1st time.

1st time.จะมีทริปนี้ไม่ได้เลย ถ้า "เราไม่มีกัน"  

แรกเริ่มเลยคิดกันว่าจะไปด้วยกันทั้งกลุ่ม 4 คน ไปสิงคโปร์ไม่ได้ ฮ่องกงไม่ดี กระบี่ไม่โดน ภูเก็ตไม่เอา จนถามว่าแล้วเราจะไปไหนกันดี... ล่มแล้ว ล่มอีก พังแล้ว พังอีก ตั๋วเครื่องบินแบบถูกหมดโปรไป 3 -4 รอบ ก็ยังตกลงกันไม่ได้ สรุปสุดท้าย เหลือผู้รอดชีวิตเพียงแค่ 2 คน ในทริป และสถานที่ ที่เลือกคือเชียงใหม่ จองตั๋วไป จ่ายกัน แพลนกันไป ตั้งแต่เดือน8 แพลนคร่าวๆที่วางกันไว้โอ๊ย!!สนุกสนาน จะไปเชียงรายกลับมาเชียงใหม่ละไปลำปางต่อ ไปภูนั้น ต่อด้วยดอยนี้ ไร่อันนั้นด้วยสิน่าไป เฮฮา กันไป ด้วยอะไรหลายๆอย่างดูเหมือนจะราบรื่น จะดี แต่บางทีก็มักจะมีอะไรไม่แน่นอน ด้วยความที่ว่าเราแพลนกันนาน และยาว เรื่องบางเรื่องมันเกิดขึ้นมาด้วยเหตุสุดวิสัย หวั่นว่ามันจะไม่เป็นจริงจะไม่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้น

 

 

ด้วยสโลแกนของทริปที่ว่า
"เชียงใหม่ เช้า สาย บ่าย ดื่ม ดึก ดื่นก็ยังกิน"เอาละขอเริ่มทริปนี่กันเลยละกัน..

 

วันแรก : 6 ธ.ค.58
เดินทางด้วยเครื่องบิน สายการบินนกยิ้ม ^^  (เพราะเข็ดจากปีที่แล้วที่นั่งรถ เมื่อยมาก ไกลสุดๆ)

ออกจากกรุงเทพ บ่ายกว่า ถึงเชียงใหม่ประมาณ บ่าย3 โมง

ที่พักของวันแรก คือ Snooze Box 


ห้องน่ารัก ตกแต่งดี มีสไตล์  เล็กๆแต่น่าอยู่ ดูทุกอย่างจะครบครัน ทั้งของกิน ดื่ม หรือมึนเมา แต่เราไม่เอาครับ ไปกินข้างนอกกัน ...

 

มื้อแรก ณ เชียงใหม่  ร้าน TheBuffetThe Buffet

ก็ตามชื่อ คือ ร้านบุฟเฟ่ต์ อาหารหลากหลาย เอาว่ะถือว่าล้างท้องรออาหารเมือง กินอะไรที่คุ้นเคยไปก่อน...เสร็จก็กลับที่พักที่เดิม แต่เพิ่มเติมคือความรู้สึกที่ว่า ออกไปกินข้างนอกกันทำไมมม!!!!!!

 

ที่นี่แหละ ครบมาก แต่ไม่เป็นไร เราก็ต่อได้

ด้วยความที่ชอบนั่งชิลกัน อ่ะเราก็สั่งเบียร์มา ส่วนตัวโครตจะดื่มอะไรไม่เป็นเลย แต่ยังดีมีโฮลกาเด้นโรเซ่ อ่ะ มาถึงนี่อากาศเย็นๆแบบนี้จัดไป แรกๆ ดูสั่งกันอย่างมีสติ ไปในทางเดียวกัน ลีโอ และโฮลกาเด้น ไปมา เบียร์ลาวก็มี ซูชิก็มา 55

 

แลเลยเถิด ไปละสมงสมองงง ไปนอนกันดีกว่า... จบกันไป 1 วัน

__________________________________________________

 

