว่าแหล่งน้ำนี้เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ บางคนก็บอกว่ามีพญานาคอยู่ใต้ผืนน้ำ เรียกได้ว่ามีหลากหลายความเชื่อมาก สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาชมความงามอันลึกลับของหล่มภูเขียว มีข้อแนะนำ และข้อห้ามก็คือ ควรให้ความเคารพสถานที่ ไม่ทิ้งขยะ ไม่จับปลา และไม่นำปลามาปล่อย ไม่ให้อาหารปลาเนื่องจากจะทำให้น้ำเน่าเสีย ไม่นำเท้าลงไปแช่ในน้ำ ไม่ลงเล่นน้ำ และไม่ทำลายป่า

    แล้วถ้ายังรู้สึกว่าอันซีนไม่สุดต้องนี่เลย น้ำตกแม่เก้ น้ำตกเกาฟุ สองน้ำตกนี้อยู่ห่างกันไม่มาก แต่การเดินทางไปนี่สิ่นานมาก เราต้องนั่งรถกระบะสองแถวไต่ไล่ตามเนินเขา ด้วยความที่เป็นถนนลูกรังดินแดงขรุขระตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมง อันนี้ยอมรับเลยครับว่าไปยากจริงๆ แต่ก็ยังอยากแนะนำให้ไปสักครั้ง ในส่วนของน้ำตกแม่เก้ เป็นน้ำตกหินปูนที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของอำเภองาว สูงประมาณ 10 เมตร และยังมีชั้นเล็ก ๆ อีก 6 - 7 ชั้น มีความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศน์อยู่มาก

    ส่วนน้ำตกเกาฟุนั้น อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกแม่แก้ เป็นน้ำตกที่สวยงามที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์ และป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ ชื่อของน้ำตกเกาฟุ ก็มาจากคนที่ค้นพบน้ำตกเป็นคนแรกซึ่่งเป็นชาวไทภูเขานั่นเอง

    ปิดท้ายทริปด้วยข้าวซอย อาหารพื้นเมืองประจำลำปางกันหน่อย มาเมืองเหนือทีไรโหยหาข้าวซอยตันตำรับทุกที และร้านนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ครับ ใครมีแพลนว่าง 3 วัน 2 คืน บ้างอย่าลืมเอาลำปางไว้เป็นตัวเลือกของทุกคนด้วยนะ เที่ยวครบเครื่องจริง ๆ ครับทริปนี้ และเราก็ไม่อยากให้ลำปางเป็นแค่ทางผ่านไปเชียงใหม่อีกต่อไป

    • โพสต์-4
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 03 , 2560

    ข้อมูลทั่วไป

    บ้านเสานัก

    ที่ตั้ง : 86 ถนนราษฎร์วัฒนา ตำบลท่าอะโม จังหวัดลำปาง

    GPS : 18.294390, 99.508026

    เบอร์ติดต่อ : 054-227-653

    เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน 10:00 - 17:00

    ค่าเข้าชม : คนไทย 30 บาท (พร้อมเครื่องดื่ม) พระภิกษุ เด็ก นักเรียน นักศึกษา เข้าชมฟรี

    กิจกรรม : เที่ยวชมและศึกษาวิถีชีวิตชาวลำปางในอดีต ภาพประวัติศาสตร์บ้านเสานัก มีจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ เช่น แหย่งช้างของเจ้าหลวงลำปาง หีบโบราณ เครื่องอัดกลีบผ้าม่วง กำปั่นเหล็ก เครื่องเขิน เครื่องเงิน ที่ผนังติดภาพเจ้าดารารัศมี และภาพของเจ้าของบ้านรุ่นแรก

    ----------------------------------------------------

    วัดพระธาตุลำปางหลวง

    ที่ตั้ง : ถนนลำปาง-เกาะคา ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 52130

    GPS : 18.217300, 99.389667

    เวลาเปิดปิด : 7.30-17.00 น.

