ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    Ajung •  กุมภาพันธ์ 24 , 2559

    เสาร์ 20 ก.พ. 59 หนีความวุ่นวาย และมานอนทิ้งกายที่เกาะเทโพ

     

     

    เมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก

    มรดกโลกห้วยขาแห้ง แหล่งต้นน้ำกระแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ

     

    นี่คือคำขวัญของเมืองที่เราจะไปในทริปนี้ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวสามวันติดกัน เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ (มาฆบูชา) จึงไม่รอช้ารีบหาข้อมูลและจับจองที่พัก ทริปนี้ตัดสินใจไปอุทัยฯ เพราะแปะไว้นานแล้ว ไม่ไกลด้วย แต่สิ่งนึงที่เตรียมใจไว้ล่วงหน้าคือคนต้องเยอะแน่ๆ ก็หน้าเทศกาลนิ ที่ไหนได้พอไปถึง รถยนต์บนท้องถนนนับคันได้เลย มันโล่งซะจนคิดว่าผู้คนหายไปไหนกันหมด ใช่เลย...นี่คือเมืองที่ตามหามานาน

     

    ทริปนี้ไปกันสี่คน ขับรถไปกัน นัดรวมตัวกันที่บิ๊กซีวงศ์สว่าง เวลาประมาณ 6.30 น. เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ไปค่ะ

     

    เราไปเส้นทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเชียนี่แหละ ผ่านอยุธยาก่อนเลย เราขอถือโอกาสแวะพระราชวังบางปะอินเป็นด่านแรก

    ค่าจอดรถ 20 บาท ค่าเข้าชมคนละ 30 บาท วันนี้คนเขียนรีวิวนุ่งกางเกงยีนมีรอยปรุรูเท่ามดรอด ทางเจ้าหน้าที่เรียกให้ไปใส่ผ้าถุงสวมทับ ตอนแรกก็ขัดขืนอิดออดเล็กน้อยแต่ใส่ก็ใส่ ผ้าถุงสวยดีนะ 555 จ่ายมัดจำไป 200 แล้วเข้าวัง

    สวยดีนะ เช้าๆ คนยังไม่เยอะ พอสายเท่านั้นล่ะ ทัวร์มาลงเต็มเลย

    หมาอุทัยนี้รักสงบ

     

    เมื่อได้เวลาออกจากวังช่วงสายๆ เราขับรถผ่านอ่างทอง สิงห์บุรี เข้าสู่เมืองชัยนาท ที่นี่เราได้แวะปักหมุดที่บึงกระจับใหญ่

    ที่นี่จุดเด่นคือแพลูกบวบ สะพานไม้ไผ่แพลูกบวบ ที่ทอดผ่านบึงกระจับใหญ่ อ.หันคา จ.ชัยนาท มุ่งหน้าเข้าสู่เกาะเมืองท้าวอู่ทางที่อยู่กลางบึง นับเป็นเส้นทาง unseen ที่ยังมีระบบนิเวศน์ที่อุดมสมบูรณ์ และบนเกาะมีบ้านเรือนอาศัยอยู่เพียง 2-3 ครอบครัวเท่านั้น

    เดินทางมาถึงบนเกาะ ดูแล้วยังมีการพัฒนากันอีกเยอะ

    ที่นี่แดดร้อนจัดมาก พวกเราอยู่ได้ไม่นานก็ขึ้นรถมุ่งหน้าต่อไป โดยแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 333 หลังจากนั้นข้ามสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง นั่นหมายความว่าเราเข้าสู่เกาะเทโพแล้วนั่นเอง ที่พักที่จองไว้คืนนี้คือพญาไม้รีสอร์ท เป็นเรือนแพที่เคยถ่ายละครเรื่อง "เรือนแพ" ที่กันย์กับโตโน่เดอะสตาร์แสดงนำมาก่อน ถ้าเป็นวันหยุดอย่างนี้ราคาอยู่ที่ 2,600 บาทต่อคืนพร้อมอาหารเช้า เรือนนี้นอนได้สี่คนพอดีเลยค่ะ

    เรือนนี้กว้างใช้ได้เลย น่าอยู่ มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น ห้องส้วมกับห้องน้ำแยกกัน