วันที่ 2 : 7 ธ.ค.58 
 วันนี้จะเริ่มกันด้วยการไปเที่ยวเส้นทางที่จะไปดอยอินทนนท์ ละนอนที่นั่นเลย แพลนกันไว้ว่า ไหว้พระที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง แล้วแวะน้ำตกแม่ยะ และเข้าที่พัก เป็นแพลน ที่จะดูเรื่อยๆ ไม่มาก แต่ครบถ้วน แต่ก่อนจะไปไหน เรายังคงสโลแกนคือ "กิน"

 

 

ร้านแรกเลยครับ ตามวิถีคนเมือง. 
•ก๋วยเตี๋ยวบ้านคุ้ม & Coffee house •
เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวซอย และกาแฟ
เราก็อ่ะ กินแบบคนเมืองก็ต้องเตี๋ยวยำสิ 555 ไม่ใช่เว้ย ก็ต้องข้าวซอยสิคะ  อร่อยนะ แต่กินได้ไม่เยอะ เลี่ยนกะทิ อ่ะอิ่มกันไปกองทัพเดินได้..

ที่เที่ยวแรกของวัน •วัดพระธาตุศรีจอมทอง•
เริ่มด้วยการทำบุญไหว้พระ เสริมดวงกันไปก่อนเดินทางไกล

 

ฮึกเหิมมาก เพราะได้พระรอดกันมาคนละองค์ เอาว่ะต่อจากนี้ไม่ว่าจะเจออะไร รอดแน่นอน555 ป่ะเข้าสู่สถานี ที่เที่ยวที่2

ที่เที่ยวที่สอง •น้ำตกแม่ยะ•
แลไม่มั่นใจ เลยในส่วนตัว เพราะดูมาจากแผนที่อย่างเดียวว่าเออ ทางผ่านก่อนไปดอย อย่างน้อยแวะที่นี่จะดีนะ อะเราก็เลยคิดว่ามันต้องมีอะไรดีแน่นอน   ณ ตอนนั้นคือ มันจะสวยมั้ยวะ เราไม่ได้พาเพื่อนมาเสียเที่ยวใช่มั้ยวะ พอถึงก็ให้จอดรถและเดินไปอีก 600 เมตร

ช่วงการเดินแรกๆ ก็ยังหวั่นใจนะเฮ้ยมันจะไม่ได้มีแค่นี้ใช่มั้ย แบบธรรมดามาก ......... ไม่นะ!!! (คือหน้าตาแบบก็ยังไม่มั่นใจ 5555)

 

แต่พอถึง 200 เมตรสุดท้ายคือนี่แหละที่คิดไว้ สวยมาก อากาศดีมาก น้ำใส และเย็นชื่นใจ นี่สิความสวยของธรรมชาติ ค่อยโล่งอกหน่อยว่าคิดไม่ผิดที่มาที่นี่...

หน้าระรื่นเลย 5555 .. กำหนดการต่อไปคือ กลับที่พักเพื่อไปจองเต็นท์ที่ดอยชัวร์ญ่าวิวสวย

ขับไปๆๆ ก็ลำบากตามทางขึ้นเขาทั่วไป พูดเลยถ้าไม่คิดว่านี่คือแฟนเพื่อนที่รัก ยังไงๆก็นั่งรถแดงแน่นอน..โค้งแล้วโค้งอีก โค้งจนเลยเถิดที่พักไปไกล จนถึงจุดสูงสุดแดนสยาม..

 

ณ •สูงสุดแดนสยาม•
อากาศคือ ดีงาม 14 องศาเบาๆ 
ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ตอนเด็กๆ เคยได้เสื้อจากน้าอ้วน เป็นเสื้อที่รักมากตัวนึงเพราะมันคือของฝาก จาก "สูงสุดแดนสยาม" เลยคิดไว้ว่าวันนึง กูต้องมาที่นี่ให้ได้ มาดูให้เห็นด้วยตาว่าไอป้ายสูงสุดแดนสยามนี่มันอยู่ที่ไหน  555 และก็ได้มา ถ่ายรูปกับไอป้ายนั้นสักพัก เดินวนๆ ข้างในสักหน่อย ป่ะเราไปกันต่อ หาที่นอนกัน..

