อิ่มแล้วก็ไปต่อห้วยน้ำดัง
มาถึงเส้นทางแห่งความทรงจำ ในรีวิวรอบก่อนที่ผมมาเชียงใหม่ที่จะไปสันป่าเกี๊ยะที่ลงจากห้วยน้ำดังมาทางนี้แหละ ถ้าใครเคยอ่านคือผมรถล้มในน้ำแอ่งนี้ ถ้าขาลงคือแอ่งสุดท้ายที่ถึงเมืองคองแล้ว แต่พลากรถล้มน้ำเข้ากระเป๋ากล้องทำเลนส์พังไปเลย1ตัว โชคดีกล้องไม่พัง
มารอบนี้เลยต้องเช็คให้ชัวอย่าห้าวบิดใสแบบครั้งก่อน ครั้งก่อนบิดใส่ซ้อนสองมันดันเจอหลุมใหญ่มากๆกลางน้ำ ขาไม่ถึงรถเลยล้ม
รอบนี้เลยเดินเช็คลายให้ชัว
จากนั้นก็ขับผ่านได้อย่างง่ายๆสบายๆ แต่เหมือนรอบนนี้น้ำจะน้อยกว่าเยอะรอบนั้นหน้าฝนน้ำสูงกว่านี้
นิทานเรื่องนี้เลยสอนให้รู้ว่าไม่ว่าทำอะไรควรมีสติ และไม่ประมาท อย่าชะล่าใจ เพราะอย่างน้ำเนี้ยเอาจริงๆมันก็ง่ายๆจริงๆถ้าไม่เลือกลายผิดแค่นั้นเอง
Advertisement
ทางขึ้นห้วยน้ำดังตอนนี้เกลี่ยใหม่วิ่งง่ายมากสบายเลยวิวก็สวย
ไม่นานนักเราก็มาถึงห้วยน้ำดังยังสวยเหมือนเดิม ไม่ได้นอนสักที เป็นแค่ทางผ่านสักวันต้องมานอนตอนเช้าหมอกน่าจะสวยงาม
รองเท้ายังไม่ทันแห้งเลย55
พักหายเหนื่อยแล้วก็ไปต่อ ตอนนี้ก็3โมงแล้ว โอ้ยยสันป่าเกี้ยะ-เมืองคองล่อสะหลายชั่วโมง ออกจากสันป่าเกี๊ยะ9โมงกว่า
ทางเรียบก็บิดอย่างเดียวแวะเติมน้ำมันที่ปายอีกรอบ แต่โค้งก็เยอะอย่างที่รู้ๆกัน ทำเวลาได้ไม่มากนัก มาถึงดอยกิ่วลม เกือบ5โมง
ไปต่อบ้านจ่าโบ่อีกรอบไหนๆก็ผ่านแล้วแวะพักสักหน่อย
5โมงกว่าละร้านเตี๋ยวก็ปิด
คนก็น้อยดี เหลือแต่คนที่นอนข้างบน ขอถ่ายรูปกะพี่พีทหน่อย เจ้าถิ่นแม่ฮ่องสอน สกิลดอยเต็ม100 ขี่เก่งมากไม่มีล้มสักครั้ง หุ่นสูงน้อยกว่าผมพอสมควร ใช้ปลายเท้าเหยียบตลอดแต่ขี่ไปได้หมด อยู่ที่ใจและทักษะจริงๆเรื่องการขี่รถเนี้ย ใครยังลังเลเรื่องความสูงเลิกคิดเลยถ้าใจถึงมันก็ไปถึง เอาใจมาก่อน ที่เหลือเดียวก็ตามมาครับ
รูปนี้ไม่ได้โชว์แหวน แต่โชว์หวานน นิ้วนางข้างซ้ายไม่ว่างแล้วว
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
มีร้านกาแฟยังเปิดจัดโอวัลติดแก้เหนื่อยอีกหน่อย
กว่าจะได้ออกจากจ่าโบ่ 6โมงนิดๆ
วิ่งมาได้อีกแปบเดียวฟ้าก็มืดแล้วมืดไวมากหน้าหนาว
แล้วก็มาถึงแม่ฮ่องสอนจนได้ทุ่มกว่าๆ สุดจริงๆวันนี้ แต่ยังไม่สุดของวันนี้เราเข้าที่พักเอาของลงและมาต่อที่ถนนคนเดิน หาอะไรกินด้วย
วันนี้คนก็ไม่ค่อยเยอะอากาศก็ไม่ร้อนและไม่ถึงกับหนาว
มื้อนี้จัดต้มเลือกหมูข้าวเปล่า
ต่อด้วยของหวานข้าวปุกงา กับ เครป หร่อยๆ
ถ่ายไฟวัดจองคำสักนิด
ยังไม่จบ ขึ้นไปต่อที่พระธาตุดอยกองมูอยู่ในเมืองเลยเปิดทั้งคืน รถขึ้นถึงเลยใกล้ๆ ดูไฟในเมือง
ไฟสวยมากครับดูได้รอบเมืองเลย
มีดาวด้วยนะแต่ถ่ายมาไม่ชัด
ก่อนจะนอนแก้กระสัยกันหน่อย เจ้าถิ่นพามาร้านเพื่อน เถื่อนบาร์ อยู่แถวๆแยกตรงปั้ม ปตท.