    นี่เป็นระเบียงด้านนอก กว้างขวางมากมาย พวกเราสามารถเล่นโยคะตรงบริเวณนี้ได้อย่างสบาย ส่วนวิวไม่ต้องพูดถึง ฟินเว่อๆ สิ่งที่เห็นคือวิถีชีวิตของชาวเรือนแพที่ยังหลงเหลืออยู่ประมาณ 200 หลังคาเรือน ทุกแพมีบ้านเลขที่ด้วยนะเออ

    เรามาถึงเกาะเทโพประมาณบ่ายสอง เรานอนเลื้อยในเรือนแพสักพักจนกระทั่งเย็นๆ ก็ออกมาตลาดในตัวเมือง จากรีสอร์ทมาไม่ไกลนัก สามารถเดินได้ เดินเลี้ยวซ้ายจากรีสอร์ทจะเจอสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง ข้ามไปก็เป็นตลาด มีของกินมากมาย โดยเฉพาะวันนี้วันเสาร์ มีถนนคนเดินตรงตรอกโรงยาด้วยค่ะ

    ตรอกโรงยา ถนนคนเดินเก่าแก่ริมแม่น้ำสะแกกรังแห่งเมืองอุทัยธานี สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นแหล่งชุมชนที่เข้ามาสูบฝิ่นเป็นจำนวนมากซึ่งมีกฎหมายรับรองอยู่ และที่นี่ยังเคยเป็นแหล่งค้าขายของชาวจีนอพยพที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ปัจจุบันถนนคนเดินแห่งนี้ก็ยังคงมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นที่พวกเราสามารถไปสัมผัสกันได้ ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่สี่โมงเย็นถึงสองทุ่มครึ่ง

    มานี่เจอแต่หมา แมวซักตัวไม่เห็นเลย

    นี่คือสะพานข้ามระหว่างตลาดและเกาะเทโพ รถยนต์ผ่านไม่ได้นะ ได้แต่คน จักรยาน และมอเตอร์ไซค์เท่านั้น

    ถ้ายืนบนสะพานและมองไปทางฝั่งเกาะเทโพ เราจะเห็นวัดโบสถ์ หรือวัดอุโปสถาราม

    มองเห็นแม่น้ำสะแกกรัง ที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนเรือนแพมาเป็นเวลาช้านาน

    วัดโบสถ์ เดิมชือวัดโบสถ์มโนรมย์ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่จิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพเขียนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภาพจิตรกรรมเล่าถึงพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน

    “มณฑปแปดเหลี่ยม” เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสูงสองชั้น

    จุดสนใจอีกหนึ่งจุดคือเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นเจดีย์สามสมัย มีรูปแบบที่แตกต่างกัน เป็นศิลปะแบบอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น

    เดินเล่นจนใกล้ค่ำ พวกเราก็กลับไปพักผ่อนกันที่รีสอร์ท และแล้วก็หมดไปหนึ่งวันอย่างรวดเร็ว 

     

    เ ว ล า ที่ เ ดิ น เ ร็ ว บ น เ ก า ะ แ ห่ ง นี้ ที่ วิ ถี ชี วิ ต ยั ง ค ง เ ดิ น ไ ป อ ย่ า ง ช้ า ช้ า

    • โพสต์-2
    Ajung •  กุมภาพันธ์ 24 , 2559

    วันที่สองแล้ว วันนี้ชิวๆ (อาทิตย์ 21 ก.พ. 59)

     

    ตื่นแต่เช้า ออกมาชมบรรยากาศ เช้าๆ อากาศดีมาก เย็นๆ มีลมอ่อนๆ ปลิวมาปะทะร่างกาย ทำให้รู้สึกว่าอยากจะทิ้งตัวอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน ทริปนี้จะว่าไปก็เหมือนมาลองเชิงดูก่อน สิ่งนึงที่ผุดขึ้นในสมองคือ..ไม่ใช่ครั้งเดียวแน่ๆ สำหรับที่แห่งนี้

    ที่รีสอร์ทมีบริการล่องเรือฟรี และ 7.30 น. นี่เป็นรอบแรกของวัน เรามาล่องเรือชมวิถีชาวเรือนแพกันค่ะ ไป

    ชาวเรือนแพที่นี่ชอบโชว์ของ เรือนแพที่อาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคน

    ปัจจุบันเรือนแพเหลือแค่กว่า 200 หลัง ทุกแพมีบ้านเลขที่ และทางการไม่อนุญาติให้สร้างเพิ่มอีกแล้ว