 

ป้าย นี้ เลย !!!!!!!!!!!!!!!!!

ลงมา ณ จุดตรวจตรงด่าน ถามว่าที่พักอยู่ไหน เค้าบอกเลยลงไปอีก 8 โล ก็กะกันไปว่า 8 กิโลมัน คือยังไง เพราะตอนนั้น สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยมี เน็ตหรือ GPS ไม่ต้องพูดถึง อ่านป้ายข้างทางด้วยสายตาล้วนๆ ก็นั่งในรถกันไป เปิดหน้าต่างชิลๆ ไม่รู้ด้วยโชค การสังเกตุ(อาการของรถ กลิ่นไหม้) ความหิว หรือทั้งหมดที่พูดมา ทำให้เราหยุดพักรถที่ลานขายของที่นึง มีของฝาก มีร้านอาหาร ที่กางเต็นท์  หยุดปุ้บทุกคนลงจากรถ ถึงรู้ว่ารถฟัน(ควัน)ขึ้น เพราะเบรกทำงานหนัก คุณพระ!! ถ้าฝืนไปต่อไม่รอดแน่ๆ (ก็บอกแล้ว คุณพระรอดช่วย) นาทีนั้นก็ทำได้แค่พักเครื่อง และเดินเล่นแถวๆนั้นเอา  จนเดินไปเจอเบอร์โทรและลานกางเต็นท์กว้างๆ ขอย้ำว่ากว้างมาก แต่ที่กว้างนั้นคือมีเต็นท์กางอยู่ 3 หลัง ด้วยความที่ว่ากลัวว่าจะไม่มีที่นอน เลยไปถามกันเหนียวไว้ก่อน ว่าราคายังไงเท่าไหร่ มีอะไรให้เช่าบ้าง ก็ได้คำตอบที่ใกล้เคียงกันกับที่ๆเราจะไปพัก ก็อ่ะถ้าที่นั่นเต็มเรานอนนี่กันนะ (ถึงแม้มันจะดูหว้าเหว่ เป็นเต็นท์หลังที่4 ในที่กว้างก็ตาม) ม่ะๆ พูดถึงมื้อเด็ดของวันกันดีฟ่า เพราะถ้าเราหวังว่าจะไปกินข้างหน้กลัวจะอดเลยเลือกที่จะหากินจากที่นี่ไป และด้วยความที่เรากินแบบวิถีคนเมืองไปแล้ว ในตอนเช้า และขนมจุกจิกมาตลอดทาง อากาศแบบนี้ สถานที่แบบนี้ สิ่งที่หล่อเลี้ยงไขมันข้าได้ดีที่สุด ก็คือ!!! มาม่าต้มยำกุ้ง 555
กรุ่นมาก นี่แหละคือสิ่งที่ตามหา...

 

ยังไม่หมดแค่นั้น แม่สอนไว้ว่ากินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ เลยหาของแถวนั้นที่คิดว่านี่ละมันคือของหวาน
 ข้าวปุ้ง หรือจะเรียกในแบบอีสาน มันก็คงคือข้าวจี่ นั้นแหละ แต่อันนี้เอาข้าวดำมาทำ และก็ทำด้วยแบบวิถีชาวเขา บลาๆ จนได้มาก็เอามาใส่ในใบตอง ปิ้งบนเตาถ่าน(รถเคลื่อนที่) กินคู่กับนมข้น กินไปก็หอม(ข้าว)หวาน(นม) ครบถ้วนตามสโลแกน อุ่นท้องไปอีกแบบ อร่อยดี^^ ข้ า ว ปุ้ ง !!!

จบมื้อเย็นแบบคลาสสิคกันไป ระหว่างนั้น แฟนเพื่อนที่รัก ก็บอกว่าตอนนี้รถคงเย็นขึ้นแล้ว และก็น่าจะไปต่อได้ ด้วยความห่างจากที่เราอยู่เพียงแค่ 1 กม.  งั้นไปค่ะพี่สุชาติ ..