กลับมานอนหลับสบายแอร์เย็นๆ สำหรับทริปแบบหลายวันแบบนี้ผมจะนอนสลับกับเตนท์และที่พัก กันครับจะได้ชาท์แบตพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหลาย กล้องใหญ่โกโปรไอแพดมือถือ ของสำคัญเลย
สำหรับคืนนี้พักที่สามหมอกเกสท์เฮาส์ ครับราคาเพียง600 บาท อยู่ใกล้ๆถนคนเดินเลย 300เมตร ได้บ้านเป็นหลังเลย
อันนี้เอาเตนท์มาพับใหม่ เอาออกมาตากระเบียงหน้าบ้านให้น้ำค้างเมื่อเช้าแห้ง
ที่นี้ดีทุกอย่างยกเว้นเตียงครับบิดนิดเดียวดังมากๆไม่ได้ทำอะไรกันนะแค่พลิกตัวมันก็ดังแล้วจริงๆ แต่ๆๆ แต่ๆๆๆ
แต่หลังจากเช้าวันนั้น เราก็โพสตามปกติแบบที่เขียนนี้เลย เพราะจะบอกแนะนำเพื่อนๆอยู๋แล้วเรื่องที่พัก แล้วก็เช้คอินที่พัก
หลังจากนานและช่วงต้นปีก็มีที่พักมาคอมเม้นในโพสเราแบบนี้ครับ 555 แสดงว่าเขามาอ่านที่เราโพส แล้วแก้ไข หรือว่ามีคนอื่นไปพักแล้วบ่นมั้งเขาเลยแก้ แต่อย่างไรก็ช่าง เขาก็แก้ไขแล้วน่ารักแบบนี้อย่าลืมไปใช้บริการกันครับ รอบหน้าถ้าได้ไปจะลองกลับไปซ้ำดูว่าดังไหม
เติมพลังด้วยโจ๊ะครับเช้านี้แถวๆปั้มปตท.ก่อนจะเติมอัดน้ำมันกัน
โปรแกรมวันนี้
-เช้าที่สามมุ่งหน้าบ้านหนองเขียวทางลัดไปแม่อูคอ ต่อด้วยน้ำตกแม่สุรินทร์ ออกมาทุ่งบัวตองดอยแล้วไปต่อที่ภูชี้เพ้อ จากนั้นยิงยาวไปนอนที่ดอยพุ่ยโค มืดพอดีคืนที่สาม
เส้นทางวันนี้จากแผนที่ถ้าจะไปทุ่งบัวตองเราต้องวิ่งเส้นหลักแล้วไปเข้าทางปกติ ซึ้งเราจะต้องไปกลับทางเดิม แต่ว่าเจ้าถิ่นเราวันนี้บอกมีเส้นแนะนำไม่ต้องวิ่งย้อน ตามแมบเลย ตัดเขาบ้านหนองเขียวผ่านน้ำตกแม่สุริทน์ด้วย ทางจะเป็นไงไปดู
หลังจากออกตัวเมืองแม่ฮ่องสอนก็ทุ่งหน้าจะไปทุ่งบัวตองแต่เจ้าถิ่นบอกว่ามีเส้นทางแนะนำ แบบไม่ต้องย้อนกลับทางเดิมวิ่งเลาะไปเลยอ้อมนิดหน่อยแต่ได้เที่ยวที่อื่นด้วย
เส้นทางที่ว่าคือทางลัดไปทุ่งบัวตอง ผ่านบ้านหนองเขียว ทางคอนกรีดอย่างดีใหม่ๆ แต่แคบมาก และชัน รยนต์ไม่ค่อยแนะนำหรอกเขาว่ามีอุบัติเหตุบ่อย หลังจากไต่ๆความสูงข้ามเชามาเรื่อยๆ แล้วเราก็พบกับหมอก
หมอกจัดหนาๆเลยข้างทางตอนนั้น ประมาณ 10โมงได้แล้ว ตอนแรกก็ว่าวันนี้คงไม่มีหมอกให้ดู เพราะออกจากตัวเมืองกก็จะ9โมงแล้ว
จุดนี้อาจจะมุมไม่ชัดเท่าไหร่
เราก็เลยไปต่อ
แล้วจากนั้นก็ฝ่าดงหมอกมั้งแล้วก็ออกมาเจอวิวทะเลหมอกเรื่อยๆตลอดทาง
เซอร์ไพรส์มากครับเช้านี้
ก็ขับๆไปเรื่อยของจริงสายตาเรามองเห้นชัดเจนสวยงามครับ แต่ถ่ายมาบาทีก็ดูเหมือนอยู่ไกล
แล้วก็ไต่ๆๆขึ้นไปเรื่อยๆ จนเจอโค้งนึงต้องจอดอีกแล้ว
ทะเลหมอกสวยมาก
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่ารูปขึ้นปกคือรูปที่อยู่นอกแผน ผมมักจะว้าววิวระหว่างทางพอๆกับจุดหมายเสมอเพราะจุดหมายของเรามีรูปในเน็ตที่ตอนหาข้อมูลมาเยอะแล้ว แต่ระหว่างทางนี้สิที่ไม่ค่อยมีใครถ่ายมาให้ดู
