เมื่อร่างกายต้องการ การพักผ่อน

เริ่มต้นทริปหลังจากการฝึกงานที่เหน็ดเหนื่อย ฉันจึงวางแผนไปเที่ยวโดยลากเพื่อนๆไปด้วย อยากไปสัมผัสอากาศหนาว ชมทะเลหมอก เราวางแผนเดินทางตอนเที่ยงคืนจากพิษณุโลกกะว่าจะไปถึงเลยประมาณ ตี 4 ตี 5 (จากการหาข้อมูลในเน็ต) ระหว่างทางเราก็หลับกันหมด พอถึงที่หมายฉันปลุกเพื่อนข้างๆให้ตื่นเพื่อนก็เดินลงรถไปคนเดียวอย่างรวดเร็วและฉันก็ปลุกคนอื่นต่อเพื่อนค่อยๆขยับตัว จากนั่นรถก็แล่นออกโดยที่พวกเราอีก 5 คนยังไม่ได้ลงรถ ฉันเลยวิ่งไปบอกพี่คนขับรถว่าพวกเรายังไม่ได้ลงเลยต้องเดินย้อนกลับมากันเอง 

จากประมาณว่าจะถึงตี 4 เรากลับถึง 02.30 น.ที่ท่ารถภูเรือแล้วจะทำอะไรต่อเมื่อรถขึ้นภูเรือ 05.30 น.โชคดีเจอลุงคนขับรถมาเปิดร้ายขายของอยู่จึงแนะนำทริปเที่ยวให้เราเป็นรถสองแถวเหมาคันเราเลือกไปภูเรือ- ล่องแพ พอได้ฤกษ์ดี ลุงก็พาเราขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเรือและจองที่พักเป็นบ้านพักเจ้าที่ 1 ห้องมี 3 เตียงนอนอัดกัน 6 คนไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ ไม่มีปลั๊ก

อากาศหนาวมากลมพัดแรง นั่งหนาวสั่นเป็นชั่วโมงกับการรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ไม่มีทะเลหมอกให้พวกเราเห็นเลย ลงจากเขาแวะกินโจ็กที่ท่ารถภูเรือ หนังท้องอิ่มลุงพาไปเที่ยวต่อที่สวนดอกไม้ลุงวุฒิ จัดให้เข้าชมฟรี สามารถซื้อดอกไม้ ต้นไม้ติดไม้ติดมือมาได้

สำหรับคนชอบต้นกระบองเพชรมีให้เลือกมากมาย ไม่รู้จะเอาต้นไหนเลย

วัดป่าบ้านห้วยลาด มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาวให้สักการะโดยการนำช่อดอกไม้ที่ทางวัดทำไว้ให้บูาไปสักการะ

พญานาค 9 หัวเมื่อเดินเข้าไปใกล้มีอ่างน้ำให้ควักน้ำรดพญานาค มีลูกแก้วในน้ำให้เราหยิบไปคนละ 1ลูก

ใต้สะพานเป็นถ้ำมีจิตรกรรมใต้ท้องทะเลที่สวยงาม ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน สามารถลงไปเดินได้แต่ต้องถอดรองเท้าไว้ข้างนอก



ห้วยกระทิง ที่สุดท้ายของวันนั่งรถออกจากตัวเมืองมาไกลหน่อยแต่ก็คุ้ม แพที่นั่งเป็นขนาดกลางไม่เกิน 10 คนราคา 300บาท ไม่กำหนดเวลาสามารถสั่งอาหารไปกินบนแพได้  บรรยากาศดีๆ ลมพัดเย็นสบายเหมาะกับการหลับ

วันที่ 2 ลุงมารับพวกเราตอน 7 โมงเช้าระหว่างทางออกผ่านลานคริสต์มาสภูเรือ แวะถ่ายรูปกันสักพัก

 


ขึ้นรถสองแถวใหญ่รอบ 9 โมงเพื่อเข้าไปในตัวเมืองจังหวัดเลยแล้วต่อสองแถวอีกคันไปเชียงคาน จองที่พักไว้ที่พูลสวัสดิ์เชียงคาน ห้องใหญ่ 1 ห้อง ห้องเล็ก1ห้อง บรรยากาศบ้านไม้ คลาสสิก

ฝากกระเป๋าไว้ที่พักเพราะยังไม่ถึงเวลา check in จากนั้นก็ปั้นจักรยานของที่พักไปยังแก่งคุดคู้ประมาณ 6 กิโลเมตร ที่นี้สามารถนั่งเรือข้ามฝากไปฝั่งลาวได้โดยยื่นบัตรปะชาชน แต่เราไม่ได้ไป

พักทานอาหารกลางวันที่นี้ ของฝากขึ้นชื่อคือ มะพร้าวแก้ว

แวะทานไอติมเกล็ดหิมะข้างทางระหว่่างปั้นจักรยานกลับที่พัก

ตอนเย็นออกมาเดินถนนเชียงคานมีของฝากให้เลือกซื้อมากมาย เดินกินอาหารมาตลอดทาง

วันที่ไปไทยมีแข่งบอลนั่งเชียร์กับเพื่อน ร้านตรงข้ามก็เชียร์ฉันค่อนข้างเสียงดังกับการลุ้นแต่เจ้าของที่พักก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเชียร์เหมือนกัน 55

เช้าวันที่ 3 เวลา 05.00 น.เรานัดกับรถสามล้อให้มารับหน้าที่พักนั่งได้ 5-6 คนมาส่งที่ภูทอกและต่อสองแถวขึ้นมา อากาศไม่หนาวเลย โชคร้ายที่พวกเราตั้งใจมาดูหมอกแต่ไม่มีหมอกให้เห็นทั้งที่ภูเรือและภูทอก
ลงจากภูทอกแวะรับประทานอาหาร ร้านลุกโภชนาการอยู่ตรงข้ามพูลสวัสดิ์ เมนูที่เราต้องลองทาน คือ ข้าวเปียกเส้นคล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวแตกต่างกันที่เส้น 
ชาร์แบตเต็มที่ได้เวลากลับบ้าน นั่งรถสองแถวเข้าตัวเมืองเลยแล้วนั่งรถทัวร์มาลงที่พิษณุโลกรวมทั้ง Trip กับงบประมาณ 3,000 บาท 3 วัน 2 คืน