•ดอยชัวร์ญ่าวิวสวย•
แม่เจ้าเป็น 1 กม. ที่ชันมากก จะชันไปไหน!!!! เบรกรถยังนิ่มๆอยู่เลย (เบรกไม่อยู่) 555 แล้วก็ถึงอย่างปลอดภัย ขอบคุณเพื่อน ขอบคุณแฟนเพื่อน ขอบคุณพระรอดที่ทำให้ รอดมาถึงนี่!! นาทีแรกที่มาถึงนี่ คือความรู้สึกว่า กูพลาดมาก!! พลาดอะไร ? พลาดที่แวะกินข้าวไง บนนี่แม่งมีมากกว่าที่เราคิด ร้านขายของชำ ร้านหมูกระทะ!! โหยไม่อยากจะคิดว่า กินหมูย่างตอน อากาศหนาวๆแบบนี้จะฟินแค่หนายยย T__T เจ็บกันไป

 

หาที่นอนดีฟ่า ที่นี่ดีนะ วิวสวยสมชื่อ เครื่องดื่มที่ซื้อมาเริ่มได้ทำงาน นั่งดื่มกันไป คุยกันไป  อากาศก็เริ่มเย็นลง เลยไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวอากาศจะเย็นกว่านี้  ที่นี่ดีนะ มีน้ำอุ่นให้อาบ แต่ก่อนที่จะได้อาบ ด้วยความที่ว่า ห้องน้ำนั้นคือส่วนรวม ต้องต่อคิวอาบ ห้องอาบน้ำมีอยู่ 2 ห้อง ตอนนั้นเป็นคิวที่ 4 ก็คิดนะว่า โชคร้ายจะต้องไม่มาตกที่กูแน่นอน กูต้องโอเค ต้องอุ่นขึ้น ..แล้วโชคก็ไม่ได้อยู่ข้างเราถึงคิวละ น้ำไหลช้า เข้าใจ ก็อยู่บนเขาเนอะ น้ำไหลบ้างไม่ไหลบ้าง เข้าใจ คนคงใช้เยอะ  เข้าใจหมดทุกอย่าง แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมแก็สต้องมาหมดตอนกูอาบด้วยเนี่ยยย หนาวตั้งแต่หัวจดเท้า (ไอเราก็ใจเด็ด สระผมซะด้วย) ถุยส์ชีวิตตต นี่มันไม่ใช่อย่างที่คิดเน้ โอยยย ไม่ได้อุ่นขึ้นเลย หนาวหนักกว่าเดิม โอยยย ตายๆๆ...
 

ตอนนั้นก็ขำตัวเองนะ ไงละมึงอยากหนาวไม่ใช่ไง  สมใจมึงยัง อากาศเริ่มเย็นลงอีก!!! หัวก็ไม่แห้ง ตัวก็สั่น ไม่ได้ละต้องหาทางให้ตัวเองอุ่นขึ้น  "หมูกะทะกันมั้ย"

•หมูกระทะสบายดี สี่องศา•
สโลแกนร้านแม่งก็โครตจะเชิญชวน จนคิดว่าเจ้าของร้านคะ มึงเรียน AD และต่อโท Marketing หรือเปล่า ทำไมบิ้วกูจัง 555   "รับลมหนาว ชมดาวบนดิน กินหมูกะทะ ร้านสบายดี สี่องศา"
 ร้านอะสบายดี แต่ตอนนี้กูเนี่ยจะเริ่มไม่สบาย เอาไงดีหนาวมาก แวบนึงในใจร้องบอก กินแม่งเลยๆแต่สมองบอกอย่าเลยมึง หิวหรอพึ่งกินไปเอง    ขัดแย้งกันภายในตัวสักพัก เดินเลยๆๆ
เดินไปซื้อมาม่าอีกกระป๋อง 5555 ทำได้แค่นี้จริงๆ อยากจะร้องไห้ ให้กับความหนาว..  
จบแบบหนาวๆไปคืนนี้