อย่างเช่นจุดนนี้ครับ ตรงนนี้น่าจะช่วงก่อนถึงบ้านหนองเขียวประมาณ 5โลได้
คุ้มแล้วเช้านี้ไปต่อ
แล้วก็มาถึงบ้านหนองเขียว
ฃที่นี้มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่พอสมควรเลย สามารุกางเตนท์นอนได้ด้วยคนน้อยมาก อากาศดีสุดๆ
วิวแจ่มสวยเลยครับ
จากนั้นก็ไปต่อเรื่อยๆ ก่อนถึงทุ่งบัวตองเราจะผ่านน้ำตกแม่สุรินทร์
ถึงแล้วน้ำตกแม่สุรินทร์จอดรถแล้วเดินอีกแปบเดียวก็ได้เห็นน้ำตกสวยๆแล้ว
เป็นน้ำตกที่สูงมากๆ อารมณ์คล้ายๆ ตาดฟานที่ลาวใต้เลย
สูงใหญ่อลังการ
แวะถ่ายรูปสักแปบก็ไปต่อ
ขับต่อมาอีกนิดเดียวก็มาถึงทุ่งบัวตอง
วันที่เราไปถึงคือ 3 ธันวาคม น่าจะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ความเหลืองยังอยู่เยอะอยู่มองโดยรวมแล้วเหลืองมากกว่าเขียว
ป่ะ ออกแรงกันหน่อยเดินขึ้นไปข้างบนกัน
สวยงามจริงๆครับมากี่ครั้งก็สวย
จากนั้นขยับไปอีกนิด เราจะไปดูบัวตองมุมสูงกันที่ภูชี้เพ้อ ที่ภูชี้เพ้ออยู่ใกล้ๆกับทุ่งบัวตองเลย แต่เป็นทางดินประมาณ 4 กิโลครับ ต้องกระบะหรือมอไซด์ครับ ถ้าแห้งๆขับสองคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าหน้าฝน นี้คงต้องขับสี่ เพราะดูจากสภาพแล้วยังมีตรงที่เป็นหนังหมูลื่นๆเยอะเลยขนาดว่าแห้งๆตอนนี้
ที่นี้สามารถ กางเตนท์ได้ด้วย แต่ยอดต้องเดินขึ้นไปอีก 800 เมตรได้
เดินมาได้ช่วงครึ่งแรกก็เจอวิวสวยๆให้พักเหนื่อยก่อน
นู้นไงทุ่งบัวตองไกลๆนั้นที่เราไปมาตะกี้นี้
เดินต่ออีกครึ่งนึง ทางชันๆๆขึ้นอย่างเดียว พอได้หอบเหงื่อออกกันหน่อย
วิวสวยๆค่อยๆเดิน
แล้วก็ขึ้นมาถึงจุดนี้วิวสวยมากครับ ถ้าตอนเช้ามาดูทะเลหมอกมันน่าจะงามมากๆเหมือนกันที่นี้ดูรูปไปเลย
วิวกว้างไกลสุดสายตาชมวิวได้ รอบทิศทาง
ทุ่งบัวตองๆ
สวยงามครับจุดนี้แนะๆเลยมากันให้ได้
เส้นทางประมาณนี้ครับ ทางสนุกๆสำหรับรถทัวริ่งหรือวิบาก หรือรถเล็กๆก็สบาย มีชันไม่กี่จุด
จากนั้นก็แวะกินข้าวตรงทางออกเส้นถนนหลัก ตอนนั้นบ่าย 2 แล้ว ที่เห็นๆนี้แต่ละจุดใช้เวลาอยู่นานพอสมควรครับ มาเที่ยวทั้งทีจะรีบๆถ่ายรีบไปก็กระไร ค่อยๆไปจะได้ไม่เหนื่อย
แวะเติมน้ำมันอีกรอบแถวขุนยวม รอบนนี้อัดน้ำมันทั้ง ถังสำรองด้วยเพราะพรุ่งนี้เหลือคันเดียวแล้วเส้นทางไม่เคยติดน้ำมันไว้กันพลาด
เร่งรีบทำเวลา แต่โค้งก็เยอะตามประสา มาถึงแม่ลาน้อย 4โมงกว่าๆ แวะกินน้ำให้หายเหนื่อย
ที่เฮินไตรีสอร์ท แม่ลาน้อย บรรยากาศดีและมีที่พัก เรามากินแต่น้ำเย็นๆชื่นใจและพักเหนื่อย
อากาศดีน่านอน
บิดกันต่อเหลืออีกไม่ไกลแต่ใช้เวลาพอสมควร มาถึงแม่สะเรียง ประมาณ 5โมงครึ่ง ที่ร้านเฮินไตบอกว่าให้แวะซื้อไส้อั่วร้านดังตรงแม่เสรียงนี่ไปกิน
ก็เลยจัดมื้อเย็นวันนี้เป็นหมูและไส้อั่ว ข้าวเหนี่ยว มื้อนี้ 300 กว่าบาท
