ลุยป่าไผ่ เลาะชายทุ่ง มุ่งสู่วิถีล้านนา ความสุขเกิดขึ้นที่ ... ชุมชนผาปัง
ในขณะที่สังคมเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และในหลาย ๆ ครั้งที่ความเจริญก็ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยที่จะต้องวิ่งตามให้ทัน การลองพาตัวเองออกมาจากเมืองใหญ่ มาพักกายพักใจในชนบท ที่ที่ธรรมชาติ และความเงียบสงบจะช่วยบำบัดเราให้คลายความตึงเครียดที่สะสมมาอย่างยาวนานลงได้บ้าง
เราได้รับการเชื้อเชิญจากเพื่อนบ้านอย่าง Local Alike ซึ่งบอกเราว่าจะพาไปสัมผัสวิถีชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ที่นี่มีความน่าสนใจ และมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนชุมชนไหน รับรองว่าไปแล้ว จะได้รับทั้งความสุขทางกาย ทางใจ และได้ความรู้ใหม่ ๆ กลับมาอีกเพียบ ได้ยินดังนั้นเราก็แทบไม่ต้องตัดสินใจนานกันเลยครับ พร้อมเก็บกระเป๋า แล้วยอมไปกับเขาง่าย ๆ เลย และสำหรับทริปของเราในครั้งนี้ จุดหมายปลายทางคือที่ "ชุมชนผาปัง" อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง โดยทริปนี้มีการร่วมกันสร้างสรรค์เส้นทางขึ้นมาโดย Local Alike และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
วันแรกของการเดินทาง เรามาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดลำปาง โดยสายการบิน Bangkok Airways ถึงจะเช้าขนาดไหนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องนะครับ เพราะมีเลาจน์ที่ทางสายการบินจัดรับรองให้กับผู้โดยสารทุกท่านไว้คอยบริการ นั่งกินข้าวต้มมัด จิบกาแฟไปพลาง ๆ ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง และพร้อมออกเดินทางกันแล้วครับ










เมื่อเราได้ทำความรู้จักกับชุนชนแห่งนี้มากขึ้นแล้ว ก่อนจะไปทำกิจกรรมต่อ ๆ ไป เรามาถึงนี่แล้วก็ต้องไปไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านชุมชนผาปังนับถือกันก่อนเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยที่จุดนัดพบนี้ยังเป็นที่ตั้งของ พระบรมธาตุเจดีย์หลวง 12 นักษัตร และอนุสาวรีย์พระนเรศวรมหาราช ซึ่งในการเข้าไปสักการะในครั้งนี้ ชาวบ้าน และแม่ ๆ ได้สอนให้เราทำสวยดอก (กรวยดอกไม้) ด้วยตัวเอง เพื่อนำไปบูชาองค์พระธาตุ และองค์พระนเรศวร ซึ่งถือเป็นการเริ่มกิจกรรมแรกของเราในวันนี้ครัับ 

































หลังจากการดำนาเสร็จ พวกเราก็ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงไปตาม ๆ กัน ก่อนจะขึ้นรถ น้องดาด้าไกด์หนุ่มน้อยของเรา บอกกับเราว่าเย็นนี้จะพาไปดู เคล็ดลับอายุยืน ของคนในชุมชนผาปังแห่งนี้กัน ซึ่งก็คือการ "รำไม้พลอง" ในทุก ๆ วัน เวลาราวหกโมง คนในชุมชน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ จะมารวมตัวกันที่ลานวัดเพื่อออกกำลังกายโดยการรำไม้พลองประกอบเสียงดนตรี เริ่มจากการอบอุ่นร่างกาย และมีท่าท่างประกอบเพลง ไปจนถึงการใช้ไม้พลองมาประกอบเป็นท่าทางต่าง ๆ ทั้งย่อ เหยียด บิด ยืด ซึ่งแม่ ๆ แข็งแรงกันมาก คนหนุ่มอย่างพวกเราบิดทีก็ร้อง ย่อทีก็โอย นี่แหล่ะคนเมือง ออฟฟิตซินโดรมเป็นแบบนี้นี่เอง 
เริ่มมืดแล้ว ฝนก็ทำท่าว่าจะตั้งเค้ามา ก็ได้เวลากลับที่พัก ค่ำนี้เรามี "ขันโตก" อาหารในสำรับแบบเหนือรอเราอยู่ ทุกคนมาถึงก็นั่งล้อมวงกันท่ามกลางแสงเทียน และขับกล่อมเราด้วยเสียงเพลงของวงสะล้อ ซอ ซึง สไตล์ล้านนาแท้ ๆ แม่ ๆ ก็นั่งด้วยกันกับเรา ทานข้าวกันไป คุยกันไป แลกเปลี่ยนความคิด ประสบการณ์ และเรื่องราวซึ่งกันและกัน 





เราเดินทางไปยังป่าไผ่โดยรถอีแต๋น สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ถนนหนทางยังเป็นลูกรังบ้าง ดินภูเขาบ้าง ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มากพอสมควร เนื่องจากเมื่อคืนฝนเพิ่งตก เช้านี้เลยยังพอมีฝูงผีเสื้อที่บินมีกินดินโป่งให้เราได้เห็นอยู่บ้าง




จากนั้น ลุงรัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไผ่ ก็ได้สาธิต และสอนให้เราทำอาหารเลี้ยงไผ่ และวิธีชำไผ่อย่างละเอียดทุกขั้นตอน ใครสนใจก็สามารถลงมือทำด้วยตัวเองได้เลย เสร็จแล้วก็ได้เวลาอาหารว่าง เจ้าหน้าที่แจกกระติ๊บที่สานจากไผ่ ในนั้นเต็มไปด้วยข้าวต้มลูกโยน และน้ำกระเจี๊ยบเพิ่มความกระชุ่มกระชวย ก่อนที่เราจะออกเดินทางต่อไปเพื่อดู "ฝายมีชีวิต" 














การมาเยือนชุมชนผาปังในครั้งนี้ เราได้รับประสบการณ์ ความรู้ และความสุขกลับมามากมาย เราสัมผัสได้ถึงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี ความสำนึกรักบ้านเกิด การเป็นตัวอย่างของเยาวชนที่ดีของน้องดาด้า ไกด์หนุ่มน้อยที่ทำให้เรารู้สึกว่าอยากให้มีเด็กไทยแบบนี้อีกหลาย ๆ คน นอกเหนือจากทิวทัศน์ที่สวยงาม ความเงียบสงบของชุมชนแล้ว ความเป็นธรรมชาติของชาวบ้านที่นี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของชุมชนแห่งนี้เลยก็ว่าได้
































































