______________________________________________

 

วันที่ 3 : 8 ธ.ค.58 
แล้วก็ผ่าน คืนหนาว มหาโหดมาได้  
ดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน

แสงแรกของวัน

Kiss The SUN ^^

พระอาทิตย์สีส้มอ่อน อากาศเย็น และหมอกเป็นก้อน จะไปมีอะไรผ่อนคลายได้เท่านี้อีกละ เพลินเลยตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนถึง 7 โมงกว่าๆ ไม่รู้ถ่ายอะไร ทั้งๆที่ตลอดชั่วโมงกว่านั้น จริงๆมันก็แค่มุมเดิม แต่พอได้ถ่ายไปๆ

 "มุมเดิมจริงแต่มันคือรูปใหม่ของวินาทีนั้นต่างหาก"

 

เริ่มรู้สึกอิ่มตัวในการถ่ายรูป และเริ่มมองหาของที่มาทำให้อิ่มพุง

 

•กินมื้อเช้า•
ไม่มีพิธีรีตอง แต่อยากกินอะไรที่มาทำให้ร่างกาย.............. สตรอง!!!! ไม่พ้นของร้อน แต่ไม่ใช่มาม่าหรอก เบื่อแล้ว555
ข้าวต้มหมูสับใส่ไข่ นาทีนั้น ซดได้โดยไม่ต้องเป่า ไม่รู้เพราะว่าหนาว หรือข้าวต้มไม่ร้อนกันแน่ กินไปบ่นไป อิ่มในราคาคนเมืองมากๆ 40 บาท

เมื่ออิ่มเพลิน จำเริญพุง เราก็มาตกลงกันว่าจะไปไหนต่อดี ระหว่างลงดอยไปเมือง หรือเดินป่าในกิ่วแม่ปานดี ทั้งนี้การเดินศึกษาธรรมชาตินั้นต้องเสียค่านำทางและค่าบำรุง กลุ่มละ 200 บาท คือจะหาคนให้มาเพิ่มเป็น 10 แล้วออกคนละ 20 ก็ไม่ไหว เพื่อนรัก และแฟนเพื่อน ก็ต่างลงความเห็นว่ามัน "ก็ไม่ได้จะมาเดินทุกวันเนอะ ไหนๆก็มาแล้ว"
 

จัดไป!! 3.2 กิโลแม้ว 21 ฐาน กับเวลา 2 ชั่วโมง
ต้นน้ำ ของแม่น้ำปิง

จุดแรกของฐาน

 

 

การเดินป่าในครั้งนี้ นอกจากจะได้ดูได้ชมธรรมชาติแล้ว ทำให้รู้สัจธรรมชีวิตเลยว่ามีขึ้นก็ต้องมีลง 555 โอยยย ขึ้น ลง ข้ามเขานั้น ลื่นเขานี้ จนทุกคนเริ่มเกี่ยง และถามหาคนผิด ...ใครแม่งเป็นคนอยากมาวะ!!! แต่ตลอดการเดินนั้น ไม่มีช่วงไหนเลยที่เราจะไม่พูดคำว่า..สวยจังเลย 

 

ครบถ้วน กระบวนการ ณ เวลานั้นที่ออกมาก็10โมงละ คนนี้คือไกด์ผู้นำทาง ตลอด 2 ชั่วโมง ขอบคุณค่าาาา

ใช้ประโยชน์จากไขมันไป ก็ต้องเพิ่มเติมเข้าไปแทนที่ มื้อนี้กิน ไข่เจียว กับไก่ย่าง ก็พออิ่มอุ่นท้องกันไป สถานีต่อไปได้เวลา ลงจากดอย ขึ้นรถหัวถึงเบาะปุ๊บปลั๊กหลุดไปเลย ลืมตาอีกทีก็แถวทางหลวงใกล้ตัวเมืองละ

สักพักก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัย ทั้งรถ และคน 

•Nimman Soi9 Hotel• Cr.http://webboard.edtguide.com/
เล็ก กระทัดรัด น่ารักดี พักผ่อนหย่อนจายกันไป หลังจากนี้แพลนการเที่ยวที่เราได้แพลนว่าอยากไปก็หมดละ จึงขอยกหน้าที่ ให้แก่เพื่อนรัก และแฟนเพื่อนเป็นผู้นำทาง...  