    ชาวบ้านดำรงชีวิตด้วยการปลูกเตยและทำการประมงเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงปลาในกระชัง ไม่ว่าจะเป็นปลาสวาย ปลาแรด ปลาเทโพ โดยเฉพาะปลาแรดที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเนื้อปลาที่หวาน อร่อย ไม่มีกลิ่นโคลนเหมือนกับปลาแรดที่อื่นๆ เรียกได้ว่า ปลาแรด ถือเป็นปลาประจำจังหวัดอุทัยธานีกันเลยทีเดียว

    คุ้นๆ นะ เรือนนี้ ก็เรือนแพที่พวกเราพักไง

    ล่องเรือได้ประมาณเกือบชั่วโมง ก็ได้เวลามื้อเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ เป็นบุฟเฟ่ค่ะ

    หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว สถานีแรกของวันนี้ เราจะไปกันที่วัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม

    เรารีบมุ่งหน้าไปที่มหาวิหารแก้ว 100 เมตรกันก่อน เพราะที่นี่ให้เข้าชมได้ในเวลาจำกัด คือระหว่าง 9.00-11.30 และไปช่วงบ่ายเลยคือ 14.00-16.00 ส่วนช่วงเวลาอื่นทางวัดให้เฉพาะคนที่เข้ามาเจริญพระกรรมฐานเท่านั้น ส่วนพวกเรามาได้ทันช่วงเช้า ซึ่งยังพอมีเวลาชื่นชมความสวยงามของที่นี่

    วิหารแก้วเป็นตึกสองชั้น ด้านนอกและด้านในปิดกระจกจากชั้นสองถึงยอดหลังคา ภายในปิดกระจกเสาทุกต้น และจุดเด่นที่เห็นแล้วต้องตะลึงคือพระประธานรูปทรงแบบพระพุทธชินราช ซึ่งงดงามจับใจยิ่งนัก

    ออกจากวิหารแก้วก็มาต่อที่ปราสาททองคำ อันนี้ก็สวยไม่แพ้กัน เวลาเปิดอยู่ที่ 8.00-16.00 น.

    ตอนนี้ประมาณเที่ยงๆ แล้ว อากาศร้อน พวกเราขอแวะพักร่างกันที่ร้านกาแฟน่ารักแห่งนึง "มาหา ณ เธอ"

    สั่งเค้กมากินและนั่งตากแอร์สักพัก พอหายเหนื่อย

    บ่ายกำลังจัดๆ เลย พวกเราก็มุ่งต่อไปที่วัดสังกัสรัตนคีรี ที่อยู่บนยอดเขาสะแกกรัง ซึ่งเราสามารถมองเห็นเมืองอุทัยได้สุดลูกกะตา

    “วัดสังกัสรัตนคีรี” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2443 ตั้งอยู่บนยอดเขาสะแกกรัง การจะมาถึงวัดนี้มีสองทางคือขับรถขึ้นมาหรือจะเดินบันไดขึ้นมาจากข้างล่างก็สามารถทำได้ ไม่เท่าไหร่หรอก แค่ 449 ขั้นเท่านั้น สำหรับคนที่มีแรงศรัทธามากจริงๆ แต่บ่ายแก่และแก่มากเช่นนี้ขอนั่งรถขึ้นมาดีกว่านะ

    เมื่อมาถึงยอดเขาแล้วอย่าพลาดที่จะได้สักการะรอยพระพุทธบาทจำลองซึ่งประดิษฐานอยู่ภายใน “สิริมหามายากุฏาคาร” มณฑปทรงไทยสวยงามที่ตั้งอยู่ตรงสุดปลายบันได ภายในยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ

    อยู่ได้ไม่ค่อยนานนัก ที่เขาเล่าว่าเข้าวัดแล้วร้อนๆ นี่เห็นจะจริง เอาเป็นว่ากลับรีสอร์ทของเราดีกว่า คืนนี้เราพักกันที่เดิม เพียงแต่ย้ายจากเรือนแพมาพักด้านบน ห้องสำหรับสี่คน ราคาอยู่ที่ 1,700 บาท

    พักร่างแป๊บนึง ตอนเย็นพวกเราออกไปปั่นจักรยานรอบเกาะเทโพ แต่ไปได้ไม่กี่กิโลหรอกนะ เพราะถ้ารอบเกาะจริงๆ มันอยู่ที่ 33 กม. ซึ่งกว่าจะครบรอบก็คงมืดค่ำพอดี เลยขี่กันแค่พอขำขำ อีกอย่างสภาพจักรยานของรีสอร์ทก็ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่