ซัดกันต่อ ท้องฟ้าเริ่มอ่อนแรง แสงเริ่มน้อย เรามาึงปากทางเข้าดอยพุ่ยโคประมาณ 6 โมงได้ ซื้อน้ำเย็นๆติดมือไปแล้ว เข้าไปต่ออีก18โล เส้นทางเป็นรากยางผสมปูนไปตามเขาเรื่อยๆ ทางไม่ยากมีลูกรังบางบางช่วงรถทุกชนิดสามารถมาได้จนถึง
ในที่สุดตะวันก็ลับขอบฟ้าตอนที่จะถึงจุดจอดรถดอยพุ่ยโคพอดี
แสงเย็นวันนี้สวยมาก ถ้ามาไวกว่านนี้เดินถึงข้างบนแล้วน่าจะฟินเหมือนกัน
หลังจากถึงที่จอดเราต้องเดินอีก ประมาณ เกือบกิโลได้มั้งขึ้นไปบนยอดจุดกางเตนท์ครับ
ที่จริงตรงนี้เริ่มจะมืดแล้วแต่ดัน ISO ไปให้ดู
ทางฟ้าก็มืดเร็วมาก เดินมาได้ไม่ถึง 10 นาที รูปนี้ต้องเปิดแฟรชแล้ว ยังดีมีไฟฉาย ตอนที่มาถึง เจอพี่ชาย500X ขี่มอไซด์มาคันเดียวพี่งมาถึงเหมือนกัน เลยเดินขึ้นมาพร้อมๆกัน
ระหว่างทางเจอลูกหาบกำลังเดินสวนลงมา เนื่องจากผมแบกของมาเยอะมากกระเป๋ากันน้ำ40เต็มๆ1ใบ และหมอกกันน๊อคอีก กระเป๋ามันก็ทรงสะพายข้างไม่ใช่ทรงเดินป่าชักจะไม่ไหว เลยจ้างลูกหาบเลยขาเดียว 200 บาท ช่วยก่อไฟให้ด้วย ประหยัดแรงไว้ก่อนยังเหลืออีก 2วัน แต่ถ้าใครของไม่เยอะค่อยเดินเดียวก็ถึงครับ
เดินมาถึงศาลาครึ่งทาง ทุ่มพอดี แสงกำลังจะหมดสนิท
ใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณ 40 นาที เราก็มาถึงยอด วันนี้คนน้อยดีจริงๆ เดี่ยวดูรูปตอนเช้าคนไม่เยอะ
จากนั้นก็หาทำเลกางเตนท์กันผมมาเลือกเอาแถวๆใกล้ห้องน้ำ ที่นี้มีห้องน้ำมีน้ำให้ใช้ แต่ไม่ให้อาบน้ำครับเพราะนำน้อย ให้ทำธุระเฉยๆ
พี่ลูกหาบแนะนำอย่างดี และก่อไฟอยู่กับเราสักพัก
กว่าจะทำอะไรเสร้จเปลั่ยนชุด 2ทุ่มพอดี สุดอีกแล้ววันนี้ มากินมื้อเย็นกัน ชวนพี่500X มานอนด้วยกัน เห็นพี่เขามาคนเดียว เลยได้เพื่อนใหม่อีกคนพี่เขามาจากกทม.เหมือนกัน พรุ่งนี้กลับกทม.แล้ว
คุยกันไปมาสักพักมิตรภาพใหม่ๆเกิดได้เสมอครับ
จากนั้นก็ได้เวลาถ่ายดาว ดาววันนี้แจ่มจรัสอีกแล้ว ทริปนี้ไม่ได้จะโม้เลย แต่ดวงดีจริมๆ เจอฟ้าสวยดาวใสทะเลหมอก มาครบหมดอ่ะ 555
มีเมฆบังบ้างนิดหน่อยแต่โดยรวมดาวมันสวยมากๆ
มุมไหนก็สวย ธรรมชาติเขาสรรสร้างมาลงตัวอยู่แล้วครับ
ยืนพี่พีทเป็นแบบซะหน่อย
ให้พี่คิงส์ส่องดาวให้ด้วย
และก็ให้พี่เขาช่วยกดถ่ายให้เรา อิอิ ค่ำคืนแสนพิเศษกับคนพิเศษโอ้ยฟินน
คืนนั้นนอนประมาณ 4 ทุ่ม อากาศก็เย็นๆกำลังดีไม่หนาวเกินไป นอนสบายๆยันเช้าลมก็ไม่แรง
พอตื่นมาประมาณ 6โมงกว่าเปิดเจนท์ออกมาก็ต้องร้องว้าววว
ทะเลหมอกรอบทิศทาง
เช้านี้ ได้ทะเลหมอกสวยสุดในทริปนี้ครับ
ไปชมเลยดีกว่า เช้านี้เป็นยังไง
สวยสำคำล่ำลือจริงๆที่นี้
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
อีกนิดๆ
รูปนี้ทางที่เราเดินมาเมื่อคืน ขึ้นๆอย่างเดียว
ลงตัวสวยงาม
เปลี่ยนเลนส์ไปมา ฟิกมั้ง 70-300 มั้ง ซูมไปนู้นนี่นั้น
ทางที่เรามาเมื่อวาน