ว่าแล้วก็ทำการเสริชหา ของกิน ที่ไหนที่ว่าดี ร้านไหนที่ว่าเด็ด จัดมาเราจะไป  
ว่าแล้วก็เริ่มออกเดินทาง(ด้วยเท้า) ง่ายๆ อ่ะตามหลักการของคนเรา(หรือแค่เรา) ที่จะไม่รู้ว่าเริ่มจากตรงไหนมันมักจะไปเริ่มจากต้นซอย (คิดในใจเรานี่มันฉลาดจริง หึๆๆ) อะไรที่ว่าดี มันมักจะหักมุมเสมอ ซวยละไง..เสือกมาเริ่มตรงต้นซอยที่ไม่มีป้ายบอกอีกเพลิดเพลินจำเริญใจเลยทีนี่ ไอตอนแรกก็ไม่หลงนะ พอหลงเท่านั้นแหละ หลงเลย เดินวนไป วนมา แต่ด้วยความกล้าส่วนตัวที่พกมาเต็มก็ได้ถามคนพื้นที่ไปเลยว่า  พี่คะนิมมานห์ 13 อยู่ซอยไหน
พี่เค้าก็ทำหน้า ง ง แล้วตอบมาว่า ...ก็ซอยนี้แหละ!!ว่าแล้วก็ขอบคุณพี่เค้าไป  พอแหง่นมองทางเท่านั่นแหละ แหมไอตอนกูเดินหาเสือกไม่มีอะไรบ่งบอก แต่พอรู้เท่านั้นแหละ ป้าย 13 ตลอดซอย  โชว์ตลกแก่คนเมืองกันไป 1 รอบ 555

ระหว่างทาง  5555

ถึงแล้วซอย 13 ว่าแต่หิวแล้วกินไรดีละ?
คิดกันอยู่นาน เดินเลือกกันอยู่สักพัก มาเจอร้านนึงที่ไม่ได้อยู่ในแพลนเลยว่าจะกิน แต่มาถึงนี้แล้วจะมากินอาหารญี่ปุ่นมันก็ไม่ใช ขอแนะนำ ..

•ต๋อง เต็ม โต๊ะ•
อย่างเราไม่ทำให้เสียชื่อร้าน และสโลแกนประจำทริป แน่นอน 4 อย่างด้วยกัน ออร์เดิร์ฟ ไข่เจียวลาบเมือง ต้มแซ่บหมู และ ผักหวานผัดไข่

 

นี่คืออร์เดิร์ฟฟฟฟฟฟฟ !!!!

ก็ชิลๆกันไป อิ่มแบบเบาๆ แต่เราไม่พอ ไปต่อของหวานอีกนิด

Dreamy Pinky Milkดีงามมมมมมม

 

• Season Sweet•
อยากมาเพราะก้อนเมฆเป็นสีรุ้ง
น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง กิงก่องแก้วมาก!!
สมใจอยาก แต่เท่านี้ยังไม่พอ ไปกันต่อค่ะ

 

เริ่มเดินทางจากซอย13 ไปซอย 1 เพื่อสิ่งนี้

•โรตีกู•
เมนูยังคงจัดเต็ม ไม่ทำให้เสียชื่อ 
โรตีกล้วยช็อค เค้ก โรตีทิชชู่ฝอยทอง และอื่นๆอีก2 รายการ 

กินให้ฟินกันไป เอาให้พอ เอาให้อิ่มจนต้องร้องขอชีวิต 555  และแล้วผลกรรมที่ทำมาเริ่มจะแสดงอาการ.......

