ห้วงเวลาที่รอคอยมาถึงแล้ว จากการติดตามข่าวสารช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าอุณภูมิในหลายพื้นที่ลดลง อากาศเริ่มเย็นแล้ว  ผมก็เริ่มคิดหาที่กางเต็นท์นอน รับลมหนาว มีสถานที่อยู่แห่งหนึ่งซึ่งผมนึกขึ้นมาแวบแรกได้ว่ายังไม่มีโอกาสไปเลยก็คือที่ ภูเรือ ทริปเร่งด่วนจึงได้เริ่มขึ้น  ผมกับแฟนคิดกันคร่าวๆ ว่า จะไปพักผ่อนชื่นชมธรรมชาติใน จ.เลย โดยเป้าหมายหลักคือ จะกางเต้นท์นอนค้างคืนที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ  

ผมออกเดินทางจาก กทม. ในคืนวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.58 เวลาประมาณ  4  ทุ่มครึ่ง ด้วยหัวใจที่พองโต ดีใจที่ได้ออกเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ เราใช้เวลาเดินทางจาก กทม. และแวะพักปั๊มน้ำมันเป็นระยะๆ มาถึง จ.เลย ตอนเวลาประมาณ 6 โมงเช้า เป้าหมายแรกที่เราจะไป คือ ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองไทย 

การเดินทางสะดวกสบายครับ แต่เราต้องจอดรถไว้ที่จุดบริการนักท่องเที่ยว และนั่งรถอีแต๊ก เข้าไปนะครับ ค่าบริการก็คนละ 60 บาท อาจมีไกด์ท้องถิ่นนั่งไปกับเราเพื่อแนะนำสถานที่ ก็แล้วแต่เราจะให้สินน้ำใจเค้าครับ 

จุดชมวิวที่ภูป่าเปาะจะมีอยู่ 4 จุด ครับ จุดสุดท้ายเป็นจุดชมวิว 360 องศา ซึ่งเราจะต้องเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขา ระยะทางประมาณ 200 เมตร 

เราชื่นชมธรรมชาติเสร็จก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติภูเรือ แต่จากการค้นหาข้อมูลทราบว่ามีสถานที่ล่องแพ-ทานอาหาร ที่อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง ซึ่งมันเป็นทางผ่านเราพอดี เลยขับรถเข้าไปชมวิวหน่อยครับ จริงๆ ก็อยากไปล่องแพ - ทานข้าวเหมือนกัน แต่มากันแค่ 2 คนเอง ครั้งนี้เลยขอผ่าน เอาไว้โอกาสหน้าละกัน ได้แต่เก็บภาพไว้ดูครับ อีกอย่างเราต้องรีบไปอุทยานฯ เพื่อหาที่กางเต้นท์นอนกันก่อน

เราเดินทางมาถึงอุทยานฯ ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง จุดที่ผมกางเต้นท์ เรียกว่าลานกางเต็นท์ที่ 2 ครับ เราจะขับขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แล้วต้องเลี้ยวซ้ายผ่านลานจอดรถ ขับลงเขาไปก็จะเจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่นี่สะดวกสบายดีครับ มีห้องน้ำ ห้องส้วม อยู่ใกล้ลานกางเต็นท์ และยังมีร้านอาหารด้วย ใครไม่มีอุปกรณ์แค้มป์ปิ้งก็ไม่เป็นไรครับ มีอาหารตามสั่ง, มาม่า, ไข่, กาแฟ, โอวัลติน, ขนม ฯลฯ  หรืออยากลองทำไรกินเอง ก็มีบริการให้เช่าเตาถ่าน + ชุดหมูกระทะไว้บริการด้วยนะครับ  

เรากางเต๊นท์เสร็จ เก็บสัมภาระเข้าที่เรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปชมวิวที่จุดสูงสุด และเพื่อความสะดวก เราจะขึ้นรถสองแถวที่ให้บริการพานักท่องเที่ยวขึ้นไปยังจุดชมวิวครับ ค่าบริการก็คนละ 10 บาท แต่ว่าจะต้องต่อรถขึ้นไป 2 ต่อนะครับ จากจุดกางเต๊นท์นี้  

บนจุดชมวิวอากาศเย็นสบายครับ เราเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก จริงๆ แล้วอากาศเย็นนะครับ ที่ป้ายอุณหภูมิบอก 9 องศา แต่ผมไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวขึ้นไปด้วย แย่เลย 

 หลังพระอาทิตย์ตกดิน เราเดินทางกลับจุดกางเต้นท์และหาข้าวเย็นกินกัน วันนี้อากาศเย็นจริงๆ ครับ ผมเลยถือโอกาสดองเค็มซะเลย อาบน้ำไม่ไหว เพราะน้ำเย็นมากๆ แค่เช็ดตัวเอาก็พอ หลังทำธุระเสร็จเราก็เข้านอนกันเลย หลับกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม เต๊นท์อื่นเขายังไม่นอนกันเลย แต่เราไม่ไหวแล้ว เพลียจากการเดินทาง เลยต้องรีบหลับเอาแรงซะก่อน

ผมตื่นมาตอนประมาณ 5 ทุ่ม เพราะปวดท้อง หลังจากทำธุระเสร็จ เห็นว่าฟ้าเปิด แม้จะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ก็เห็นดาวเต็มเลยครับ ผมกลับมาที่เต็นท์เพื่อถ่ายรูป แต่ว่าได้มาแค่นี้เอง  ไม่เหมือนอย่างที่ตาเห็นเลย หลังจากนั้นก็เข้าเต๊นท์นอนต่อ

   

ประมาณตี 5 เราก็ตื่น เพราะเสียงรถยนต์ที่เริ่มให้บริการรับ- ส่ง นักท่องเที่ยวไปยังจุดชมวิว จึงรีบล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว เช้านี้มีนักท่องเที่ยวขึ้นมากันเยอะครับ แต่ก็เลือกหามุมถ่ายเอา อากาศเย็นกำลังดี  อยู่ที่ 9 องศา ครับ 

เราลงมาจากจุดชมวิว  กลับมาเก็บเต็นท์และสัมภาระ เพื่อเดินทางกลับ กทม. ลงมาจากอุทยานฯ  เราก็แวะถ่ายรูปที่ลานคริสมาสต์ภูเรือไว้เป็นที่ระลึก

จบการแชร์ประสบการณ์ครับ ใครที่ยังไม่มีสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดยาว ลองหาโอกาสไป จ.เลย ดูครับ มีหลายสถานที่ โดยเฉพาะ ภูเรือ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับเดินทางไปพักผ่อนดื่มด่ำธรรมชาติกับครอบครัวครับ