เหมือนจะเป็นลูกหาบกำลังจะขึ้นมารับของลงกลับคนที่จ้างไว้
ขออนุญาตพี่ๆทั้งสองครับมุมมันได้สวยงามมาก
ยิ่งแดดตกกระทบหมอกยิ่งสวย
กลับมาดูอีกด้านฝั่งที่เรากางเตนท์กันมั้ง
ทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา
งามอะไรเบอนี่
ระหว่างเก็บเตนท์ สำหรับหน้าร้อยกางแค่นี้ก็ได้นะครับ ลมพัดได้เย็นสบายตอนนอน
ถ่ายรูปหมู่หน่อยก่อนลง
ด
เดินลงกันประมาณ 8 โมงกว่า หมอกยังหนาแน่น
ขาลงแบกเองหมดครับชิวๆ
หมอกยังคงสวยงามน่าจะอยู่ยันสายๆเลย ใครไม่อยากมานอนขี้เกียจแบกก้มาเที่ยวตอนเช้าก็ได้นะครับเดินไม่นาน
นู้นๆๆ
ศาลาพักใจ
ตอนแรกก็ว่าชิวๆแต่พอมาถึงรถโอ้โห ไหล่แดงปั้ด ปวดเลย555 ใครไม่ไหวก็จ้างลูกหาบนะครับกระจายรายได้ ขาละ200เอง
ลงมากินมื้อเช้ากกันร้านใกล้ๆทางออกดอยพุ่ยโค ร้านอาหารรสชาติดีราคาทั่วไปครับ 40-50 แถมมื้อนี้ฟรี พี่500X ขอเลี้ยงคืน เนื่องจากเมื่อคืนพี่เขาไม่ได้ซื้อข้าวติดมา เราเลยแบ่งเครื่องดื่มและอาหารกินด้วยกันครับเมื่อคืน
ถ่ายรูปหมู่อีกรอบก่อนแยกย้าย
ขอบคุณพี่พีท CRF250RALLY เจ้าถิ่นเชียงใหม่แม่ฮ่องสอน พึ่งเคยเจอทริปแรกนี่แหละเคยคุยแต่ในเฟสถามทางกันเรื่องมาเที่ยวเชียงใหม่พี่เขาว่างเลยมาแจมเที่ยวด้วย พี่เขายิงกลับเชียงใหม่
และพี่คิงส์เพื่อนใหม่ 500X มีโอกาศคงได้ร่วมทางกันอีกจ้า คันนี้ยิงกลับ กทม.
ส่วนเราลุยต่อวันนี้คันเดียวโดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดายเพราะเรามากะคนรู้ใจ
เส้นทางวันนี้
-เช้าที่สี่ลงจากพุ่ยโคสายๆ ไปต่อดอยม่อนคลุย -เที่ยวริมแม่น้ำเมย-ขึ้นดอยเปเปอร์-วัดโฆ๊ะผะโด๊ะ-นอนในเมืองแม่ระมาด
ไปต่อที่ดอยม่อนคลุยริมถนน 105 ตรงลงมาเรื่อยๆ แวะเข้าไปดอนม่อนคลุย ระยะทางประมาณ 8 กิโล ทางไม่ยากเท่าไหรลูกรังหินลอยมีชันๆนิดหน่อย แต่ไม่ค่อยเหมาะกะรถสปอตเท่าไหร่
วิวสวยที่สำคัญทะเลหมอกยังมีให้เห็นอยู่เลย
เที่ยงแล้วนะเนี้ย เซอร์ไพรสอีกละที่นี้
วิวสวยครับแต่ไม่มีคนเลยดูวังเวงเลยลงดีกว่า
กางเตนท์ก็ได้ครับที่นี้รถถึงจุดกางเลยน่ามากะเพื่อนๆเหมือนกัน ตอนเช้าน่าจะแจ่ม
เส้นทางประมาณนี้
ลงมาถึงทางออกม่อนคลุย น้ำมันกระพริบตั้งแต่ตอนขี่ขึ้นไป เช็คกิโลแล้ว ไม่น่าจะมีปั้มใหญ่ๆเลยแถวนี้
เลยได้ใช้งานถังน้ำมันสำรองไม่เสียแรงขน ตัดขวดกรอกน้ำมัน
เติมรอบนี้ได้เกือบเต็มถังเราจะไปเติมกันอีกทีที่ปั้มแถวท่าสองยางกันเลย
กินไอติมพักร้อน
ผ่านจุดชมวิวแม่น้ำเมยก็แวะถ่ายรูปกันก่อน
จากนั้นก็อัดมาถึงท่าสองยางเติมน้ำมันเสร็จไปดอยต่อไป นั้นคือ ดอยเปเปอร์
จากรอบก่อนที่มาสอยมาลัยแล้วจะมานอนขุ่นห่่วยโป่งแต่ขึ้นไม่ถึงเพราะ2ทุ่มกว่าแล้ว เลยย้อนลงมานอนข้างล่าง
รอบนี้เลยต้องขึ้นให้ถึง แต่จะเอาแค่ดอยเแเปอร์พอ เดียวเวลาไม่พอ