ล้นอยู่ที่คอ แล้วตอนนี้เราคงจะอยู่เฉยไม่ได้ละ ไปกันต่อดีกว่า  เหมือนโชคช่วย มีงาน อาร์ทๆให้เดิน

 

•Nimmanhaemin Art & Design• 
งานอาร์ทช่วยชีวิต ได้ย่อย ได้เบียดเสียดคน และซื้อของน่ารัก เห็นแล้วอยากจะเอากลับบ้านให้หมด ก่อนเงินจะหมด ก็กลับมาพักผ่อนดีกว่า
จบไปอีก 1 วัน... พรุ่งนี้ก็แล้วแต่เพื่อนรักจะจัดไป

_______________________________

 

วันที่ 4: 9 ธ.ค.58 
ชิ ล เ ด ย์ ~ เวลาเที่ยงวัน
ล้อเริ่มหมุน ก็ต้องหาของให้พุงได้อิ่มอุ่นก่อน

•ส้มตำหลัง ม.แม่โจ้• 
อิ่มอุ่น ละมุน ละไม ก็ไปกันต่อค่ะ

 

•ม่ อ น แ จ่ ม แ ห ล่ ม เ ล ย•
ที่นี่ในความรู้สึก ก็ไม่มีอะไรนะ ก็เหมือนทุกที่ที่ไป มีวิว มีท้องฟ้า มีดอกไม้ และเส้นทางที่นับถือใจแฟนเพื่อนมาก

ในโค้งหักศอก  ดูเฉยๆแต่ก็ชอบ... เพราะที่นี่มีสเน่ห์ในตัวของมันเอง
 

(เช็ครูปๆ)

 

หลังจากออกจากม่อนแจ่ม ก็มีไปสวนอีเดน ศาลากาแฟ เดินหาของกินแถวกาด ได้กินจริงๆที่ห้างเมญ่า และจบวันแห่งการลัลล้าไว้ที่ร้านนั่ง ฝั่งตรงข้ามที่พักเลย...
ชิลเดย์~ เที่ยงคืน ฝันดีพรุ่งนี้กลับบ้าน

_______________________________________

 

วันที่ 5 : 10 ธ.ค.58
วันสุดท้าย~

ก่อนจะกลับ ได้คิดไว้ก่อนแล้วว่าครั้งนี้ต้องไปกิน คั่วไก่ และiberryให้ได้ ทิ้งทวนท้องก่อนกลับบ้าน ป่ะ.. เริ่มเลย ผ่านไป2วันคล่องมากในการเดินในซอยนิมมานห์ จนในที่สุดก็มาเจอเป้าหมายของเรา 

 

 

•คั่วไก่นิมมาน และ iberry•
คั่วไก่ไข่กะทะร้อน อร่อย และร้อน ตั้งแต่คำแรกยันคำสุดท้าย 555  พอจบกับร้านนี้ iberry ก็อยู่ข้างๆกันเลย ว่าจะอยู่ถ่ายรูปให้นานกว่านี้แต่เดี๋ยวไม่มีเวลาไปแวะของฝากที่กาดหลวง

แล้วเราก็เช็คเอาท์กัน เตรียมตัวกลับบ้าน และกลับมาอยู่ในความเป็นจริง 

 

จบทริปอย่างสมบูรณ์ ถึงบ้านอย่างปลอดภัย

หลังจากกลับมาก็ถามตัวเอง

เราท่องเที่ยวไปเพื่ออะไร ?

เพื่อ...พักผ่อน ในยามที่ร่างกายหมดพลัง

เพื่อ...ถ่ายรูปเพื่อกลับไปอวดใครๆ ว่าเราเคยมาที่นี่แล้ว

เพื่อ...มาเรียนรู้ความผิดพลาดระหว่างทาง

เพื่อ..มาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต

เพื่อ..มาเปลี่ยนแปลงความคิด อะไรบางอย่างของตัวเราเอง
 ใช่มันคือทั้งหมด ในเป้าหมายที่เราออกมาเที่ยว แต่ทั้งหมด ทั้งมวลนั้น...

เราแค่...อยากออกมาเพื่อเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นตรงหน้า และรับรู้ความเล็กกระจ้อยของเราบนโลกใบนี้

ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง

#FujifilmX-a2#teamxa2