    ช่องทางติดต่อ : 054 281 359

    กิจกรรม : เที่ยวชมวัดเก่าแก่คู่เมืองลำปาง/ ไหว้พระธาตูประจำปีฉลู

    ----------------------------------------------------

    ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

    ที่อยู่ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย กม. 28-29 ถนน ลำปาง-เชียงใหม่ ตำบล เวียงตาล อำเภอห้างฉัตร จังหวัด ลำปาง 52190

    GPS : 18.361248, 99.247235
    เบอร์โทร : 054-82-9333

    เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน 

    ค่าเข้าชม  : ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 150 บาท

    การแสดงช้าง : มี 3 รอบ เวลา 10.00 น. 11.00 น. และ 13.30 น.

    ช่วงเวลาแนะนำ : ควรไปเที่ยวชมตามตารางเวลาที่มีการแสดงช้าง เพราะแต่ละวันรอบการแสดงไม่ตรงกัน

    ไฮไลต์ : ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของช้างที่ผสมผสานกับคนได้อย่างลงตัวตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

    กิจกรรม : นั่งช้างชมธรรมชาติ , ชมการแสดงความสามารถพิเศษต่าๆงของช้าง , เรียนรู้การเป็นควาญช้างและการฝึกควบคุมช้างเบื้องต้น


    ----------------------------------------------------

    วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง

    ที่อยู่ :  หมู่ที่ 7 บ้านทุ่งทอง ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง 

    GPS : 18.842184 , 99.543375999

    เบอร์ติดต่อ : 0 5327 6140-2 

    ราคารถสองแถว : ค่าบริการ 600บาท/คัน นั่งได้ 10คน หรือคนละ 60บาท

    ช่วงเวลาแนะนำ : ควรไปชมความงามของเจดีย์ท่ามกลางหมอกในช่วงเช้าตรู่ของวัน ฤดูที่ควรเที่ยวควรเป็นช่วงเดือน ตุลาคม- มีนาคม

    ไฮไลต์ : ชมงดงามของเจดีย์เล็กๆสีขาวสร้างขึ้นบนภูเขาสูงเสียดฟ้า ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาสูง ซึ่งสร้างจากแรงศรัทธาของมนุษย์

    กิจกรรม : กราบไหว้พระพุทธรูปประดิษฐานด้านบนเขา , ชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางหมอก , ชมรอยพระพุทธบาทจำลองและพระพุุทธบาทที่อยู่ในหิน

    ----------------------------------------------------

    อุทยานแห่ชาติแจ้ซ้อน

    ที่อยู่ :  อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ต.แจ้ซ้อน อ. เมืองปาน จ. ลำปาง 52240

    GPS : 18.836330, 99.469360

    เบอร์ติดต่อ : 0 5438 0000, 08 9851 3355

    ราคาที่พัก : อัตราค่าบริการอยู่ระหว่าง 250-800 บาท ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาดของเต็นท์ และอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ

    ช่วงเวลาแนะนำ : สามารถเที่ยวได้ตลอดปี แต่ในฤดูหนาวธรรมชาติจะสวยงามที่สุด

    ไฮไลต์ : ดูพระอาทิตย์ท่ามกลางไอความร้อนจากบ่อน้ำร้อนที่สวยงาม และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเหมาะกับทุกคนในครอบครัว

    กิจกรรม : อาบน้ำแร่ที่ห้องอาบน้ำกลางธรรมชาติ , แช่ไข่ต้มจากน้ำแร่ธรรมชาติ ,เดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติและน้ำตกแจ้ซ้อน


    ----------------------------------------------------

    อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท

    ที่ตั้ง : หมู่ 3 ต.บ้านหวด อ.งาว จ.ลำปาง 52110

    GPS : 18.605253, 99.897811

    เวลาเปิดปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน   

    ช่องทางติดต่อ : 08 99523829 

    กิจกรรม : เที่ยวชมถ้ำผาไท หล่มภูเขียว น้ำตกแม้เก้ น้ำตกเกาฟุทั้ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามถือเป็น อันซีนเมืองลำปาง