ทางมันชันๆมาก ชันที่สุดเลยเท่าที่เคยขี่เที่ยวมาแต่เป็นทางเรียบหมดเลยแล้วนะเลยรถไปได้สบาย กำลังเหลือเฟือสำหรับรถวิบาก แต่มันเสียวพอสมควรเพราะทางแคบๆ และชันแบบยาวๆ
หลายเนินคือไม่มีพัก ดันยาวๆๆหลายร้อยเมตร ถ้ารถกำลังน้อยๆคงต้องเทคดีๆครับ
สำหรับสาวฟางทางดินทางเดินไม่กลัวเดินแค่ไหนก็ไม่หวั่น แต่ทางชันๆแบบนี้กลัวมาก ฟางไม่ชอบชันกับที่แคบ ที่นี้ทำเอาน้องฟางเสียขวัญเล็กน้อย 5555
เลยไปต่ออีกนิดไปจบที่วัด
ไปต่ออีกไม่ไกล10นาทีก็มาถึง ไม่เจอใครเลยถังที่ดอยเปเปอร์และที่วัด
ชมวิวไหว้พระสักพัก
จากนั้นก็ไปต่อ
มุมจากระหว่างทางไกลๆ
รอบหน้าจะมาใหม่รอบหน้าจะไปนอนให้ถึงขุนห้วยโป่งแล้วเลยไปทะลุอมก๋อยให้ได้ครับ จดไว้ก่อนต้องไปแน่นอน
อย่างที่บอกว่ามันชันมากๆ ขาลงเลยเจออาการเบรคหลังหายครับ ใช้เบรคหลังมากเกินไปจนมันหายกดไม่รู้สักเลยต้องจอดข้างทาง อาการนี้เคยเกิดแล้วรอบนึงตอนที่ลงจากสะจุ้กสะเกี้ยงที่น่าน คาดว่าน่าจะน้ำมันเบรคหลังร้อนไปมั้งครับ อาการนี้ จอดรอมันเย็นสัก10นาทีก็ไปต่อได้
หลังจากเบรคกลับมาก็เลยใช้เกียร์ 1 ลงยาวๆ มันชันดีจริงที่นี้ ก็ลงมาได้อย่างปลอดภัยครับ
ระหว่างทางก่อนถึงแม่ระมาด เจอริมน้ำอะไรสักอย่างครับเห็นมีคนกางเตนท์ด้วย เลยจอดดูสักหน่อย
จอดเล่นสักพักก็ไปต่อ คืนนี้จะนอนที่แม่ระมาด
ที่นอนของเราคืนนี้ครับ บ้านพักสายลมจอย ในราคาเพียง 450 บาท
ได้เป็นหลังๆเลย
หลังใหญ่มากๆ
เข้าไปมีห้องแยกอีกตะหาก
แจ่วจริงๆ
ห้องน้ำก็ดี ข้อเสียอย่างเดียวทีนี้ คือเตียงอีกแล้ว ไม่ได้พูดเอาฮาหรือทะลึ่งแต่ก็รีวิวตามเนื้อผ้าจริงๆ 555 เตียงดังเหมือนคืนแม่ฮ่องสอนเลย ตอนลงนั้งถ้านั้งแรงดังเอี๊ยดด อย่างอื่นแจ่มหมดในราคานี้ ตินิดเดียวจริงๆครับ
ออกไปหาของกินมื้อเย็นง่ายๆข้างทางในเมืองแม่ระมาด กลับมาพักที่ห้อง แสงเย็นกำลงลับขอบฟ้าพอดี
คืนนี้ถือว่าชิวๆเลย6โมงกว่ากินข้าวเย็นเรียบร้อย มีเวลาพักเยอะ พรุ่งนี้เตรียมลุยอีกนาวและกลับกทม.
เช้านี้ตื่นแต่เช้าก็ไม่เช้ามาก 7โมงกว่า เก็บของแต่งตัวเรียบร้อย ใส่ชุดแดงแบบนี้ต้องไปลุยแน่นอน วันนี้เราจะขึ้นดอยสอยมาลัยกัน
แวะเติมพลังด้วยข้าวมันไก่ วนๆในเมืองแม่ะมาดนั้นแหละเล็งไว้แต่เมื่อเย็นวานละ555 เลยมากินอร่อยไม่ผิดหวัง
และเราก้มาถึงปากทางขึ้นดอยสอยมาลัย เวลาประมาณ 9โมง ตอนแรกวันนี้จะมีพี่วิบากที่ตากมาพาขึ้นแล้วไปลงอีกทาง แต่ว่าพี่ติดภารกิจวันพ่อ เราเลยต้องขึ้นคันเดียว แต่พี่ๆเขาบอกแล้วว่าทางมันแห้งแล้วขึ้นได้ ด้วยความที่ว่าาเคยมาแล้วหนึ่งรอบตอนหน้าฝน ทางมันเละ แต่รอบนี้แห้งๆ ก็เลยไม่กลัวครับ เอาของฝากไว้ที่ป้อมเอาน้ำไปอย่างเดียวแล้วลุยกัน
ระยะทางดินประมาณ 8 กิโล ถ้าหน้าแล้งๆแบบนี้บอก รถเล็กใหญ่ทั่วริ่งก็ไม่ยากจนเกินไปครับ แต่ถ้าฝนตกเมื่อไหร่บรรลับแน่นอน