    เส้นทางบนเกาะนี้สวยงามและประทับใจมากมาย คนเขียนรีวิวเป็นมนุษย์ที่ชอบทุ่งนาสีเขียวเป็นอย่างยิ่ง พอมาเห็นอะไรแบบนี้ แหม่..กำเดาแทบพุ่งค่ะ

    ปั่นเสร็จพวกเราก็แวะไปตลาด หาของกินกันอีก และก่อนนอนด้วยสตอเบอรี่ตัวอ้วน อมเปรี้ยวนิดๆ ราตรีสวัสดิ์

    • โพสต์-3
    Ajung •  กุมภาพันธ์ 24 , 2559

    วันนี้ต้องกลับบ้านละ อยู่ต่อเลยได้ไหม

    วันนี้ต้องออกเร็วหน่อย เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว คาดว่าวันนี้ต้องรถติดแน่นอน แต่ก่อนไปขอตามล่าตะวันไข่แดงก่อนนะ และสิ่งที่เจอก็แทบทำให้ใจละลายมากๆ

    เพื่อนร่วมทางสี่คนนี้ เป็นสายพันธุ์ที่กินง่าย นอนง่าย ไม่เรื่องมาก คบแล้วสบายใจฝุดๆ พวกเราคือแก๊ง "ลากแตะไปแชะฝัน" ค่ะ

    แวะตลาดเช้าอีก เป็นชีวิตที่แสนธรรมดาแต่กลับไขว่คว้าหามันอยู่เสมอ

    ได้เวลาต้องจากเมืองนี้ไปแล้วสินะ แต่สัญญาว่าจะกลับมาอีก เพราะยังมีหลายที่หลายวิวที่ยังเก็บไม่หมด แม้มาแค่สองคืนแต่มีเรื่องราวมากมายให้จดจำ เรื่องราวหลักๆ ก็ยังแบ่งเป็นข้อย่อยได้อีกหลายๆ ข้อ ความคิดบางอย่างหรือมากมายเกิดขึ้นในแกนสมอง จริงๆ ก็รู้อยู่ว่าเราต้องการอะไร แต่พอมาที่นี่แล้ว ทำให้รู้สึกว่า 

     

    เ ร า ต้ อ ง ก า ร อ ะ ไ ร 

    แ ล ะ ต้ อ ง ก า ร อ ยู่ ที่ ไ ห น

    แ ล้ ว หั ว ใ จ จ ะ พ า ไ ป ที่ นั้ น เ อ ง . . .

     

    แล้วพบกันใหม่ที่เกาะเทโพ เกาะในฝันของใครหลายๆ คน ถ้าใจนี้รักสงบ เกาะนี้ใช่เลย

    ^______^

     

    ติดตามข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่หน้าเพจเฟสบุค > "ลากแตะไปแชะฝัน"

    สวัสดีพี่น้องชาว (อุ) ไทย

     

    • Ajung  อยากไปรออะไรล่ะ ล็อคประตูบ้านแล้วเดินทางโลด 24 กุมภาพันธ์ 2559 17:26:41
    • Khaekhai  อ่านจบแล้วอยากตามรอย ณ บัดดล 24 กุมภาพันธ์ 2559 09:44:45
    • โพสต์-4
    Ajung •  กุมภาพันธ์ 25 , 2559

    งบสำหรับทริปนี้ ไม่แพงเลย

    ทางด่วนเจอสองด่าน 15 บาท กับ 45 บาท

    น้ำมันขาไปเติม 710 บาท

    ค่าจอดรถวังบางปะอิน 20 บาท ตั๋วเข้าวัง 120

    Total 910 หารสี่คน คนละ 228 บาท

    เรือนแพ 2600 บาท คนละ 650

    ที่พักคืนที่สอง 1700 คนละ 425

    น้ำมันขากลับ 300 หารสาม คนละ 100

    แวะร้านกาแฟ มาหา ณ เธอ คนละ 96 บาท

    มื้อเย็นส้มตำ ปลาแรด ทับทิม 513 บาท หารคนละ 128 บาท

    มื้อเย็นข้าวหน้าเป็ด ซุปเยื่อไผ่ คนละ 96 บาท

     

    สรุป หารสี่คนคนละ 1,723 บาทเท่านั้นเอง