การจะมาคันเดียวนั้นไม่ได้ยากมาก แค่ต้องใจเย็นๆ ตรงไหนไมาชัวหยุดคิดสักนิดอย่าประมาท ดูลายดีๆ ตรงไหนว่าชันก็ให้ฟางลงเดิน
แต่ช่วงแรกจนถึงเนินก่อนถึงเสาธงแทบไม่ต้องเดินเลยทางไม่ยากเท่าไหร่ครับบิดๆมาเรื่อยๆ จนมาถึงเนินสุดเสียว
สำหระบเนินนี้ผมยกให้เสียวสุดในทางขึ้นดอยสอยมาลัยมันโค้งแล้วชันๆขึ้น
แล้วก็ไปต่ออีก
ไปขาขึ้นไม่เท่าไหร่ค่อยๆ บิดๆๆๆ เลือกลายดีๆ
เทคเดียวผ่านขึ้นได้ครับ ไม่ต้องบิดให้แรงมากครับ เดี่ยวมันจะหงายล้อหน้ามันจะลอย ผมจะใช้วิธีค่อยๆ บิดๆแบบสมัยเด็กแว้นครับบึ้นๆๆๆๆ เรียกรอบไปเรื่อยๆ 555 ก็จำๆพี่เขามาแหละ การที่บิดแรงมากไปล้อหน้ามันจะยกแล้วเราจะเสียการควบคุมครับผมคิดว่างั้นนะ
ตรงนี้จอดพักครับติดหิน พักแปบ ที่ว่าขาขั้นไม่เท่าไหร่ ไอขาลงเนินนี้แหละโคตรเสียวเลยผมเป็นคนกลัวความสูง ยิ่งวิวงามๆมองเห็นแบบนี้นะ กว่าจะลงเนินนี้ได้ขากลับ มีสั่น555 ทางชันขึ้นไม่เคยกลัว กลัวแต่ขาลง
และแล้วก็มาถึงเสาธงใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 40นาทีได้
แล้วก็ไปต่อเรื่อยๆตรงนี้ไม่ยากเท่าไหร่แล้ว
จะมีก็พวกเนินที่มีหินเยอะๆ อันนี้เลือกลายผิด ต้องหยุดลงมาเทคใหม่
เจอแก้งออฟโรดมาด้วย10กว่าขึ้นค่อยๆทยอยลงจากดอย
และแล้วเราก็มาถึงยอดดอยหัวหมด ใกล้สอยมาลัยแหละหรือจะเรียกสอยมาลัยก็ไม่แปลกระแวกเดียวกัน ไม่ล้มซักรอบด้วยครับ ปลอดภัยดี 555
รอบนี้วิวเปิดสะใจ เห็นวิว360องศา ถึงอากาศจะมีหมอกขาวๆบางๆอยู๋แต่ก็สวยมากก
อันนี้ก็จะขี่ไปตรงหิน มันสวยจนเพลินเลือกลายผิด ถ้าชิดขวาก็ไปง่ายๆ ลงทางซ้ายไปไม่รอด
มุมสวยพอดีจอดถ่ายสะหน่อย
แล้วก็ขี่มาจอดเล่นแถวนี้ครับ ไม่ไปต่อและสวยพอใจแล้วตรงนี้จอดเล่นถ่ายสักพักก
นู้นนวิวเขื่อนภูมิพล ตอนแรกที่นัดกะพี่เขาไว้คือเขาจะพาขึ้นทางนี้แล้วไปลงตรงสันป่าป่วยแล้วนั้งเรือข้ามเขื่อนภูมิพลนู้นแหละ แต่น่าเสียดายพี่เขาติดธุระ ไม่เป็นไรไว้มีโอกาศคงได้มาใหม่ครับ
สวยงามสมชื่อหลังคาเมืองตาก
ช่วงที่ไปไม่มีใครบนดอยเลย เวลาประมาณ 11โมง ขี่วนไปวนมาสักพัก
วิวสวยขอขับวนแอ็คถ่ายรูปหน่อย
จากนั้นก็ลงกันครับ ขาลงก็ไม่ยากมันจะเสียวอยู่ไม่กี่เนิน
แล้วก็จะมีบางเนินที่ชันๆ ฟางก็ขอลงเดิน
เดินเก่งไหมละ สก๊อยเดินโล เดินเป็นโลก็ยังไม่บน
ไงล่ะ มีใครจะท้าชิงสก๊อยสายเดินกะฟางไหม 555 เดินเก่งจริงๆ
ในที่สุดก็ลงกลับมาอย่างปลอดไร้ริ้วรอย ใช้เวลาไปประมาณ 3ชั่วโมงกว่าๆ ทั้งคืนลงถ่ายรูปบนยอด
ลงมากินข้าวแถวบ้านตาก
ปิดท้ายทริปนี้ด้วย วัดพระบรมธาตุบ้านตาก แวะไหว้พระก่อนกลับ ตอนนี้ บ่ายสองแล้ว
แวะไหว้พระเสร็จ เดินทางกลับ ข้ามสะพานบ้านตาก แล้วเห็นทางซ้ายมีสะพานกลางน้ำเลยขี่มาดูอีกนิด
ให้อาหารปลา
สะพานไม้ไผ่ต้าตงไม่ได้เดินไปไกลร้อนแล้วตอนนี้555 คอแห้งเหมือนร่างกายขาดน้ำ
จากนั้นก็ยิงยาวว ฟ้ามามืดแถวนครสวรรค์พอดี 6โมงกว่าๆ
พระอาทิตย์สวยทุกวันไข่แดงน่ากินจริงๆหน้าหนาว
บิดยิงยาวๆ รวดเดียวจากนครสวรรค์มาถึง ปตท แถวธรรมศาสตร์ กันซะหน่อยปิดท้ายด้วย KFC อีก 150 แอร์เย็น น้ำโค็กรีฟิวได้ตลอด เติมไปหลายแก้ว555
กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพด้วยเวลา 4ทุ่ม โอ้ว รอบนี้ถึงไวกว่าทุกทริป แต่ก็เหนื่อยมากแล้ววันนี้ พรุ่งนี้ก็ทำงาน 8 โมงอีก จบทริปอย่างบริบูรณ์ สุดมากๆครับทริปนี้เป็นทริปที่ยาวนานที่สุด ปกติแค่ 4 วัน รอบนี้ 5วัน5คืนไปเลยรวมวันเดินทาง
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้
ค่าน้ำมัน
220บาท 7.971ลิตร
200บาท 7.149ลิตร
150บาท 5.34ลิตร
180บาท 6.358ลิตร
150บาท 5.29ลิตร
100บาท 3.52ลิตร
190บาท 6.68ลิตร
140บาท 4.85ลิตร
130บาท 4.47ลิตร
207บาท 7.16ลิตร
240บาท 7.39ลิตร
200บาท 7.149 ลิตร
180บาท 6.458ลิตร
100บาท 3.52ลิตร
รวม 2387 บาท 83.305 ลิตร
กับระยะทาง วิ่งจนกระพริบได้ 2480 โล แต่ๆๆๆผมว่าไมล์รถมันเพี้ยนตั้งแต่เปลี่ยนเสตอหลังเป็น42 นี่ มันน่าจะเพี้ยนไปหน่อย วิ่งจริงทริปนี้น่าจะประมาณ 2200กว่าโลได้ละมั้งครับ แต่ก็ตามนี้ตกกิโลละ บาทนิดๆ สบายๆ สำหรับเดินทางไกลซ้อนสอง ของเต็มลำขนาดนี้ ความเร็วประมาณ 120 เวลาเดินไกล สรุปว่ารถยังทำหน้าทีไ่ด้ดีไม่มีปัญหาไปได้ทุกดอยไม่ต้องคอยข้างล่างครับ ใช้ดีจริงๆ สามหมื่นกว่าโลแล้ว
กินข้าวตากตอนเดินทางเช้าแรก 80
ข้าวเช้าเชียงใหม่ขุนแปะ หอยจ้อ 50
ค่าเข้าดอกไฮเดนเยีย 60
ผาช่อ 60
ซื้อน้ำ 30
กินข้าวซอย 100
มาม่าปลาป๋องซื้อไว้กินบนสันป่าเกี๊ยะ 70
ค่ากางเตนทป่าเกี้ยะ 100
ค่าอาหารป่าเกี้ยะ 200
ซื้อส้มตอนลงเมืองคอง 40
กินข้าวเมืองคอง 70
โกโก้จ่าโบ่ 70
ที่พักแม่ฮ่องสอน 600
กินข้าวเย็นถนนคนเดินข้าวปุกงาเครป 110
ข้าวเช้าวันที่สามแม่ฮ่องสอน 80บาท
ค่าเข้าน้ำตกสุรินทร์ 20
ข้าวกลางวันขุนยวม 160
โกโก้เฮินไตแม่ลาน้อย 50
ลูกหาบพุ่ยโค 200
ค่าข้าวเย็นพุ่ยโคพร้อมเครื่องดื่ม 415บาท
ข้าวเย็นวันที่4ที่แม่ระมาด 335
ที่พักแม่ระมาด 450
เข้าเช้าแม่ระมาดวันที่ห้า 105
ข้าวกลางวันบ้านตาก 80
KFC ธรรมศาสตร์ 150
รวมทั้งสิ้นค่าน้ำมัน 2387 และค่าอย่างอื่นอีก 3685
รวมทั้งสิ้น 6072 บาท หารสองก็คนละ3000 บาทมีพวกค่าน้ำเล็กๆน้อยๆอีกหน่อยระหว่างทาง โดยรวมก็เท่านี้ครับ
สรุปเป็นทริปฮันนีมูนที่เพอเฟคมากสำหรับผมกับฟางเป็นอีกหนึ่งทริปในความทรงจำเรื่องราวต่างๆมากมายตลอด5วัน มันทำให้รู้ว่าระยะทางจะใกล้จะไกลไม่ใช่สาระสำคัญ แค่เราพร้อมจะไปด้วยกันก็พอ อิอิ ทริปหน้าสัญญาจะพาไปไม่ต้องเดินแบบนี้ไว้มีตังค์จะพาไปฮันนีมูนที่พักหรูๆอย่างคนอื่นเขามั้ง 555
แล้วพบกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์